เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 14 โน้มน้าวไม่อยู่
ตอนที่ 14 โน้มน้าวไม่อยู่
ขอทานตาบอดอย่างจี้หยวน เดิมก็ไม่ใช่จุดสนใจของคนพวกนี้ หลังจากบอกจุดประสงค์การมาก็ต่างคนต่างยุ่งอยู่ภายในอาราม
ตึง
ตึง
ถุงกระสอบสองใบถูกวางอยู่ตรงมุม จี้หยวนรู้แล้วว่าข้างในคืออะไร ด้วยมีเสียงร้องของหมูกับแพะดังออกมาเป็นครั้งคราว
“เจ้าขอทาน ฟืนที่นี่เป็นของเจ้าใช่หรือไม่ พวกเราใช้ได้กระมัง ถือว่าพวกเราซื้อต่อจากเจ้าแล้วกัน”
ชายพาดกระบี่ประดับพู่ตะโกนอยู่ห่างไปไม่ไกล จี้หยวนซึ่งอึ้งงันอยู่ได้ยินเสียงแล้วตอบสนองกลับมา รีบโบกมือส่งสัญญาณว่าเชิญพวกเขาใช้ตามสะดวก
แต่เยี่ยนเฟยก็แค่เอ่ยปากถาม ทั้งไม่นำเงินค่าฟืนออกมาให้จี้หยวน จี้หยวนก็ไม่โง่ถึงขั้นซักไซ้เอาเงิน
คนอื่นไม่มีใครสนใจขอทานภายในอารามอีก คนเก็บกวาดสถานที่ก็เก็บกวาดสถานที่ คนก่อไฟก็ก่อไฟ จากนั้นต่างคนต่างหาที่นั่งพักผ่อน
ต่อให้เกือบแน่ใจแล้วว่าคนกลุ่มนี้กำลังหาเรื่องใส่ตัว แต่จี้หยวนก็ไม่ได้ก้าวออกมาชี้แนะว่าพฤติกรรมของพวกเขาโง่เขลาแค่ไหนทันที
แม้เห็นว่าท่าทางของพวกเขาไม่ได้แย่ แต่เทียบกับจางซื่อหลินแล้วยังห่างจากคำว่ากระตือรือร้นนัก หากยั่วโมโหพวกเขาจนไม่พาตนลงเขาด้วยจะทำอย่างไร
ต้องลองจับตาดูก่อนหรือพูดว่าลองจับหูฟังดี
ถ้าพวกเขามีความสามารถจริง กระทั่งกำราบเจ้าภูเขาลู่ได้เล่า
ยามนี้จี้หยวนสงบจิตเงี่ยหูฟังเสียงขยับของเก้าคนนี้โดยละเอียด เช่นเสียงกระทบโลหะยามวางอาวุธบางอย่างลงพื้น ทำให้จี้หยวนรู้ว่าพวกเขาพาคนมาไม่น้อย ประกอบกับลมหายใจทอดยาวของพวกเขา น่าจะเป็นคนฝึกยุทธ์จริง
ยอดฝีมือแห่งยุทธภพของที่นี่เหมือนภพก่อนหรือเหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนในละครโทรทัศน์ สามารถจัดการเสือซึ่งเป็นภูตได้หรือไม่ พกของจำพวกยันต์คาถาอะไรมาด้วยใช่ไหม
จี้หยวนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสัยนักว่าคนกลุ่มนี้จะทำอย่างไร
กองไฟลุกโชนอีกครั้ง คนผิงไฟเปลี่ยนกลุ่มแล้ว บางคนยังถอดเสื้อคลุมด้านนอกบางชิ้นบนตัวออกแล้วใช้ไม้คานแขวนผิงไฟอยู่ด้านข้าง ไม่ว่าชายหญิงล้วนไม่มีท่าทางอิดออดนัก
ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดสนิท จี้หยวนสันนิษฐานว่าแผนของพวกเขาอาจเป็นการใช้เหยื่อล่อเสือร้ายออกมา แต่ท่าทางไม่เหมือนว่าจะลงมือทันที
“ได้ยินคนเมืองสุ่ยเซียนพูดว่าภัยเสือร้ายมีมานานแล้ว จนถึงตอนนี้กินคนไปไม่น้อย”
หญิงสาวแซ่ลั่วที่นั่งข้างกองไฟใช้กิ่งไม้เขี่ยถ่านกลางเพลิงเล่น เอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา
เยี่ยนเฟยใช้ผ้าเช็ดคมกระบี่ยาวของตนอย่างระวังพลางกล่าวตอบ
“ไม่ผิด แน่นอนว่าข้าคิดว่าผู้สูญหายในภูเขาไม่ได้ถูกเสือกินทั้งหมดเช่นกัน ถึงอย่างไรป่าเขาก็อันตราย สิ่งน่าขันคือยังมีคนที่เมืองสุ่ยเซียนลือว่าเป็นมารร้ายอาละวาด”
เมื่อฟังเยี่ยนเฟยพูดถึงตรงนี้ ชายด้านข้างซึ่งริมเท้ามีดาบหัวตัดวางอยู่อดสอดปากกล่าวไม่ได้
“ถูกต้อง ตอนนั้นข้ากับเยี่ยนเฟยถามเรื่องเสือร้ายบนเขาโคเทพด้วยกัน คนเมืองสุ่ยเซียนปิดปากเงียบ แต่ท่านลุงคนหนึ่งภายในโรงน้ำชากลับพูดเหมือนเป็นเรื่องต้องห้ามมากว่าบนภูเขาอาจมีปีศาจอยู่ ฮ่าๆๆๆ ถ้าบนโลกนี้มีปีศาจจริง ถ้าเจ้าไม่พูดก็ไม่เรียกมาหรอก”
“ไร้สาระจริงๆ ยังมีคนสัญจรผ่านภูเขาเหมือนเดิมไม่ใช่หรือ!”
