เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 309 เจ้าพวกนี้หาเรื่องใส่ตัว
ตอนที่ 309 เจ้าพวกนี้หาเรื่องใส่ตัว
เกาเทียนหมิงกับหนิวป้าเทียนเห็นชัดว่าท่านจี้ไม่ยินดีอยู่บ้างแล้ว สถานการณ์ยิ่งเป็นเช่นนี้ปีศาจสองตนยิ่งนั่งตัวตรง เผยความแตกต่างจากปีศาจร้ายตนอื่นโดยรอบมากหน่อย แต่จากการคุยกันผ่านสายตา พวกเขารู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นอยู่บ้าง
หลังจากพวกจี้หยวนนั่งประจำที่ ไม่รอให้เจ้าเมืองมาถึง ไม่นานอาหารก็ทยอยมาส่ง
ต่างจากที่คาดคิดเล็กน้อย อาหารส่วนใหญ่ยังอุ่นอยู่ สุราที่ยกมามีกลิ่นชัดมาก ต่างจากสถานที่ส่วนใหญ่ในเมืองนัก
เห็นชัดว่างานเลี้ยงฉลองครั้งนี้ จวนผีขุมนรกทุ่มเทเวลาพอสมควร
จี้หยวนกวาดมองอาหารแล้วหยิบตะเกียบมาชิม พบว่าถึงแม้รสชาติสู้อาหารเลิศรสมากมายที่กินมาก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่ยังพอใช้ได้
เมื่อเห็นจี้หยวนขยับตะเกียบ หนิวป้าเทียนซึ่งทนไม่ไหวนานแล้วรีบหยิบตะเกียบมากิน ทั้งบอกเยี่ยนเฟยให้กินด้วยกัน ส่วนเกาเทียนหมิงกลับยกกาสุราช่วยรินเหล้าให้จี้หยวน
“ท่านจี้ ท่านคิดว่างานเลี้ยงฉลองของเมืองผีแห่งนี้เป็นอย่างไร”
จี้หยวนมองเขาเล็กน้อย ยกจอกสุรามาดื่มอึกหนึ่งก่อนกล่าวเสียงเบา
“ไม่มีอะไรเกินไปกว่าปราณชั่วร้าย!”
สถานการณ์ตอนนี้ความจริงเป็นภาพสะท้อนถึงความเสื่อมโทรมของอาณาจักรจู่เยวี่ยนอกจากมรรคมนุษย์ระดับหนึ่ง ทั้งเป็นช่วงปราณชั่วร้ายก่อเกิดทั่วหล้า ปีศาจร้ายที่ถือกำเนิดบางส่วนมักนิสัยไม่ดี
แต่สถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแหล่งกำเนิดอิทธิพลทั่วหล้า การผดุงคุณธรรมแจ้งมรรคบนโลกและคนระดับผู้สูงส่งฝึกเซียนต่างแดน ต่อให้กำจัดมารชั่วสังหารปีศาจได้ แต่พูดถึงภาพรวมคงไม่มีผลชี้ขาดกับสถานการณ์วุ่นวายของอาณาจักรจู่เยวี่ยนัก
จิตใจมนุษย์สับสน ความเปลี่ยนแปลงของการแบ่งแยกและรวมตัวทั่วหล้าซับซ้อน ถลำลึกเข้าสู่ความโกลาหลไม่พอ ยังไม่แน่ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ นี่คือสิ่งที่ถูกพิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วนในประวัติศาสตร์ ทางที่ดีคือเปลี่ยนแปลงด้วยมรรคมนุษย์ เมื่อถึงเวลาเหมาะสมค่อยล้างไพ่ใหม่อีกครั้ง
แต่ทุกครั้งเมื่อถึงตอนนี้ มากน้อยอย่างไรย่อมมีผู้ฝึกปราณบนโลกบางส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง บ้างทำเพื่อคุณธรรมซึ่งมองเห็นไม่ชัด บ้างทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว สุดท้ายผลลัพธ์มักไม่เป็นที่พึงใจ
