เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 128 ของขวัญนี้มากเกินไปอยู่บ้าง
ตอนที่ 128 ของขวัญนี้มากเกินไปอยู่บ้าง
“ท่านอาจี้หมายความว่า ไป๋ฉีแห่งแม่น้ำวสันต์ยังมีโอกาสกลายร่างเป็นมังกรหรือ”
ตอนนี้ธิดามังกรสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงเสียงดังขึ้นเล็กน้อย แม้กระทั่งน้ำเสียงยังดูร้อนใจมากด้วย ไม่ใช่เพราะไป๋ฉีสำคัญมาก แต่เป็นเพราะสนใจเรื่องตัวเองมากกว่า
จี้หยวนมองนาง พอจะเข้าใจความคิดในใจของธิดามังกรผู้นี้ จึงพูดคำที่ผู้ฝึกปราณบนโลกนี้ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“มรรคมีห้าสิบ วิวัฒน์ฟ้ามีสี่สิบเก้า ขาดไปหนึ่งเสมอ!”
ต่อให้น้ำเสียงของจี้หยวนในประโยคนี้จะเรียบเฉยเพียงใด ทว่าความหมายของมันลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ธิดามังกรถึงขนาดรู้สึกว่าไม่เข้าใจอยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่ ‘ท่านอาจี้’ ปั้นเรื่องขึ้นมาอย่างแน่นอน
ธิดามังกรขบคิดอย่างหนักอยู่ครู่หนึ่ง พอจะรู้ซึ้งได้รางๆ จึงเงยหน้าสบดวงตาสีเทาขาวของจี้หยวนคู่นั้น
“ท่านอาจี้ ท่านว่าหลังจากนี้ข้าจะกลายร่างเป็นมังกรได้หรือไม่”
จี้หยวนลอบถอนใจ ตัวเจ้าเองยังไม่มีความมั่นใจที่จะกลายร่างเป็นมังกรเลย
ธิดามังกรเหมือนจะไม่สนใจคำพูดเมื่อครู่นี้สักเท่าไร แต่ดูท่าจะรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามของ ‘ท่านอา’ แล้ว
เมื่อจี้หยวนหันไปเบิกตาสีเทาขาวที่สดใสทว่าไร้แววใส่ธิดามังกร ฝ่ายธิดามังกรรู้สึกคล้ายกับเขาไม่ได้กำลังมองร่างกายของตนเองในเวลานี้โดยสิ้นเชิง ทว่ากำลังมองหนทางของการกลายร่างเป็นมังกรต่างหาก
“แม้มรรควิถีของมังกรเจียวขาวผู้นั้นจะล้ำลึก แต่กลายร่างเป็นมังกรไม่สำเร็จสองครั้งทำให้เกล็ดร่วงจนหมด หากมอบโอกาสให้เขาอีกสักครั้ง เจ้าเดาว่าเขาจะกล้ากลายร่างเป็นครั้งที่สามหรือไม่”
คำถามนี้ของจี้หยวนทำให้ธิดามังกรอิงรั่วหลีชะงัก นางมองไปยังไป๋ฉีที่ร่ำสุราตามลำพังอยู่ในมุมตำหนักตามสัญชาตญาณ ถึงจะอ้างว้าง แต่ยากนักจะปกปิดความไม่พอใจและจนใจไว้ได้
‘เกรงว่าจะไปลองให้ได้กระมัง!’
ไม่เพียงคิดเช่นนี้ในใจ ธิดามังกรยังรู้ว่าหากมีโอกาสอีกครั้งจริงๆ และยังคงไม่สำเร็จ จุดจบของมังกรเจียวขาวผู้นี้จะต้องตายตกอย่างแน่นอน
“ฮ่าๆ ท่าทางเทพีจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว เช่นนั้นคนแซ่จี้ขอพูดเช่นนี้แล้วกัน ระยะห่างจากการกลายร่างเป็นมังกรของเจ้า นอกจากขาดมรรควิถีแล้ว สิ่งเดียวที่ขาดไปไม่ได้เลยคือแรงใจ เมื่อทั้งสองสิ่งสมบูรณ์ก็นับว่าสำเร็จไปมากกว่าครึ่งแล้ว!”
