เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 126 อาจี้?
ตอนที่ 126 อาจี้?
เรือประทุนทั้งลำจมลงใต้น้ำ มีน้ำล้อมรอบไม่มีที่สิ้นสุด แม้กระทั่งมีกระแสน้ำและหยดน้ำกระเด็นอยู่ข้างเรือ บนเรือกลับไม่มีน้ำเข้า
สองตาของจี้หยวนไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความจริงแล้วฉากนี้ตื่นตาตื่นใจสำหรับเขาเป็นอย่างยิ่ง ในบางระดับอาจพูดได้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนที่ได้ชมเรือลำเล็กบนอยู่บนท้องฟ้าเลย
เห็นเรือลำเล็กเคลื่อนไหวใต้น้ำ เห็นสัตว์น้ำว่ายน้ำผ่านข้างลำเรือไปมากมาย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นแสงสว่างสีออกขาวเหนือผิวน้ำได้เลือนราง มอบความรู้สึกแปลกใหม่ให้จี้หยวนชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน
แต่ความคิดนี้เพิ่งเกิดขึ้นในห้วงสมอง จี้หยวนพลันเห็นชายชราที่ยืนอยู่ตรงหัวเรือจนใจอยู่บ้าง
“ท่านอิง ท่านตั้งใจเชิญข้าบางคน หรือจับข้ามัดขึ้นเรือมากันแน่…”
อิงหงหัวเราะร่า
“ขออภัยท่านจี้ เป็นความจริงที่ร่องรอยของท่านจับทางยากเกินไป เชิญท่านดื่มสุราไม่ได้ ข้าจึงฝังใจอยู่ตลอด!”
จนถึงตอนนี้มังกรเฒ่าอิงหงสบายใจขึ้นไม่น้อยแล้ว หลอกจี้หยวนได้ในครั้งนี้นับเป็นการ ‘ทำชั่ว’ สักครั้งหลังจากตามหามาสามปี
“ท่านจี้ได้โปรดวางใจ ผู้ที่เข้าร่วมงานวันเกิดของข้าได้ถือเป็นผู้ฝึกปราณทั้งนั้น ไม่มีมีทางทำให้ท่านรู้สึกขวางหูขวางตาแน่นอน!”
มังกรเฒ่าเหลือบมองกระบี่เครือเขียวที่พิงอยู่ข้างประทุน แม้ไม่มีเจตกระบี่และปราณกระบี่ไหลออกมา หน้าตาเหมือนกับอาวุธธรรมดาทั่วไป แต่มังกรเฒ่าเชื่อมโยงกับร่องรอยกระบี่บนเขาช่องลมได้จากลางสังหรณ์
เรือประทุนลำหนึ่งเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วใต้แม่น้ำเทียมฟ้า เมื่ออยู่ใต้น้ำย่อมดึงดูสายตาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะยิ่งเข้าใกล้จวนบาดาลเทียมฟ้า ก็ยิ่งดึงดูดผู้ลาดตระเวนใต้แม่น้ำยามราตรี
ทว่าเมื่อเห็นมังกรเฒ่าอิงหงยืนอยู่ตรงหัวเรือ อย่าว่าแต่เข้าไปขวางเลย แม้แต่จะส่งเสียงถามยังไม่กล้า
เรือประทุนแล่นเข้าจวนบาดาลแม่น้ำเทียมฟ้าเช่นนี้ เข้าไปยังตำหนักหลักของจวนบาดาลโดยตรง บุตรมังกรอิงเฟิงและธิดามังกรอิงรั่วหลีรอต้อนรับอยู่ที่หน้าตำหนักหลักแล้ว
พูดตามตรงว่าหลังจากเข้าจวนบาดาลแล้ว ในหัวใจของจี้หยวนตอนนี้เกิดความรู้สึกตึงเครียดอย่างอดไม่ได้อยู่บ้าง หลักๆ เป็นเพราะปราณปีศาจที่นี่ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะมีปราณมังกรหลายสายกดดัน โชคดีที่ปราณสกปรกไม่หนาหนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย
เรือประทุนค่อยๆ หยุดลง สองคนตรงหน้าตำหนักรีบทำความเคารพและทักทาย
“ท่านพ่อ!”
“ท่านพ่อ!”
พอพูดจบแล้ว อิงรั่วหลียิ้มขื่นพลางเงยหน้าขึ้น
“ท่านพ่อกลับมาแล้ว ไม่เช่นนั้นต้องยื้อไม่ไหวเป็นแน่!”
