เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 156 ถึงตายก็ไม่เปลี่ยน
ตอนที่ 156 ถึงตายก็ไม่เปลี่ยน
ความจริงบนแผงเล็กของนักพรตชิงซงก็เสี่ยงเซียมซีได้ แต่ผู้มากราบไหว้ศาลหลักเมืองส่วนใหญ่ชอบเสี่ยงเซียมซีหน้ารูปปั้นเทพหลักเมือง จากนั้นค่อยทายเซียมซีเองหรือหาคนมาตรวจดวง
การเสี่ยงเซียมซีในศาลถือเป็นการสื่อสารพิเศษกับเทพอย่างหนึ่ง การเสี่ยงเซียมซีหน้าศาลหลักเมืองโดยตรงค่อนข้างพิถีพิถัน เกี่ยวข้องกับบันทึกมรรคเทพในศาลมืดไม่มากก็น้อย ภายใต้การตั้งจิตผู้อธิษฐานย่อมได้รับแนวทางโดยคร่าว เพียงแต่ไม่เห็นชัดเจนนัก
ทว่าเซียมซีของหมอดูต่างออกไป ทำนายด้วยวิธีการพิเศษ ถือเป็นการทำนายรูปแบบหนึ่งเช่นกัน
ภายใต้การทักทายอย่างกระตือรือร้นของนักพรตชิงซง ชายวัยกลางคนนั่งบนเก้าอี้เล็กหน้าแผง ได้ยินนักพรตชิงซงพูดว่าเมื่อครู่ดูโหงวเฮ้งตนแล้ว เขาเอ่ยถามอย่างสงสัยประโยคหนึ่ง
“ท่านนักพรตบอกว่ากำลังดูโหงวเฮ้งข้า เช่นนั้นมีอะไรบอกกล่าวหรือไม่”
นักพรตชิงซงส่ายหัวยังไม่เอ่ยวาจา ด้านข้างนักพรตน้อยฉีเหวินกระแอมคราหนึ่ง
“ตรวจดวงก่อนๆ ข้าขอดูคำเซียมซีหน่อย ยังจำคำเซียมซีได้กระมัง”
ชายวัยกลางคนเองก็ไม่คิดมาก บอกตามความเป็นจริง
“ข้าเห็นเซียมซีภายในอารามเขียนว่าเสนาธิการห้ำหั่นไม่หยุด ปิ่งเจี่ย”
จี้หยวนเดินมาข้างต้นไม้ซึ่งนักพรตชิงซงตั้งแผงโดยไม่รู้ตัว ทั้งไม่ได้ใช้วิชาอัศจรรย์บังตาอะไร แค่ความสนใจของพวกเขาจดจ่อกับเรื่องอื่นจึงไม่เห็นเขา
จากคำพูดของชายวัยกลางคน ข้อมูลที่จี้หยวนได้รับอันดับแรกคือคนผู้นี้อาจรู้อักษร จากคำบรรยายคือตนมองเห็น ไม่ใช่คนเฝ้าศาลบอกเนื้อหาเซียมซี ส่วนเรื่องตรวจดวงชะตาคงต้องดูนักพรตชิงซงแล้ว ถึงอย่างไรจี้หยวนแค่ฟังคำเซียมซีนี้ก็รู้สึกว่าไม่ดีนัก
จี้หยวนไม่มัวแต่มองปราณ แค่มองเพลิงชีวิตเขายังถือว่าเปี่ยมท้น ดูท่าทางผู้มากราบไหว้คนนี้น่าจะไม่ใช่พวกลงมือต่อยคนตามใจ
นักพรตชิงซงฟังคำเซียมซีนี้แล้วขมวดคิ้ว มองผู้มากราบไหว้คนนี้อีกครั้ง
“เซียมซีแย่นะ…”
ถึงตรงนี้นักพรตชิงซงนับว่าท่าทางเหมือนผู้สูงส่ง เห็นชัดว่าทำท่าใคร่ครวญโดยละเอียด ทำให้ผู้มากราบไหว้ตึงเครียดเล็กน้อย
“ดูท่าว่าหน้าตาอับโชคของเจ้าไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิด!”
นักพรตชิงซงกล่าวเสริมประโยคหนึ่งด้วยท่าทางจริงจัง
“เจ้า!”
ชายคนนี้โกรธจนอารมณ์สุมอกทันที โชคดีว่าการควบคุมอารมณ์ไม่เลวนัก แค่กระแทกเสียงเล็กน้อย
“เชิญนักพรตตรวจดวงชะตา!”
