เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 218 เพลงดาบพื้นเมือง
ตอนที่ 218 เพลงดาบพื้นเมือง
จดหมายฉบับนี้เรียกได้ว่าเป็นการเขียนอักษรที่ควรค่าให้เก็บรักษาไว้ แต่มันไม่เพียงเป็นเทียบอักษรสวยวิจิตรเท่านั้น เพราะผู้เขียนมันไม่ใช่คนธรรมดา
แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงจดหมาย อิ๋นชิงไม่แน่ใจว่ามันจะมีประโยชน์อะไรมาก ทว่าดูจากท่าทางของสตรีสามคนนี้แล้ว อย่างน้อยก็ทำให้พวกนางตกใจได้
“พี่อิ๋น เหตุใดกระดาษในมือเจ้าถึงเรืองแสงได้”
โม่ซิวอยู่ใกล้ที่สุด เห็นจดหมายในมืออิ๋นชิงส่องแสงออกมา น่าตื่นตกใจมากอย่างเห็นได้ชัด พ่อค้าเร่และบัณฑิตสองคนอีกด้านหนึ่งอยู่ห่างออกไปหน่อย แม้มองเห็นไม่ชัดเจนขนาดนั้น แต่ก็มองเห็นแสงเรืองรองจากกระดาษในมืออิ๋นชิงอยู่เลือนรางจริงๆ
“นี่ แม่นางทั้งสาม พวกเจ้าเป็นอะไรไป”
อิ๋นชิงถามด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด โม่ซิวก็มองพวกนางแล้วถามเช่นกัน
“ใช่ พวกเจ้าเป็นอะไรไป”
“อาจเป็นเพราะพวกเรารบกวนพวกนางอยู่ที่นี่ เอาอย่างนี้แล้วกัน เสื้อผ้าในกล่องตำราแม่นางทั้งหลายรับไปเถอะ ข้ากับน้องโม่จะไปทางนู้น ไม่มองพวกเจ้า!”
อิ๋นชิงวางจดหมายไว้บนโต๊ะตัวที่เหลยอวี้เซิงหลับอยู่เดิม จากนั้นหยิบเสื้อผ้าสองชุดออกจากกล่องตำราของตนเอง แล้วนำเสื้อผ้าของโม่ซิววางลงบนโต๊ะด้วย สุดท้ายยกกล่องตำราขึ้นทั้งหมดก่อนส่งให้โม่ซิว ส่วนตนเองหยิบจดหมายอีกสองฉบับขึ้นเพื่อไม่ให้แตะถูก ‘โดยไม่ทันระวัง’ อีก
“น้องโม่ พวกเราไปเถอะ”
อิ๋นชิงส่งสายตาให้โม่ซิว ตอนนี้อีกฝ่ายดึงสติกลับมาได้บ้างแล้ว ยกกล่องตำราเดินไปยังตำแหน่งของพ่อค้าเร่ร่วมกับอิ๋นชิง
ความตั้งใจเดิมของอิ๋นชิงคือพาโม่ซิวกลับไป ตอนนี้ยิ่งไม่ใช่เวลาอวดเก่ง
ทุกคนทางนั้นมองสตรีสามคน จากนั้นหลายคนก็มองไปยังจดหมายในมือของอิ๋นชิงอีกครั้ง
ตอนนี้ใกล้กว่าเดิมหน่อย ในที่สุดพ่อค้ากลุ่มหนึ่งไปจนถึงหลินชินเจี๋ยและเหลยอวี้เซิงก็มองเห็นจดหมายในมืออิ๋นชิงชัดเจน แสงที่สะท้อนอยู่นั้นแท้จริงแล้วเป็นตัวอักษรตัวเล็กๆ หลายตัว
อิ๋นชิงไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงวางกล่องตำราลงพร้อมโม่ซิว ก่อนนั่งอ่านจดหมายในมืออยู่ตรงนั้น
ผ่านเรื่องเมื่อครู่นี้มาแล้ว บรรยากาศในสถานพักม้าเครียดเกร็งขึ้นมา พ่อค้าเร่ทั้งหมดถือขวานไว้ไม่ปล่อยมือ บัณฑิตสี่คนก็สังเกตอะไรบางอย่างได้จากการส่งสายตาให้เรื่อยๆ ของอิ๋นชิง
สตรีสามคนที่บนกายยังคงเปียกชุ่มยืนห่างบัณฑิตและกองไฟไปหนึ่งจั้ง จ้องมองมุมหนึ่งที่มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งอยู่ตลอด เพราะอยู่ห่างกับแสงไฟค่อนข้างไกล ทุกคนจึงมองเห็นสีหน้าของพวกนางไม่ชัดเจน
วิ้ว…วิ้ว…
ครืน…
เสียงลมเสียงฝนข้างนอกยังคงดังต่อเนื่อง เสียงฟ้าร้องบ่อยครั้งเดี๋ยวรุนแรงเดี๋ยวแผ่วเบา กองไฟสองกองในสถานพักม้าส่ายไหวเพราะลมที่พัดเข้ามาอยู่บ้าง
หลังจากได้จดหมายแล้ว พลังความร้อนบนตัวอิ๋นชิงและพลังความร้อนของคนรอบๆ ราวกับถูกชักนำ เหมือนกับศัตรูรวมตัวกันด้วยความโกรธเกรี้ยว มุมจุดพักม้าเป็นปราณไฟลุกโชนโดยตรง
แม้สตรีสามคนมองดูแล้วไม่ค่อยชัดเจน แต่กลับรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายหยางที่เข้มข้นสายหนึ่งจากมุมนั้น ทำให้เครื่องหน้าของพวกนางไม่น่ามองสักเท่าไหร่
ผ่านไปสิบกว่าลมหายใจให้หลัง ถึงสตรีสามคนทางนั้นหวาดกลัว แต่ยังคงเอ่ยปากถามเสียงหนึ่ง อย่างไรเสียเมื่อครู่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร
“คุณชาย…สิ่งที่อยู่บนมือท่านคืออะไรหรือ…ท่าทางมีค่าทีเดียว!”