ชายซึ่งไม่พกอาวุธใดคนหนึ่งเติมฟืนเข้ากองไฟพลางยิ้มกล่าว
“เอาเถิดๆ ในเมื่อพวกเรารับภารกิจบนกระดานแล้วก็ช่วยพวกเขาจัดการเรื่องนี้ซะ หากมีปีศาจจริงก็ดี ข้าลู่เฉิงเฟิงอยากเห็นสักหน่อย!”
“ฮ่าๆๆ มีเหตุผล!”
คนด้านข้างพลันหัวเราะแล้วกล่าวเสริม อายุน้อยบ้าบิ่นมีวิชายุทธ์ติดตัว ครั้งนี้มีพวกพ้องรวมตัวกันมา ถึงเวลาเผยปณิธานเยี่ยงวีรบุรุษ คิดสร้างชื่อเสียงบนยุทธภพ!
ยิ่งฟังพวกเขาคุยอย่างฮึกเหิม ความหวังของจี้หยวนที่มีต่อคนพวกนี้ยิ่งต่ำลง ดูเหมือนพวกเขาไม่รู้เลยว่าบนเขานี้มีปีศาจจริง
จี้หยวนคิดว่าอย่างน้อยตนต้องลองห้ามดู อย่ารอถึงตอนกำจัดปีศาจไม่ได้ ตนจะถูกพาลโกรธไปด้วย
จอมยุทธ์น้อยเก้าคนเหมือนลืมขอทานแล้ว จี้หยวนจึงได้แต่ดึงดูดความสนใจของพวกเขา
“แค่กๆๆ… พวกท่านคงไม่ใช่ผู้กล้ามาล่าเสือกระมัง”
จี้หยวนกระแอมสองสามครั้งแล้วถามหยั่งเชิง
ได้ยินจี้หยวนถามเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนส่งสายตาหันมามองเขา
“ไม่ผิด พวกเรารับภารกิจจากกระดานที่ว่าการ มาที่นี่เพื่อกำจัดภัยให้ปวงชนโดยเฉพาะ”
“อ้อ…”
จี้หยวนตอบรับอย่างมีนัยลึกล้ำ เสียงนี้เขาพยายามไม่เจือความท้าทาย ทั้งทำให้คนพวกนี้สงสัย
การตอบสนองของขอทานทำให้พวกเยี่ยนเฟยต่างขมวดคิ้วดังคาด
“เจ้าขอทาน เจ้ามีอะไรอยากพูดหรือไม่”
เยี่ยนเฟยเอ่ยถามประโยคหนึ่งตามจิตใต้สำนึก ส่วนจี้หยวนก็ถือโอกาสกล่าวต่อไป
“นับว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ข้าน้อยนับถือวีรบุรุษผู้เตรียมล่าเสือทุกท่านยิ่ง แค่ก่อนฆ่าศัตรูต้องวางแผน กำจัดภัยให้ปวงชนก็เช่นกัน จอมยุทธ์ทุกท่านมีแผนการหรือไม่”
จี้หยวนพยายามทำตัวลุ่มลึก แค่ทำตัวต่างจากรูปลักษณ์ขอทานภายนอกก็ดึงดูดความสนใจคนอื่นได้
ท่าทางซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ ทั้งวาจาฮึกเหิมของขอทาน สิ่งสำคัญคือคำกล่าวหนักแน่นเปี่ยมนัยล้ำลึก ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าไม่ธรรมดาทันที!