เห็นชัดว่ายามนี้ความคิดจี้หยวนลอยไปไกล เกาเทียนหมิงเห็นเขายกจอกสุราทำท่าเหม่อลอยอยู่บ้าง แต่กลับไม่กล้าส่งเสียงรบกวน คิดว่าท่านจี้อารมณ์ไม่ดี
เวลานี้มีเสียงกังวานกลั้วหัวเราะเข้ามาใกล้
“ฮ่าๆๆๆ… คิดไม่ถึงว่าท่านเกาแห่งทะเลสาบวารีนภาให้เกียรติมาจวนผีขุมนรกในเมืองผีไร้ขอบเขตแห่งนี้ด้วย มาๆๆ ข้าคารวะท่านเกาหนึ่งจอก! รองานเลี้ยงตรงนี้จบแล้ว เชิญท่านเกาไปกินดื่มกับข้าทางนั้นสักยก ข้าขอมอบทารกชายหญิงคู่หนึ่งให้ท่านเกา รสชาตินั้นกินกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ฮ่าๆๆๆๆ…”
ปีศาจเปี่ยมปราณชั่วร้ายตนหนึ่งเดินถือกาสุราพร้อมจอกมาใกล้เกาเทียนหมิง หัวเราะอย่างใจกว้างและกระตือรือร้น
ต่อให้เกาเทียนหมิงเป็นมังกรเจียวคุมวารี แต่ตอนนี้กลับเหงื่อผุดพรายตรงหน้าผาก แค่เหลือบมองก็เหมือนรู้สึกว่าท่านจี้กำลังมองตนอย่างเย็นชา
ปึง…
เกาเทียนหมิงตบโต๊ะลุกขึ้นอย่างเดือดดาล ดวงตาฉายแววเยียบเย็นเหี้ยมเกรียมจ้องมองผู้มาเยือน
“เจ้าเป็นใคร ข้าคนแซ่เกาสนิทกับเจ้าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังมาคิดกินทารกชายหญิงอีก?”
เกาเทียนหมิงเผยกรงเล็บคมกริบในแขนเสื้อ ท่ามกลางความเลือนรางเขาบีบคออีกฝ่าย ดึงตัวผู้มาเยือนมาข้างกาย เดิมผู้มาเยือนสูงใหญ่กำยำกว่าเกาเทียนหมิงมาก แต่ความแข็งแกร่งอ่อนแอตรงกันข้ามกับรูปร่าง
กร๊อบ… กร๊อบ…
กระดูกและกล้ามเนื้อตรงคอปีศาจเกิดเสียงดังเป็นระลอก ผิวหนังยิ่งถูกบีบจนห้อเลือด
“เฮือก… ทะ ท่านเกา… ขะ ข้าไม่รู้ว่าล่วงเกินท่านตรงไหน… ข้าน้อย ขะ ขออภัยด้วย… ฮะ เฮือก…”
เวลานี้เสียงแผ่วเบาของจี้หยวนดังขึ้น
“การกระทำย่อมมีบรรทัดฐาน ไม่ขัดจิตใจหรือมรรคก็พอ ไม่ต้องเจตนาพิสูจน์ให้ข้าดู”
เกาเทียนหมิงเป่าปากโล่งอกเล็กน้อย แต่ยังคงเดือดดาลยากปกปิด เหวี่ยงปีศาจหนุ่มตนนี้เต็มแรง ฉีกผิวเนื้อตรงคอเขามาแถบหนึ่ง ไม่รู้ว่าซย่าชิวที่อยู่ด้านข้างลุกขึ้นมาเมื่อไหร่ นางสะบัดแขนเสื้อยามสามีเหวี่ยงปีศาจหนุ่มไปอีกด้าน
พึ่บ…
เมื่อเสียงกังวานดังขึ้น ปีศาจหนุ่มลอยห่างไปหกเจ็ดจั้ง กระแทกลงบนโต๊ะอีกตัวดังตึง
“ทำเกินไปหน่อย แต่… ทำได้ดี!”
จี้หยวนกล่าวชมเบาๆ ทำให้เกาเทียนหมิงยินดีอย่างยิ่ง ฝืนทนไม่เผยรอยยิ้มบนใบหน้า แค่กล่าวเสียงขรึม
“ข้าคนแซ่เกาแค่โกรธปีศาจร้ายพวกนี้จนทนไม่ไหว ถึงกับกล้ามาขวางหูขวางตาพวกเรา หากว่าอยู่ทะเลสาบวารีนภา ข้าคงโยนร่างเขาเป็นอาหารปลาแน่!”