เวลานี้อิ๋นชิงยังคงเป็นกังวลจริงๆ จดหมายของท่านจี้ไม่ใช่ท่านจี้ส่งมาด้วยตนเอง อาจคุ้มครองทุกคนให้ปลอดภัยไม่ได้ เขามองคนรอบข้าง ตั้งสติตอบคำถามสตรีนางนั้น
“ไม่มีอะไรพิเศษ นี่เป็นเพียงจดหมายของผู้อาวุโส ข้าช่างสะเพร่านัก อ่านจบแล้วไม่เก็บไว้ให้ดี”
อิ๋นชิงเขย่าจดหมาย กระแสแสงบนนั้นวูบไหวราวกับริ้วคลื่น มหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
“แม่นางทั้งสามตากฝนจนตัวเปียกแล้ว รีบผิงไฟเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าแห้งดีกว่า ไม่เช่นนั้นคงจะต้องไม่สบายแล้ว เมื่อตากเสื้อผ้าของพวกเจ้าแห้ง พรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนใส่แล้วคืนเสื้อผ้าของพวกข้าก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรพวกข้าเช่นกัน”
ความนัยในคำพูดของอิ๋นชิงคือหวังว่าทุกคนจะปลอดภัยไร้อันตราย น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง[1]
สตรีทั้งสามมองกันเอง สุดท้ายเดินไปนั่งข้างกองไฟ กอดเข่านั่งยองอยู่ครู่หนึ่งค่อยมองเสื้อผ้าที่บัณฑิตให้ไว้
“เป็นบัณฑิตตัวจริงเสียงจริง สาวๆ ในเมื่อคุณชายให้พวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้า เช่นนั้นพวกเราก็เปลี่ยนเถอะ จะได้ไม่เป็นหวัดเอา”
สองคนที่เหลือได้ยินแล้วหัวเราะเสียงหนึ่ง ทันใดนั้นลุกขึ้นเริ่มเปลื้องผ้า
เดิมทีนอกกองไฟกั้นไว้ด้วยแผ่นไม้หน้าโต๊ะ โต๊ะของสถานพักม้าแห่งนี้ไม่สูง แต่โต๊ะนับว่าไม่เล็กทั้งสิ้น สตรีต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้าจริงๆ คุกเข่าลงก็สามารถทำได้แล้ว ใช้โต๊ะเป็นฉากบังได้พอดิบพอดี กลับคิดไม่ถึงเลยว่าสตรีทั้งสามจะลุกขึ้นยืน นี่ทำให้เปิดเผยร่างกายท่อนบนที่งดงามอย่างหมดจด
เมื่อเสื้อหลุดร่วงลง ผิวขาวละเอียดไร้สิ่งใดปิดบัง คนตรงมุมต่างมองจ้องไม่วางตา รู้ชัดว่าแปลกกลับยากจะเบือนหน้าหนี แม้แต่อิ๋นชิงก็ร้อนใบหน้าเช่นกัน เขาย่อมสนใจในสตรีเพศอยู่แล้ว แต่ยังไม่ถึงกับไร้มารยาทมองตรงๆ กระนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เขาจำเป็นต้องสนใจการกระทำของอีกฝ่าย ไม่อาจปล่อยวางความระแวดระวังได้โดยง่าย
“หึ แสร้งทำอะไรกัน…”
สตรีนางหนึ่งพึมพำเสียงเบา จากนั้นเอ่ยเสียงหวานว่า
“นี่ พี่หญิง ข้างในเปียกหมดเลยแหละ”
“เช่นนั้นก็ถอดเลยแล้วกัน ฮิๆๆ…”
ภาพท่ามกลางเสียงหัวเราะคล้ายกับเปลี่ยนเป็นภาพฝันที่เย้ายวนยิ่งกว่าเดิม ชายหนุ่มไม่น้อยข้างๆ คอแห้งผากจนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
สตรีสามคนหรี่ตามองกันและกัน รู้สึกได้ว่าตอนนี้ความรู้สึกร้อนหายไปมากทีเดียวอย่างชัดเจน และไม่ได้ทำให้พวกนางรู้สึกทรมานขนาดนั้นแล้ว
ทว่าอิ๋นชิงไม่เป็นไร กลับไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงของคนเหล่านั้นที่อยู่รอบข้าง
“ขัดต่อศีลธรรมนัก!”
