เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 145 บุตรผู้แปลกประหลาด
ตอนที่ 145 บุตรผู้แปลกประหลาด
อิ๋นชิงย่อมไม่สนว่าบุตรตระกูลตู้สามคนที่อยู่หน้าโต๊ะหินกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ อย่างไรเสียโอกาสเด็ดพุทราเพลิงครั้งนี้ก็ยอดเยี่ยมยิ่ง
ใบต้นพุทราเบ่งบานเต็มที่ ผลพุทราสีแดงเพลิงซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางสีเขียวชอุ่ม ส่วนใหญ่อยู่บนที่สูง
ผลพุทราที่นี่ใหญ่กว่าผลพุทราทั่วไป เปรียบเทียบกันจริงๆ แล้วใหญ่กว่าผลพุทราเขียวธรรมดาถึงสามเท่า เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีตัวเปรียบเทียบ
อิ๋นชิงปีนขึ้นบนที่สูงอย่างว่องไว ยื่นมือไปยังผลพุทราที่ใกล้ที่สุดด้วยความตื่นเต้น มือข้างหนึ่งกอบพุทราทุลักทุเลอย่างเห็นได้ชัด จนถึงเวลานี้แล้วคนตระกูลตู้ทั้งสามพบว่าท่าทางของเด็กหนุ่มนุ่มนวลขึ้นทันทีทันใด
จากนั้นได้ยินเด็กหนุ่มเริ่มพูด ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดกับตัวเองหรือพูดกับต้นพุทรา ซึ่งเหลือเชื่อยิ่งกว่าเดิม
“ต้นพุทรา จอมยุทธ์ตระกูลตู้สามคนข้างล่างรู้จักกับท่านจี้มานานแล้ว สามปีผ่านไปเขาถึงได้มาที่นี่ กินผลพุทราคงไม่เกินไปกระมัง”
อิ๋นชิงมองคนตระกูลตู้ทั้งสามที่มีสีหน้าประหลาดใจ พูดจบแล้วก็ดึงผลพุทราอย่างระมัดระวัง
เสียง ‘ป๊อก’ ดังขั้น พุทราสีแดงเพลิงลูกใหญ่ถูกดึงลงมาแล้ว
“ฮ่าๆๆ…ดียิ่งนัก! ให้เด็ดแล้ว ให้เด็ดจริงๆ!”
หากไม่ใช่ว่าตัวอยู่บนต้นไม้ อิ๋นชิงต้องกระโดดโลดเต้นเป็นแน่ ทว่าตอนนี้ทำได้เพียงโบกไม่โบกมือแสดงความดีใจ
ภาพนี้ทำให้ตู้เหิงตกใจจนสะดุ้งโหยง หากเด็กหนุ่มผู้นี้ตกลงมาแล้วจะทำอย่างไร
“พวกเราไปดูใต้ต้นไม้หน่อย หากเขาตกลงมาจะได้รับไว้ทัน!”
“อืม”
“ดีเหมือนกัน”
ตู้เหิงกำชับเสร็จ สามคนไม่นั่งที่โต๊ะหินแล้ว รีบลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปใกล้หน่อย ด้วยกลัวว่าอิ๋นชิงดีใจเกินไปแล้วจะตกลงจากต้นพุทรา
อิ๋นชิงไม่คิดเช่นนั้น ดมกลิ่นหอมของพุทราแล้วกลืนน้ำลาย จากนั้นโยนให้ตู้เหิง
“จอมยุทธ์ตู้รับนะ อย่าให้ตกพื้นล่ะ!”
