เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 240 หายไปทั้งหมดแล้ว
ตอนที่ 240 หายไปทั้งหมดแล้ว
ปรากฏการณ์ฟ้าผ่าแท่นพิธีเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ภายใต้สภาวะเสียงฟ้าร้องครืนและสายฟ้าฟาดแสบตา อย่าว่าแต่ไปตรวจสอบเหตุการณ์บนแท่นพิธีเลย แค่เข้าใกล้ยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลย
ที่น่าแปลกกว่านั้นคือท่ามกลางฝนฟ้าคะนองยังคงได้ยินเสียงกรีดร้องประหลาดเหมือนสัตว์คำรามน่ากลัวจากแท่นพิธี ทำให้ยิ่งไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เข้าไปใหญ่
ถึงทหารโลกมนุษย์ไม่กล้าดูแลโดยรอบแท่นพิธี แต่ภายใต้ภาพที่ตาเปล่ามองไม่เห็น เทพใหญ่จากกรมต่างๆ และมือปราบผีของศาลหลักเมืองจังหวัดจิงจีปิดกั้นทางเข้าออกทั้งภายในและภายนอกแท่นพิธีเอาไว้แล้ว
พวกเขาย่อมไม่จำเป็นต้องขึ้นไปจับคนบนแท่นพิธี นอกจากคอยดูแลแล้วก็เพื่อความปลอดภัยด้วย จะได้ตรวจสอบนักเวทที่หนีลงจากแท่นพิธีอีกครั้ง ดูว่ามีปีศาจปะปนอยู่ในนั้นหรือไม่
ส่วนผู้ฝึกปราณสายบริสุทธิ์ที่ถือโอกาสให้ได้มาซึ่งชื่อนักเวทเพียงเท่านั้นจริงๆ ขอเพียงไม่มีปราณสกปรกและปราณโทสะข้องเกี่ยว เช่นนั้นถึงแม้เป็นภูตก็จะยอมหลับตาข้างหนึ่ง ลืมตาข้างหนึ่ง ปล่อยออกไปชั่วคราว อย่างน้อยก็อยู่รอดปลอดภัยพ้นช่วงเวลาเก้าหรือสิบวันนี้ไป
เดิมทีไม่อาจปล่อยภูตไปได้ แต่ครั้งนี้เซียน มาร เทพสามมรรครวมตัว ศาลมืดจังหวัดจิงจียินดีไว้หน้า
ความจริงแล้วคนแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นตอนที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อแสวงหาเซียน ตนเองมรรควิถีตื้นเขินถึงขนาดหมดหวังก้าวหน้าทางการฝึกปราณ แต่ก็ยังหาหนทางทำให้ได้มา ด้วยเงื่อนไขของการพยายามลดความเกี่ยวข้องกับปราณราชวงศ์ และด้วยความช่วยเหลือจากปากของฮ่องเต้ก็ปิดบังเรื่องราวไว้ได้
จากนั้นขอเพียงหาโอกาสเป็นอิสระ ก็พยายามเพิ่มพูนการฝึกปราณอีกได้
ทว่าเรื่องนี้มีความเสี่ยงอย่างยิ่งยวด ความฟุ่มเฟือยของราชวงศ์ถือเป็นยาพิษที่ร้ายแรงที่สุดบนโลก ต่อให้เวลาจะไม่ยืนยาว ผู้ฝึกปราณประเภทที่มีมรรควิถีตื้นเขินและไม่แน่วแน่ก็หลงทางได้ง่ายดายนัก
แต่ต่อให้รู้เรื่องนี้แล้ว ความเป็นจริงกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง รู้ดีว่าอันตรายมาก อีกทั้งเป็นคนที่หวั่นไหวถูกล่อลวงง่าย ทุกคนล้วนบอกว่าตนเองเป็น ‘ข้อยกเว้น’ ด้วยความอุตสาหะเช่นนี้นำความเที่ยงธรรมออกจากตัว มรรคฝึกปราณจะจำเป็นต้องยืมวิธีการแบบนี้มาเปลี่ยนฐานะได้อย่างไร
