เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 262 กล่าวอ้างเช่นนี้หรือ
ตอนที่ 262 กล่าวอ้างเช่นนี้หรือ
สุดท้ายแม่นางหงซิ่วคนนี้ไม่แสร้งทำเป็นไม่รู้เหมือนเมื่อครู่อีก
จี้หยวนเห็นการตอบสนองของหญิงสาวคนนี้ ดูท่าว่าน่าจะไม่รู้จักตน เขาวางตำราในมือลง กล่าวตอบไม่ตรงคำถาม
“นึกถึงตอนถูกมังกรเฒ่าลากไปร่วมงานเลี้ยงครบรอบพันปีของเขาเมื่อปีนั้น หลังจบงานเลี้ยงพายเรือเล็กกลับลำพัง เจอเรือขุนนางใหญ่ลำหนึ่ง บนนั้นมีพ่อลูกตระกูลเซียวอยู่”
ทุกคนในห้องรวมถึงหงซิ่วจดจ่อฟังจี้หยวนเล่า หวังลี่รู้สึกเหมือนฟังตำนานเทพ แม้จางหรุ่ยไม่ถือว่ารู้สถานการณ์ของ ‘ผู้ฝึกปราณชั้นสูง’ แต่เพียงได้ยินคำว่างานเลี้ยงครบรอบพันปีก็รู้ว่าร้ายกาจแน่ ไม่ว่าจะเป็นคน ปีศาจ หรือเทพที่อยู่รอดถึงพันปีย่อมเป็นตัวตนซึ่งมีมรรควิถียิ่งใหญ่แน่
ใบหน้าแม่นางหงซิ่วไม่เผยความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แต่ความประหม่าในใจกลับมากขึ้นเล็กน้อย
อย่าเห็นว่าเมื่อครู่ภายในห้องเป็นภาพหญิงงามเคียงข้างบัณฑิต ความจริงสถานการณ์ไม่ได้เงียบสงบ
สิ่งที่ทำให้หงซิ่วตกตะลึงไม่ใช่แค่คนตรงหน้าบอกว่าถูกประมุขมังกรลากไปร่วมงานเลี้ยงครบรอบพันปี ยังมีเรื่องที่จี้หยวนรู้จักตระกูลเซียวด้วย
อย่างแรกยังมีโอกาสวางมาดตบตา อย่างหลังน่าจะไม่ใช่เรื่องเท็จ
“ตอนนั้นข้าได้ยินคุณชายตระกูลเซียวเถียงกับบิดาตรงท้ายเรือ เป้าหมายก็เพื่อหญิงคณิกาคนหนึ่ง หงซิ่วเมื่อตอนนั้นน่าจะยังเป็นคน ไม่ใช่แม่นาง”
พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หงซิ่วคลายความน่ารักใสซื่อก่อนหน้านี้ บุคลิกเปลี่ยนเป็นเรื่อยเฉื่อยขึ้นมาก
“คุณชายทราบได้อย่างไรว่าหงซิ่วเมื่อตอนนั้นไม่ใช่ข้าน้อย ท่านไม่เคยมาเที่ยวเล่นบนเรือวิจิตร หรือว่าท่านเคยมา ตามหาหญิงงามดาษดื่นคนไหนอยู่เป็นเพื่อนหรือ”
หงซิ่วกล่าวจบประโยคหนึ่ง ตอนท้ายยังเอ่ยแซวอีกประโยค
จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้โต้แย้ง แต่มองนางพลางถามอย่างจริงจัง
“ตอนนั้นใช่เจ้าหรือไม่”
การกระทำของคนตรงหน้าทำให้หงซิ่วอึ้งงันอย่างอดไม่ได้ เดิมคิดแกล้งบอกว่า ‘ใช่’ แต่เห็นดวงตาสีเทาราบเรียบนิ่งสงบและเหมือนอ่านใจออกคู่นั้น นางแค่ขมวดคิ้วก่อนกล่าว
“ไม่ใช่!”