สายตาเหล่าภูตผีปีศาจโดยรอบล้วนมองมาทางนี้ แต่ตอนนี้ปราณปีศาจและปราณดุร้ายของเกาเทียนหมิงพวยพุ่ง ถึงแม้มีคนรู้จักปีศาจที่ถูกเล่นงานนั่นก็ไม่มีใครออกหน้าแทนเขา สถานการณ์เช่นนี้สงบลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
เกาเทียนหมิงมองปีศาจซึ่งดิ้นรนลุกขึ้นมาแล้วยิ้มหยัน จากนั้นค่อยประสานมือไปโดยรอบอย่างไม่จริงใจเท่าไหร่นัก
“ข้าคนแซ่เกากำลังอารมณ์ไม่ดี เจ้าเดรัจฉานนี้มาหาเรื่องใส่ตัว รบกวนความสุนทรีย์ของทุกท่านแล้ว หวังว่าจะให้อภัย เชิญทุกท่านกินดื่มต่อเถอะ!”
ได้ยินเกาเทียนหมิงกล่าวเช่นนี้ ปีศาจโดยรอบโดยเฉพาะผู้นั่งอยู่ใกล้ไม่กล้าพูดมาก ตั้งหน้าตั้งตากินดื่มต่อ
หนิวป้าเทียนที่อยู่ข้างเยี่ยนเฟยมองปีศาจซึ่งถูกเล่นงานแล้วแค่กล้ามองมาทางนี้อย่างเคียดแค้น แต่กลับไม่กล้าแม้แต่เอ่ยวาจารุนแรงตนนั้น เขาเอ่ยเสียงเบากล่าวกับเยี่ยนเฟย
“น้องเยี่ยน เกาเทียนหมิงผู้นี้ถือเป็นปีศาจร้ายเช่นกัน เฮ้อ น่าเสียดายนัก ข้าคนแซ่หนิวไม่ได้ร่วมต่อยด้วยสักหมัด…”
มุมปากเยี่ยนเฟยกระตุกเล็กน้อย แค่จิบสุราหยั่งเชิงเท่านั้น ไม่คล้อยตามความคิดของเจ้าวัวโดยสิ้นเชิง
เกาเทียนหมิงไม่สนการตอบสนองของแขกคนอื่น ขอแค่ท่านจี้มีความรู้สึกที่ดีกับเขาก็พอแล้ว แต่เขาเพิ่งนั่งลงไม่นาน ด้านบนมีเสียงกังวานและราบเรียบดังขึ้น
“ท่านเกาแห่งทะเลสาบวารีนภาเจ้าอารมณ์นัก ทำตัวอันธพาลไม่น้อย!”
เสียงนี้มาจากด้านหลังฉากกั้นตรงที่นั่งหลัก เจ้าเมืองผีไร้ขอบเขตแห่งนี้มาถึงแล้ว
จี้หยวนมองไปบนนั้น เจ้าเมืองผีปรากฏตัวโดยอ้อมฉากกั้นมา เขาสวมชุดดำทั้งตัว ศีรษะประดับเกี้ยวเล็ก แม้ว่าไม่มีรูปลักษณ์เหมือนผี แต่ข้างกายมีปราณดำหลายสายห้อมล้อมตลอด ภายในนั้นยังมีเงาผีมายาบางส่วนปรากฏ ดูท่าว่าทรงอานุภาพนัก
แต่เมื่อจี้หยวนมองผ่านตาทิพย์ กลิ่นอายกลับผิดคาดอยู่บ้าง ต่อให้เปิดตัวมาพร้อมปราณผี แต่กลับคืนสู่ความสามัญ
เกาเทียนหมิงเห็นซินอู๋หยาออกมา เขาลุกขึ้นประสานมือกล่าวอีกครั้ง
“เจ้าเมืองซิน วันนี้เป็นงานฉลองของเจ้า ข้าคนแซ่เกายินดีกับความก้าวหน้าด้านพลังปราณของเจ้าด้วย แต่ยังต้องว่ากันตามเนื้อผ้า เรื่องที่เจ้ารับปากข้าคนแซ่เกาตอนกลางวันเล่า”
“แน่นอนว่าไม่มีทางลืม!”