เทียบกันแล้วภูตที่ไม่มีปราณและฝึกฝนอย่างอดทนยากลำบากอาจคว้าโอกาสแบบนี้ได้ง่ายกว่า หากได้มาซึ่งความเที่ยงธรรม อันดับแรกต้องหาโอกาสหนีไปโดยไม่สนใจอะไรอย่างแน่นอน มากกว่าครึ่งไม่กล้าอยู่ในเมืองภายใต้สถานการณ์ที่รู้ดีว่ามีศาลมืดคอยควบคุมดูแล
แน่นอนว่านอกจากพวกมรรควิถีค่อนข้างต่ำแล้ว ยังมีผู้สูงส่งแฝงอยู่ในกลุ่มคนอย่างยากจะหลีกเลี่ยง อย่างไรเสียเขตอาคมแท่นพิธีก็พุ่งเป้าไปที่ปีศาจมารเท่านั้น หากมีมรรคจริงแท้ย่อมหนีไปได้
ทางฝั่งต้าเจินรวมถึงจี้หยวนไม่อาจทนผู้เป็นมารมาปลุกปั่นลมฝน แต่หากมีมรรคจริงแท้ก็ไม่อาจกระทำการใดโจ่งแจ้ง แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องตื่นตกใจ แต่ในเมื่อเข้าร่วมงานชุมนุมเก้าวันนี้ก็ไม่น่าตกอกตกใจ เหมือนกับขอทานชราผู้นั้น
…
ภายในโรงน้ำชาที่ห่างออกไปประมาณสองลี้ นักเวทสิบกว่าคนที่ออกจากแท่นพิธีหลบฝนอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีองครักษ์กลุ่มหนึ่งอยู่ที่นี่ด้วย
บางคนพาดเสื้อผ้าเปียกกึ่งหนึ่ง บางคนถอดเสื้อเปลือยท่อนบนเสียเลย ไร้ภาพลักษณ์ของผู้สูงส่ง กลับเป็นองครักษ์ที่ถึงแม้เสื้อด้านในจะเปียกไปหมดแล้ว แต่ก็ยังสวมเกราะไม่ห่างกาย
ตอนหลบฝนนั้น ความสนใจของทุกคนรวมอยู่ที่แท่นพิธีไกลออกไป เห็นสายฟ้าผ่าลงมาเหล่านั้น หลายต่อหลายคนนักหวาดหวั่นในใจ
“ไอ้หยา หากเมื่อครู่ไม่หนี อาจถูกฟ้าผ่าตายก็เป็นได้!”
“ใช่ บนแท่นมีคนถูกฟ้าผ่าตายหลายคนแล้วไม่ใช่หรือ”
“เฮ้อ อาจเป็นเพราะแท่นนี้สูงเกินไปกระมัง”
“ไม่ถูกๆ ข้าคิดว่าหนทางงานชุมนุมของฮ่องเต้ในวันนี้ถูกต้องแล้ว!”
“เอ๋? หมายความว่าอย่างไร”
นักเวทกลุ่มหนึ่งสนทนาปัญหาที่ดูยากจะคาดเดาได้ แม้แต่องครักษ์จำนวนหนึ่งที่กำลังพักผ่อนก็เงี่ยหูตั้งใจฟังด้วย
“พวกเจ้าคิดดูสิ เหตุใดจู่ๆ วันนี้ก็มีฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ฝนตกหนัก ข้าเดาว่าอาจเป็นเพราะไม่พอใจฮ่องเต้…”
“บังอาจ! กล้าหมิ่นเบื้องสูงรึ!”
องครักษ์หลายคนลุกขึ้นยืนทันที พากันวางมือบนด้ามดาบไม่น้อยเลย ทำเอานักเวทพวกนั้นกลัวจนหน้าซีด
“องครักษ์อย่าเพิ่งโมโห พวกข้าจะกล้าไม่เคารพฮ่องเต้ได้อย่างไร ฟังข้าพูดให้จบก่อน!”
เห็นองครักษ์พวกนั้นสงบลงแล้ว คนผู้นี้ก็ถอนใจโล่งอก ความโมโหเมื่อครู่ถูกตัวแล้วไม่มีทางรับไหว
ในใจอดคิดไม่ได้ ว่ากันว่าทหารในวังไม่เลือดร้อน มารดาเขาสิใครสร้างข่าวลือนี้ขึ้นมากัน หากองครักษ์เหล่านี้ไม่เคยเห็นเลือด แล้วไหนเลยจะดุร้ายขนาดนี้ได้!
