เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 267 คนทวงหนี้
ตอนที่ 267 คนทวงหนี้
เมื่อคนนอกสองคนจากไป บุตรธิดามังกรเริ่มพูดจาโดยหวั่นเกรงมากขึ้น
ในฐานะที่ธิดามังกรเป็นเทพแม่น้ำเทียมฟ้า บางเรื่องนางย่อมรับผิดชอบ โดยปกติจี้หยวนหลบอยู่ในบ้านตนเองเพื่อฝึกปราณไม่มีใครกล้าไปรบกวนตามสะดวก ในเมื่อครั้งนี้ออกมาแล้ว นางย่อมรายงานสถานการณ์บางส่วน
“ท่านอาจี้ ก่อนหน้านี้พวกเราพาสัตว์น้ำบางส่วนจากทะเลมาแล้ว เลียบทางน้ำติดทะเลเกาะเมฆาเข้าสู่แหล่งน้ำบางแห่งเพื่อทำการสำรวจ”
“พบอะไรหรือไม่”
จี้หยวนเอ่ยถามประโยคหนึ่ง บุตรมังกรชิงตอบก่อนก้าวหนึ่ง
“สัตว์น้ำส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจเรื่องบนฝั่ง ไม่มีสถานการณ์ผิดธรรมดาอะไรมารายงานชั่วคราว แต่มีเทพแม่น้ำท้องถิ่นคนหนึ่งบอกว่าทางน้ำเคยถูกร่างไร้วิญญาณปิดกั้นนานสิบวัน จำนวนผู้เสียชีวิตเรือนหมื่น”
จี้หยวนตกใจเล็กน้อย มองบุตรมังกรพลางซักถาม
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ไม่ใช่ปีศาจร้ายอาละวาด แต่เป็นการปะทะทางทหาร ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันริมแม่น้ำ ฝ่ายหนึ่งถูกโจมตีเมื่อข้ามผ่านแม่น้ำมาครึ่งทาง ผู้พ่ายแพ้บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ”
จี้หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใต้หล้าสงครามไม่เคยหยุดพัก ต่อให้เป็นต้าเจินก็เช่นกัน หลายปีก่อนยังทำสงครามกับหนึ่งในอาณาจักรใกล้เคียง ความขัดแย้งใกล้ด่านแทบไม่ว่างเว้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรัฐอวิ๋นซึ่งใหญ่โตเช่นนี้
“อาณาจักรเทียนเป่าหรือ”
“ไม่ใช่ เป็นสถานที่หนึ่งซึ่งชื่อว่าอาณาจักรต้าชิว”
จี้หยวนร้องอ้อคราหนึ่ง ไม่ส่งเสียงอีก แค่ขยับไม้พาย แม้ว่าความเร็วไม่ว่องไวนัก แต่ทุกครั้งยามลงแรงเหมือนกวาดน่านน้ำด้านหลังเรือจนราบเรียบ อานุภาพยิ่งใหญ่ทรงพลัง ความเร็วของเรือเล็กจึงเพิ่มขึ้น ระหว่างนี้เขาไม่ได้ใช้พลังหรือโคจรปราณวิญญาณ แค่ใช้แรงและทักษะเท่านั้น
บนเรือเงียบสงบลงชั่วคราว ธิดามังกรนั่งอยู่บนตั่งไม้ภายในห้องโดยสาร สองมือวางบนเข่าหลับตาบำรุงจิต บุตรมังกรนั่งอยู่ริมกาบเรือค่อนท้ายเรืออย่างสบายๆ
“พวกเจ้าไม่มีธุระของตนเองหรือ”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาเหมือนคิดจะติดตามไปตลอด จี้หยวนเอ่ยถามประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ได้
“แหะๆ ข้าไม่มีธุระอะไรจริงๆ แต่น้องสาวของข้าเป็นเทพวารีประจำแม่น้ำ นางธุระเยอะ”
อิงรั่วหลีได้ยินพี่ชายของตนพูดเช่นนี้แล้วอดไม่ได้ รีบแก้ต่างประโยคหนึ่ง
“ข้าเองไม่มีธุระ เทพวารีไม่ใช่เทพหลักเมือง มีหรือจะต้องทำงานทั้งวันทั้งคืน!”
