เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 191 เปลี่ยนหยินเป็นหยาง เปลี่ยนมายาเป็นความจริง
ตอนที่ 191 เปลี่ยนหยินเป็นหยาง เปลี่ยนมายาเป็นความจริง
เพียงแค่การแนะนำเรียบง่ายก็ยืนยันได้ถึงที่มาที่ไปของอีกฝ่ายแล้ว แม่น้ำวสันต์ระยะหลักๆ ไหลอยู่ใกล้เคียง เทพแม่น้ำมังกรเจียวขาวนั้นเทพหลักเมืองรู้จักเช่นกัน ทว่าอิงรั่วหลีมีแสงเทพแห่งเทพแม่น้ำมากกว่าส่วนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องลวง แม้แต่แคว้นข้างเคียงต้าเจินก็มีเพียงแม่น้ำเทียมฟ้าแล้ว
ในอดีตเทพแม่น้ำใหญ่มทั้งสองไม่ได้เผยแสงเทพมากขนาดนี้ แม้ยากจะปกปิดได้มิด แต่อย่างมากรัศข้างหลังก็ไม่ธรรมดา ตอนนี้เพื่อบ่งบอกถึงสถานะของตนเองโดยสิ้นเชิง
กายพรตเทพหลักเมืองจังหวัดเต๋อเซิ่งติดตามอยู่ข้างกายพวกจี้หยวน นำทางแขกผู้มีทั้งหมดเข้าไปในศาลมืดจังหวัดเต๋อเซิ่ง ปราณทมิฬภายในตลบอบอวล ปราณวิญญาณเข้มข้น หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาต้องกระวนกระวายใจแทบแย่เป็นแน่ ทว่าสำหรับพวกจี้หยวนแล้วย่อมปกติสุขดี
“ข้างหน้าก็คือตำหนักหลัก เชิญทุกท่าน!”
เทพหลักเมืองผายมือเชิญแขก จากนั้นนำหน้าเข้าไปในตำหนักหลักเมือง
เมื่อเทียบกับกลุ่มภูตผีกลุ่มอื่น ความจริงเทพหลักเมืองต่างก็มีความภูมิใจในตนเอง เคารพผู้มีมรรควิถีสูงล้ำและพลังแก่กล้า ทว่าไม่มีทางลดเกียรติของตนเองลง หลังจากแสดงความเกรงใจที่มากพอแล้ว ควรจะทำอย่างไรก็ทำเช่นนั้น
ภายในตำหนักหลัก เทพหลักเมืองนั่งบนที่นั่งประธาน ส่วนจี้หยวนและมังกรเฒ่านั่งอยู่ทางขวา ธิดามังกรและไป๋ฉีนั่งอยู่ทางซ้าย
เจ้ากรมทั้งหลายและเจ้าที่นั่งอยู่สองฝั่ง มีบางคนชอบยืนมากกว่า ที่จริงฉินจื่อโจวก็มีเก้าอี้เช่นกัน อย่างไรเสียภูตผีทั้งหมดที่นี่ในตอนนี้ล้วนรู้ว่าอนาคตของหมอฉินผู้นี้ ไม่ว่าอีกร้อยปีหรืออีกหลายร้อยปีอาจกลายเป็นเทพท่องโลกตัวจริงก็เป็นแท้
ทว่าฉินจื่อโจวไม่กล้านั่งลง ไม่ได้มองว่าเจ้ากรมแห่งศาลมืดมากมายเลือกยืนหรือไม่
“ฉินจื่อโจว ตอนยังมีชีวิตเจ้าเป็นผู้มีเมตตามากที่สุดคนหนึ่งในจังหวัดเต๋อเซิ่ง ทั้งชีวิตไม่เคยมีพฤติกรรมผิดศีลธรรม จัดการครอบครัวอย่างเข้มขวด สั่งสอนศิษย์อย่างระมัดระวัง ประกอบอาชีพหมอนานแปดสิบปีช่วยชีวิตคนนับไม่ถ้วน มีอายุขัยยาวนานถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปี บุญกุศลปกปักลูกหลานได้อีกหกรุ่น…”
คุณงามความดีของฉินจื่อโจวไม่เพียงเกิดจากการทำอาชีพหมอรักษาคน อีกทั้งให้ความรู้ศิษย์ที่มีศีลธรรมจรรยาบรรณโดดเด่นมากมาย หลายปีมานี้มีผู้ได้รับความกรุณาไม่รู้มากมายเท่าไหร่