คนอื่นในโรงน้ำชาถูกเขาดึงดูดสายตาโดยสิ้นเชิงแล้ว เล่าเรื่องมหัศจรรย์ตอนพายุฟ้าคะนองแบบนี้ได้บรรยากาศเป็นพิเศษ
“เมื่อครู่ข้าไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ฮ่องเต้ แต่เหตุใดถึงคาดเดาว่าสวรรค์ไม่พอใจ ทุกคนลองคิดดู ฮ่องเต้อยากให้ใต้หล้าต้าเจินมั่งคงนิรันดร์ และอยากให้ตนเองอายุยืนยาวค้ำฟ้า…”
ประโยคครึ่งหลังหลายคนรู้ดีอยู่แก่ใจ ฮ่องเต้อยากเป็นฮ่องเต้เทพเซียน เสวยสุขกับอำนาจบารมีสืบไป
“เรื่องนี้หากบอกว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อหลักสวรรค์ก็ไม่มากเกินไป มีเพียงฮ่องเต้ผู้ปราดเปรื่องเก่งกาจของพวกเราต้าเจินเท่านั้นที่ทำได้!”
นักเวทที่กำลังกล่าวยกยอฮ่องเต้เล็กน้อย จากนั้นใช้คำอธิบายของตนเองพูดต่อ
“หากทำเรื่องผิดต่อหลักสวรรค์ไม่สำเร็จ สวรรค์ย่อมไม่มีทางมีปฏิกิริยาใด แต่วันนี้พลานุภาพสวรรค์มาถึง ก็แสดงว่าวิธีผิดต่อหลักสวรรค์ของฮ่องเต้เกิดผลสำเร็จแล้ว…”
“มีเหตุผล!”
“อืม มีเหตุผลอยู่บ้างจริงๆ”
“นักเวทท่านนี้ ท่านเป็นผู้สูงส่งจากแดนเซียนใด”
“ข้าเอ่อ…ไอ้หยาปวดฉี่ขึ้นมาเฉยเลย ข้าไปฉี่ก่อนนะ”
นักเวทคนนี้อยากปลดทุกข์ ยังมีอะไรอยากพูดต่อแท้ๆ แต่ทำให้คนสงสัยรอไปก่อน หลังจากยิ้มเล็กน้อยก็ออกไปยังห้องสุขาที่อยู่ข้างหลังโรงน้ำชา
จะไปห้องสุขาต้องอ้อมทางเดินข้างหลังโรงน้ำชา ด้วยข้างนอกมีแมฆดำปกคลุมจึงมืดเป็นพิเศษ เมื่อเขาปัสสาวะเสร็จเรียบร้อย นักเวทที่เคยมาที่นี่พลันรู้สึกว่าหนาวขึ้นมา
ความหนาวแบบนี้แปลกมาก มองซ้ายมองขวากลับไม่เห็นอะไรประหลาด ข้างนอกยิ่งไม่มีลม
‘ผิดปกติแล้ว!’
คิดดูแล้วไม่ถูกต้อง นักเวทผู้นี้หยิบขี้เถ้าออกมาจากในกระเป๋าเสื้อกำมือหนึ่ง จากนั้นป้ายน้ำลายตนเองเล็กน้อย แล้วหลับตาเพื่อทามันลงบนเปลือกตา
ตอนลืมตาขึ้นอีกครั้ง นักเวทพลันตัวสั่นสะท้าน
มือปราบผีหลายคนที่บ้างก็หน้าเขียวบ้างก็หน้าขาวอยู่ข้างตนเอง มีมือปราบผีคนหนึ่งลิ้นยาวคิ้วยาวตาตี่ยากแยะแยะว่าเป็นชายหรือหญิง กำลังจ้องเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ตอนนี้มีองครักษ์คนหนึ่งมาห้องสุขาพอดี เดินผ่านแล้วเห็นนักเวทผู้นี้ขดตัวอยู่ริมกำแพงไม่ขยับเขยื้อน รู้สึกว่าแปลกอยู่บ้าง
“นักเวทท่านนี้ เป็นอะไรไปรึ”
เห็นเขาสีหน้าซีดขาว องครักษ์เข้าไปใกล้ก้าวหนึ่งแล้วยื่นมือจับหน้าผากเขา
“เอ่อ…ร้อนและเหงื่อออกมากขนาดนี้ เห็นทีเมื่อครู่ตากฝนจนไม่สบายแล้ว เดี๋ยวข้าปลดทุกข์เสร็จแล้วจะกลับมาประคองเจ้า”
พอองครักษ์ชักมือกลับแล้ว เขาเดินไปพลาง บ่นไปพลางว่า “ไยตรงนี้หนาวขนาดนี้…”