ตู้เหิงเห็นสีแดงเพลิงตกลงมา จึงยื่นมือซ้ายไปรับไว้อย่างนุ่มนวล เขามองผลพุทราตามจิตใต้สำนึก มันกลมโตอวบอิ่มมีสีแดงชัดเจน แค่เห็นก็น้ำลายสอแล้ว
อิ๋นชิงเด็ดได้ผลหนึ่งแล้วมีความกล้ามากยิ่งขึ้น พลันยื่นมือไปหาอีกผลหนึ่ง
“คงจะไม่ให้จอมยุทธ์กินเพียงผลเดียวกระมัง”
ระหว่างพูดก็ดึงอีกครั้ง เสียง ‘ป๊อก’ ดังขึ้น เด็ดผลพุทราได้อีกแล้ว
“ฮ่าๆ! แค่คำเดียวลิ้มรสไม่ได้หรอก พวกเขามากันสามคนนะ อีกทั้งข้าเด็ดผลพุทราก็เหนื่อยทีเดียว…”
อิ๋นชิงบ่นไม่หยุด ยื่นมือคว้าผลพุทราเพลิงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หนึ่งผลจนถึงสี่ผล เด็ดได้ทั้งหมดเจ็ดผล ตอนที่เพิ่งคิดจะเด็ดผลที่แปดนั้นเอง เขารู้สึกว่ากิ่งก้านต้นพุทราสั่นไหวครั้งหนึ่ง
แย่แล้ว ต้นพุทราไม่ให้แล้ว!
“ขออีกผล ขออีกผลได้หรือไม่ อีกแค่ผลเดียวเท่านั้น!”
อิ๋นชิงขอร้องไม่ขาดปาก แรงมือไม่ลดลง ดึงอย่างเอาเป็นเอาตาย
แซกๆๆ…แซกๆ
ราวกับลมเอื่อยพัดมา ก้านพุทราขยับไหว อีกทั้งไม่สนใจว่าอิ๋นชิงจะออกแรงมากแค่ไหน พุทราเพลิงในมือยังไม่หลุด กิ่งไม้ก็ตวัดเข้าที่คอของอิ๋นชิงแล้ว
“อ๊าก…!”
อิ๋นชิงคันตรงคอ ร่างกายเสียศูนย์ในทันที เขาพลันตกลงจากต้นไม้ บุตรตระกูลตู้ข้างล่างคนหนึ่งรีบยื่นมือไปรับเด็กหนุ่มไว้ในอ้อมแขน
ทว่าตอนอิ๋นชิงตกลงมาไม่หงุดหงิดเลยสักนิด เพียงมองผลพุทราที่ยังเด็ดไม่สำเร็จพลางทอดถอนใจ บ่นต่ออีกว่า
“เฮ้อ เพิ่งได้เจ็ดผลเอง ขี้เหนียวจริงๆ ขี้เหนียว!”
ตู้เหิงและคนอื่นๆ มองหน้ากัน เด็กหนุ่มผู้นี้บุ่มบ่ามปีนต้นไม้ อีกทั้งเสียมารยาท เอาแต่บ่นว่าไม่ยอมจับไว้ให้มั่น หากเมื่อครู่ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยู่ด้วย เขาต้องตกลงมาบาดเจ็บเป็นแน่
“น้องอิ๋น เจ้าปีนต้นไม้แต่ไม่จับให้แน่นเช่นนี้ วันนี้โชคดีที่มีพวกข้าอยู่ด้วย ครั้งหน้าอย่าผลีผลามเช่นนี้อีกล่ะ!”
บุตรตระกูลตู้คนหนึ่งแนะนำ แต่อิ๋นชิงไม่สนใจโดยสิ้นเชิงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไร พวกท่านอยู่ข้าถึงได้ตกลงมา ไม่เช่นนั้นไม่มีทางตกลงมาแน่”
คำพูดนี้ทำให้คนตระกูลตู้รู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก หรือว่าเป็นความผิดของพวกเขาอย่างนั้นหรือ
“เอาละๆ ไม่พูดแล้ว ฮ่าๆ ดูพุทราเพลิงนี่สิ วันหลังอย่าว่าแต่พวกท่านได้กินเลย เห็นก็ไม่มีทางได้เห็น!”
อิ๋นชิงเปิดช่องตรงเสื้อ เผยให้เห็นพุทราใหญ่หกผลอยู่ในนั้น รวมกับผลที่อยู่ในมือของตู้เหิงแล้วจะเป็นเจ็ดผล แต่ละผลมีขนาดเท่ากำปั้นของเด็กทารก
พวกเขากลับไปนั่งที่โต๊ะหินอีกครั้ง ผลพุทราทั้งเจ็ดวางเรียงกันเป็นแถว อิ๋นชิงคว้าไว้ผลหนึ่งในทันที
“นี่ถือเป็นค่าจ้างของข้า!”