เทพหลักเมืองจังหวัดเต๋อเซิ่งตัดสินความดีทั้งชีวิตฉินจื่อโจวด้วยตนเอง พูดถึงตรงนี้แล้วหยุดครู่หนึ่ง กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วถึงกล่าวต่อ
“วันนี้มีท่านเซียนซาบซึ้งในความดีของเจ้า และเห็นว่าในกายเจ้าบ่มเพาะปราณบริสุทธิ์ ปรารถนาให้เจ้าฝึก…มรรคแห่งเทพท่องโลก เจ้ายินยอมหรือไม่”
ถึงแม้เป็นเทพหลักเมือง ครั้นกล่าวถึงเทพท่องโลกแล้วก็ยังเพิ่มความจริงจังขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก่อนพวกจี้หยวนจะมาถึง เทพทั้งหมดในศาลมืดอธิบายให้ฉินจื่อโจวฟังแล้วว่าเทพท่องโลกคืออะไร แม้เพราะลี้ลับมากจริงๆ เทพศาลมืดก็ไม่นับว่าเข้าใจถ่องแท้เช่นกัน แต่อย่างน้อยก็ทำให้ฉินจื่อโจวไม่มึนงงอีก
ตอนนี้จี้หยวนพาเทพแม่น้ำหลักมาถึงแล้ว ทว่าผู้ที่เลือกหนทางที่แท้จริงยังคงเป็นตัวฉินจื่อโจวเอง
พูดแบบไม่จริงจังนั่นเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะมีชีวิตอยู่นานเกินไป ในศาลมืดไม่มีบรรพบุรุษตระกูลฉินเลยสักคน กระนั้นเมื่อผ่านการปรับตัวหลังจากตายมาได้สองวัน ชายชราตระกูลฉินไม่ได้กระวนกระวายใจทำตัวไม่ถูกเหมือนตอนเพิ่งตายขนาดนั้น กลับมีทีท่าสงบนิ่งของหมอเทวดาครั้นยังมีชีวิต
บางครั้งเผชิญหน้ากับผู้ป่วยที่มีอาการย่ำแย่ เพื่อนฝูงผู้ป่วยล้วนไม่กล้าเข้าใกล้ นอกจากญาติสนิทแล้วมีเพียงผู้เป็นหมอเท่านั้นที่สงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน และฉินจื่อโจวเป็นคนเช่นนั้น
ฉินจื่อโจวรู้แล้วว่าโอกาสนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด ในใจมีทางเลือกแล้วเช่นกัน แต่ตอนนี้เขาเจอกับคำถามของเทพหลักเมือง หลังจากประสานมือคารวะแล้วกลับมีคำถามแทนที่จะเป็นคำตอบ
“ข้าคนแซ่ฉินรู้ว่านี่เป็นโอกาสยากชนิดพันปีก็อาจไม่มีสักครั้ง ทว่าอยากขอถามท่านเซียนเล็กน้อยว่าเหตุใดต้องเลือกข้า ถึงข้าเองจะทำอาชีพช่วยคนไว้ไม่น้อย ร่างกายและวิญญาณอาจมีความพิเศษอยู่บ้างจริงๆ แต่ด้วยความสามารถของท่านเซียน ท่านหาคนที่เหมาะสมได้มากมายอย่างแน่นอน มีอะไรที่ข้าตอบแทนท่านเซียนได้หรือ”
คำพูดนี้ของฉินจื่อโจวความจริงก็เป็นข้อสงสัยของคนมากมายในที่นี้เหมือนกัน และอาจมีเพียงมังกรเฒ่าที่พอเข้าใจได้อยู่บ้าง
จี้หยวนฟังแล้วคิดในใจ ‘หมอฉินเจ้าช่างประเมินตนเองต่ำเกินไปจริงๆ ร่างวิญญาณของเจ้านี้หาได้ไม่เท่าไหร่หรอกนะ’
ทว่าปากกลับไม่ได้พูดเช่นนั้น ใช้คำถามแทนคำตอบ ขณะเดียวกันตาทิพย์เบิกโพลงสุดขีด
“หมอฉิน เจ้าทำอาชีพหมอด้วยเหตุผลใด”
ฉินจื่อโจวชะงัก นี่ยังต้องถามอีกหรือ
“แน่นอนว่าเพื่อรักษาช่วยชีวิตคน!”
