เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 226 ขับไล่ปีศาจผูกมัดวิญญาณ
ตอนที่ 226 ขับไล่ปีศาจผูกมัดวิญญาณ
คนในหมู่บ้านมากมายโดยเฉพาะตรงหุบเขาฟากนี้หนีกลับบ้านตนเองไม่ทัน ต่างหลบอยู่ในบ้านเรือนที่อยู่ใกล้หน่อย เรือนหลังหนึ่งมักจะมีคนหลบอยู่เจ็ดแปดคน
แม้ไอหมอกหนาแน่นเริ่มจางลงหลังจากฝนตกห่าใหญ่ แต่เพราะฝนตกหนักเกินไป ขัดขวางการมองเห็นยิ่งนัก พวกคนในหมู่บ้านจึงทำได้เพียงพากันมองหุบเขาที่อยู่ไกลออกไป
เมื่อครู่นี้บางอย่างตกลงมา ความเคลื่อนไหวนั้นสะเทือนดินสั่นไหวภูเขา ทั้งหมู่บ้านสะพานโค้งคู่ล้วนได้ยินและรู้สึกถึงได้ โดยเฉพาะคนที่อยู่ใกล้มากเหล่านี้ยิ่งประหวั่นพรั่นพรึง
“มอ…มอ…”
เสียงร้องของวัวแก่เบามาก หากไม่ตั้งใจฟังคงถูกเสียงฝนกลบไปแล้ว แต่ตอนนี้จิตใจของคนในหมู่บ้านรวมศูนย์ ย่อมได้ยินอยู่แล้ว
“วัวบ้านใครถูกทำร้ายหรือไม่”
“ไม่น่าใช่ ไม่ได้ผูกวัวไว้ที่หุบเขา…แต่ตะแกรงใหญ่และผักพวกนั้นคงถูกทำลายหมดแล้วกระมัง…”
“สิ่งที่ตกลงจากท้องฟ้าคืออะไร ข้ามองไม่เห็น!”
“จริงด้วย ทางนั้นมีหมอกหนา…แต่ดูขนาดใหญ่มาก…คงไม่ใช่ดาวตกกระมัง”
ชายชราซึ่งเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งมองหุบเขาจากตรงประตู มุ่นคิ้วตลอดเวลาไม่พูดจา รอจนคนอื่นพูดคุยกันได้ครู่หนึ่งแล้ว เขาถึงพลันเอ่ยปากขึ้น
“ข้าได้ยินว่า…เสียงร้องของมังกร บางครั้งก็เหมือนกับเสียงวัวร้อง…”
เสียงพูดคุยรอบข้างหยุดลงทันที แต่ละคนหันไปมองชายชราคนนั้น
“ท่านอา…ท่านอย่าขู่ให้พวกข้ากลัวเลย…”
“ใช่แล้วท่านอา…ท่านจะบอกว่ามีมังกรตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างนั้นหรือ”
“แต่พายุฝนครั้งนี้แปลกจริงๆ…สิ่งที่ท่านอาจ้าวพูดอาจจะ…”
“ชู่…ไม่หรอกมั้ง…”
คนโดยรอบตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
“มอ…”
เสียงร้องดังมาจากที่ไกล ผู้คนขดตัวอยู่ในเรือนตามสัญชาตญาณ ไม่กล้ารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว
แม้มังกรจะเติมเต็มสีสันให้กับตำนานต่างๆ แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นปีศาจแปลงกาย แน่นอนว่ามีหลายตำนานเกี่ยวกับมังกรโปรยฝน หางมังกรกวาดทำลายหลังคาเรือน มังกรพัดลมทำลายหมู่บ้านและที่นา แม้แต่ตำนานมังกรกินคนก็มีเล่ากันไม่น้อย
โดยปกติแล้วเมื่อพูดถึงเรื่องราวอย่างปู่เยี่ยชอบมังกร ทุกคนล้วนชอบอกชอบใจที่จะได้ฟัง แต่ในเวลาแบบนี้ สิ่งที่คิดถึงมีแต่เรื่องน่ากลัวมากมายแล้ว
“เฮ้อ…พวกเจ้าดูหมอกทางนั้นสิ รูปร่างเหมือนกับ…”
“อย่าๆ…เจ้าอย่าขู่ให้กล้ากลัว…”
“ไอ้หยา…ถ้าหากหมอกตรงนั้นก็ใช่มังกร เช่นนั้นตัวใหญ่เท่าไหร่กัน คนในเรือนนี้ของพวกเราไม่พอให้มันกินหรอกกระมัง”
“นี่ๆๆ ไม่ต้องพูดแล้ว น่ากลัว!”