“ใช่แล้ว ขืนท่านพ่อยังไม่กลับมา อีกเดี๋ยวพวกข้าต้องลงมือแล้ว!”
ระหว่างที่สนทนากัน อิงเฟิงและอิงรั่วหลีล้วนมองไปยังอีกคนหนึ่งที่อยู่บนเรือ
คนผู้นั้นสวมหมวกไม้ไผ่และพาดเสื้อกันฝนจากใยมะพร้าว ใต้เสื้อกันฝนน่าจะเป็นเสื้อคลุมแขนกว้างสีขาวธรรมดา ประเด็นคือทั่วร่างเขาไม่มีพลังหรือแสงเทพปรากฏให้เห็น และไม่มีความพิเศษอะไรอย่างอื่นด้วย
แต่เกิดเรื่องอะไรผิดพลาด เช่นนั้นต้องมีปีศาจเป็นแน่ หากเป็นสถานการณ์อื่นคงแปลงเป็นคนทั่วไป แล้วสถานการณ์นี้เป็นไปได้หรือไม่
‘นี่คือสหายที่ท่านพ่อบอกว่าต้องไปตามหาให้เจออย่างนั้นหรือ’
‘คนผู้นี้เป็นอริยะเทพแห่งใดกัน’
ตอนที่บุตรและธิดาคิดไปไกล มังกรเฒ่ากระโดดลงจากเรือแล้ว สู่ผืนน้ำที่ใสราวกับอากาศท่ามกลางจวนบาดาลแห่งนี้
จี้หยวนหมดหนทาง จะปักหลักอยู่บนเรือประทุนตลอดไปไม่ได้ จึงยื่นมือไปคลำน้ำใสแจ๋วข้างนอกเรือ ปลดเสื้อกันฝนและหมวกไม้ไผ่ออก ก้าวออกไปเช่นเดียวกัน
คุณภาพน้ำภายในจวนบาดาลแห่งนี้ชัดเจนว่าพิเศษเป็นอย่างยิ่ง แม้จะมีวิชาเลี่ยงวารีติดตัว แต่ไม่ค่อยรู้สึกถึงแรงต้านในน้ำสักเท่าไรถือเป็นเรื่องแปลก แถมยังคล้ายกับรู้สึกได้ถึงลมเอื่อยๆ ด้วย
มังกรเฒ่าผายมือไปทางธิดามังกร
“ท่านจี้ นี่คือธิดาคนเล็กของข้า อิงรั่วหลี ตัวเป็นมังกรเจียวและเป็นเทพีแม่น้ำเทียมฟ้า ทว่าตำแหน่งของนางเป็นเพียงผู้ช่วย มรรคจริงแท้ไม่ได้ถูกดึงลงมา”
จี้หยวนสังเกตเห็นสองคนนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ฝ่ายหญิงคล้ายกับรูปปั้นในศาลเจ้าเทพีแม่น้ำจริงๆ
“นี่คือบุตรชายข้า อิงเฟิง เป็นมังกรเจียวเช่นเดียวกัน”
ตอนที่มังกรเฒ่าแนะนำ จี้หยวนไม่ได้พูดและไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร คิดไว้ว่ารอเขาแนะนำเสร็จแล้วค่อยทำความเคารพและทักทาย ทว่ามังกรเฒ่าพูดสองคำแล้วก็หยุด จากนั้นพูดใส่บุตรและธิดามังกรว่า
“รีบทำความเคารพท่านอาจี้ของพวกเจ้าสิ!”
อาจี้? จี้หยวนที่ตอนนี้นับว่ารู้จักอีกฝ่ายบ้างแล้วถูกมังกรเฒ่าทำให้งุนงงอีก ปรากฏว่าเห็นบุตรและธิดามังกรทำความเคารพอย่างนอบน้อมจริงๆ
“ท่านอาจี้!”
เห็นพวกเขาเรียกอย่างพร้อมเพรียงกัน จี้หยวนรีบประสานมือทักทายกลับขณะที่เหงื่อแตกพลั่ก
“ไม่ต้องมากพิธีๆ เรียกข้าว่าจี้หยวนก็ได้!”