ฉีเหวินอักอ่วนอยู่ด้านข้าง รีบอธิบายกับชายคนนี้ประโยคหนึ่ง
“เอ่อ คุณชายท่านนี้โปรดอย่าเข้าใจผิด อาจารย์ข้าแค่เห็นว่าช่วงนี้โหงวเฮ้งท่านไม่ค่อยดี ไม่ได้กำลังด่าท่าน…”
นักพรตชิงซงเหมือนรู้ว่าเมื่อครู่ตนปากมากประโยคหนึ่ง เขาทำหน้ายิ้มแหย เริ่มตรวจดวงชะตาทันที
“คุณชายท่านนี้ เรื่องที่ท่านอธิษฐานในศาลคือเรื่องครอบครัว ความปลอดภัย หรือกิจการ”
“ใช่ทั้งหมด”
นักพรตชิงซงพยักหน้าเล็กน้อย ดูโหงวเฮ้งของชายคนนี้อีกครั้ง
“พูดตามหลักการคือหน้าตาท่านผ่าเผย เครื่องหน้าทั้งห้างามสง่า โหงวเฮ้งไม่เลว แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับผิดแปลก น่าจะอยู่ในช่วงตกต่ำ ตามความหมายเซียมซีของท่าน ช่วงนี้ถ้าท่านไม่มีศัตรูคู่แค้นพัวพันก็มีคนเจ้าแผนการวางแผนใส่ท่าน ทั้งไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหน ตัวท่านก็จับเค้าลางอะไรได้แล้วใช่หรือไม่”
ชายสวมชุดรัดวัยกลางคนได้ยินแล้วตกตะลึงอย่างชัดเจน ออกอาการระมัดระวังไม่น้อย
“ท่านนักพรตโปรดกล่าวโดยละเอียด มีวิธีรับมืออะไรหรือไม่”
หนึ่งในสาเหตุย่อยที่นักพรตชิงซงชอบดูดวง ด้วยชอบมองการแสดงออกและการตอบสนองยามคนพวกนั้นถูกทำนาย เห็นการตอบสนองของชายคนนี้ ตัวเขาจริงจังขึ้นมาหน่อย
“ท่านย่อมรู้ว่าเสนาธิการคือที่ปรึกษาทางการทหารบริวารแม่ทัพ การต่อสู้ของเสนาธิการดูเหมือนมีชั้นเชิงอยู่บ้าง แต่กลับสร้างความดุเดือดแก่กองทัพ ภายในแสงดาบเงากระบี่ต้องเห็นเลือด!”
ชายวัยกลางคนฟังแล้วขนพองสยองเกล้าอยู่บ้าง หน้าเปลี่ยนสีไปหมด แต่คำพูดของนักพรตชิงซงยังไม่สิ้นสุด
“หากเป็นเซียมซีทั่วไปก็ช่างเถอะ แต่เซียมซีของท่านมีคำว่า ‘ไม่หยุด’ บ่งชี้ว่าสถานการณ์อันตราย!”
คำพูดนี้ต่อให้เป็นคนไม่มีความรู้อะไรก็ฟังเข้าใจแล้ว นับประสาอะไรกับชายวัยกลางคนซึ่งมีความรู้อยู่บ้าง สีหน้าไม่น่าดูยิ่งกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย
ตอนนี้ฉีเหวินที่อยู่ด้านข้างฟังอย่างจริงจังยิ่ง จี้หยวนซึ่งอยู่ห่างสองสามก้าวขมวดคิ้วเช่นกัน แต่ข่มกลั้นความคิดที่จะลืมตามองชายวัยกลางคนนี้โดยละเอียด คิดรอนักพรตชิงซงตรวจดวงหรือทำนายเสร็จค่อยใช้ตาทิพย์มองปราณ
“ความหมายของนักพรตคือเรื่องนี้ถึงขั้นไม่ตายไม่เลิกรา ไม่มีหนทางอื่นแล้วหรือ”
“เฮ้อ เรื่องทางโลกไม่แน่นอน คำเซียมซีถือเป็นการเน้นย้ำ แต่ใช่ว่าไร้หนทางจริงๆ ยังต้องดูสถานการณ์โดยละเอียด ถึงอย่างไรลดเจตนาร้ายหน่อย ทำดีสั่งสมบุญมากขึ้นย่อมไม่เลว”
นักพรตชิงซงกล่าวปลอบอย่างพบเห็นได้ยาก ดูท่าว่าคงหลาบจำไม่มากก็น้อย แต่วิธีดังกล่าวล้วนใช้กับเซียมซีเก้าส่วน แม้ว่าหลักการจะเข้าหูคนอื่นบ้าง แต่ยังรู้สึกว่าไม่สร้างกำลังใจอะไร
“ข้าว่าในใจท่านมีหนทางบ้างแล้ว มิฉะนั้นคำเซียมซีคงไม่ใช่ ‘เสนาธิการ’ แต่เป็น ‘ชายโง่’ มิสู้ท่านบอกแปดอักษรข้า ข้าช่วยท่านตรวจดวงชะตาเป็นอย่างไร”
เมื่อกล่าวถึงประโยคสุดท้าย เห็นชัดว่าเสียงนักพรตชิงซงนึกสนใจมากแล้ว
ตามความเข้าใจของจี้หยวน คนอย่างฉีเซวียนคงคิดในใจว่า ‘ดูดวงธรรมดามีความหมายอะไร แน่นอนว่ายิ่งเจออุปสรรคยิ่งสนุก!’