ครืน…
ฟ้าร้องสายฟ้าฟาดสว่างจ้าเกิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้ในหมู่บ้านสว่างไสวเหมือนกับตอนกลางวัน หลายคนเห็นเงาดำขนาดยักษ์ไกลๆ คนในหมู่บ้านเงียบกริบไปในทันที
…
ตอนจี้หยวนและเทพหลักเมืองบินถึงท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านสะพานโค้งคู่ของจังหวัดลี่ชุ่น หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านกำลังเปียกโชกเพราะฝนที่ตกหนักกว่าที่อื่น อีกทั้งไม่มีชาวบ้านคนใดกล้าวิ่งออกมาจากในเรือนซึ่งใช้ซ่อนตัว
ด้วยวิชาเลี่ยงวารี กระแสน้ำรอบกายจี้หยวนและเทพหลักเมืองหลี่ไหลผ่านไปไม่ถูกตัว พวกเขาอยู่ในความสูงหลายสิบจั้ง ก่อนจะก้มหน้ามองด้านล่างและโดยรอบ
เปรี้ยง…
สายฟ้าผ่าลงมา พื้นที่หมู่บ้านสะพานโค้งคู่พลันสว่างวาบ มังกรยักษ์สีดำคดเคี้ยวตัวหนึ่งนอนอยู่เหนือหมู่บ้าน ตรงหุบเขามีส่วนหัวและเกือบครึ่งหนึ่งของลำตัว ส่วนครึ่งหลังและหางมังกรสะบัดไปมาอยู่นอกหมู่บ้าน ความยาวทั้งตัวประมาณสี่สิบหรือห้าสิบจั้ง ความหนาบางไม่เท่ากันทั่วทั้งลำตัว ถึงจะอยู่ท่ามกลางฝนตกหนักก็ยังคงมีไอหมอกไหลออกมาจากตัวไม่หยุดหย่อน
จี้หยวนมองทะเลสาบไพศาลที่ค่อนข้างอยู่ไกลออกไป ทะเลสาบขนาดใหญ่นั้นมาถึงตรงนี้แล้วมีความยาวประมาณยี่สิบถึงสามสิบลี้ มังกรเคลื่อนไหวรุนแรงขนาดนั้น ทางทะเลสาบไพศาลกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร
“ดูท่ามังกรเจียวตัวนี้น่าจะเป็นท่านโม่จากทะเลสาบไพศาล”
เทพหลักเมืองหลี่มุ่นคิ้วเป็นปม มองท่านจี้พูดเช่นนั้นจากข้างๆ แต่กลับมองสีหน้าใดจากใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายไม่ออก
จี้หยวนใช้ดวงตาสีเทามองมังกรเจียวที่อยู่ข้างล่าง ตาทิพย์สำแดงฤทธิ์เต็มที่ มองเห็นว่าปราณวิญญาณและปราณวารีของมังกรบนตัวมังกรเจียวสีดำไหลออกมาเป็นจำนวนมาก สภาพร่างกายย่ำแย่อย่างถึงที่สุด
ตรงกระดูกสันหลังของมันมีเกล็ดน้ำแข็งชิ้นหนึ่ง ชัดเจนว่าเป็นไอเย็นเยือกแข็งปกคลุมบาดแผลไว้
‘เกิดจากการต่อสู้!’