ธิดามังกรหัวใจเต้นดังโครมคราม
“แล้วน้อยกว่าครึ่งที่เหลือเล่า”
คำถามนี้ทำเอาจี้หยวนหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง เจ้ามีบิดาเป็นถึงเจินหลงเชียวนะ ความได้เปรียบพรรค์นี้มังกรเจียวอื่นจะเทียบได้หรือ
แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว จี้หยวนพอจะรับรู้ถึงบางอย่าง ธิดามังกรอาจกลัวตาย กลัวสะบั้นมรรควิถี และกลัวกลายร่างเป็นมังกรอยู่บ้างจริงๆ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอำนาจของรุ่นบิดาจะมากเกินไป อีกทั้งมีทรัพยากรมากมาย ความกดดันจึงมากและมีมายาวนานแล้ว
คล้ายกับลูกของตระกูลใหญ่ที่มีทั้งเงินและอำนาจจำนวนหนึ่งเมื่อชาติก่อน รู้ตัวดีแท้ๆ ว่ามีความได้เปรียบ แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็อยู่ใต้เงาของคนรุ่นพ่ออยู่ตลอด
สีหน้าของจี้หยวนเรียบเฉยอยู่บ้าง แต่กลับเป็นธรรมชาติอย่างชัดเจน มุมปากคล้ายกับมีรอยยิ้มอยู่รางๆ น้ำเสียงอ่อนลงว่าก่อนหน้านี้มาก
“อิงรั่วหลี เจ้าไม่คู่ควรเป็นบุตรีของเจินหลงหรือ”
เนิ่นนานมาแล้ว แม้แต่ธิดามังกรอาจจะไม่สังเกตถึงข้อนี้ ตอนนี้ถูกจี้หยวนจี้จุด พลันมีความรู้สึกสั่นสะท้านสะเทือนไปถึงจิตใจ ทำให้ธิดามังกรไม่รู้จะตอบอย่างไรไปชั่วขณะ นางมองไปยังบิดาของตนเองตามจิตใต้สำนึก กลับพบว่ามังกรเฒ่าเหมือนกำลังสนอกสนใจทางนี้เช่นกัน
“ฮ่าๆ ทนรับแรงกดดันคงจะอึดอัดน่าดู…”
จู่ๆ จี้หยวนก็นึกถึงเคล็ดลับที่ไม่รู้ว่าเคยเห็นจากไหนเมื่อชาติก่อน มันไม่ได้อยู่ในคัมภีร์หรือตำราใดด้วยซ้ำ
“เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าเรียกข้าว่า ‘ท่านอา’ มากเพียงนี้ ข้าก็จะไม่รังเกียจสอนอะไรให้เจ้า!”
ด้วยสภาพของธิดามังกร นางต้องมีปัญหาด้านจิตใจอย่างแน่นอน คนสนิทพูดมากมายอาจจะไม่มีประโยชน์ แม้กระทั่งธิดามังกรและคนข้างกายนางอาจไม่พบปัญหานี้ แต่จี้หยวนกลับสังเกตเห็นแล้ว
มีกระบี่เซียนอยู่ข้างกาย อีกทั้งเจินหลงตามหาอยู่นานสามปี คนเช่นนี้บอกว่าจะสอนอะไรให้ เกรงว่าคงไม่มีใครคิดว่าผิดปกติ
แน่นอนว่าจี้หยวนไม่รู้ว่ามังกรเฒ่าตามหาเขานานถึงสามปี และไม่มีความคิดมองตัวเองสูงส่ง สิ่งที่เขาอยากทำก็คือช่วยธิดามังกรชี้แนะทางด้านจิตใจสักครั้ง
ใช้คำศัพท์เฉพาะของการฝึกตนเป็นเซียนที่ถูกต้องยิ่งขึ้น สามารถเข้าใจว่าเป็น ‘เสียงมรรคเคาะใจ’ ถึงมรรควิถีของจี้หยวนจะยังไม่ถึงขั้นช่วยคน ‘เคาะใจ’ ได้ แต่มีเสียงบัญชาอยู่ ตามหลักการแล้วจะยิ่งมีผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ขณะนี้รู้สึกได้ถึงพลังปราณที่ปั่นป่วนอยู่ในจิตใจของธิดามังกร แม้ยังไม่เคยลองมาก่อน แต่คนแซ่จี้ก็รู้สึกได้ว่าเวลานี้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
“เปิดกำแพงหัวใจ หลับตาเข้าสู่ความสงบ ทำให้จิตวิญญาณปลอดโปร่ง!”