ผู้อาวุโสตระกูลลู่พลันต่อว่าเสียงเบา ถือขวานเคาะกับพื้นดังแก๊งๆ กระดาษจดหมายราวกับส่องแสงขึ้นตามเสียงต่อว่าของชายชรา หลายๆ คนได้สติขึ้นมาบ้างในทันที
คำต่อว่าและการกระทำของผู้อาวุโสลู่ชัดเจนว่าทำให้สตรีสามคนนั้นไม่พอใจ ต่างฝ่ายต่างมองเขาอย่างเย็นชา ถึงขนาดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่บ้าง
ตอนที่สตรีทั้งสามเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อิ๋นชิงคล้ายกับมองเห็นเงาตรงปากและจมูกปรากฏขึ้นมา ฉับพลันนั้นเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
‘ภูตจิ้งจอก!’
ในใจอิ๋นชิงพลันเกิดความคิดนี้ ขนบนกายตั้งขึ้นมาทันที เมื่อครู่นี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่นับว่าแน่ใจ แต่ตอนนี้เขากลับกล้ายืนยันแล้ว
กอปรกับการเคลื่อนไหวใต้กระโปรงที่อิ๋นชิงเหลือบเห็นก่อนหน้านี้ เกรงว่าร่างกายท่อนล่างที่โต๊ะบังไว้ยังมีหางจิ้งจอกกระมัง
ขณะที่สตรีสามคนมองชายชราตระกูลลู่ด้วยสายตาเย็นชา อิ๋นชิงพบว่าจดหมายในมือคล้ายกับมีกระแสแสงส่องออกมารางๆ ลอยอยู่รอบตนเองและกลุ่มคนตรงนี้ จากนั้นคนมากมายคลับคล้ายคลับคลาว่ามองเห็นสตรีสามคนหันหลังให้แสงไฟในตอนนี้ โดยมีดวงตาเป็นสีเขียวคล้ำ
“ไอ้หยามารดาสิ!”
“ตาทอประกายสีเขียว!”
“ใช่!”
“พวกเจ้าก็มองเห็นหรือ ข้าคิดว่าตนเองตาฝาดเสียอีก!”
“ไม่ๆ ข้าก็มองเห็นเหมือนกัน!”
ทุกคนในเวลานี้ตื่นตกใจแล้วจริงๆ ขนลุกซู่ทั่วร่างอยู่หลายระลอก
สตรีสามคนได้ยินเสียงพูดคุยของคนกลุ่มนี้แล้วเกิดความรู้สึกตกใจ ไม่รู้ว่าตนเองเผยไต๋ได้อย่างไร แต่ก็ตระหนักได้ว่าการกระทำยั่วยวนของตนเองคงใช้ไม่ได้ผลแล้ว
พวกนางไม่ทำท่าทำทางอีก กลับหรี่ตามองทางคนกลุ่มใหญ่อย่างเยือกเย็น คนที่ได้รับสายตานี้มากที่สุดย่อมเป็นผู้อาวุโสลู่และอิ๋นชิง ทว่าสิ่งที่กลัวที่สุดคือจดหมายในมืออิ๋นชิง
ทว่าผ่านไปเนิ่นนานแล้ว กระดาษแผ่นนี้นอกจากดูไม่ธรรมดา กลับไม่ได้มีอะไรอย่างอื่นเกิดขึ้น สีหน้าเกรงกลัวของสตรีสามคนอ่อนลงแล้ว พวกนางส่งสายตาให้กันอยู่หลายครั้ง
สตรีคนหนึ่งเอ่ยปากถาม
“คุณชายท่านนั้นตรงไปตรงมา ที่บ้านเข้มงวดมากเลยกระมัง ผู้อาวุโสของท่านเขียนตัวหนังสือได้สวยจริงๆ นะ!”
จากนั้นสตรีอีกคนก็เย้าต่อทันที
“เห็นทีคุณชายคงไม่เคยได้รับความสุขจากสตรีเลยกระมัง…”
“อืม ผู้อาวุโสที่บ้านท่านก็ไม่ได้สอนเรื่องพรรค์นี้ด้วยสินะ!”