นี่เป็นความคิดที่เกิดขึ้นพร้อมกันในใจของจี้หยวนและเทพหลักเหมืองหลี่
จี้หยวนไม่พูดอะไร ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนลดระดับความสูงจากท้องฟ้า ฝ่ายเทพหลักเมืองหลี่เห็นดังนั้นก็ตามไปทันที
หนึ่งคนหนึ่งเทพไม่ลดความเร็ว แต่การกระทำอ่อนโยนมาก ด้วยไม่อยากกระตุ้นมังกรเจียวสีดำในตอนนี้ ถึงเป็นปีศาจระดับนี้แล้ว บางครั้งก็ยังคงเหมือนกับสัตว์ป่า เมื่อได้รับบาดเจ็บจะตอบสนองรุนแรงและอันตรายยิ่งกว่าเดิม
ตุบ…
สองเท้าของจี้หยวนเหยียบลงบนพื้น ละอองน้ำกระเด็นขึ้นมาเล็กน้อย ฝั่งเทพหลักเมืองก็ไร้เสียงเช่นกัน
“โฮก…”
มังกรเจียวสีดำลืมตาอย่างเหนื่อยล้า มองเห็นเทพหลักเมืองในชุดขุนนาง ไม่ได้ตั้งใจปิดบังประกายเทพบนตัว ส่วนข้างๆ แม้จะมองไม่ออก แต่ชัดเจนว่าไม่ใช่คนธรรมดา
“ข้าหลี่เป่าเทียน เทพหลักเมืองจังหวัดลี่ซุ่น วันนี้เห็นมังกรตกลงมาแต่ไกล มาดูแล้วถึงรู้ว่าเป็นท่านโม่แห่งทะเลสาบไพศาล ไม่ทราบว่าท่านมาที่นี่ได้อย่างไร”
“มอ…”
มังกรเจียวสีดำร้องเสียงหนึ่ง เป็นเสียงร้องที่คล้ายกับวัวมาก แต่กลับไม่มีใครพูดออกมา
ซู่…
น้ำฝนตกกระทบตัวของมังกรเจียว เท้าทั้งสี่ของมันพยายามยันขึ้น ร่างมังกรสีดำค่อยๆ ห่างจากพื้น แต่สั่นเทาอยู่ครู่หนึ่งก็หมอบลงกับพื้นเสียงดังโครม
ซ่า…
เพราะการเคลื่อนไหวของร่างมังกร โคลนและน้ำปริมาณมากทะลักขึ้น ไหลบ่าไปทางเทพหลักเมืองและจี้หยวนอย่างกับคลื่นน้ำ แต่ทั้งสองฝ่ายล้วนไม่หลบหลีก และเพราะไม่อยากกระตุ้นมังกรเจียวดำจึงยิ่งไม่ใช่วิชาอะไร
โคลนและน้ำเปื้อนกายพรตของเทพหลักเมือง อีกทั้งถูกน้ำฝนที่กำลังตกลงมา แต่คราบดินและน้ำบนตัวจี้หยวนจากไปอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ตอนนี้คนด้านข้างไม่มีกะใจสังเกต
ตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้จี้หยวนล้วนไม่ได้พูดอะไร เขาเปิดตาทิพย์เต็มที่ มองเห็นชัดเจนยิ่งกว่าเทพหลักเมืองหลี่ รู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่ามังกรเจียวดำได้รับความทรมานเพียงใด และบนกายมันมีความรู้สึกแปลกประหลาดซึ่งขัดแย้งกันอยู่
เห็นมันดิ้นรนแบบนั้นแล้ว ในที่สุดเขาก็เอ่ยปาก
“มังกรเจียวดำ เจ้าอยู่ในหนึ่งทะเลสาบทั้งสี่ของต้าเจิน แน่นอนว่ามีประมุขมังกรดูแล ใครเล่ากล้าดึงเส้นเอ็นมังกรของเจ้าไป”
เสียงของจี้หยวนแม้เที่ยงธรรมมีพลัง ทว่าสงบนิ่งอย่างชัดเจน กระนั้นสิ่งที่เขาพูดออกมากลับน่าหวาดผวา เทพหลักเมืองหลี่มองท่านจี้ด้วยความตกใจ เกิดคลื่นขนาดยักษ์ขึ้นในใจแล้ว
ฝ่ายมังกรเจียวดำรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่ไม่มาก ลืมตามองคนที่อยู่ข้างๆ เทพหลักเมือง
จี้หยวนเงยหน้ามองเมฆฝนสีดำทะมึนบนท้องฟ้า เห็นฟ้าแลบอยู่บนนั้นหลายระลอก สายตายิ่งเหมือนกับทะลุผ่านชั้นเมฆเข้าสู่สายลมคลั่ง ความเคลื่อนไหวขณะมังกรเจียวดำถูกดึงเส้นเอ็นไม่มีทางน้อย เกรงว่าไม่ใช่เกิดขึ้นภายในอาณาเขตต้าเจิน
เทพหลักเมืองหลี่กวาดสายตามองกายมังกร สุดท้ายจ้องเขม็งที่เกล็ดน้ำแข็งบนสันหลังของมังกรเจียวดำ