“อืม เช่นนั้นก็ไม่ใช่”
จี้หยวนพยักหน้าเล็กน้อย
“คาดว่าหงซิ่วตัวจริงคงถูกคุณชายเซียวเก็บตัวเข้าห้องทองคำแล้ว”
ตอนนั้นคุณชายตระกูลเซียวบอกว่าจะชิงตำแหน่งจ้วงหยวนมาอย่างฮึกเหิม แต่เห็นชัดว่าโชคไม่ค่อยดี หรือกล่าวว่าโชคของผู้เข้าสอบซึ่งพรสวรรค์โดดเด่นเหล่านั้นไม่ค่อยดีกันหมด มาเจออิ๋นจ้าวเซียนซึ่งมีปราณยิ่งใหญ่มากความรู้
หากดูจากสถานการณ์ตอนนั้นของตระกูลเซียว ความเป็นไปได้ที่คุณชายตระกูลเซียวจะแต่งงานกับหงซิ่วจริงมีไม่มาก อีกอย่างตอนนี้ยังมีตัวปลอมอยู่ที่นี่ เห็นชัดว่าหงซิ่วตัวจริงหายตัวลึกลับแล้ว
“ท่านเซียน ข้าน้อยถือว่าช่วยพวกเขาผู้มีความรักให้สมหวังครองคู่กันตลอดไป นับว่าเป็นการสร้างบุญหรือไม่”
เบื้องหน้าหงซิ่วม้วนจอนผมเล่น พูดหยอกล้อประโยคหนึ่ง คล้ายไม่เห็นจี้หยวนอยู่ในสายตา ความจริงจากการพูดคุยเมื่อครู่จนถึงตอนนี้ ในใจนางเห็นคุณชายตาพร่ามัวตรงหน้าอันตรายอย่างยิ่งแล้ว
“ต่อให้เจ้าช่วยพวกเขา แต่เจ้าเล่า เจ้าอยู่บนเรือวิจิตรต่อเพราะเหตุใด ปีศาจซึ่งมีมรรควิถีอย่างเจ้า ภายในต้าเจินพบเห็นได้ไม่มากนัก”
“ข้าแค่ชอบสภาพแวดล้อมเช่นนี้เท่านั้น ไม่ได้หรือ แม้แต่เทพแม่น้ำระเบียบยังไม่สนใจข้า ทำไมท่านต้องสนใจด้วย หากท่านมีความมั่นใจว่าจัดการข้าได้ คงไม่ต้องพูดมากความกับข้าด้วยหน้าตาอ่อนโยน”
การประชันฝีปากของทั้งสองฝ่ายต่างแฝงการหยั่งเชิงนานัปการ
ภายใต้การมองผ่านตาทิพย์ของจี้หยวน ปราณปีศาจบางเบามากมายขับเคลื่อนเป็นลักษณ์ประหลาดรอบตัวหงซิ่ว กลายเป็นจิ้งจอกขาวเลือนรางตัวหนึ่ง
ตั้งแต่หงซิ่วไม่แกล้งโง่อีก กลิ่นอายเย้ายวนซึ่งแผ่ออกมาทำให้หวังลี่ที่อยู่ด้านข้างลุ่มหลงมัวเมา มองนางอย่างอึ้งงัน ส่วนจางหรุ่ยจดจ่อระวังตัวนานแล้ว รู้ถึงความไม่ธรรมดาของปีศาจตนนี้ ถึงขั้นทำให้นางรู้สึกกดดัน ได้แต่ฟังท่านจี้พูดคุยกับนางจิ้งจอกตนนี้
จี้หยวนไม่รู้เบื้องลึกของจิ้งจอกตัวนี้อย่างแน่ชัดจริงๆ แต่ถึงอย่างไรก็มีแค่นางคนเดียว