มังกรเฒ่าหัวเราะฮ่าๆ อยู่ข้างๆ ครั้งหนึ่ง
“ท่านจี้ เรือประทุนลำนี้จะจอดอยู่ในลานของจวนเพียงชั่วครู่ หลังจากงานฉลองจบแล้วจะส่งกลับไป”
มังกรเฒ่าโบกมือ เรือลำเล็กขยับไปอยู่ข้างๆ ฟองอากาศที่ครอบคลุมไว้กลับไม่แตกสลาย ทำให้เครื่องนอนและข้าวของกระจุกกระจิกในตัวเรือไม่เปียกน้ำแม้แต่น้อย
แต่ก่อนหน้านั้นกระบี่เครือเขียวทอประกาย ลอยขึ้นด้วยตัวของมันเองมาถึงข้างหลังจี้หยวน
มังกรเฒ่าเพียงยิ้มและชำเลืองมองกระบี่เครือเขียวเล็กน้อย ทีแรกธิดามังกรมองไม่เห็นอะไร แต่เป็นเพราะสัญญาณลับของบิดา รวบรวมความสนใจแล้วถึงพบว่าข้างหลัง ‘ท่านอาจี้’ ผู้นี้มีกระบี่เล่มหนึ่งด้วย
“เชิญท่านจี้ ว่ากันว่ามาเร็วดีกว่ามาโดยบังเอิญ คืนนี้มีงานเลี้ยงวันเกิด ครั้งก่อนข้ารับปากว่าจะให้ท่านจี้ดื่มจนพอใจ ครั้งนี้ไม่มีทางผิดคำพูดเด็ดขาด!”
มังกรเฒ่ายื่นมือไปทางตำหนักหลัก ข้างในตกแต่งเรียบร้อยแล้ว มองดูแล้วระยิบระยับไปหมด ทำให้วังมังกรหรูหรามากขึ้นอย่างชัดเจน
เป็นเช่นนี้ไปแล้ว จี้หยวนจนใจไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงยิ้มรับ
“เชิญท่านอิงก่อนเถอะ!”
ไล่เป็ดขึ้นคอน[1] ทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลยสินะ
…
งานฉลองครบรอบพันปีเจินหลง แม้เผ่าวารีที่มีสิทธิ์มาอวยพรจะไม่มาก ทว่าก็ไม่น้อยเช่นกัน อย่างน้อยตำหนักหลักของจวนบาดาลแห่งนี้ก็บรรจุไว้ไม่หมด งานเลี้ยงจึงกระจายไปถึงสี่ตำหนักใหญ่ การเข้างานเลี้ยงจะต้องเรียงลำดับตามฐานะและตำแหน่ง
จี้หยวนไม่เข้าใจว่าสถานการณ์เช่นนี้ต้องให้ความสำคัญอะไร แต่กลับคล้ายว่ามังกรเฒ่าไม่คิดจะให้สนใจอะไรเลย เขาเป็นคนนอก ทว่าถูกจัดให้นั่งอยู่ฝั่งขวาของตำหนักหลัก เหนือกว่าธิดามังกรอิงรั่วหลี ส่วนที่นั่งฝั่งซ้ายเป็นของอิงเฟิง
ทุกครั้งที่มีแขกเข้ามาในงานเลี้ยง สิ่งแรกที่ต้องทำคืออวยพรเจินหลง จากนั้นก็พิจารณาจี้หยวนอย่างละเอียด แล้วไปนั่งที่นั่งของตัวเองด้วยความสงสัย
สถานการณ์จึงเป็นเช่นนี้ ประมาณเที่ยงคืน ผ่าวารีทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ในงานเลี้ยง สายตาของผู้ที่อยู่ในงานมากกว่าครึ่งจับจ้องไปยังจี้หยวน
แม้มรรควิถีของเผ่าปีศาจจะไม่ต่ำต้อย แต่หากพูดถึงระดับจิตวิญญาณแล้ว มีอยู่ไม่เท่าไรที่มองเห็นกระบี่เครือเขียวของจี้หยวนได้ จากความรู้สึกของปีศาจน้ำทั้งหลาย หากไม่มีวิชาเลี่ยงวารี จี้หยวนก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา
โชคดีที่ช่วงเวลาอึดอัดสุดขีดสั้นนัก เมื่อแขกทั้งหมดเข้ามาในงานเลี้ยง ยักษ์ข้างนอกตำหนักหลักก็ยกค้อนเหล็กกล้าตีระฆังทองแดงกลางน้ำ