คำตอบของฉินจื่อโจวออกมาจากใจจริงอย่างสมบูรณ์ ปราณบริสุทธิ์ไหลเวียน ปราณของร่างวิญญาณไร้ระลอกคลื่นและเป็นธรรมชาติ
คำอธิบายนี้ตรงกับความต้องการและความยินดี สำหรับฉินจื่อโจวแล้วหลายปีมานี้เป็นปณิธานในชีวิตที่เรียบง่ายที่กระทั่งไม่อาจเรียบง่ายได้อีก เรียบง่ายเหมือนกับการที่มนุษย์ต้องกินข้าวดื่มน้ำอย่างไรอย่างนั้น
คล้ายกับคำพูดนี้เรียบง่ายมาก ทว่าความจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น อย่างน้อยก็มีคนพูดอย่างนิ่งสงบเช่นนี้ได้น้อยมาก
“ข้าคนแซ่จี้หวังว่าหมอฉินจะก้าวสู่เส้นทางการฝึกเทพแล้วยังคงทำการรักษาต่อไปได้ ทว่าไม่ใช่แค่คนร้อยพันคน พื้นที่หนึ่งหรือสองแห่ง เป็นคนและวิญญาณทั่วทั้งใต้หล้า สรรพชีวิตนับไม่ถ้วน เป็นอย่างไร”
“เอ่อ…”
ฉินจื่อโจวพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการทว่าจินตนาการถึงความนัยในคำพูดของจี้หยวนไม่ออกอยู่บ้าง ยิ่งกว่าว่าตนเองไม่มีความสามารถทำได้ อย่างไรเสียเขายังคงมีความคิดเช่นมนุษย์ แต่เข้าใจเรื่องคุณธรรมยิ่งใหญ่ได้
จี้หยวนกลับยิ้ม
“หนทางแห่งเทพท่องโลกแม้ไม่อาจสำเร็จได้ในก้าวเดียว ทว่ามหัศจรรย์เหนือธรรมดาอย่างแท้จริง ผู้ไร้จริยธรรมไม่อาจสำเร็จได้ หมอฉิน เจ้าคิดว่าใต้หล้ามีคนสำเร็จได้เช่นเจ้ากี่คนกัน”
จี้หยวนไม่รอฉินจื่อโจวตอบ พูดต่ออีกว่า
“ข้าคนแซ่จี้ฝึกปราณจนถึงวันนี้ เคยเจอคนเช่นนั้นแค่เจ้าคนเดียว!”