ผู้อาวุโสมักสอนสั่ง อยู่ข้างนอกอย่าดูถูกใครก็ตาม เยี่ยนเฟยหันมองพวกพ้อง ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้ขอทานสองสามก้าว ประเมินขอทานคนนี้โดยละเอียดอีกครั้ง ก่อนขมวดคิ้วตอบคำถาม
“ได้ยินว่าเสือกินคนปรากฏตัวยามดึก พวกเราคิดใช้หมูกับแพะเป็นเหยื่อในป่า ล่อเสือร้ายปรากฏตัว จากนั้นค่อยรวมกลุ่มรุมโจมตี”
จี้หยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง
“เท่านี้หรือ ไม่มีแผนการและวิธีอื่นหรือ”
รู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่พิจารณาแม้แต่เรื่องกับดักอย่างการขุดหลุมวางตาข่ายเลย
“พวกเราล้วนฝึกยุทธ์ตั้งแต่เด็ก วิทยายุทธ์ติดตัวไม่ธรรมดา แม้ว่าเสือร้ายเหี้ยมโหดก็เป็นแค่เดรัจฉาน ดาบกระบี่อยู่ในมือ รวมกลุ่มรุมโจมตี ยังปล่อยมันวิ่งหนีไปได้หรือ!”
พอแล้ว คนกลุ่มนี้ไม่เพียงมาตายเปล่ายังไร้เดียงสามากด้วย!
จี้หยวนมองโลกแง่ร้ายอยู่บ้าง ดูท่าว่าต้องเสแสร้งหน่อย
เขาเตรียมใจเล็กน้อยก่อนหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆ… ฮ่าๆๆๆ…”
แปะๆๆๆๆ…
จี้หยวนหัวเราะเสียงเบาพลางปรบมือ
“ดีๆๆ กล้าหาญนัก แต่ข้ามีข้อสงสัยเล็กน้อยอย่างหนึ่ง หากสิ่งที่อยู่กลางป่าเขานี้ไม่ใช่เสือร้ายธรรมดา แต่เป็นอสูรซึ่งเป็นภูตตัวหนึ่ง ทุกท่านมีความมั่นใจหรือไม่”
“อสูร?”
“จริงหรือ…”
“ในเมืองสุ่ยเซียนก็มีคนพูดเช่นนี้!”
จอมยุทธ์บางคนหรี่ตามองกันไปมา จากนั้นค่อยมองไปทางขอทาน
“เจ้าขอทาน เจ้าอย่าเล่นลูกไม้!”
ตอนนี้จี้หยวนปล่อยวางลงบ้างแล้ว มองพวกเขาโดยยิ้มไม่เปลี่ยน ดวงตาสีจางทำให้ทั้งเก้าคนเงียบสงบลงอย่างอดไม่ได้
“ข้ารู้ว่าคำพูดของตนไม่สำคัญ บุ่มบ่ามพูดโน้มน้าวย่อมทำให้คนรังเกียจ แต่สังเกตพวกเจ้ามาครู่ใหญ่ เห็นว่าพวกเจ้าล้วนมีใจผดุงคุณธรรมจริงๆ เป็นผู้ทำเพื่อปวงประชาในใต้หล้าได้อีกมาก ไม่ควรจบชีวิตที่นี่ ข้าจึงเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้”
ยามโน้มน้าวคนต้องประจบหน่อย นี่คือหลักการที่จี้หยวนค้นพบก่อนหน้านี้
คำพูดนี้ทั้งเก้าคนฟังแล้วแอบพอใจอยู่บ้างดังคาด แต่ภายนอกกลับข่มกลั้นไม่เผยอะไรออกมา
“เจ้าขอ… เอ่อ ความหวังดีของท่านพวกเรารับด้วยใจ แต่ในเมื่อพวกเรารับภารกิจบนกระดานมาแล้ว ย่อมต้องพยายามลองดู เรื่องปีศาจข้าคิดว่าส่วนใหญ่เป็นการกระพือข่าวโคมลอย หากพวกเราเกิดเรื่องไม่คาดฝันจริงก็โทษคนอื่นไม่ได้!”
เยี่ยนเฟยกล่าวอย่างเคร่งครัด คนด้านข้างพากันพยักหน้าเช่นกัน คำชมของจี้หยวนกระตุกต่อมในใจพวกเขา คำพูดเยี่ยนเฟยแทบแสดงความเป็นเอกฉันท์ของทุกคน พวกเขาจากมาเพื่อสร้างชื่อเสียงไม่ใช่หรือ!
เยี่ยนเฟยพูดเรื่องพวกนี้จบค่อยประสานมือไปทางจี้หยวน
“ขอบคุณท่านที่เตือนด้วยความหวังดี!”
จากนั้นก็กลับไปข้างกองไฟ แล้วหลับตาพักผ่อน
เอาเถอะ เห็นท่าทางเปี่ยมพลังยิ่งกว่าเดิมของคนกลุ่มนี้ จี้หยวนตัดใจไม่โน้มน้าวแล้ว มิฉะนั้นถึงเวลาอาจถูกคนรังเกียจ ทางเจ้าภูเขาลู่ก็เข้าใจผิดโดยง่าย เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง
ส่วนเรื่องตามไปล่าเสือด้วยยิ่งไม่มีทางแน่ จี้หยวนแค่หวังว่าคำพูดที่ตนคุยกับเจ้าภูเขาลู่เมื่อคืนก่อนจะยังมีประโยชน์อยู่บ้าง