ความรู้สึกอาจเหมือนหมอบางคนสนใจโรคประหลาดรักษายาก
แต่เห็นชัดว่าชายวัยกลางคนมีความคิดของตน อาจรู้สึกว่าคำอธิบายของนักพรตชิงซงเมื่อครู่ทำให้พอจับเค้าได้แล้ว หรือเคยดูดวงมาหลายครั้ง เขาไม่มีความคิดบอกแปดอักษร
“ขอบคุณนักพรตที่ช่วยตรวจดวงข้า…”
ชายคนนั้นมองป้ายหน้าแผงเล็กคราหนึ่ง หยิบเหรียญทองแดงหนึ่งอีแปะห้าเหรียญออกมาจากถุงเงินแล้ววางบนโต๊ะ
“นี่คือค่าใช้จ่าย ขอลา!”
ชายคนนั้นพูดจบแล้วลุกขึ้น ประสานมือคิดจากไป
ปฏิกิริยาตรงข้ามเช่นนี้ทำให้นักพรตชิงซงร้อนรนอยู่บ้างแล้ว
“อ๊ะๆๆ ท่านอย่าเพิ่งรีบไป ข้าเห็นว่าตอนนี้ใบหน้าท่านมืดสลัว ท่านให้ข้าตรวจดวงชะตาหน่อย ลองดูอายุขัยของท่าน เป็นหรือตายย่อมต้องรู้ใช่หรือไม่”
ชายคนนั้นหันมามองนักพรตชิงซง ทั้งมองฉีเหวินซึ่งทำหน้าประหม่ารั้งอาจารย์ตนอยู่ด้านข้าง เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งก่อนจากไปโดยไม่แม้แต่หันกลับ
“คุณชายท่านนี้… ข้าต่างจากหมอดูคนอื่น พวกเขามองไม่ออก แต่ข้ามองออก…! โธ่เอ๊ย ฉีเหวินเจ้ารั้งข้าไว้ทำไม…”
“อาจารย์ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ถือว่าศิษย์ขอร้องท่าน คุณชายท่านนั้นไม่อยากดูดวง!”
“ทำไมเขาถึงไม่อยากดูดวง เขาแค่กลัวการตรวจดวงชะตา ข้าโน้มน้าวเขามากหน่อยก็จบแล้ว เฮ้อ!”
เห็นผู้มากราบไหว้เดินห่างไปแล้ว นักพรตชิงซงผ่อนลมหายใจ ทอดถอนใจประโยคหนึ่ง
“ยากเจอคนนิสัยดีเช่นนี้ด้วย…”
จี้หยวนกำลังลืมตามองชายวัยกลางคนนั้นเดินห่างไปไกล ได้ยินคำพูดนี้ของนักพรตชิงซงเขาทำหน้าไม่ถูก
“เรื่องความรู้สึกนักพรตฉีคงเข้าใจ ถ้าคนผู้นั้นนิสัยเสียหน่อยน่าจะโดนต่อยใช่หรือไม่”
เมื่อจี้หยวนเอ่ยปากด้วยเสียงราบเรียบฉะฉาน เขาดึงดูดความสนใจนักพรตชิงซงกับฉีเหวินทันที ทั้งสองคนหันกลับมาก็เห็นจี้หยวนยืนอยู่ข้างต้นไม้
“เป็นท่านจี้! ฮ่าๆๆ เป็นท่านจี้จริงด้วย! ท่านจี้ไม่เปลี่ยนไปสักนิด!”