สู้ตัวต่อตัวด้วยระยะห่างแค่นี้ อย่าว่าแต่ใช้กระบี่เครือเขียวฟัน แค่เพลิงสมาธิก็มีอัตราความสำเร็จว่าจะเผาโดนไม่น้อย จี้หยวนจึงไม่กลัวปีศาจตนนี้เลย
ตอนนี้คำพูดของแม่นางหงซิ่วทำให้จี้หยวนใช้ประโยชน์ได้พอดี
“เทพแม่น้ำระเบียบรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ แต่ไม่สนใจเจ้าหรือ”
“ใช่แล้ว…”
หงซิ่วใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายม้วนปลายจอน พิงตัวบนโต๊ะอย่างเกียจคร้าน รินชาอีกถ้วยให้ตัวเอง หันหน้ามองจี้หยวน
“ท่านเรียกเทพแม่น้ำระเบียบมาได้หรือ…”
ยามกล่าวคำพูดนี้หงซิ่วบังเอิญเห็นจี้หยวนยื่นมือจุ่มนิ้วลงถ้วยแตะน้ำชามาหยดหนึ่ง จากนั้นจึงดีดนิ้วไปนอกหน้าต่าง
ติ๋ง…
น้ำชาหยดนี้ผ่านหน้าต่างห้องโดยสารพุ่งเข้าผิวน้ำ เกิดคลื่นสะเทือนพิเศษระลอกหนึ่ง
“เทพแม่น้ำระเบียบ มาพบข้าโดยเร็ว!”
ซ่า…
ผิวน้ำนอกเรือวิจิตร รอยคลื่นเล็กกระเพื่อมใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่กี่ลมหายใจใต้น้ำด้านนอกปรากฏเงาดำมหึมาเลือนราง
ซ่า… ซ่า…
เสาน้ำโปร่งแสงหนึ่งผุดขึ้นมาจากตำแหน่งที่พลังคุมเทพดิ่งลงนอกหน้าต่าง หมุนตัวลอยเข้าห้องรับรองแห่งนี้ กลายเป็นเงาคนซึ่งสร้างจากลายน้ำ จากนั้นค่อยเปลี่ยนเป็นเหมือนจริงอย่างรวดเร็ว
ครึ่งประโยคหลังของหงซิ่วติดอยู่ในลำคอนานแล้ว มองชายวัยกลางคนชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวกลางห้องโดยสารด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตาปริบๆ
‘ไม่กระมัง… เทพแม่น้ำระเบียบจริงหรือ หรือกล่าวได้ว่า… เมื่อครู่คือการคุมเทพ?’
ในสายตาจางหรุ่ยเห็นชัดเจนว่าบนคอนางจิ้งจอกตรงหน้ามีเหงื่อซึม
เมื่อเทพแม่น้ำระเบียบเห็นสถานการณ์ในห้องโดยสารชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเห็นว่าคนที่นั่งอยู่เป็นใคร เขาพลันตกตะลึง รีบประสานมืออย่างจริงจัง ยามคารวะยิ่งค้อมตัวจนหลังระนาบพื้น
“เทพแม่น้ำระเบียบตู้ก่วงทง คารวะท่านจี้!”