ครั้นอธิบายแล้วก็มองบุตรตระกูลตู้สองคน จากนั้นพูดกับตู้เหิง
“เหลือหกผล ท่านรับไว้สี่ผล พวกเขาโชคดี รับไว้คนละผล!”
ยามอิ๋นชิงพูดนั้นน้ำเสียงเด็ดขาดเหมือนกับใต้เท้าคนหนึ่งเลยทีเดียว
“เหตุใดพวกข้าได้คนละผลเล่า”
บุตรตระกูลตู้คนหนึ่งถามอย่างไม่เข้าใจ
“ท่านโชคดีมากแล้ว ไม่เห็นหรือว่าข้าก็มีแค่ผลเดียวเหมือนกัน! ถ้าไม่ใช่เพราะท่านและจอมยุทธ์ตู้มาด้วยกัน ก็คงไม่ได้กินเลยสักผล!”
อิ๋นชิงพูดแล้วก็หันหน้ากลับ
“เจ้าก็มีแค่ผลเดียว? เจ้าอยากกินก็แค่เด็ดกินตามใจชอบไม่ใช่หรือไร!”
บุตรตระกูลตู้อายุมากกว่าอิ๋นชิงสามถึงสี่ปี รู้ดีอยู่ว่าเถียงกับเด็กหนุ่มไปคงจะไม่มีประโยชน์ แต่ก็ยังพูดอีก
อิ๋นชิงมองต้นพุทราอย่างไม่พอใจ
“ท่านไปเด็ดดูสิ หากเด็ดได้ก็ขอซูฮกท่านเลย!”
“เด็ดก็เด็ด!”
สองคนยังคงรั้น ฝ่ายตู้เหิงเห็นแล้วทนไม่ได้
“นี่ ตู้เยวี่ย นี่คือบ้านของคนอื่น เจ้าปากมากได้หรือ”
ครั้นกล่าวสั่งสอนแล้วตู้เหิงขอบคุณอิ๋นชิง ผลพุทรานี้แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดา นำมารับรองพวกเขานับว่าเกรงใจมากแล้ว
“เฮอะ ยังมีจอมยุทธ์ตู้ที่เข้าใจ อย่ามัวแต่อึ้งอยู่เลย รีบกินเถอะ ผลพุทรานี้ฮ่องเต้เห็นเข้าก็ต้องอยากกินเหมือนกัน!”
อิ๋นชิงพูดเล่นคำหนึ่งก่อนจะรีบหยิบมากัดกิน เสียงกร้วมๆ ดังกังวาน กลิ่นหอมโชยไปทั่ว ทำให้คนตระกูลตู้ทั้งสามที่ได้กลิ่นขยับมือบ้าง
พวกเขาไม่ลังเลอีกเช่นกัน พากันหยิบพุทราขึ้นมากิน
กัดเข้าปากเสียงดัง ‘กร้วม’ คนตระกูลตู้สามคนพลันเบิกตาโพลง กลิ่นสดใหม่สายนั้นแตกซ่านอยู่ที่ปลายลิ้น ทำให้เคี้ยวและกัดกินต่อไม่หยุด
‘พุทรานี้ หรือว่าจะเป็นสมบัติของฟ้าดินอะไร!’
ตู้เหิงตื่นตะลึง พอดึงสติกลับมาได้จึงกัดพุทราในมือตัวเองกินจนหมดเกลี้ยง
คนตระกูลตู้อีกสองคนต่างกลืนน้ำลายพลางมองพุทราสามผลที่เหลืออยู่บนโต๊ะ
ไหนเลยตู้เหิงจะทนได้ รีบดันสองผลแบ่งให้น้องชาย ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไร อิ๋นชิงก็ยื่นมือดันพุทราสองผลนั้นกลับ
“ไม่ได้ พุทรานี้ให้ท่านกินได้ผู้เดียว! จอมยุทธ์หยางกั๋วมีความกล้าอย่างน่าประหลาด จอมยุทธ์ตู้ผู้นั้นก็มีพุทราเพลิง พวกเขาลงมืออีกไม่ได้แล้ว!”
