เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 112 ทำร้ายสหายของข้าคนแซ่จี้
ตอนที่ 112 ทำร้ายสหายของข้าคนแซ่จี้
ตอนนี้ภายในสมองของอิ๋นจ้าวเซียนกำลังใคร่ครวญอย่างรวดเร็วว่าควรทำอย่างไร
การหักห้ามแรกคือการตะโกนว่าช่วยด้วย แม้ว่าแค่ชั่วพริบตา แต่เขามั่นใจว่าเมื่อครู่ไม่ใช่ภาพมายา หญิงสาวตรงหน้าคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
ต่างจากการพูดกับยอดบุคคลมรรคเซียนอย่างเพื่อนสนิทจี้หยวนและชายชราซึ่งเจอกันยามดึกตอนนั้น เห็นชัดว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นปีศาจประเภทหนึ่ง ถ้าเขาตะโกนเกรงว่าคงเสียชีวิตคาที่
อิ๋นจ้าวเซียนฝืนแสร้งว่าตนมองอะไรไม่ออก วางมาดเป็นอาจารย์
“แม่นางท่านนี้ ชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัว ข้าคนแซ่อิ๋นแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ทั้งไม่มีความคิดแต่งอนุภรรยา เจ้าออกไปเถอะ อย่าทำลายความบริสุทธิ์ของเราทั้งสองฝ่าย!”
ต่อให้ในใจหวั่นหวาด แต่อิ๋นจ้าวเซียนยังสงบใจกล่าวคำพูดนี้ออกมาอย่างแคล่วคล่อง เขาไม่เปิดโปง หวังว่าหญิงสาวตรงหน้าจะถอยไปเอง ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นเมืองเอกของรัฐจี ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจหวาดกลัว
ฮูหยินแดงทำท่ายั่วยวนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง แต่กลับพบว่าบัณฑิตคนนี้ไม่หลงเสน่ห์ นางแปลกใจอยู่บ้าง
‘เล่าลือว่าผู้ครอบครองปราณต้านทานยิ่งใหญ่มักไม่หลงเสน่ห์ของสิ่งชั่วร้าย หรือว่าเป็นเรื่องจริง ทำลายปราณยิ่งใหญ่ของเขาก่อนแล้วกัน!’
ยามความคิดไหวเคลื่อน ฮูหยินแดงเอ่ยปากหยาดเยิ้มออดอ้อน
“อิ๋นเจี้ยหยวน ภรรยาบ้านเจ้ามีรูปร่างเพรียวบางและงดงามอย่างข้าหรือ…”
ฮูหยินแดงลุกขึ้นมาบิดตัว มือหนึ่งลูบท้องน้อย มือหนึ่งแตะริมฝีปากแผ่วเบาพลางยิ้มมองอิ๋นจ้าวเซียน ปราณชมพูซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแผ่กระจาย
อิ๋นจ้าวเซียนรู้สึกแค่ท้องน้อยร้อนผ่าว ลมหายใจกระชั้นถี่อยู่บ้าง เห็นชัดว่ามีสติแต่กลับไม่เป็นตัวเอง เขากัดฟันกรอด ถลึงตามองฮูหยินแดง
“ผู้หญิงอย่างเจ้าช่างไม่รู้จักดีชั่วยิ่งนัก พ่อแม่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเจ้า แต่เจ้ากลับมาลดค่าตัวเองที่นี่ ข้าคนแซ่อิ๋นไม่ใช่คนอย่างที่เจ้าคิด…!”