แม้ว่าแม่น้ำระเบียบไม่ใช่แม่น้ำใหญ่โตอะไร แต่อย่างน้อยก็เรียกได้ว่ามีชื่อเสียง ทั้งยังอยู่รัฐโยว ไม่ถือว่าห่างจากแม่น้ำเทียมฟ้านัก ด้วยเหตุนี้จึงไม่เกินความคาดหมายของจี้หยวน เทพวารีคนนี้รู้จักเขาดังคาด
แต่จี้หยวนเดาแม่นเป็นเรื่องหนึ่ง วิธีการตอบก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว เขาแสร้งเอ่ยถามอย่างสงสัย
“หืม? เทพวารีรู้จักข้าหรือ”
เทพวารีเก็บมือลง กล่าวตอบอย่างยำเกรงและจริงจัง
“ท่านเป็นถึงสหายของประมุขมังกร ตอนนั้นข้าน้อยมีวาสนาเห็นหน้าตาท่านที่งานเลี้ยงวันเกิดประมุขมังกร”
จี้หยวนมองเทพวารีคนนี้ ทั้งมองหงซิ่ว ชั่วพริบตายามสายตาเขากวาดมองไป พลังขับเคลื่อนอีกฝ่ายสับสนเล็กน้อย ถือว่าอยู่ในสภาพทำใจดีสู้เสือแล้ว
จี้หยวนพยักหน้ากับเทพวารีอย่างคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ทว่าครู่ต่อมาจี้หยวนซึ่งหน้าตาอ่อนโยนมาทั้งคืนพลันแผลงฤทธิ์ หรี่ตากล่าวเสียงกรุ่นโกรธ
“ตู้ก่วงทงเจ้ากล้ามากนักนะ! บังอาจปกป้องปีศาจนอกนอกอาณาเขต ผ่อนปรนยอมให้ซ่อนตัวอยู่บนแม่น้ำระเบียบ นางมีเป้าหมายอะไร เจ้ามีจุดประสงค์อะไร ข้าคนแซ่จี้ไม่เชื่อว่ามังกรเฒ่านั่นจะให้เจ้าทำเรื่องเช่นนี้”
ภายใต้สถานการณ์ซึ่งอยู่ห่างจากแม่น้ำเทียมฟ้าไม่ถึงพันลี้ แต่กล้าบ่งชี้ว่า ‘มังกรเฒ่า’ ทั่วหล้าเกรงว่าคงมีแค่จี้หยวน
เทพวารีตู้ก่วงทงได้ยินแล้วการตอบสนองแรกคือลนลาน การตอบสนองที่สองคือรู้สึกน้อยใจ เพิ่งหยัดร่างขึ้นไม่นาน เขาคารวะอย่างตื่นตระหนกต่อเนื่อง
“ท่านจี้ ข้าน้อยถูกปรักปรำ! ข้าน้อยไม่เคยรับปีศาจนอกอาณาเขตเข้ามาแน่นอน ประมุขมังกรยิ่งไม่เคยออกคำสั่งเช่นนี้ แม่น้ำระเบียบของข้ามีแค่ภูตเผ่าวารีซึ่งฝึกปราณอย่างสงบส่วนหนึ่ง หากท่านไม่เชื่อ ข้าจะเรียกพวกเขามาทันที…”
ท่าทางตื่นตระหนกของเทพวารีตู้ก่วงทง แม้แต่หวังลี่ยังมองออก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ความรู้สึกนั้นเหมือนประโยคเดียวของจี้หยวนปลิดชีพเขาได้ กลัวจนไม่รู้ว่าจะกลัวอย่างไร
จี้หยวนพลิกหน้าตำราบนโต๊ะ คล้ายตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยหยุดอ่าน ต่างกันแค่ถือตำราบนมือหรือวางบนโต๊ะเท่านั้น ขณะเดียวกันยังกล่าวเสียงเบาราบเรียบไม่ต่างจากก่อนหน้านี้นัก
“แม่นางหงซิ่ว ดูท่าว่าเทพแม่น้ำระเบียบไม่รู้จักเจ้านะ เขาไม่กล้าโกหกต่อหน้าข้าคนแซ่จี้หรอก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้เทพวารีเพิ่งรู้ว่าปีศาจอยู่ในห้อง หันหลังเกรี้ยวกราดถลึงตาแทบถลน จ้องมองหญิงสาวคนนั้นเขม็ง
แม้ภายในห้องรับรองยังมีจางหรุ่ยอยู่ แต่เป็นผีกอปรกับมีกลิ่นอายมรรคเทพรางๆ ไม่มีทางเป็นปีศาจที่ท่านจี้กล่าวถึง ส่วนหวังลี่แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนธรรมดายิ่งเป็นไปไม่ได้ มีแค่หญิงสาวซึ่งมองกลิ่นอายไม่ออกคนนี้
‘ต้องเป็นปีศาจบัดซบนี่สบประมาทข้าแน่!’