บุตรตระกูลตู้อีกคนหนึ่งยังคิดพูดอีก แต่อิ๋นชิงคล้ายกับรู้ความคิดเขา ชี้ไปยังกิ่งก้านต้นพุทราที่อยู่เหนือศีรษะ
“อยากกิน? ไปเด็ดเองสิ ข้ายินยอมให้ท่านเด็ด ไปเถอะ!”
“เด็ดก็เด็ด!”
กินพุทรานี้แล้วไหนเลยจะยังอดทนอยู่ไหว บุตรตระกูลตู้ผู้นี้ลุกพรวดไปปีนขึ้นต้นพุทรา ยื่นมือคว้าพุทราเพลิงลูกใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด
พอดึงเบาๆ ครั้งหนึ่ง ผลพุทราคล้ายกับติดกาวอยู่บนกิ่งไม่ยอมลงมาเสียอย่างนั้น เขาออกแรงมากขึ้นจนกิ่งพุทราทั้งกิ่งโค้งงอ ทว่าตัวผลไม่ขยับเลยสักนิด
“ลงมาเดี๋ยวนี้! เฮือก…”
บุตรตระกูลตู้แรงเยอะ ปรากฏว่ากิ่งพุทรายิ่งโค้งงอมากขึ้น แรงดีดกลับจึงมากขึ้นตาม จากนั้นแรงดึงจากมือจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว คนทั้งคนถูกดีดออกเช่นเดียวกัน
“อ๊าก…”
เขาถูกกิ่งพุทรานั้นดีดลอยหวืออยู่กลางอากาศ ภายใต้สถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้ เขาขยับมือเท้ามั่วซั่วอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเสียการทรงตัวและตกลงมา
โชคดีที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง ตอนตกลงมาคว้ากิ่งไม้ท่อนหนึ่งเพื่อยืมแรง ผลสุดท้ายมันลื่นยิ่งกว่าปลาเลน เขาชะงักอยู่ครู่หนึ่งก่อนกิ่งไม้จะหลุดมือ…
จากนั้นเสียง ‘ตึง’ ดังขึ้น บุตรตระกูลตู้ตกลงบนพื้นแล้ว
“โอ๊ย…ซี๊ด…ข้าผ่อนแรงตอนตกลงมาแล้ว…กิ่งไม้นั้นทำให้ข้าเสียศูนย์…”
บุตรตระกูลตู้กัดฟันลุกขึ้นยืน เมื่อครู่คว้ากิ่งได้ เดิมทีตกลงมาแล้วควรจะยืนตัวตรงได้
แซกๆๆ..แซกๆๆๆ…
กิ่งไม้และใบไม้บนต้นพุทราใหญ่ขยับเองแม้ไม่มีลม สั่นไหวทั้งทางซ้ายและขวาส่งเสียง ‘แซกๆ’ ทำให้บุตรตระกูลตู้สามคนเงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ
เหตุการณ์นี้ดำเนินต่อไปอีกหลายอึดใจ ทว่ารอบข้างไม่มีลมพัดอย่างชัดเจน
“หึๆ เป็นอย่างไร เด็ดได้หรือไม่”
อิ๋นชิงหัวเราะเสียงเย็น ทำลายความรู้สึกหวาดกลัวจางๆ ในใจของทั้งสามคน ครั้นมองต้นไม้อีกครั้งก็พบว่ามันสงบนิ่ง แต่ไม่มีใครรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพหลอน
ตู้เหิงนึกถึงภูตเสือที่อยู่บนเขาโคเทพในตอนนั้น คำว่า ‘ปีศาจ’ ปรากฏที่กลางใจ แต่คิดดูให้ดีแล้วรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง พอมองดูผลพุทราบนโต๊ะ ความคิดชนิดที่ว่าได้พบผลไม้เซียนก็เกิดขึ้น