“อยากลองหรือไม่ คิกๆๆๆๆ…”
สตรีสามคนหัวเราะต่อกัน อิ๋นชิงกลับแสร้งมองอย่างเย็นชาและไม่รู้สึกรู้สา ท่วงทำนองวิญญาณไหลเวียนทั่วกายอย่างลับๆ ทำให้กระแสแสงของจดหมายคล้ายกับเปลี่ยนเป็นสมจริงมีชีวิตชีวา ถึงขนาดทำให้เขาบังเอิญมองเห็นเงาหางท่ามกลางเงาร่างสตรีข้างกองไฟได้
นอกจากนี้ยังมองเห็นคลื่นวัตถุคล้ายควันที่ไม่เด่นชัดลอยขึ้นมาจากร่างกายของสตรี อีกทั้งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เสียงฟ้าร้องดังครืนข้างนอกก็แจ่มชัดขึ้นไม่น้อย
เดิมทีมีแค่อิ๋นชิงที่ได้กลิ่นเหม็นสายหนึ่ง ตอนนี้คนข้างๆ ได้กลิ่นแล้วเช่นกัน อีกทั้งพูดคุยกันเพื่อยืนยันแล้ว บวกกับภาพนั้นที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ ความยั่วยวนที่สตรีสามคนมอบให้ทุกคนลดลงเป็นศูนย์
คำพูดไม่น่าฟังจากเหล่าสตรีที่จริงมีไว้เพื่อหยั่งเชิง ถึงขั้นขยับร่างกายอย่างช้าๆ เข้าใกล้อีกฝั่งมากกว่าเดิม แต่กลับสร้างความกลัวให้กับจิตใจทุกคนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ครืน…เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้ง
ความรู้สึกว่าอันตรายมาเยือนเข้มข้นขึ้นในใจอิ๋นชิง เขาตระหนักแล้วว่าภูตจิ้งจอกทั้งสามไม่คิดจะอ่อนข้อเลย
“ท่านลุงลู่ พ่อค้าเร่อย่างพวกท่านเดินทางอยู่ข้างนอกคงจะมีวิชาติดตัวกันบ้างกระมัง”
อิ๋นชิงถามเสียงเบาโดยไม่หันไปมอง แม้จดหมายของท่านจี้มหัศจรรย์เพียงใด แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเพียงจดหมายฉบับหนึ่ง
ผู้อาวุโสลู่และคนอื่นๆ ในตอนนี้กลัวมากยิ่งขึ้นแล้ว แต่ได้ยินอิ๋นชิงพูดก็นึกถึงวิชาที่สืบทอดกันรุ่นสู่รุ่นในหมู่บ้านพ่อค้าเร่ เขาตอบว่า “อืม” แล้วกล่าวกับทุกคน
“ทุกคนเตรียมลำนำดาบ”
พ่อค้าเร่ทั้งกลุ่มมองหน้ากัน จับขวานของตนเอง
เคร้ง…เคร้ง…
เคร้ง…เคร้ง…
สิบกว่าคนเริ่มใช้ด้านหลังขวานเคาะพื้น ภายในไม่กี่ลมหายใจให้หลังเสียงเคาะพร้อมเพรียงกันมากขึ้น
เคร้งๆๆ…เคร้งๆๆ…
“เหล่าพ่อค้าเร่จากหุบเขา…คนร้ายกล้าขวางทาง…ถือดาบอยู่ในมือ…”
เคร้งๆ…เคร้งๆๆ…
“บนหลังแบกน้ำหนักร้อยชั่ง…เดินทางกลางพื้นที่เปลี่ยว…ไม่หวาดกลัวเสือหน้าไหน…”
เคร้งๆ…เคร้งๆๆ…
พ่อค้าเร่สิบกว่าคนร้องเพลงเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความฮึกเหิมเพิ่มมากขึ้น อิ๋นชิงพบว่ากระแสแสงจากจดหมายในมือรุนแรงขึ้นไม่น้อย อีกทั้งรอบกายเหล่าพ่อค้าเร่ก็เกิดแสงวิญญาณบางเบาไหลเวียน ปราณรุนแรงสายหนึ่งปรากฏขึ้นจากตัวบุรุษที่ดูเรียบง่ายทั้งหมดนั้น
ปราณหยางร้อนรุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำสีหน้าของสตรีสามคนล้วนเปลี่ยนไป พาให้พวกนางต้องถอยหลังไปหลายก้าว เป็นแค่คนธรรมดากลุ่มหนึ่งแท้ๆ ทว่าแต่ละคนกลับดูดุร้ายเหมือนอยากใช้มีดฟันคนให้ตายในทันที
[1] น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง หมายถึง ต่างคนต่างอยู่