ทันทีที่พูดออกไป ผู้ล้ำเลิศในมรรควิธีเหล่านั้นอันรวมถึงมังกรเฒ่าพิจารณาฉินจื่อโจวอย่างละเอียดอีกครั้งตามจิตใต้สำนึก พิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ยอมหยุด ได้รับคำชมจากท่านจี้เช่นนี้ ฉินจื่อโจวผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
เห็นปฏิกิริยาของภูตผีแล้ว ฉินจื่อโจวพลันกดดันเป็นเท่าทวี ราวกับตระหนักได้ถึงความพิเศษของตนเองเช่นกัน
“คน ผี ปีศาจ วิญญาณ เทพ เซียน อรหันต์ มาร สัตว์มีเกล็ด จำพวกนก ปศุสัตว์ ต้นไม้ใบหญ้า ไปจนถึงภูผาธารา ทุกสรรพสิ่งบนโลกมีจิตวิญญาณ มีความรู้สึก ข้าคนแซ่จี้หวังว่าหมอฉินเข้าสู่หนทางแห่งการฝึกเทพแล้วยังคงรักษาผู้อื่นต่อไปอีก เพื่อสรรพสิ่งที่มีจิตวิญญาณและความรู้สึก!”
แม้วาจานี้เรียบสงบ แต่กลับถาโถมราวความรู้สึกที่ว่าโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ในใจของผู้ฟังเกิดเขตแดนของสิ่งมีชีวิตบนฟ้าดิน ฉินจื่อโจวยิ่งสะท้านในใจระคนตื่นตะลึง สีหน้าแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้
จี้หยวนลุกขึ้นยืน มองวิญญาณฉินจื่อโจวอย่างจริงจัง ยิ่งเปิดภูผาธาราเขตแดนในกาย ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนผัน รวมเจตจำนงภายในและนอกของตนเอง
นี่ก็คือผลสำเร็จจากการฝึกด้วยตนเองซึ่งจี้หยวนตระหนักถึงสภาวะ ‘โศกเศร้า’ อันเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังพบกับฉิวเฟิงในเรือนเล็กก่อนหน้านี้ แม้เทียบไม่ได้และไม่กล้าเทียบกับเขตแดนในตอนนั้น แต่กลับอัศจรรย์ไม่ธรรมดา
“ทำได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง กล้าทำยินดีทำหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผู้เดินบนเส้นทางแห่งเทพท่องโลกได้มีน้อยเสียเหลือเกิน ทว่าเส้นทางอาจเดินไม่ง่าย แม้กระทั่งน้อยนิดเช่นเดียวกับผู้ฝึกเซียนสำเร็จมรรค…”
จี้หยวนพูดถึงตรงนี้แล้ว น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้นและทรงพลังขึ้น
“ฉินจื่อโจว เจ้ายินยอมฝึกเทพเพื่อสรรพสิ่งในใต้หล้าหรือไม่”
เสียงของเขาเหมือนน้ำป่าไหลหลาก สะท้านภูตผีร่างวิญญาณที่มรรควิถีตื้นเขินรอบข้างจนตัวชาหนึบ วิชาอัศจรรย์เลือนรางซ่อนอยู่ในเสียง วิญญาณที่เพิ่งตายของฉินจื่อโจวกลับถูกปลุกขึ้นจากภวังค์ มองดวงตาสีเทาไร้ระลอกคลื่นคู่นั้นของจี้หยวน
ในเสียงมรรค ฉินจื่อโจวเพียงรู้สึกว่าสายตาคล้ายกับถูกร่นระยะ มองเห็นภูผาใต้หล้าจากข้างใน…
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ปราณบริสุทธิ์ภายในกายฉินจื่อโจวฉายชัดออกมาข้างนอก จากดวงตาเซียนมองเห็นความจริงในใจ ทุกความนึกคิดเหล่านั้นของตนเองช่างเป็นเรื่องเล็กน่าขันท่ามกลางความลี้ลับของใต้หล้าในเวลานี้ เขายืนตระหง่านนิ่งงันท่ามกลางมรรคผันเปลี่ยน ก่อนจะประสานมือโค้งตัวคารวะ
“ฉินจื่อโจวไม่กล้าและไม่อาจพูดได้ว่าจะเติมเต็มความปรารถนาของท่านเซียน ทว่าหนทางนี้ข้าน้อยยินดีเดิน!”