…
ใกล้จะสิ้นปีแล้ว บรรยากาศเฉลิมฉลองในอำเภอหนิงอันเริ่มขึ้น อิ๋นชิงไม่เพียงช่วย ‘ปัดฝุ่น’ ในบ้านของตัวเอง ยังต้องเสียสละเวลาดูแลเรือนสันติด้วยเช่นกัน
คนตระกูลตู้สามคนช่วยทำความสะอาดเรือนเล็กแล้วก็บอกลาจากไป ไม่อยากให้ฮูหยินตระกูลอิ๋นลำบากทำอาหารต้อนรับ และพวกเขาก็ไม่คิดจะอยู่ที่อำเภอหนิงอันนานเช่นกัน
อย่างไรเสียอิ๋นชิงก็ยังไม่เติบใหญ่ คำบอกเล่าของจี้หยวนในตอนนั้นไม่ครบถ้วน เรื่องจอมยุทธ์รูปสลักเทพที่บันทึกไว้มีไม่เท่าไร อย่างมากก็เล่าคร่าวๆ ท่อนหนึ่ง จุดเริ่มต้นและจุดกึ่งกลางถูกกล่าวถึงในจังหวะเดียว ผลสุดท้ายมีแค่สีหมึกเข้มข้นเท่านั้น
หากไม่มีจิตนาการเจิมแต่งของอิ๋นชิง คนตระกูลตู้ก็ประหลาดใจที่คนผู้นี้พบเจอหายนะและประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ทว่าไม่มีความรู้สึกว่าแทนที่ได้แต่อย่างใด
แต่หลังจากเจอเรื่องต้นพุทรากับตัวเอง อย่างน้อยความสงสัยของตู้เหิงที่มีต่อประวัติของจอมยุทธ์รูปสลักเทพก็ลดน้อยลงไปมาก
เขามีความรู้สึกว่าแทนที่ได้อยู่บ้างเมื่อเทียบกับน้องชายสองคน โดยเฉพาะความเจ็บปวดเพราะแขนขาด ตอนนั้นหลังจากกลับบ้านไปได้ครึ่งปีกว่า ช่วงเวลาที่สภาพแขนย่ำแย่ที่สุดจนจำต้องตัดออก ความสิ้นหวังและโศกเศร้านั้นยังคอยหลอกหลอนตู้เหิงยามนอนหลับอยู่นับครั้งไม่ถ้วน
กระนั้นบทสนทนาที่มีร่วมกับเว่ยอู๋เว่ยที่งานเลี้ยงครบเดือน รวมถึงเรื่องที่ได้เห็นในเรือนสันติวันนี้ทำให้ลึกๆ ในหัวใจอันอ้างว้างของตู้เหิงมีไฟลุกโชนขึ้นเลือนราง
สามคนขี่ม้า สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ แม้อยู่ท่ามกลางลมหนาวร่างกายกลับอบอุ่นเพราะพุทราเพลิง ตู้เหิงที่กินไปสามผลยิ่งรู้สึกว่าความร้อนไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ราวกับมีพลังไม่มีที่สิ้นสุด ทุกครั้งที่หายใจเข้าออกก็จะมีปราณไหลเวียนอยู่ทั่วร่างด้วย
‘คนแรกเก่งกาจไร้ขีดจำกัด ท่านก็คือคนที่สอง!’
เสียงสดใสของอิ๋นชิงดังสะท้อนอยู่ในใจของตู้เหิง กอปรกับพลังจากพุทราเพลิงทำให้เขาจิตใจร้อนรุ่ม เรื่องราวที่เติมแต่งจนสมบูรณ์สั้นๆ นั้น ตอนแรกหยางกั๋วไม่ได้รับความช่วยเหลือจากใครเลย ทว่าเขาตู้เหิงอย่างน้อยก็มีตระกูลตู้!
“ไม่มีวิชาดาบมือซ้ายแล้วอย่างไร วิชาดาบมือขวาอันเป็นดาบคลั่งของตระกูลตู้ก็ไม่เป็นรองใครในใต้หล้าเหมือนกัน!”