เสียงของจี้หยวนมีนัยของการบัญชา ภายใต้เสียงดนตรีอึกทึกจึงไม่มีใครสังเกตเห็น ทว่าในหูของธิดามังกรกลับได้ยินชัดเจนอย่างหาใดเปรียบ ย่อมกำจัดความคิดเรื่อยเปื่อย หลังจากหลับตาแล้วก็เห็นแสงสว่างในห้วงจิตวิญญาณ
นี่เป็นเพราะ ‘ตัวตน’ ของจี้หยวนอยู่ที่นี่ อยู่ข้างกายบิดา ถึงทำให้ธิดามังกรมีความเชื่อใจเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นคงเคาะไม่ถึงในใจเป็นแน่
“เจ้ามองไปข้างหน้า นาข้าว ทะเลสาบ แม่น้ำ ขุนเขา คูเมือง…ทางน้ำที่พัดสลับกันไปมา…”
จี้หยวนรู้ว่าความคิดในเขตแดนของผู้ฝึกปราณรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นเทพแม่น้ำ อิงรั่วหลีก็ไม่ได้ต่างออกไป บวกกับมีเสียงมรรคเข้าช่วย ในใจของอิงรั่วหลีคล้ายกับมีภูผาธาราปรากฏออกมาจริงๆ ถึงขั้นตนเองก็กลายเป็นมังกรเจียวที่จำศีลอยู่ในแม่น้ำสักแห่ง
“ฝึกตนมาหลายร้อยปีเพื่อเวลานี้ เจ้าสำเร็จในมรรควิถีแล้ว ฝนตกหนักเป็นเวลานานถึงครึ่งเดือน อิงรั่วหลี ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้ว ยังไม่รีบขยับตัวอีกหรือ”
ในห้วงจิตใจของอิงรั่วหลี ทุกอย่างสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ระดับน้ำข้างกายเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เสียงฟ้าร้องฝนตกดังไม่หยุดหย่อน
“ไม่ได้! ข้างหน้ามีคูเมือง ข้าเดินไปทางนั้นไม่ได้!”
ธิดามังกรพึมพำตามจิตใต้สำนึกเช่นนี้ ทำให้จี้หยวนตาเป็นประกาย ลืมตาขึ้นเต็มที่ เสียงมรรคดังว่า ‘บัญชา’ อุ้มชูปราณโลกาสวรรค์สายหนึ่ง
“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าควรเดินไปทางไหน ไยยังไม่รีบขยับตัวอีกเล่า”
ธิดามังกรในห้วงจิตใจเพียงรู้สึกว่าทิวทัศน์ทุกอย่างกลายเป็นความจริงโดยสมบูรณ์ แม้กระทั่งสัมผัสได้ถึงความแรงและอุณหภูมิของลมฝน รวมถึงฟ้าร้อง มองเห็นผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอันเกิดจากฝนตกหนัก
คำว่า ‘ขยับตัว’ ของจี้หยวนดังขึ้นคล้ายกับฟ้าร้อง เทียบกับทางแม่น้ำข้างคูเมือง มังกรเจียวไร้เขาในขณะนี้ตัดสินใจเดินไปยังสถานที่ซึ่งมีภูเขาสูงตระหง่าน ตรงนั้นมีทางน้ำเช่นกัน
ภายใต้การรับรู้จากพลังปราณของจี้หยวน เขาคล้ายกับมองเห็นสิ่งที่ธิดามังกรเห็น แม้แต่เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าความคิดในห้วงจิตใจจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้