นักเวททางนี้ก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ตัวแข็งทื่อสีหน้าไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง มือปราบผีมากมายล้อมเข้ามากลางวันแสกๆ น่ากลัวจะตาย ยิ่งไม่รู้ด้วยว่าพวกเขาจะทำอะไร
มือปราบผีลิ้นยาวตาตี่มองนักเวทผู้นี้อย่างละเอียด จากนั้นโบกมือ
“ไปเถอะ คนนี้ไม่มีปัญหา”
เมื่อพวกมือปราบผีออกจากโรงน้ำชาไป นักเวทผู้นี้ถึงได้หอบหายใจดังแฮกๆ
…
ตำแหน่งดาวสำคัญและสถานที่สำคัญบางแห่งในเมือง หากไม่อยู่กลางถนนก็อยู่เหนือหลังคา ล้วนยืนไว้ด้วยผู้ฝึกปราณหนึ่ง สอง หรือสามคน บ้างสวมชุดขนนก บ้างสวมชุดคลุมยาว นอกจากนี้ยังมีผู้มีพลังแก่กล้าถือยันต์หยกว่างเปล่าคุมวาโยอยู่กลางอากาศจำนวนหนึ่งด้วย
เทียบกับปราณชั่วร้ายทางแท่นพิธี ดวงตาของผู้ฝึกปราณเหล่านี้ซ่อนประกายเทพ พลังในกายพุ่งพล่าน ส่วนมากเป็นผู้มีผลสำเร็จในการฝึกปราณ และถือเป็นผู้ฝึกเซียนส่วนหนึ่งของเขาล้อมหยก
ครั้งนี้เขาล้อมหยกเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่ นำด้วยเซียนแห่งยอดเขาหลอมหยกที่มีมรรควิถีทั้งห้าลึกล้ำพลังกล้าแกร่ง ผู้ฝึกปราณที่ร่วมเดินทางมาด้วยล้วนมีชื่อเรียกว่าเซียนในภูเขาเช่นกัน ฉิวเฟิงในฐานะที่เป็นผู้ฝึกปราณเขาล้อมหยกซึ่งค่อนข้างเกี่ยวข้องกับจี้หยวน ตัวเขาเองก็มีมรรควิถีเพียงพอจึงได้รวมอยู่ในกลุ่มนี้
เพียงมองแสงระยิบระยับทางแท่นพิธีไปจนถึงสายฟ้าบนท้องฟ้า หลายคนก็รู้สึกเหมือนไม่มีโอกาสให้พวกเขาลงมือแล้ว
ในที่สุดฝนห่าใหญ่ก็หยุดตกก่อนเที่ยงวัน เมฆดำกระจายตัวไปหมดแล้ว
เหยียนฉาง ขุนนางราชสำนัก และองครักษ์ ไปจนถึงนักเวทโดยรอบจำนวนหนึ่งขึ้นไปตรวจดูบนแท่นพิธีอย่างระมัดระวังหลังจากเมฆดำหายไปแล้ว
แต่ภาพน่ากลัวตามที่จินตนาการไว้ไม่ได้ปรากฏ บนแท่นสูงสะอาดสะอ้าน ไม่มีใครอยู่สักคน แปลกประหลาดมาก
คนหายตัวไปเป็นเรื่องเล็ก พิธีกรรมไม่ราบรื่นสิเป็นปัญหาถึงชีวิต ฮ่องเต้อาจลงโทษหนัก เรื่องนี้ปิดบังไม่ได้ กลุ่มขุนนางรับผิดชอบงานชุมนุมที่มีเหยียนฉางผู้นำต่างลำบากใจยากจะพูดได้ ทำได้เพียงคิดว่าจะผ่านมันไปได้อย่างไร
ในวังยังไม่ทันเริ่มมื้อกลางวัน ฮ่องเต้หยวนเต๋อก็ได้รับรายงานจากกรมพิธีการ บอกว่าทั้งพิธีขอพรไม่ราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้จะเตรียมใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ฮ่องเต้หยวนเต๋อก็ยังมีสีหน้าโกรธกริ้วอย่างอดไม่ได้ ตำหนิกรมพิธีการและเหยียนฉางว่าเป็นคนไร้ประโยชน์
พูดแล้วก็น่าสนใจ คำพูดที่ขุนนางใช้รายงานเป็นคำพูดจากนักเวทในโรงน้ำชาที่ถูกมือปราบผีทำให้ตกใจกลัว
หลังจากวิเคราะห์ได้ดังนั้น ฮ่องเต้หยวนเต๋อพลันรู้สึกดีขึ้นมาก