ตู้เหิงพลันพูดเบาๆ เสียงหนึ่ง รู้สึกอึดอัดอยู่ในใจหากไม่พูดออกมา ทันใดนั้นเขาชักดาบที่อยู่ข้างหลังออกมาขณะอยู่บนหลังม้า กระโจนตัวขึ้นแล้วตีลังกากลางอากาศ จากนั้นสะบัดแขนตวัดดาบไปข้างหน้าอย่างแรง
สวบ
คมดาบผ่าลมหนาว สาดประกายคล้ายจันทร์เสี้ยวรอบกายตู้เหิง
หลังจากนั้นร่างกายของตู้เหิงตกลงบนหลังม้าเล็กน้อย ทว่าเขาถีบอากาศและฟันดาบไปอีกทางหนึ่ง
ร่างกายกระโจนขึ้นลงต่อเนื่อง สำแดงดาบมือซ้ายด้วยกระบวนท่าทั้งสิบสองของดาบคลั่งที่เคยฝึกแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เรี่ยวแรงเพิ่มมากขึ้นทุกครั้ง พลังรุนแรงขึ้นทุกครั้ง ทุกท่วงท่ามีความร้อนไหลเวียนปะทุในเส้นประสาททั้งหมด
จนถึงท่วงท่าสุดท้าย ตู้เหิงอ้าปากคำรามอย่างบ้าคลั่ง
“เคราะห์จงแหลกสลายเดี๋ยวนี้!!!”
เสียงคมดาบแหลมผ่าลมเหนือที่พัดมาข้างหน้าดัง ‘สวบ’ ทำให้ข้างหน้าไร้ลมไปชั่วคราว
หลังจากลอยตัวกลางอากาศแล้วก็ตกลงอย่างแผ่วเบา เก็บดาบ นั่งลงบนหลังม้าอีกครั้ง ตู้เหิงที่หอบหายใจอารมณ์แปรปรวน นี่เป็นการสำแดงสิบสองกระบวนท่าที่สมบูรณ์แบบครั้งแรกตลอดสามปีกว่าที่ผ่านมานี้ แต่กลับคล่องแคล่วลื่นไหลยิ่งกว่าตอนยังมีแขนขวาครบถ้วนเสียอีก อีกทั้งสำแดงออกมาบนหลังม้าด้วยซ้ำ
การแสดงยุทธ์นี้ทำให้ตู้เหิงมีความมั่นใจและเพิ่มกำลังใจเป็นอย่างมาก แม้แต่ขอบเขตกำลังภายในที่ถดถอยไปแล้วก็ลุกเป็นไฟ
“ฟืด…ฮู่…ฟืด…ฮู่”
ลมหนาวที่เข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจกลายเป็นความร้อนไหลเวียน ในจินตนาการตอนนี้ ตู้เหิงสับตัวตนที่เสื่อมโทรมของเขาเป็นชิ้นๆ แล้ว
น้องชายร่วมตระกูลสองคนอ้าปากค้างอยู่ข้างหลัง ในใจมีความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย จากความลังเลตอนเริ่มสะบัดดาบ สู่ความบ้าคลั่งตอนเก็บดาบในตอนท้าย ทั้งคู่คล้ายกับเปลี่ยนเป็นคนละคน
“อย่าเสียเวลาเลย รีบกลับจังหวัดเต๋อเซิ่ง นำพุทราหนึ่งผลที่ได้ไปให้เจ้าตระกูลเว่ยแล้วพวกเรากลับบ้านกัน แม้จะไม่ทันวันที่สามสิบ แต่อย่างไรปีนี้ก็ต้องกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้าน!”
ด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป เสียงพูดของตู้เหิงเกิดความเปลี่ยนแปลงอยู่บ้างเช่นกัน เรียบง่ายยิ่งขึ้น เด็ดขาดยิ่งขึ้นแล้ว
…
ร้านหมากแห่งหนึ่งในจังหวัดจิงจี จี้หยวนที่กำลังมองชายชราตัวผมสองคนลงหมากพลันมีสีหน้าตื่นตะลึง จึงก้มหน้ามองหมากในมือที่ปรากฏขึ้นรางๆ มองเห็นตู้เหิงสะบัดดาบผ่าลมหิมะด้วยแขนข้างเดียว
ทว่า…หมากตัวนี้ปรากฏขึ้นแปลกๆ อยู่บ้างนะ