ฉีเหวินดีใจจนแสดงออกทางสีหน้า แม้แต่นักพรตชิงซงฉีเซวียนยังตื่นเต้นยินดีมาก แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่เขาพลันอักอ่วนอยู่บ้างเช่นกัน รีบลุกขึ้นมาประสานมือคารวะ
จี้หยวนยิ้มพลางประสานมือ กล่าวกับฉีเหวิน
“นักพรตน้อยฉีเหวินโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตอนนั้นเจ้าเพิ่งตัวสูงเท่าคางอาจารย์เจ้าอยู่เลย ตอนนี้สูงพอกันแล้ว”
“เอ่อ แหะๆ ท่านจี้มาเมื่อไรหรือ”
นักพรตชิงซงตื่นกลัวอยู่บ้าง ท่านผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ
“มาสักพักแล้ว ยังไปเดินเล่นอารามเขาเมฆาก่อนค่อยมาหาพวกท่าน ไม่ทราบว่านักพรตเก็บแผงเมื่อไรหรือ”
“เก็บๆๆ เก็บเดี๋ยวนี้ ฉีเหวินอย่ามัวนิ่งอึ้ง พวกเราเก็บแผงกัน”
นักพรตชิงซงมองออกว่าท่านจี้เดินทางมาหาตนศิษย์อาจารย์โดยเฉพาะ มีหรือจะนั่งติด รีบเก็บกวาดของพร้อมฉีเหวิน ยังกล้าปล่อยให้เทพเซียนรอตนถึงพลบค่ำหรือ
ความจริงแผงเล็กนี้มีแค่ขาตั้งสองตัวกับแผ่นไม้หนึ่ง ปูผ้าหยาบเหลืองอีกผืน ไม่นานสองศิษย์อาจารย์ก็แยกส่วนเสร็จ แม้แต่ของจำพวกกระบอกเซียมซีจานทำนายยังเก็บเข้าตะกร้าไผ่ แบกอยู่บนหลังฉีเหวิน
“เก็บเสร็จแล้วๆ ท่านจี้กลับอารามเขาเมฆาไปกินอาหารธรรมดาพร้อมพวกข้าสักมื้อดีหรือไม่”
“ใช่แล้ว ท่านจี้ อาหารฝีมืออาจารย์ข้าอร่อยมาก”
“ขอแค่พวกท่านไม่รังเกียจข้าที่มารบกวนความสงบก็พอ”
จี้หยวนกล่าวหยอกล้อประโยคหนึ่ง ก้าวเท้าตามสองศิษย์อาจารย์ไปพร้อมกัน
“เป็นไปได้อย่างไร ท่านจี้มาเยือนอารามเล็กซอมซ่อของพวกเรา ถือเป็นเกียรติจริงๆ วันนี้ข้าจะแสดงฝีมือให้ท่านดู ลองให้ท่านชิมฝีมือคนธรรมดาอย่างข้าว่าเทียบกับหมอกน้ำค้างเซียนแล้วเป็นอย่างไร”
คำพูดคำจาอวดอ้างนัก แต่ก่อนหน้านี้จี้หยวนไปดูห้องครัวอารามเขาเมฆาแล้ว ข้าวถือว่าไม่พร่อง แต่น้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชูกลับไม่มากพอ
“เช่นนั้นต้องขอดูฝีมือนักพรตแล้ว กินหมอกดื่มน้ำค้างไม่มีรสชาติอะไร แต่ข้าเคยกินอาหารงานเลี้ยงวังมังกรมาก่อน”
นักพรตชิงซงได้ยินแล้วประหม่าแตกตื่นทันที เขาแค่กล่าวตามมารยาท ท่านจี้อย่าคิดจริงจัง!
จี้หยวนพาสองศิษย์อาจารย์ไปตลาดประจำอำเภอโดยไม่ลังเล ซื้อของจำเป็นมาเล็กน้อย ยังไม่ลืมซื้อปลากับเนื้อด้วย
แต่เมื่อออกจากอำเภอตงเยวี่ย จี้หยวนยังหันกลับไปมอง แน่นอนว่าต้องให้ฉีเซวียนดื่มอำพันมังกรสักสองสามจอก คาดว่าคงทำให้นักพรตคนนี้หลับไปหลายวัน
แน่นอนว่าสองสามวันนี้คงไม่ไปตั้งแผงอีก ไม่รู้ว่าผู้มากราบไหว้คนนั้นจะกลับมาหานักพรตเพื่อดูดวงขอความช่วยเหลือหรือไม่