การตวาดนี้โกรธจริงครึ่งระบายความหวาดกลัวครึ่ง เมื่อเปล่งเสียงออกมาปราณยิ่งใหญ่บนตัวเจิดจ้า แผ่แสงขาวเลือนรางระลอกหนึ่ง
แม้ว่าแสงขาวนี้มีอานุภาพดุดัน แต่ถึงอย่างไรก็ยังบางเบา เมื่อถึงตรงหน้าฮูหยินแดงแค่หรี่ตาสะบัดแขนเสื้อก็ซ่านสลาย ความอดทนของฮูหยินแดงหายไปเช่นกัน
“หึ… น่าสนใจ อิ๋นเจี้ยหยวน ขอบอกเจ้าตามตรง…”
ขณะกล่าวฮูหยินแดงยื่นมือตะครุบ อิ๋นจ้าวเซียนพบว่าตนถึงกับลอยกลางอากาศ ประจันหน้าเงาแดง ถูกมือเรียวเล็บยาวข้างหนึ่งบีบคอแน่น
แขนปะทะปราณยิ่งใหญ่จนกระทั่งเกิดกระแสไฟฟ้าเป็นระลอก ทำให้ฮูหยินแดงรู้สึกปวดแสบเล็กน้อย แต่นางกลับไม่สนใจสักนิด ยื่นหน้าประชิดอิ๋นจ้าวเซียนซึ่งเจ็บปวดหายใจไม่ออก
“แม้แต่เทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยข้ายังไม่กลัวนัก เจ้าบัณฑิตธรรมดาตัวเล็กๆ หนีไม่พ้นมือข้าหรอก หึๆๆ… ฮ่าๆๆ…”
ถึงตอนท้ายเสียงหัวเราะเย้าเจือเสียงลมแหบพร่าอยู่บ้าง…
สีหน้าอิ๋นจ้าวเซียนประเดี๋ยวซีดเผือดประเดี๋ยวแดงเขียว กรงเล็บบีบคอแน่น ปราณยิ่งใหญ่ปะทะปราณปีศาจจนโครงกระดูกสีเลือดปรากฏ
อิ๋นจ้าวเซียนซึ่งถูกบีบจนหายใจไม่ออกรู้สึกเลือนรางอยู่บ้างแล้ว ในสมองปรากฏภาพบุตรภรรยาตน ทั้งปรากฏภาพจี้หยวนสหายยอดบุคคลถือตัวหมาก
“ปะ ปะ ปีศาจ… ท่านจี้… ช่วยข้าด้วย…”
ยามนี้จี้หยวนซึ่งอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งตรงจังหวัดจวินเทียนสะดุ้งตื่น ในมือปรากฏหมากขาวตัวหนึ่ง พบว่าบนนั้นมีปราณดำพันรอบวูบไหวไม่แน่นอน
“อาจารย์อิ๋น!?”
โดยปกติจี้หยวนไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงประจำวันของตัวหมาก แต่ภายในช่วงเวลาสำคัญกลับรับรู้ถึงลิขิตสวรรค์อย่างหนึ่ง ตอนนี้เห็นชัดว่าไม่ใช่เรื่องดีอะไร
ภายใต้การสงบจิตใจจดจ่อ จี้หยวนสัมผัสถึงปราณปีศาจดุร้ายเลือนรางจากตัวหมาก แม้ว่าบนหมากมีปราณยิ่งใหญ่พลุ่งพล่าน แต่กลับอ่อนแอเกินไป
‘อาจารย์อิ๋นอันตราย!’
ในฐานะที่เป็นสหายสนิทของจี้หยวนในชาตินี้ ตอนนี้อีกฝ่ายตกอยู่ในวิกฤติ แต่จี้หยวนกลับจนปัญญา ลนลานเป็นอย่างยิ่ง จี้หยวนถึงขั้นไม่รู้ว่าอิ๋นจ้าวเซียนเจออะไร รู้แค่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่
‘ต้องลองคิดหาวิธี ต้องคิดหาวิธี!’
เขาฝืนเข้าฌานวิวัฒน์เขตแดนภูผาธารา ตัวหมากอยู่กลางใต้หล้า บนฟ้าหมากอื่นอีกสี่ตัวปลอดภัยดี
จี้หยวนเหมือนยักษ์กลางฟ้าดินมายา ถือดาราหมากยักษ์ขมวดคิ้วครุ่นคิด
เขามองเตาโอสถบนยอดเขาสูงที่ห่างไกลทันที เดิมความคิดแรกคือเสริมปราณโอสถให้ตัวหมาก ความคิดที่สองคือใช้เพลิงสมาธิ
เพลิงกลางเตามีประโยชน์หรือไม่คือสิ่งไม่อาจระบุ หมากขาวรับเพลิงกลางเตาได้หรือไม่ก็เป็นสิ่งไม่อาจระบุ แต่เห็นชัดว่าอิ๋นจ้าวเซียนเสี่ยงอันตราย ไม่อาจรอให้จี้หยวนคิดมากความ ได้แต่ลองทำตามความคิด
ผสานมรรคเคลื่อนฟ้าดินตามความคิด กลางเขตแดนภูผาธาราจี้หยวนปรากฏตัวข้างเตาโอสถชั่วพริบตา มองเห็นเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายในผ่านช่องเตา
ชักนำปราณโอสถสายหนึ่งเข้าสู่หมากขาว ทำให้มันเสถียรชั่วคราว ยามคิดจะพลิกมันกลางเตาโอสถ เขากลับหยุดการเคลื่อนไหวกะทันหัน
จี้หยวนเปล่งเสียงออกจากปาก “บัญชา…”
ยามสิ้นเสียงมรรค รอบเตาโอสถควบรวมเมฆงามเหลืองดำหลังแปรหมาก เมื่อไตร่ตรองโดยละเอียดแล้วจี้หยวนใช้ปราณโลกาสวรรค์สายหนึ่งห่อหุ้มหมากขาว
‘อาจารย์อิ๋น อดทนไว้!’