ขณะกล่าวซินอู๋หยานั่งลงตรงตำแหน่งประธานแล้ว เขาเอนกายกล่าวไปด้านหลัง
“นำตัวออกมา”
เมื่อสิ้นเสียงเขาพวกผีทหารพาตัวคนทั้งสี่ซึ่งสีหน้าซีดเผือดออกมาจากห้องด้านหลัง เดินอ้อมฉากกั้นตรงที่นั่งประธาน
ทั้งสี่คนคือสามพี่น้องตระกูลเคอและโจวซิ่งซึ่งถูกจับตัวมาก่อนหน้านี้ แต่ด้วยตกใจเกินไป ตอนนี้จึงเดินตัวสั่นเทา โดยเฉพาะยามเดินออกมา เมื่อเห็นผีร้ายกับสัตว์ประหลาดมากมาย แม้บอกว่าจะปล่อยพวกเขา แต่ก็ยังรู้สึกกลัวเหมือนเผชิญหน้ากับความตาย
สี่คนนี้ถูกพาตัวมาอยู่ข้างกายซินอู๋หยา ฝ่ายหลังกวาดมองคนเป็นทั้งสี่ ก่อนมองมาทางเกาเทียนหมิง
“พี่เกา สหายท่านใช่สี่คนนี้หรือไม่”
“ใครเป็นพี่เจ้า!”
เกาเทียนหมิงแค่นเสียงเย็นชากล่าวเสียงเบา จากนั้นค่อยค้อมตัวมาใกล้จี้หยวนเล็กน้อย
“ท่านจี้ ใช่สี่คนนี้หรือไม่”
จี้หยวนมองไปด้านบนพลางกล่าว
“ข้าคนแซ่จี้เองไม่รู้จักพวกเขา ไม่ทราบว่าตกหล่นหรือไม่”
“เรื่องนี้ง่ายมาก”
เกาเทียนหมิงลุกขึ้นอีกครั้ง เอ่ยถามพวกโจวซิ่ง
“เมื่อคืนพวกเจ้าเคลื่อนรถม้าเข้าเมืองไร้ขอบเขตมากระมัง บนรถนอกจากพวกเจ้าแล้วยังมีคนอื่นหรือไม่”
พวกโจวซิ่งประหม่าจนมองกันไปมา เคออวิ้นตงปรับลมหายใจก่อนเอ่ยปาก
“มะ มีแค่พวกเรา บนรถมีแค่พวกเราสี่คน!”
“ฮ่าๆๆ… เช่นนั้นคงไม่ผิดแล้ว ซินอู๋หยา สหายข้าก็คือพวกเขา ส่งตัวมาให้ข้าเถอะ!”
คำพูดนี้จี้หยวนฟังแล้วไร้สาระอยู่บ้าง แขกโดยรอบยิ่งฟังแล้วประหลาดใจ
ซินอู๋หยาซึ่งอยู่ตรงที่นั่งหลักหรี่ตามองเกาเทียนหมิง ยื่นมือห้ามผีทหารซึ่งเตรียมปล่อยคน
“เกาเทียนหมิง! ท่านบอกว่าพวกเขาเป็นสหายท่านไม่ใช่หรือ”
“หึๆ…”
ซินอู๋หยาหัวเราะแล้ว เขาไม่สนว่าคนเป็นพวกนี้จะเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้หมายความว่าทนถูกแกล้งได้
“ในเมื่อเป็นสหายของท่าน แต่ท่านกลับไม่รู้จักพวกเขา ทั้งไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมทางของพวกเขามีกี่คนด้วยหรือ”
เกาเทียนหมิงพยักหน้าเล็กน้อย ประสานมือกล่าวขออภัยอีกครั้ง
“ข้าคนแซ่เกาล่วงเกินจริงๆ ความจริงข้าคนแซ่เกาไม่รู้จักพวกเขา แต่ทราบว่าพวกเขาประสบเคราะห์จึงคิดช่วยพวกเขาสักครั้ง ด้วยเหตุนี้เลยอ้างฐานะสหายลวกๆ เกรงว่าผีอดอยากในเมืองเจ้าจะกินพวกเขา ส่งพวกเขามาให้ข้าเถอะ”
เมื่อเห็นเกาเทียนหมิงพูดเช่นนี้ ทั้งกล่าวขออภัย ในใจซินอู๋หยาคลายความโกรธ แต่มังกรเจียวแห่งทะเลสาบวารีนภาแสดงความหวังดีโดยไม่อาจอธิบาย สนใจความเป็นตายของพวกคนธรรมดา ไม่น่าขันเกินไปหน่อยหรือ คิดว่ามีเหตุผลอื่น