ครั้นสิ้นเสียง ภายในแขนเสื้อจี้หยวนเกิดตัวหมากทว่าไม่พูดจา ปราณผีจากกายผีของฉินจื่อโจวยิ่งแทบหายไปไร้รูปร่าง ปราณบริสุทธิ์ภายในกายหมุนเวียน ทำให้ผู้อื่นสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวาไม่ต่างอะไรจากมนุษย์
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ภูตผีภายในตำหนักต่างตกตะลึง ด้วยล้วนคิดว่าจี้หยวนเริ่มช่วยฉินจื่อโจวแล้ว แม้แต่มังกรเฒ่าก็คิดเช่นนั้น โดยไม่รู้เลยว่าหัวใจในกายจี้หยวนเองก็สั่นสะท้านไม่น้อย เพียงรู้สึกได้อย่างล้ำลึกยิ่งกว่าคนอื่น จึงรู้สึกได้รางๆ ว่านี่อาจจะเป็นผลจากคำสาบานของฉินจื่อโจวเอง
เห็นฉินจื่อโจวคารวะอย่างจริงจัง จี้หยวนในตอนนี้ไม่กล้าเฉื่อยชา ประสานมือโค้งตัวคารวะฉินจื่อโจวเช่นกัน
“ท่านฉินคุณธรรมสูงส่ง!”
จี้หยวนกลัวว่าฉินจื่อโจวจะทนรับสภาวะที่หาได้ยากเช่นนี้ไม่ได้ จึงกล่าวกับเทพหลักเมืองจังหวัดเต๋อเซิ่งทันที
“หวังว่าจะยืมใช้ดินแดนหยินสุดขั้วของศาลมืดได้!”
เทพหลักเมืองลุกขึ้นยืนรับปาก
“ท่านเซียนเชิญตามสบาย หากสะดวกล่ะก็ อนุญาตให้ทุกคนในศาลมืดของข้าชมอยู่ข้างๆ หรือไม่”
“ไม่ได้มีวิชาปีศาจอันตรายอะไร ชมห่างออกไปเก้าจั้งไม่เป็นไร”
…
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ของศาลมืด แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องลับสุดยอด จี้หยวนยังไม่ได้พูดว่าห้ามเผยแพร่ให้คนนอกรู้ ทว่าทั้งศาลมืดกลับตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง นอกจากเจ้ากรมทั้งยี่สิบสี่และยมทูตดำไม่กี่คนแล้ว คนอื่นในศาลมืดไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด รู้เพียงว่ามีเทพแม่น้ำใหญ่สององค์มาเยือน
พื้นที่หยินสุดขีดอยู่ในคุกของกรมลงทัณฑ์ วิญญาณร้ายที่แต่เดิมถูกขังไว้พากันถูกยมทูตดำพาออกไปจากที่นี่ แม้แต่ห้องขังไม้ทมิฬก็ถูกเทพใหญ่กรมลงทัณฑ์ใช้วิชาย้ายออกไป ตอนนี้พื้นที่หยินสุดขีดแม้ยังคงมีปราณหยินเข้มข้น ทว่าแสงเทพครอบคลุมไว้แล้ว
ฉินจื่อโจวนั่งอยู่ตรงใจกลาง เบาะนั่งฝั่งซ้ายเป็นเทพแม่น้ำจังหวัดชุนฮุ่ยไป๋ฉี ฝั่งซ้ายเป็นเทพีแม่น้ำเทียมฟ้าอิงรั่วหลี
มังกรเฒ่าและจี้หยวนคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง คนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้า รอบคุกเป็นเทพหลักเมืองและเทพใหญ่ยี่สิบสี่กรม ย่อมยังมีเจ้าที่อำเภอเต๋อหย่วนด้วย
ผู้พิพากษาฝ่ายบุ๋นในมือถือกระดาษสมุดขยับพู่กัน สามส่วนมีชีวิตชีวา เจ็ดส่วนไม่ชัดเจน และมีภาพมหัศจรรย์ในเมฆหมอกปรากฏบนกระดาษ เขาลูบเคราด้วยพึงพอใจในฝีมือของตนเอง บนนั้นเขียนเอาไว้ว่า ‘ปลุกเทพท่องโลก’
จี้หยวนยืนอยู่ตรงหน้าฉินจื่อโจวอย่างสง่างาม วาดมือกลางอากาศ ตัวอักษร ‘บัญชา’ ปรากฏบนพื้นที่ที่ฉินจื่อโจวนั่งอยู่
“เทพแม่น้ำทั้งสอง รบกวนแล้ว!”