“ท่านอาจี้ ครั้งนี้ท่านไปจังหวัดจิงจีเพื่ออะไร ตอนนี้ทั่วจังหวัดจิงจีอย่าว่าแต่ปีศาจร้ายเลย แม้แต่ผีเร่ร่อนสักตัวยังไม่มี”
จี้หยวนหันมองอิงเฟิง กล่าวตามความจริง
“มีสองสาเหตุ อย่างแรกคือทวงหนี้ อย่างสองฮ่องเต้ชราแห่งต้าเจินใกล้หมดอายุขัย ข้ามาดูว่าราชวงศ์ต้าเจินจะกำหนดชะตาอาณาจักรของตนอย่างไร”
“ทวงหนี้?”
บุตรมังกรและธิดามังกรต่างสงสัย จังหวัดจิงจีมีคนกล้าติดหนี้ท่านอาจี้ด้วยหรือ
“ท่านอาจี้ ใครติดหนี้ท่านหรือ ท่านพ่อข้ากำลังหลับอยู่ ถ้าท่านจะทวงอำพันมังกรไหหนึ่งซึ่งเขาแพ้พนันท่านเมื่อครั้งก่อนคงต้องลงไปรับใต้น้ำ ทั้งเขายังไม่คิดจะเบี้ยวหนี้ด้วย…”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้อาวุโสอิง แต่เป็นคนธรรมดา”
จี้หยวนยิ้มพลางกล่าวอธิบาย
บุตรมังกรและธิดามังกรยิ่งสงสัย คนธรรมดาถึงขั้นกล้าติดหนี้ท่านอาจี้ ไม่ว่าจะติดหนี้ได้อย่างไรก็ต้องไปเจอคนผู้นี้หน่อยแล้ว
…
พลบค่ำหลังจากนั้นสองวัน อาทิตย์อัสดงลับเส้นขอบฟ้าครึ่งหนึ่งแล้ว บนถนนประจิมสันติของจังหวัดจิงจี จี้หยวนพาบุตรและธิดามังกรเดินบนถนนสายนี้
หน้าตาธิดามังกรไม่ก่อให้เกิดเรื่องยุ่งยาก ด้วยบุตรมังกรและธิดามังกรต่างปิดบังตนเอง ตั้งแต่การแต่งกายถึงหน้าตาล้วนอยู่แค่ขั้นกลางเท่านั้น
“ท่านอาจี้ ข้าได้ยินว่าในศาลมืดจังหวัดจิงจีมีศิษย์ฝากนามของท่านด้วยหรือ”
บุตรมังกรอิงเฟิงพลันถามเช่นนี้ ทำให้จี้หยวนซึ่งเดินอยู่ข้างหน้าหยุดเท้าหันมามองเขา เห็นบุตรมังกรทำหน้ายิ้มระรื่น ส่วนธิดามังกรก้มหน้าก้มตา เห็นชัดว่าอยากรู้มากเช่นกัน
“พวกเจ้ารู้เรื่องเช่นนี้มาจากไหน”
แม้แต่งานชุมนุมวารีปฐพีที่จังหวัดจิงจีครั้งก่อน กวางขาวซึ่งอยู่ศาลมืดยังไม่รู้ ทั้งไม่มีเทพผีตนไหนไปแจ้งกวางขาวในเมืองผีแดนปรโลกโดยเฉพาะ
“หือ ถ้าเช่นนั้นแสดงว่าเป็นจริงหรือ ท่านอาจี้ ศิษย์ของท่านแอบหนีมาครองรักกับคนธรรมดาหลายสิบปี นางคิดว่าตนหลบพ้นแล้ว แต่ท่านย่อมรู้ทุกขั้นตอนกระมัง ไม่อย่างนั้นมีหรือจะโชคดีเจอท่านยามประสบเคราะห์!”
“อะแฮ่ม ท่านพี่ พาหนะ”
“แหะๆ ใกล้เคียงๆ!”
