เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 231 งานชุมนุมธรรมดา
ฮ่องเต้ชรากลางห้องทรงอักษรในเมืองหลวงอึ้งงันอยู่บ้าง หนึ่งเพราะฟังข่าวลือเกี่ยวกับมังกรแล้วรู้สึกตื่นเต้น สองเพราะเรื่องที่ได้ฟังคือเรื่องมังกรตกจากฟ้า จึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างถึงที่สุด
ความไม่สบายใจนี้เข้มข้นมาก ราวกับรัวกลองเสียงดังสนั่นฟ้าอยู่ในใจ
ฮ่องเต้หยวนเต๋อพลันนึกถึงฎีกาลับฉบับหนึ่ง จึงค้นหามันบนโต๊ะทรงอักษรด้วยมืออันสั่นเทา เขาที่ปกติแล้วมีสีหน้าจริงจังคร่ำเคร่งพลันอยู่ในสภาวะไร้ความรู้สึก
โครม…
ฎีกาที่ทับซ้อนกันเหล่านั้นร่วงหล่นลงเพราะการค้นหารุนแรงของฮ่องเต้หยวนเต๋อ
จิ้นอ๋องมองท่าทางของเสด็จพ่อตนเองอย่างงุนงง แน่นอนว่ามองเห็นว่ามือฮ่องเต้ชราสั่นเทาอย่างชัดเจน วินาทีนี้ในใจเขามีความรู้สึกมากมายปะปนกันอยู่
‘เสด็จพ่อ…ชราแล้วจริงๆ…’
ต่อให้เป็นอู๋อ๋องก็มีสายตาซับซ้อนอย่างชัดเจนในตอนนี้ แต่ไม่นานก็มีความยินดีเข้ามาแทนที่ สุดท้ายสีหน้าเขากลับไปเรียบสงบดังเดิม
“หาเจอแล้ว…หาเจอแล้ว…”
ฮ่องเต้หยวนเต่อพึมพำกับตนเอง หยิบฎีกาฉบับหนึ่งขึ้นพร้อมมือสั่นๆ จากนั้นเปิดดูอย่างระมัดระวัง คนที่เขียนฎีกานี้ก็คืออิ๋นจ้าวเซียน เจ้าเมืองจังหวัดลี่ซุ่น
เขาเปิดสาส์นออกแล้วอ่านอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นประมาณสิบกว่าลมหายใจ ในที่สุดก็เจอตัวอักษรขนาดเล็กบรรทัดหนึ่ง
กระหม่อมคิดว่าเรื่องที่รัฐหวั่นไม่มีทางยอมรับได้ ขุนนางรังแกผู้ต่ำต้อยกว่า โลภมากถืออภิสิทธิ์เหนือกว่า ช่วงชิงจากชาวบ้านที่ตกที่นั่งลำบาก วิกฤตินี้เป็นอันตรายต่อต้าเจินของพวกเรา
ความจริงแล้วความกังวลก่อนหน้านี้ของจี้หยวนใช่ว่าไร้เหตุผล ตอนนั้นเขาบอกกับอิ๋นจ้าวเซียนว่าฮ่องเต้ชราเตรียมจัดงานชุมนุมวารีปฐพี กังวลว่าเรี่ยวแรงและจิตวิญญาณที่มีต่องานราชการจะไม่เพียงพอ
ฮ่องเต้หยวนเต๋อรู้เรื่องที่รัฐหวั่นแล้วโมโหจนถึงขีดสุดจริงๆ เรื่องที่เขาทำลายชุดน้ำชาในห้องทรงอักษรก็ไม่ใช่เรื่องลวง แต่เมื่อเวลาผ่านไป สภาพจิตใจของฮ่องเต้ชราก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ขุนนางชั่วใจกล้ากอบโกยผลประโยชน์ไปได้มากมายขนาดนั้น แล้วผลประโยชน์เหล่านั้นจะเข้าคลังอาณาจักรและคลังส่วนพระองค์ของฮ่องเต้หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะก่อให้เกิดเงินทองมากขึ้นหรือไม่