“ท่านอาจี้ไม่ต้องเกรงใจ!”
“ท่านจี้ไม่จำเป็นต้องมากพิธี!”
ธิดามังกรและมังกรเจียวขาวรับปากพร้อมกับ บนมือสำแดงวิชาเริ่มออกท่าทาง ปราณสะอาดเหมือนสายน้ำบังเกิดขึ้นบนพื้นที่หยินสุดขีด ทำให้ปราณหยินของพื้นที่แห่งนี้ยิ่งเข้มข้น
มังกรเฒ่าที่ยืนอยู่ข้างหลังสะบัดแขนเสื้อ ขณะใช้วิชาอย่างบ้าคลั่งทำให้น้ำและพลังหยินเกิดขึ้น ถึงขนาดเกิดน้ำพุวิญญาณหยินหลายสายโอบล้อมวิญญาณของฉินจื่อโจว
แสงเทพของธิดามังกรและไป๋ฉีเจิดจ้า เบื้องหลังปรากฏกงล้อแสงสีรุ้ง โดยกระแสแสงสีรุ้งเคลื่อนไหวตามการขยับมือสำแดงวิชาของทั้งสอง พากันสลัดหลุดออกห่างก่อนรวมกับเข้าน้ำพุวิญญาณ ขณะนี้ได้ยินชาวประชาขอพร มองเห็นกำยานไหลเวียนอยู่รางๆ
เล็กน้อยจนไม่รู้ว่าซ่อนแรงปรารถนากำยานไว้มากน้อยเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าตอนนี้หลั่งไหลออกไปมากแค่ไหน
ยิ่งแสงเทพเจิดจ้ายิ่งขึ้น ภายในคุกถูกมายาแสงครอบคลุมไว้แล้ว ภูตผีข้างนอกถึงขั้นไม่อาจมองเห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน แต่ไม่ว่าภูตผีส่งเสียงและปรึกษากันอย่างไร ก็ทำได้เพียงใช้ตาทิพย์มองดูด้วยความตึงเครียด
จี้หยวนก็เบิกตาทิพย์คู่นั้นถึงมองเห็นทุกอย่างชัดเจน ตามน้ำพุวิญญาณนั้นแยกกันเติมเข้าไปในร่างวิญญาณของฉินจื่อโจว ร่างวิญญาณที่มีปราณบริสุทธ์ไหลเวียนถึงขอบเขตของกายหยินแล้ว
“บัญชา เปลี่ยนแปลง!”
เสียงบัญชาที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปของจี้หยวนเปล่งออกมาพร้อมปราณโลกาสวรรค์กลุ่มใหญ่ ดังกังวานเหมือนระฆังยักษ์อย่างไรอย่างนั้น
ตัวอักษรบัญชาใต้ร่างฉินจื่อโจวส่องสว่าง ขณะเดียวกันแรงปรารถนากำยานและปราณโลกาสวรรค์ภายในกายผสมผสาน เติมเข้าไปในปราณบริสุทธ์ของฉินจื่อโจวแต่เดิมจนสิ้น
อันดับแรกในกายเกิดน้ำทานตะวัน จากนั้นหยางแท้จุดหนึ่งเกิดขึ้นด้วยตนเอง ก่อนจะสว่างไสวราวกับดาวตก ร่างกายทั้งร่างเปลี่ยนจากหยินเป็นหยาง เปลี่ยนจากมายาเป็นจริง