เขาชักนำหมากขาวเข้าเตาโอสถโดยไม่ลังเลอีก
ตูม…
หมากขาวพุ่งเข้าเพลิงสมาธิกลางเตา แทบลุกโชนทันทีเมื่อสัมผัส ขณะเดียวกันแสงเพลิงกระทบปราณโลกาสวรรค์จนเกิดแสงสายหนึ่ง
ปราณโลกาสวรรค์และปราณต้านทานยิ่งใหญ่ซึ่งแผ่ออกมาร่วมกันต้านทานเพลิงสมาธินับหมื่นแสน ตัวหมากส่งเสียงสุ่มเสี่ยงราวแบกรับไม่อยู่ดังแกรกๆ
จี้หยวนฟังแล้วขนพองสยองเกล้า เห็นท่าไม่ดีจึงรีบดึงออกมาจากอีกฝั่ง ทำให้หมากขาวลอยออกมาจากช่องเตาอีกด้าน ไม่กล้าปล่อยให้มันอยู่ในเตาโอสถนานนัก
เพียงชั่วพริบตากลางเขตแดนตัวหมากเปลี่ยนเป็นร้อนฉ่าหาใดเปรียบ ภายนอกเกิดรอยแยกเล็กน้อย แต่ยังมีกลิ่นสุราเลือนรางลอยออกมา ทำให้ตัวหมากกลับสู่ความเกลี้ยงกลมทีละน้อย จิตใจที่แขวนลอยของจี้หยวนสงบลงบ้าง
ฝ่ายจี้หยวนการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเพียงครู่กลางเขตแดน ส่งผลถึงจังหวัดชุนฮุ่ยรัฐจีที่อยู่ห่างออกไป ไม่ใช่แค่การเคลื่อนไหวเล็กน้อยแล้ว…
ความรู้สึกเดิมของอิ๋นจ้าวเซียนคือเจ็บปวดเพราะหายใจไม่ออก รวมถึงความหวาดกลัวที่มีต่อปีศาจ ทว่าทุกอย่างนี้ล้วนเล็กจ้อยกะทันหัน
พริบตานั้นเขารู้สึกเหมือนตกหม้อน้ำมัน คล้ายหมื่นธนูทะลวงใจ ราวอสนีฟาดผ่า ดุจเพลิงโหมเผากาย ความเจ็บปวดนั้นทำให้การรับรู้เขายุ่งเหยิง
การแสดงออกทางกายคือทั้งตัวอิ๋นจ้าวเซียนเปลี่ยนเป็นร้อนฉ่าหาใดเปรียบชั่วพริบตา ผิวกายยิ่งแดงเหมือนกุ้งสุก
ฉ่าๆ…
ฮูหยินแดงเพิ่งคิดยื่นหน้าประชิดเพื่อชิงปราณหยางและปราณบุ๋นของอิ๋นจ้าวเซียน แต่ตอนนี้กลับถูกลวกจนต้องปล่อยมือ
ยังไม่ทันประหลาดใจ ต่อมาภาพรัตติกาลเบื้องหน้ากลายเป็นแสงเทาแดง
ตูม…
เพลิงเปี่ยมความว่างเปล่าพุ่งทะลวงฟ้าจากตัวอิ๋นจ้าวเซียน ทะลุผ่านแก่นสารอย่างเสื้อผ้าห้องหอ ขณะเดียวกันยังกวาดโดนฮูหยินแดงด้านข้างซึ่งยังไม่ทันได้ตกตะลึง…
แสงเพลิงเทาแดงสายหนึ่งวาบผ่าน
“อ๊าก…”
เสียงกรีดร้องโหยหวนของหญิงสาวดังก้องตามมุม
ตึง… ตึง… ตึง…
ชนประตูห้องโรงเตี๊ยมจนแหลก ทะลุผ่านห้องรับแขกฝั่งตรงข้าม กระแทกกำแพงโรงเตี๊ยมจนละเอียด… ยามถูกซัดลอยออกไปฮูหยินแดงไหม้เกรียมครึ่งตัวแล้ว พุ่งออกนอกโรงเตี๊ยมทั้งอย่างนั้น