ความคิดนี้ของฮ่องเต้หยวนเต๋อแม้แต่จิ้นอ๋องล้วนไม่รู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอิ๋นจ้าวเซียนที่ตัวอยู่รัฐหวั่น แต่เป็นความคิดที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งแน่นอน
แต่เวลานี้เมื่อได้ยินเรื่อง ‘มังกรตกจากฟ้าสู่ทะเลสาบไพศาล’ ก็พลันทำให้ฮ่องเต้ชราตื่นตกใจ
“ฮู่…”
ฮ่องเต้หยวนเต๋อพ่นลมหายใจเสียงหนึ่ง มองขุนนางใหญ่และองค์ชายที่อยู่ภายในห้องทรงอักษร คำพูดที่เดิมทีเตรียมไว้ถูกแก้ไขใหม่แล้ว…
“เป็นเช่นที่เจ้าเมืองอิ๋นว่าไว้ เรื่องที่รัฐหวั่นไม่มีทางยอมรับได้ จับตาดูขุนนางในราชสำนักกลุ่มหนึ่งที่มีเส้นสนกลในกับรัฐหวั่น ใช้คำแนะนำของขุนนางอิ๋น หาต้นตอก่อนค่อยเลื่อนตำแหน่งจือโจวเฉินอวี่เฮ่อรัฐหวั่นเข้าเมืองหลวง…”
ฮ่องเต้ชราพูดถึงตรงนี้แล้วกวาดสายตามองขุนนางและบุตรชายหลายคนของตนเอง
“ข้าไม่สนว่าในบรรดาพวกเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับทางรัฐหวั่นหรือไม่ วันนี้ถือว่ามอบโอกาสให้พวกเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ล้วนไปจัดการเรื่องนี้ให้ดี ข้าจะทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร หากกล้าแพร่งพรายออกไป…ราชนิกูลถูกประหารหนึ่งชั่วโคตร ขุนนางถูกประหารสามชั่วโคตร!”
เสียงขณะฮ่องเต้ชราพูดค่อนข้างแหบพร่า แต่ความเย็นชาที่อยู่ภายในนั้นกลับทพให้ขุนนางภายในห้องทรงอักษรตัวสั่น หลายคนยิ่งมีเหงื่อซึมที่แผ่นหลัง ในใจกล่าวว่าเฉินอวี่เฮ่อผู้นี้เห็นทีจะโชคร้ายมากกว่าโชคดีแล้ว
…
แน่นอนว่าเมื่อสถานการณ์ในรัฐหวั่นเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยที่หลายฝ่ายไม่รู้เส้นสนกลใน งานชุมนุมวารีปฐพีของจังหวัดจิงจีอยู่ระหว่างการเตรียมการอย่างเต็มรูปแบบ ทว่าเรื่องนี้เป็นที่รู้กันภายในจังหวัดจิงจีเท่านั้น ยังไม่นับว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง
สำหรับฮ่องเต้หยวนเต๋อ เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่าการจัดการรัฐหวั่น ถึงขนาดตัดสินใจส่งคนไปตรวจสอบเรื่องมังกรตกจากฟ้า เสาะหาผู้วิเศษของรัฐหวั่น
ไม่นานนักเรื่องที่ฮ่องเต้ต้องการจัดงานชุมนุมวารีปฐพีที่จังหวัดจิงจีก็ถูกประกาศไปทั่วใต้หล้า ไม่ได้จำกัดเฉพาะศาสนาพุทธ แต่ยังเชิญผู้สูงส่งมีชื่อเสียงจากทั่วสารทิศให้เดินทางมาเข้าร่วมการชุมนุมที่จังหวัดจิงจีด้วย เพื่อเป็นการอวยพรให้กับอาณาจักรต้าเจินและบุตรแห่งสวรรค์ของต้าเจิน
อีกทั้งเลือกผู้สูงส่งจำนวนหนึ่งที่ได้รับการขนานนามว่า ‘ไต้ซือ’ เพื่อเชิญมาให้รางวัลสองพันตำลึงทอง