บุตรมังกรนั้นช่างเถอะ แต่คิดไม่ถึงว่าธิดามังกรจะมีวันสนคำนินทาด้วย จี้หยวนไม่สนพวกเขาแล้ว ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่อาจเล่าโดยละเอียด
ความจริงจวนตระกูลเซียวอยู่บนถนนสันตินิรันดร์เช่นกัน แต่จี้หยวนคิดว่าตอนนี้คุณชายตระกูลเซียวคงไม่อยู่ในจวน แต่อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งบนถนนประจิมสันติกับหงซิ่วตัวจริง
เมื่อจี้หยวนกับบุตรมังกรธิดามังกรเข้าใกล้โรงเตี๊ยม พวกเขากลับเห็นคนคุ้นเคย
หัวหน้าหอดูดาวหลวงเหยียนฉางกำลังประคองชายเคราสั้นเมามายคนหนึ่ง ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมมาพร้อมกัน ปากชายคนนั้นยังโวยวายว่าอยากดื่มสุราต่อ
ตัวเหยียนฉางผอมซูบแต่ไม่นับว่าแรงน้อย บนบ่าแบกแขนข้างหนึ่งของชายเมา ประคองเขาเดินออกมาข้างนอก
ตอนนี้ฟ้ามืดสลัวแล้ว คนสัญจรข้างโรงเตี๊ยมไม่มากนัก
“พี่เหยียน… พี่เหยียน ไปจวนข้า พวกเรามาดื่มต่อ ดื่มต่อ…”
“ได้ๆๆ ใต้เท้าอวี๋นึกครึ้มเช่นนี้ เหยียนฉางย่อมดื่มด้วยถึงที่สุด เฮ้ยๆ ระวังเท้าหน่อย”
ชายเมาหัวเราะเริงร่า
“ฮ่าๆๆๆ… ได้เจอใต้เท้าเหยียนที่นี่ถือเป็นวาสนา วันนี้ข้าจะนำสุราหยกบ่มทองซึ่งเก็บรักษาไว้อย่างดีออกมา…”
“ใต้เท้าอวี๋เกรงใจไปแล้ว!”
เหยียนฉางประคองคนเดินมา เงยหน้าเห็นจี้หยวนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลโดยไม่ตั้งใจ การแสดงออกเห็นชัดว่าอึ้งงันครู่หนึ่ง
“ท่านจี้?”
เหยียนฉางขยี้ตาก่อนมองใหม่ ไม่ใช่ภาพลวงตาดังคาด
“ใต้เท้าเหยียน ตั้งแต่จากกันสบายดีหรือไม่”
“ท่านจี้ เป็นท่านจริงด้วย! ขะ ข้าคนแซ่เหยียนคารวะท่านจี้และท่านทั้งสอง”
เหยียนฉางแบกคนอื่นพลางฝืนคารวะ แม้ว่าสีหน้ายินดีปรีดา แต่ไม่ตื่นเต้นจนเกินไปนัก
“หา? ทำไมไม่เดินเล่า ถึงบ้านแล้วหรือ ไปๆๆ ไปดื่มสุรา…”
จี้หยวนพยักหน้ากับเหยียนฉาง มองคนที่ถูกเหยียนฉางประคอง เขามีปราณขุนนางเช่นกัน น่าจะไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป
“ใต้เท้าท่านนี้เหมือนกลัดกลุ้มมากกระมัง”
เหยียนฉางยิ้มอย่างจนปัญญา
“ท่านจี้ ท่านคิดว่าภารกิจยากที่สุดในใต้หล้านี้คืออะไร”
“เรื่องแบบนี้มีการจัดอันดับด้วยหรือ”
จี้หยวนเอ่ยถามเช่นนี้อย่างอดไม่ได้
เหยียนฉางไม่ปล่อยให้สงสัย นิ้วมือข้างหนึ่งชี้คนข้างกายพลางกล่าว
“ภารกิจยากที่สุดในใต้หล้านี้คือการเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดจิงจี”