จี้หยวนก้าวช้าๆ บนพื้นที่เต็มไปด้วยโคลน มองตามังกรเจียวดำแล้วค่อยไล่ไปถึงศีรษะของมัน
โคลนบนพื้นจากไปในพริบตาที่รองเท้าเขาเหยียบลง เหลือเพียงน้ำสะอาด ปรากฏการณ์แปลกนี้ถูกเทพหลักเมืองหลี่สังเกตเห็นในที่สุด มังกรเจียวดำที่กำลังมองจี้หยวนอยู่ก็มองเห็นเช่นกัน
ตาทิพย์ของจี้หยวนใช่ว่าสารพัดประโยชน์ เห็นเงื่อนงำบางอย่างทว่าไม่ชัดเจน ตอนนี้เขาประสานมืออย่างจริงจัง ลองเอ่ยปาก
“ข้าจี้หยวน เป็นสหายของประมุขมังกรแห่งแม่น้ำเทียมฟ้า เส้นเอ็นมังกรของเจ้าถูกดึงทำให้ได้รับบาดเจ็บ ทนต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้นบอกให้ข้ารู้ได้หรือไม่ ข้าย่อมไปบอกกล่าวประมุขมังกรให้ท่าน หากเจ้าไม่เชื่อใจข้า ข้าจะเชิญประมุขมังกรมาที่นี่ทันที”
“เอ่อ…”
มังกรเจียวดำขยับลูกตา อ้าปากอยู่นาน ส่งเสียงออกมาเสียงเดียวเท่านั้น
เวลานี้ไม่ใช่แค่จี้หยวนเท่านั้น แม้แต่เทพหลักเมืองหลี่ก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องแล้ว
จี้หยวนสายตาเฉียบคม เข้าใกล้มังกรเจียวดำอย่างระมัดระวัง จากนั้นพยักหน้าให้กับมังกรที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ในดวงตามังกรสีอำพันนั้น ลูกตาดำทรงกลมค่อยๆ หดตัวเล็กลงเหลือเป็นแนวตั้ง ปล่อยให้จี้หยวนยื่นมือสัมผัสหนวดเส้นหนึ่ง
ขณะนี้จี้หยวนผสานจิตใจและร่างกายเป็นหนึ่งเดียว คิดคำนวณอย่างรวดเร็วขณะเขตแดนเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อถึงเวลาหนึ่งแล้วเขาหยุดมือ มองตามังกรอีกครั้ง ลูกตาดำของฝ่ายหลังเปิดออกอย่างเชื่องช้า ราวกับกำลังสื่อสารกับจี้หยวนอย่างไร้เสียง
และในตอนนี้เอง จี้หยวนถอยหลังอย่างช้าๆ หลายก้าว สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ม่านฝนขนาดใหญ่ถูกเก็บเข้าไปในแขนเสื้อ ปากยังไม่ทันเปล่งคำบัญชา พลังในกายก็ปะทุขึ้นอย่างแจ่มชัด ร่างกายคล้ายกับเต็มไปด้วยละอองควัน
จากนั้นเขาสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง น้ำปริมาณมากลอยออกมา บัดนี้อยู่เหนือร่างมังกรดำสามหรือสี่จั้ง ก่อตัวเป็นตัวอักษรขนาดยักษ์ที่ทอประกายออกมา
เทพหลักเมืองหลี่ไม่ใช่คนเชื่องช้า เห็นดั้งนั้นแล้วไหนเลยจะไม่รู้ว่ามีเงื่อนงำอื่น แสงเทพทั่วกายเขาพลันแจ่มชัดคล้ายมีสายรุ้งอยู่เบื้องหลัง ชุดคลุมขันนางตัวหนาพองขึ้นเต็มที่ ลงมือโดยใช้พลังทั้งหมดได้ตลอดเวลา
กระบี่เครือเขียวข้างหลังจี้หยวนยิ่งลอยขึ้นช้าๆ จนกระทั่งลอยในแนวนอนเหนือศีรษะของเจ้านาย
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า ยังคงมีฟ้าแลบฟ้าร้องต่อเนื่อง เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง แม้วิชาคุมอัสนีของตนเองจะอ่อนด้อย แต่มรรคบัญชากลับรุดหน้าตลอดเวลา นอกจากนี้ยังศึกษาการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีสิ้นสุดอีกด้วย
เห็นทุกอย่างสุกงอม ปราณโลกาสวรรค์ในเขตแดนพลันทะลักออกมา ปากเขาเปล่งเสียงบัญชาทันที
“บัญชา ขับไล่ปีศาจผูกมัดวิญญาณ!”