ตึง…เมื่อมีเสียงนี้ คลื่นน้ำเล็กๆ หลายระลอกกระเพื่อมออกไป
“เริ่มงานฉลอง…”
ภาพที่เรียกได้ว่าแปลกประหลาดปรากฏแก่สายตาของจี้หยวน เผ่าวารีนับไม่ถ้วนยกอาหารจานแล้วจานเล่าและสุราชั้นดีมากมายว่ายน้ำในทุกตำหนัก
ที่น่าสนใจคือมีอาหารจานร้อนที่นี่ด้วย บนอาหารแต่ละอย่างคล้ายกับมีฟองอากาศบางๆ ปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง ป้องกันไม่ให้กระแสน้ำส่งผลกระทบต่อรสชาติอาหาร ตะเกียบบนโต๊ะก็หุ้มไว้ด้วยฟองอากาศชั้นหนึ่ง เตรียมไว้สำหรับการกินอาหารประเภทนี้โดยเฉพาะ
ปลาตะเพียนดำ ปลาเงิน ปลาหมู ปลาช่อนเหนือ และปลาตัวใหญ่หลายชนิดถืออาหารเคลื่อนที่ไปมา บางครั้งมีภูตเผ่าวารีที่รูปร่างใกล้เคียงคนช่วยเหลือ ไปจนถึงมียักษ์คอยบังคับบัญชา
แขกในงานก็เช่นกัน แม้ที่อยู่ในตำหนักส่วนใหญ่จะมีหน้าตาของมนุษย์ แต่ก็อาจจะมีเค้าลางของเขาและเกล็ด ที่ตำหนักข้างยิ่งมีเผ่าวารีร่างกึ่งปีศาจไม่น้อย แปลกพิสดารมาก
เพราะเป็นภูตและร่างพิเศษ จี้หยวนจึงมองเห็นทุกอย่างนี้ชัดเจน ทำให้เขาเกิดความรู้สึกแปลกใหม่อย่าง ‘พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนี้มหัศจรรย์จริงๆ’
มังกรเฒ่ารู้ว่าตัวเองเป็นเจ้าของวันเกิด คราวนี้จึงยกจอกเข้าหาทุกคน เสียงที่เปล่งออกจากปากดังลั่นไปทั่วทั้งจวนบาดาลราวกับตีระฆัง
“ขอบคุณทุกท่านที่มาอวยพร โอกาสที่ข้าจะได้รวมตัวกับเผ่าวารีมีไม่มาก วันเกิดของข้าจึงเป็นงานสำหรับการแลกเปลี่ยนสื่อสาร ร่วมดื่มด้วยโดยไม่ต้องกังวล จะรวมกลุ่มกันสนทนาก็ย่อมได้ ฮ่าๆๆๆ…”
พูดจบแล้วมังกรเฒ่าก็ยกสุราขึ้นดื่มจนหมดจอก แขกทุกคนรู้สึกกระหายสุราเช่นเดียวกัน ทว่าตอนที่จี้หยวนดื่มสุรากลับมีเสียงมังกรเฒ่าดังขึ้นที่ข้างหู
“ท่านจี้ดื่มน้อยหน่อยเถอะ ข้าซ่อนสุราดีเอาไว้ รองานฉลองเลิกราแล้วค่อยดื่มกันสองคน!”
จากนั้นมีนางรำเผ่าวารีเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นครึ่งคนครึ่งปลา และมีบ้างที่แปลงกายเป็นสาวงามนำร่ายรำเช่นกัน บรรยากาศในงานฉลองร้อนระอุขึ้นมา จี้หยวนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าระดับความน่าสนใจของตัวเองลดลงไม่น้อย
“ท่านอาจี้ ขอบังอาจถามสักหน่อย กระบี่เล่มนั้นข้างหลังท่าน เป็นกระบี่เซียนใช่หรือไม่”
ธิดามังกรอิงรั่วหลีถามเบาจากข้างๆ จี้หยวน
จี้หยวนที่กำลังศึกษาลายอาคมตะเกียบยังไม่ทันได้พูด กระบี่เครือเขียวข้างหลังกลับพลิกตัวครั้งหนึ่ง ทำให้ธิดามังกรเกิดความรู้สึกเหมือนกับอีกฝ่ายกำลังมองตนอยู่
[1] ไล่เป็ดขึ้นคอน หมายถึง บังคับให้ทำเรื่องที่ไม่ถนัด หรือความสามารถไม่ถึง