ที่ว่าการจังหวัดของเมืองหลวงแห่งต้าเจิน ขุนนางใหญ่สุดไม่ได้เรียกว่าจือฝู่เหมือนที่อื่น แต่เรียกผู้ว่าราชการจังหวัด ตำแหน่งสูงกว่าจือฝู่ขั้นหนึ่ง เป็นขุนนางขั้นสี่เหมือนจือโจวทั่วไป
บุตรและธิดามังกรไม่รู้เรื่องบนโลก บางทีอาจยังไม่คิดทบทวน แต่จี้หยวนกลับเข้าใจทันที มองดวงตาของชายเมาคนนี้อย่างอดไม่ได้
ดูแลที่ว่าการจังหวัดภายใต้ฝ่าเท้าโอรสสวรรค์ เมื่อมีคดีพิเศษหน่อยมาเยือน ไม่แน่ว่าอาจเกี่ยวข้องกับขุนนางใหญ่ หรือเกี่ยวพันถึงเครือญาติเชื้อพระวงศ์ ถือว่ายากจัดการจริงๆ
“เชิญใต้เท้าเหยียนตามสบาย ข้าคนแซ่จี้ยังมีธุระต้องไปก่อน”
จี้หยวนไม่ขุดคุ้ยอะไร ประสานมือพาสองคนด้านหลังจากไป
เหยียนฉางอ้าปากเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่กล้าเรียกรั้งจี้หยวนไว้
จนถึงตอนนี้ความทุ่มเทในการตามหาเซียนร้องขอโอสถของฮ่องเต้หยวนเต๋อน้อยลงมาก หากพูดจาจาบจ้วงหน่อย เหยียนฉางถึงขั้นไม่อยากให้ฮ่องเต้ชราเจอผู้สูงส่งจริงอยู่บ้าง
ด้วยสถานการณ์ของเมืองหลวงตอนนี้ หากเขาเหยียนฉางทุ่มเทตามหาเซียนเกินไป ฮ่องเต้หยวนเต๋ออาจยังไม่ตาย ตัวเหยียนฉางเองคงเสี่ยงอันตรายก่อน
อีกทั้งเทพเซียนทำอะไร คนธรรมดาอย่างเขาแทรกแซงได้หรือ ไม่อาจเรียกรั้งได้ตามสะดวก
ไม่นานพวกจี้หยวนก็มาถึงประตูโรงเตี๊ยม อิงเฟิงยังคงมองเหยียนฉางและผู้ว่าราชการจังหวัดจิงจีที่อยู่ห่างออกไป
“ท่านอาจี้ โหราจารย์คนนี้เป็นคนเรียบง่ายนัก ไม่มารบเร้าท่านด้วย เขาน่าจะรู้ว่าท่านเป็นเซียน”
“หึ ใช่ ดูสถานการณ์ออกยิ่งกว่าอิงอ๋องอยู่บ้าง”
ได้ยินคำหยอกล้อของจี้หยวน บุตรมังกรรู้สึกเขินอายอย่างหาได้ยากอยู่บ้าง ธิดามังกรกลับปิดปากแอบหัวเราะ
จี้หยวนไม่พูดมากความอีก พาทั้งสองคนทยอยเดินเข้าโรงเตี๊ยมไป
“โอ้ ลูกค้าทั้งสามเชิญด้านในขอรับ ขอเรียนถามว่าจองโต๊ะของโรงเตี๊ยมไว้แล้วหรือไม่”
เดิมคิดไปอยู่ข้างห้องส่วนตัวบนชั้นสอง เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเอ้อร์ จี้หยวนเปลี่ยนใจทันที
“จองแล้ว…”
จี้หยวนเงยหน้ามองไปยังห้องบนโรงเตี๊ยม
“ห้องส่วนตัวมุมตะวันออกเฉียงเหนือบนโรงเตี๊ยมของพวกเจ้า”
“หา?”
เสี่ยวเอ้อร์อึ้งงันเล็กน้อย
“เอ่อ ลูกค้าท่านจำผิดหรือไม่ ห้องส่วนตัวนั้นมีคนอยู่แล้วขอรับ”
จี้หยวนก้าวเข้ามาในโรงเตี๊ยม ยิ้มพลางส่ายศีรษะ
“จำไม่ผิดๆ คุณชายเซียวจองไว้ เขามาถึงก่อนก้าวหนึ่ง พวกเราเป็นแขก”
“อ้อๆๆ… เข้าใจแล้วๆ ลูกค้ารีบบอกสิขอรับ ข้าจะพาท่านขึ้นไป!”