เมื่อประกาศฉบับนี้ออกไป เหล่าผู้สูงส่งทุกจังหวัดทุกรัฐในต้าเจินย่อมนั่งไม่ติดที่ ในใจต่างปรารถนาเดินทางมาเข้าร่วมงานชุมนุมที่จังหวัดจิงจี
…
ณ จวนด้านหลังศาลาว่าการจังหวัดลี่ซุ่น งานเลี้ยงวันพระจันทร์เต็มดวงของตระกูลอิ๋นผ่านไปได้ยี่สิบกว่าวันแล้ว
บนโต๊ะหินในสวนดอกไม้วางกระดานหมากล้อมไว้ อิ๋นจ้าวเซียนสวมชุดสีขาวทั้งตัว ส่วนจี้หยวนสวมเสื้อสีเขียว ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกัน
ฝีมือหมากของจี้หยวนในตอนนี้เหนือกว่าอิ๋นจ้าวเซียนมากแล้ว แต่ฝ่ายหลังก็ใช่ว่าไม่มีความก้าวหน้าเลย พวกเขาล้วนไม่ใช่มือหมากเล่นหมากห่วยเหมือนแรกอยู่แล้ว
จี้หยวนไม่ใช่มังกรเฒ่าที่มีใจอยากเอาชนะ เมื่อเล่นหมากกับสหายย่อมอ่อนข้อให้เล็กน้อย แน่นอนว่าทั้งสองมีทั้งบุกและถอย ราวกับการประมือกัน เวลาดำเนินไป หมากหลายตาเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ นับว่าเป็นการเล่นหมากไปพลาง สนทนาไปพลาง
ทันใดนั้นจี้หยวนวางหมากดำในมือลง ครองความได้เปรียบที่มุมหนึ่งแล้ว ทำเอาอิ๋นจ้าวเซียนมุ่นคิ้วคิดหนัก
“วันนี้อาจารย์อิ๋นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัวกระมัง”
อิ๋นจ้าวเซียนมองหมากขาวดำที่ตัดสลับกันอยู่บนกระดานหมาก มองผลลัพธ์สุดท้ายได้คร่าวๆ แล้ว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนหมากยอมแพ้
“เฮ้อ…มีความจากเมืองหลวงแล้ว ในที่สุดฝ่าบาทก็ตัดสินใจลงมือกับขุนนางที่รัฐหวั่น ทว่าประกาศงานชุมนุมวารีปฐพีออกมาแล้วเช่นกัน โดยจะจัดติดต่อกันเก้าถึงสิบวัน เชิญผู้สูงส่งมีมรรคเซียนจากทั่วหล้ามาเข้าร่วม…”
อิ๋นจ้าวเซียนเคยสัมผัสกับผู้สูงส่งจริงๆ เทียบกับหลายคนในราชสำนักแล้วนับว่ามีความรู้เรื่องอะไรบางอย่างมากกว่า การเชื้อเชิญแบบนี้จะมีคนมาเข้าร่วมงานชุมนุมกี่คนกัน
เรื่องนี้และสถานการณ์นี้ทำให้อิ๋นจ้าวเซียนนึกถึงเรื่องไร้สาระที่ฮ่องเต้ขอพบเซียนในปีนั้น จะขอถามมรรคจากเซียนน่ะช่างเถอะ แต่กลับไม่มีท่าทีของผู้ฝึกเซียนต้องการถามมรรคเลย ถือครองอำนาจโดยไม่สนใจคำแนะนำจากราชสำนักจนเกิดความเสียหายกับอาณาจักร ปกครองอาณาจักรไม่ใช่เพื่อปวงประชาแต่เพื่อยาอายุวัฒนะ นั่นย่อมนำความลำบากแสนสาหัสมาสู่ทั้งต้าเจิน
จี้หยวนหรี่ตาพิจารณา จากนั้นถึงยิ้มกว้างกล่าวว่า
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่อาจารย์อิ๋นจะจัดการได้ ในราชสำนักย่อมมีขุนนางดีกลุ่มหนึ่งคอยท่าอยู่ อีกอย่างฮ่องเต้หยวนเต๋อไม่ใช่ว่าคำนึงถึงรัฐหวั่นหรอกหรือ ดีกว่าที่ข้าคนแซ่จี้คิดไว้ก่อนหน้านี้มากแล้ว ปล่อยให้เขาจัดงานชุมนุมไปเถอะ!”