มังกรเจียวไร้เขาในเขตแดน ณ ตอนนี้ขยับแล้ว จี้หยวนพึมพำ แนวเขาข้างหน้าราวกับแทนที่ด้วยความกดดันไร้ขอบเขตในใจของธิดามังกร มีบารมีและความคาดหวังของบิดาผู้เป็นเจินหลง มีมารดามังกรที่ไม่เคยพบเจอ มีความกังวลและอึดอัดต่างๆ มากมาย ทำให้แนวเขาสูงตระหง่านยิ่งขึ้น ทางน้ำระหว่างภูเขาก็ยิ่งเหมือนลำธารเล็กๆ สายหนึ่ง…
มังกรเจียวไร้เขาคิดถอยหลังอยู่หลายครั้ง ถึงขั้นคิดเปลี่ยนทิศทาง แต่ทุกครั้งเสียงฟ้าร้องคล้ายยิ่งดังสนั่น ฝนห่าใหญ่คล้ายรุนแรงขึ้น กำแพงเมืองเหล่านั้นถูกน้ำท่วมแล้ว สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนกำลังร้องโหยหวน
เมื่อมังกรเจียวเปลี่ยนทิศทาง สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจมน้ำตาย โศกนาฏกรรมที่เกินจริงเช่นนี้ รวมถึงความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดกลายเป็นความคับแค้นใจที่เข้มข้นอบอวลไปสู่ท้องฟ้า ทำให้ธิดามังกรรู้สึกเห็นอกเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
การเจอภูเขาแต่ข้ามไปไม่ได้นั้นลำบากยิ่งกว่ากลายร่างเป็นมังกร เดิมก็เหมือนกับคูน้ำธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับเหตุการณ์นี้ ความโกรธเคืองจากการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของสิ่งมีชีวิตมากมายราวกับเหนือกว่าความกลัวของธิดามังกรแล้ว…
เรื่องราวดำเนินไปในทางที่จี้หยวนควบคุมไม่ได้อยู่บ้าง อาจจะเป็นเพราะวันนี้พูดคุยถึงสภาพน่าเวทนาของมังกรเจียวขาว ธิดามังกรย่อมแทนตนเองในสถานการณ์ของไป๋ฉี มังกรเจียวไร้เขายังคงเดินไปข้างหน้าและได้รับแรงผลักดัน แต่บนตัวกลับไม่มีเกล็ด
ไม่รู้ว่าเพราะผลจากเสียงบัญชาผสานกับปราณโลกาสวรรค์รุนแรงเกินไปหรือไม่ จู่ๆ ธิดามังกรก็ปรับระดับเขตแดนเพราะความความรู้สึกให้ความสำคัญกับตนเองอย่างลึกซึ้ง ทำให้จี้หยวนมีเกิดความรู้สึกบางอย่างรางๆ หากธิดามังกรพ่ายแพ้ในห้วงในจิตใจ เกรงว่าจะต้องเป็นความล้มเหลวที่ร้ายแรงมาก
หากไม่ใช่เพราะควบคุมร่างกายได้ดีเยี่ยม จี้หยวนอาจจะเหงื่อตกไปนานแล้ว
ไม่เพียงแต่ความรับผิดชอบเท่านั้น อีกทั้งรวมถึงความจริงที่ว่ามาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน แต่ทำบุตรีของอีกฝ่ายอารมณ์เสีย เพื่อนคนนี้จะต้องไม่ไว้ชีวิตตนเป็นแน่!
ปราณโลกาสวรรค์เพิ่มมากขึ้น จี้หยวนทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมด ในเมื่อเจ้าแทนที่ไป๋ฉี นั่นก็เท่ากับเป็นการตายแล้วเกิดใหม่!