“ดีๆ รบกวนแล้ว”
จี้หยวนเดินขึ้นบันไดตามเสี่ยวเอ้อร์ไป บุตรมังกรและธิดามังกรสบตากันก่อนรีบตามไปเช่นกัน
ภายในห้องส่วนตัวมุมตะวันออกเฉียงเหนือบนชั้นสอง เซียวหลิงกำลังร่วมดื่มสุรากับหญิงสาวที่ตนปรารถนา ในห้องมีโต๊ะสองตัว บนโต๊ะตัวหนึ่งเป็นสุราอาหาร บนโต๊ะอีกตัวคือเครื่องเขียนและภาพที่เพิ่งวาดเสร็จ
ยามอิ่มเอมถึงขีดสุด เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อกๆๆ…
“คุณชายเซียว แขกของท่านมาถึงแล้ว”
เซียวหลิงวางจอกลง มองหญิงงามข้างกายอย่างสงสัย
“เป็นใครกัน”
ประตูถูกเปิดดังแอ๊ด จี้หยวนเดินเข้ามา ประสานมือไปทางเซียวหลิงและต้วนมู่หวั่น
“ข้าเอง สวัสดีคุณชายเซียว แม่นางต้วน!”
เซียวหลิงไม่รู้จักจี้หยวนแม้แต่น้อย เดิมคิดจะเอ่ยปากกล่าวอะไร แต่ได้ยินคำพูดจี้หยวนแล้วตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
มือข้างหนึ่งของหญิงสาวด้านข้างจับเสื้อเซียวหลิงใต้โต๊ะแน่น แต่กลับทำหน้าใจกว้าง กล่าวก่อนเซียวหลิงก้าวหนึ่ง
“เกรงว่าคุณชายคงจำผิดแล้ว ข้าน้อยแซ่ลู่”
ด้านนอกเมื่อเสี่ยวเอ้อร์เห็นสถานการณ์ เขารู้ว่าตนทำพลาดแล้ว เพิ่งคิดเอ่ยวาจา แต่เห็นหญิงสาวด้านหลังผู้มาเยือนยื่นมือมาตรงหน้าตนก่อนพัดโบก สมองเขาสับสนเล็กน้อย เดินลงชั้นล่างไป
จี้หยวนไม่สนใจเรื่องด้านหลัง เดินเข้ามาในห้อง บุตรมังกรและธิดามังกรตามเข้ามาก่อนปิดประตู ฝ่ายหลังยังแตะขอบประตูด้วย มีแสงธรรมคลุมเครือสายหนึ่งวาบผ่านห้อง
เซียวหลิงไม่เอ่ยวาจามาตลอด หรี่ตามองคนแปลกหน้าสามคนนี้ เขามองออกว่าทั้งสามคนไม่มีวิชายุทธ์ ตนใช้มือข้างเดียวย่อมสังหารพวกเขาได้
“พวกเจ้าเป็นใคร”
เซียวหลิงเอ่ยถามเสียงเย็นประโยคหนึ่ง ใต้โต๊ะมือเขาบีบเศษเงินสามก้อนไว้แล้ว
“ท่านอาจี้ เขาคือคนที่ติดหนี้ท่านหรือ น่าสนใจนัก อีกทั้งเป็น…”
คนธรรมดา!
อิงเฟิงใคร่รู้เป็นพิเศษ ก่อนเข้าเมืองมาเขาตื๊ออยู่นาน ทำให้รู้เรื่องราวบางส่วนจากปากจี้หยวน รู้ว่าปีศาจจิ้งจอกนั่นถึงขั้นทำให้ท่านอาจี้ของตนติดกับ จากนั้นค่อยหลบหนีไปโดยไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด น่าตกตะลึงยิ่งนัก
“ไร้สาระ! ข้าคนแซ่เซียวติดหนี้เจ้าเมื่อไหร่”