“ฮู่… ฮู่…”
เสียงแหบพร่าของฮูหยินแดงสั่นเครือ ยากปกปิดความเดือดดาลและหวาดกลัว ไม่ตอบสนองชั่วขณะ ถึงกับถูกบัณฑิตตัวจ้อยลอบวางแผนใส่ โทสะล้นฟ้าปราณปีศาจพลุ่งพล่าน
“อ๊าก… อิ๋น… จ้าว… เซียน… ข้าจะฆ่าเจ้า…!”
“เจ้าปีศาจสามหาว…!”
ครืนๆๆ…
ทางตรอกศาลเจ้า เสียงคำรามของเทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยราวกับระฆังกังวาน เสียงซึ่งหูคนทั่วไปไม่ได้ยินดังกระหึ่ม!
ฮูหยินแดงมองไปทางโรงเตี๊ยมอย่างเคียดแค้น ตรงนั้นยังมีมายาความร้อนและหมอกควันพวยพุ่ง กอปรกับไม่รู้แน่ชัดว่าผู้สูงส่งแห่งใดช่วยอิ๋นจ้าวเซียน นางกัดฟันอย่างเคียดแค้น สุดท้ายค่อยสะบัดแขนเสื้อลอยออกไปนอกเมือง
“เจ้าปีศาจบังอาจ หยุดอยู่ตรงนั้น!”
ผู้ลาดตระเวนราตรีสองคนชักดาบขึ้นมากลางถนน แสงดาบเจือปราณผีแน่นขนัดแผ่คลุมฮูหยินแดง ฝ่ายหลังไม่แม้แต่จะหลบ จับดาบหยินมือเปล่า ยกตัวยมทูตดำสองคนเหวี่ยงออกไปพร้อมกัน
หลังจากปล่อยมือกลางคัน วาดเล็บนับสิบชั่วพริบตา ชำแหละร่างยมทูตดำสองคน จากนั้นฮูหยินแดงสูดลมผ่านปาก ปราณหยินแทรกเข้าปากจนหมด
“สารเลว…!”
ท่ามกลางเสียงคำรามเดือดดาล แสงทองผสานพลังกำยานสายหนึ่งซัดมา ปะทะปราณปีศาจดุดันของฮูหยินแดงจนระเบิดเสียงราวฟ้าคำราม
ตูม…
ฮูหยินแดงแค่นเสียงอึดอัด รับการโจมตีพุ่งออกจากเมือง โฉบเข้าภูเขาลูกหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไปสิบลี้ทันที
ครู่ต่อมาเทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยพาเจ้ากรมหยินหยางและเจ้ากรมบุญบาปเคลื่อนผ่านอากาศมา แต่กลับไม่อาจรับรู้กลิ่นอายปีศาจซึ่งหนีไปตรงภูเขา
“เจ้าปีศาจ น่าโมโหนัก…! น่าโมโหนัก…!”
แม้ว่าเทพหลักเมืองคำรามเดือดดาล แต่ในใจกลับนึกสงสัยไม่หยุด
ต้าเจินสงบสุขมาตลอด รัฐจียิ่งเป็นรัฐสันติ วันนี้กลับมีปีศาจประหลาดเช่นนี้ปรากฏตัวในอาณาเขตตน ทั้งพอถูกพบยังลอยชายจากไป เรื่องนี้เพิ่งปรากฏ หรือก่อนหน้านี้ไม่เคยพบเจอกันแน่