ในห้วงจิตใจ มังกรเจียวไร้เขาไร้เกล็ดเข้าใกล้แนวเขาขึ้นเรื่อยๆ ในใจหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
“เจ้ากล้ากลายร่างเป็นมังกรสามครั้ง ในใจคิดจะตายตก การถอยหลังจะคู่ควรกับการฝึกปราณหลายร้อยปีอย่างไร จะเทียบกับความเจ็บปวดที่เกล็ดหลุดได้อย่างไร อุปสรรคยามต้องเลือกผ่านพ้นไปแล้ว ความคิดและจิตใจเหมือนกับกลายเป็นมังกร ทำได้เพียงเดินหน้าไม่มีถอยหลัง หากใจคิดยอมแพ้ก็ไม่มีทางกลายร่างเป็นมังกร อิงรั่วหลี ในเมื่อเจ้าไม่ได้อยากมีชีวิตและไม่ได้กลัวตาย เช่นนั้นก็บรรลุเพื่อข้าเถอะ!”
มังกรเจียวไร้เขาในห้วงจิตใจดวงตาเป็นประกาย ปราณสีแดงในจมูกตลบอบอวล ปราณมังกรยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี น้ำท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ และไหลบ่าไปทางภูเขา
“เทียบกับความอับอายที่กลายร่างเป็นมังกรไม่สำเร็จถึงสามครั้ง ความตายน่ะหรือน่ากลัว!”
เสียงมรรคจากท้องฟ้าเหมือนเสียงกระดิ่งที่ดังสะท้อนอยู่ในหูเนืองๆ
‘ความตายน่ะหรือน่ากลัว!’
น้ำท่วมสูงขึ้น เสียงฟ้าร้องดังขึ้นรอบกาย มังกรเจียวไร้เขาม้วนน้ำท่วมขึ้นแล้วขับไล่ออกไป
ตูม…
ภูเขาสีดำที่ยากจะทำลายได้ในเขตแดนระเบิดเพราะกระแสน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น เปิดแม่น้ำขนาดใหญ่ทะลุเทือกเขา มังกรเจียวไร้เขาตัวหนึ่งเดินไปตามแม่น้ำและออกไปสู่ทะเลโดยตรง
แม้แปลงกายเป็นมังกรจะไม่ได้ง่ายเหมือนมังกรเจียวลงทะเล แต่ในเขตแดนแห่งนี้ ธิดามังกรราวกับทำสำเร็จแล้ว
…
อ๊าก…
เสียงร้องของมังกรอันแผ่วเบาดังขึ้นข้างกายจี้หยวน แม้ว่าเสียงจะเบาจนไม่ได้ยิน แต่อานุภาพของเผ่ามังกรกลับขจรขจาย น่ากลัวเสียจนปีศาจสาวและภูตที่กำลังเต้นรำพากันตัวแข็งทื่อ
อิงรั่วหลีมีสติครบถ้วน ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนไป แต่นางกลับมีความเชื่อว่าจะต้องกลายร่างเป็นมังกรสำเร็จแน่นอน
“ท่านอาจี้…”
จี้หยวนยันโต๊ะด้วยมือข้างหนึ่ง สีหน้ายังดูดี ทว่าความจริงไม่เหลือแรงพูดแล้ว
ความเคลื่อนไหวของธิดามังกรทำให้ภายในตำหนักเงียบลง ชัดเจนว่านางสติแตกไม่ได้ แขกเหรื่อล้วนกำลังเดาว่าเกิดอะไรขึ้น และมีบางคนเกิดความรู้สึกแปลกใจมากแต่กลับไม่พูดออกมา
เหตุการณ์ทั้งหมดยาวนานมากสำหรับธิดามังกร แต่ความจริงแล้วเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงธิดามังกรหลับตาและจี้หยวนพูดจาอยู่หลายคำเท่านั้น ถึงขนาดไม่ได้สร้างความสนใจอะไร…จนกระทั่งอานุภาพมังกรขยายไป
มังกรเฒ่าหันหน้าไปมองจี้หยวน แล้วประสานมือคารวะอย่างจริงจัง
“ท่านจี้ ของขวัญนี้มากเกินไปอยู่บ้าง!”
เทพแม่น้ำวสันต์ที่อยู่ตรงมุมตำหนักเดิมทีสนใจธิดามังกรอยู่แล้ว ตอนนี้ได้ยินมังกรเฒ่ากล่าวขอบคุณก็พลันตระหนักได้ถึงอะไรบ้างอย่าง จึงมองไปทางผู้ฝึกปราณที่อยู่ข้างๆ ผู้นั้น