รอบตัวเทพแม่น้ำระเบียบอบอวลด้วยปราณปีศาจและกลิ่นอายมรรคเทพเลือนรางแล้ว สีหน้ายิ่งมืดทะมึนกะทันหัน เพลิงโทสะเด่นชัดจนแทบมองเห็นด้วยตาเปล่า เขาไม่กล้าโมโหใส่จี้หยวน ดังนั้นจึงผูกแค้นกับหญิงสาวคนนี้ แต่ท่านจี้ยังไม่เอ่ยปาก เขาจึงกล้าแค่ถลึงตาใส่
ตอนนี้หงซิ่วนิ่งสงบไม่อยู่แล้ว ต่อให้แสร้งทำก็แสร้งต่อไปไม่ได้ตลอด นั่งตัวตรงเนิบช้าอย่างไม่กล้าเคลื่อนไหวมากนัก ไม่กล้าทำท่าทางเกียจคร้านเช่นนั้นแล้ว
“ท่านจี้… เมื่อครู่… ข้าแค่ล้อเล่นเล็กน้อย… ใต้เท้าเทพวารี ปะ โปรดอย่าถือสา…”
เห็นชัดว่าตู้ก่วงทงเป็นเทพวารีองค์หนึ่ง แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเหมือนลุกเป็นไฟ ต่อให้ไม่กลัวเทพวารีคนนี้ก็ทำให้หงซิ่วรู้สึกกดดันอยู่บ้างจริงๆ
“อืม ในเมื่อเป็นสัตว์โลกเปี่ยมความรู้สึกกลางฟ้าดิน อยากล้อเล่นบ้างถือเป็นเรื่องปกติ…”
จี้หยวนพลิกหน้าตำราอีกครั้ง เหลือบมองหงซิ่วคราหนึ่งค่อยกล่าวต่อ
“ถ้าแม่นางหงซิ่วรู้สึกสนุก สามารถพูดอ้อมค้อมกับข้าต่อได้ ขอแค่เจ้ามีความอดทนก็พอ”
คำพูดนี้แทนที่จะบอกว่าเป็นการแสดงออกถึงความอดทน สู้บอกว่าเป็นการสะท้อนถึงความมั่นใจแกร่งกล้ายังดีกว่า ไม่ว่าบิดพลิ้วอย่างไรล้วนกระโดดออกจากสถานการณ์นี้ไม่ได้
จี้หยวนพูดถึงตรงนี้แล้วเหมือนตระหนักถึงอะไรได้ ประสานมือไปทางเทพวารีตู้ก่วงทง ก่อนยื่นมือไปทางเบาะข้างโต๊ะ
“เทพวารีตู้อย่าถือสา ข้าคนแซ่จี้มองออกว่าท่านกับแม่นางคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน เชิญนั่ง”
ตู้ก่วงทงได้ยินแล้วเป่าปากโล่งอกดังเฮือก รีบคารวะตอบก่อนนั่งลง
“ขอบคุณท่านจี้ที่ตรวจสอบอย่างชัดเจน!”
จี้หยวนเห็นว่าหงซิ่วไม่พูดจา ครานี้เขามองนางอีกครั้ง เอ่ยถามเรียบง่ายประโยคหนึ่ง
“มาต้าเจินนานแค่ไหนแล้ว”
“สองปี”
“หลบอยู่บนเรือวิจิตรเพื่อทำร้ายคนหรือ”
หงซิ่วมองจี้หยวนอย่างประหม่า
“ถ้าข้าบอกว่าไม่ใช่… ท่านจะเชื่อหรือไม่…”