ซ่า…
ตัวอักษรน้ำขนาดใหญ่ทั้งสี่เหนือร่างมังกรเปลี่ยนจากแสงสายน้ำเป็นแสงสีทองทอประกายในพริบตาเดียว ขณะเดียวกันจี้หยวนใช้มือซ้ายกุมหน้าผาก ใต้เท้าระเบิดออกเป็นหลุมขนาดเล็ก ด้วยสูญเสียพลังไปมาก เขาระเบิดพลังและถอยร่างอย่างแรง เทพหลักเมืองด้านข้างเห็นดังนั้นแล้วรีบเข้าไปประคอง
ครืน…
ครืน…
เปรี้ยง…
เปรี้ยง…
เปรี้ยง…
กลางท้องฟ้ายิ่งมีสายฟ้าฟาดลงมาหลายสาย ก่อนจะรวมศูนย์อยู่กลางตัวอักษรที่กำลังส่องแสงสีทอง สุดท้ายตัวอักษรสีทองซึ่งรวบรวมสายฟ้าเอาไว้พลันกดลง
“โฮก…”
มังกรเจียวดำส่งเสียงร้องดังสนั่น
“อ๊าก…อ๊าก…”
เมื่อตัวอักษรสีทองเข้าสู่ร่างมังกร เสียงร้องแหลมแปลกหูระเบิดออกมาจากในร่างกายของมังกรเจียว เงาสกปรกสายหนึ่งขยับขยุกขยิกไม่ยอมหยุดท่ามกลางแสงสีทองและสายฟ้ากะพริบ สายฟ้าราวกับกลายเป็นโซ่แสงหน้าตาคล้ายอสรพิษสีเงินขยับดิ้น พัวพันร่างมังกรต่อเนื่อง
“โฮก…”
มังกรเจียวดำอ้าปากร้องเสียงดัง สิ่งสกปรกเหมือนน้ำหมึกปริมาณมากพ่นออกจากปาก เงาสกปรกนั้นเหมือนกับควันก็ไม่ปาน ซึมออกจากจมูก ดวงตา และปากของมังกรไม่หยุด จากนั้นรวมตัวกันเป็นเงาหงิกงอบนหลังมังกรอีกครั้ง สุดท้ายถูกสายฟ้าสีทองพันไว้อย่างแน่นหนา
“สังหาร”
เสียงราบเรียบทว่านุ่มนวลดังจากปากจี้หยวน กระบี่เครือเขียวออกจากฝักโดยพลัน
ชิ้ง…
ประกายกระบี่ตามมาด้วยเสียงร้อง ปราณกระบี่ที่เต็มไปด้วยเจตกระบี่วาดผ่านร่างมังกรไป
“อ๊าก…”
เสียงแปลกๆ แสบหูหยุดลงในวินาทีนั้น กลายเป็นควันดำกลุ่มหนึ่งก่อนหายไป
“ฮู่…”
จี้หยวนผ่อนลมหายใจปรับสภาพร่างกายตนเอง หลังจากนั้นสะบัดแขนเสื้อ เก็บตัวอักษรที่ยังคงส่องแสงสายฟ้าบนร่างมังกรกลับเข้าแขนเสื้อไป พลังและปราณโลกาสวรรค์ที่สูญเสียไปนั้นไม่อาจให้สูญเปล่าและหายไปได้