อิ๋นจ้าวเซียนยิ้มพลางส่ายหน้า
“อืม ต่อจากนี้ข้าจะต้องยุ่งตั้งแต่ฟ้าสว่างจรดฟ้ามืด เรื่องที่รัฐหวั่นอยู่ในภาวะตึงมือ เรื่องทางเมืองหลวงข้าก็ไม่มีความสามารถไปจัดการ ทว่าผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นเกรงว่าจะโน้มน้าวใจฮ่องเต้ไม่ได้”
อิ๋นจ้าวเซียนเพียงสนทนากับจี้หยวน แม่รู้ว่าผู้สูงส่งที่แท้จริงอยู่ตรงหน้านี้ แต่ก็ไม่มีความคิดเชิญจี้หยวนไปเข้าร่วมงานชุมนุมอะไรแต่อย่างใด เรื่องพรรค์นี้สหายคนนี้ไม่มีทางสนใจ
ทว่าอิ๋นจ้าวเซียนกลับเดาผิด จี้หยวนสนใจงานชุมนุมวารีปฐพีทีเดียว แน่นอนว่าได้โลภต่อชื่อปรมาจารย์และรางวัลเงินทอง
ความจริงแล้วกับมังกรเฒ่าหารือกันลับๆ เกี่ยวกับงานชุมนุมนี้แล้ว ทางฝั่งเขาล้อมหยกถึงขนาดเตรียมตัวเคลื่อนไหวบ้างแล้ว
ฮ่องเต้หยวนเต๋อได้รับพรแล้วจริงหรือ ไม่น่าใช่
สิ่งสำคัญคือตอนนี้รูปร่างของเกาะเมฆาบูรพาเริ่มผิดปกติแล้ว อาจเป็นเพราะตัวเกาะเมฆาบูรพากัดกร่อนมาเป็นเวลานาน และข่าวลือหอความลับสวรรค์ในปีนั้นก็ทำให้ต้าเจินที่ตั้งอยู่ชายขอบได้รับความสนใจมหาศาลในทันทีใด
ต้าเจินในเวลานี้นับได้ว่าเป็น ‘เสือหมอบมังกรซ่อน’ อย่างแท้จริง แต่ก็จินตนาการได้ว่างานชุมนุมวารีปฐพีของฮ่องเต้หยวนเต๋อในครั้งไม่ได้อาจดึงดูดเพียงพวกนักต้มตุ๋น แต่ยังมีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายปะปนอยู่ในนั้นด้วย
ถึงอย่างไรฮ่องเต้ต้าเจินต้องพระราชทานตำแหน่ง ‘ปรมาจารย์’ ด้วยพระองค์เอง นั่นเท่ากับได้รับครรลองของต้าเจินแล้ว หากถอยก้าวหนึ่งออกมามอง ถึงแม้เป็นกลุ่มภูตที่มรรควิถีค่อนข้างต่ำ ก็ถือโอกาสนี้ชำระล้างได้สักครั้งหนึ่ง
จี้หยวนกำลังครุ่นคิด อิ๋นจ้าวเซียนพลันเอ่ยปากอีก
“จริงสิ ใต้เท้าเจ้าเมืองกำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งเข้าเมืองหลวง ข้าต้องเตรียมของขวัญแสดงความยินดีหน่อย”
“ฮ่าๆ เช่นนั้นอาจารย์อิ๋นต้องใช้เงินแล้ว ของขวัญที่เงินเดือนน้อยนิดของเจ้าซื้อได้ เกรงว่าจะถูกของขวัญของผู้อื่นแย่งความสนใจไปโดยง่าย”
“ท่านจี้พูดล้อเล่นแล้ว ข้าคนแซ่อิ๋นตัดใจใช้เงินไม่ได้หรอก เขียนเทียบอักษรใหญ่ๆ สักแผ่นก็ใช้ได้แล้ว!”
อิ๋นจ้าวเซียนพูดแล้วลุกขึ้นยืน
ไม่ต้องพูดแล้ว ของขวัญที่อาจารย์อิ๋นเตรียมไว้ไม่ย่ำแย่ จะพูดว่ามีค่าเป็นเงินมากมายออกจะเกินไป ทว่าใช้เงินร้อยตำลึงซื้อไม่ได้กลับไม่เกินไปเลย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาจารย์อิ๋นไปเร็วหน่อยเถอะ ข้าคนแซ่จี้รบกวนอยู่ที่นี่สองเดือนกว่าแล้ว ถึงเวลาจากไปแล้วเช่นกัน”
จี้หยวนลุกขึ้นยืนเช่นกัน นับว่าบอกลาสหายแล้ว
อิ๋นจ้าวเซียนไม่แปลกใจ รั้งท่านจี้ได้นานกว่าหนึ่งเดือนก็ไม่เลวแล้ว
“คราวนี้ท่านจี้จะกลับอำเภอหนิงอันหรือไม่”
จี้หยวนยิ้ม
“ไม่ ข้าคนแซ่จี้คิดจะไปเปิดหูเปิดตาที่งานชุมนุมวารีปฐพีที่จังหวัดจิงจีสักหน่อย”
…
หลังจากเที่ยงวัน จี้หยวนบอกลาทุกคนในจวนตระกูลอิ๋น ออกจากที่ว่าการจังหวัดลี่ซุ่น เมื่อเดินเล่นรอบเมืองแล้วถึงออกจากเมืองขี่เมฆไป
จี้หยวนย่อมไม่ลงชื่อเข้าร่วมงานชุมนุมอะไรนั่น แต่ก็ต้องไปจับจองพื้นที่เร็วหน่อย
งานชุมนุมนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน สำหรับฮ่องเต้หยวนเต๋อแล้วอาจเจอโชคดีก็เป็นได้ อย่างน้อยก็ไม่มีทางมองไม่เห็นอะไรเหมือนกับฮ่องเต้เจิ้งหยวน