ไม่มีทางขอคนไปกินแน่ คิดว่าไม่ใช่เพราะฐานะสี่คนนี้ผิดธรรมดา เมื่อนึกถึงรายงานตอนกลางวัน สายตาซินอู๋หยากวาดมองเยี่ยนเฟย หนิวป้าเทียน จี้หยวน สุดท้ายค่อยหยุดตรงจี้หยวน ทั้งยื่นมือชี้มาทางจี้หยวนด้วย
“ไม่ทราบว่าพี่เกาบอกได้หรือไม่ คุณชายท่านนี้เป็นใครกัน”
เกาเทียนหมิงเพิ่งคิดเอ่ยวาจา จี้หยวนยกมือห้ามเขา ฝ่ายแรกเก็บเสียงยืนอยู่ด้านข้าง
ความจริงเมื่อครู่เองมีคนจับตามองจี้หยวนแล้ว ภาพความนอบน้อมของเกาเทียนหมิงตอนนี้ยิ่งทำให้ในใจแขกโดยรอบสงสัยไม่หยุด
จี้หยวนลุกขึ้นยืน ประสานมือไปทางซินอู๋หยาตามมารยาท
“ข้าน้อยจี้หยวน แค่คนว่างงานเท่านั้น ยินดีกับเจ้าเมืองซินที่ฝึกปราณสำเร็จ การช่วยคนเป็นความคิดของข้าคนแซ่จี้ ท่านเกาแค่ยึดมั่นคุณธรรมช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าเจ้าเมืองปล่อยคนได้หรือไม่”
ปราณผีของซินอู๋หยาวนรอบดวงตาเจือแสงสลัว ใช้วิชาผีจ้องมองจี้หยวนโดยละเอียด รู้สึกเพียงว่าทั้งตัวอีกฝ่ายไม่มีพลังแสงเทพแม้แต่น้อย กลิ่นอายดูเหมือนธรรมดานัก เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่บุคลิกและท่าทางของอีกฝ่ายไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาพึงมีแน่นอน อีกอย่างเกาเทียนหมิงยังทำตัวเหมือนผู้น้อยหรือบ่าวอยู่ข้างกายเขาด้วย
‘คนว่างงาน? เกรงว่าคงเป็นเซียนกระมัง!’
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซินอู๋หยาพลันออกคำสั่ง
“ปล่อยคน!”
ผีทหารพาคนเดินลงไปด้านล่าง มาถึงข้างกายพวกเกาเทียนหมิงค่อยปล่อยมือ
ถึงตอนนี้ทั้งสี่คนยังตัวสั่นงันงก ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นโชคหรือภัยกับตนกันแน่ เยี่ยนเฟยเดินมาปลอบจึงเกิดผล
“ทุกท่านอย่าตื่นตระหนก ข้าน้อยเยี่ยนเฟย มาพร้อมเหล่าผู้สูงส่งเพื่อช่วยพวกท่าน”
“ยะ เยี่ยนเฟย? จอมยุทธ์เยี่ยนมือกระบี่บินหรือ”
โจวซิ่งมองเยี่ยนเฟย ทั้งมองการแต่งกายกับกระบี่ติดตัวอีกฝ่าย ในใจคิดว่านี่คือเยี่ยนเฟยตัวจริง เมื่อคนเห็นความหวังยามคับขันย่อมยอมเชื่อในความหวังนั้น
“เป็นข้าน้อยเอง!”
“ดะ ดียิ่งนัก! พี่เคอ คุณหนูทั้งสอง พวกเราถูกช่วยแล้ว! นี่คือจอมยุทธ์เยี่ยน! จอมยุทธ์เยี่ยนตัวจริง!”
“ดียิ่งนัก ชื่อเสียงของมือกระบี่บินข้าเคยได้ยินมาก่อน!”
เคออวิ้นฉินกล่าวอย่างตื่นเต้น ทำให้อีกสองคนเผยสีหน้ายินดีเช่นกัน
“ทุกท่านรีบนั่งเถอะ เรื่องอื่นมอบให้พวกเราจัดการ ย่อมพาพวกท่านออกไปได้แน่!”
“ใช่ๆๆ!”
“ถูกต้อง พวกเราเชื่อฟังจอมยุทธ์เยี่ยน!”
จี้หยวนเหลือบมองพวกเขากับเยี่ยนเฟยอยู่ตรงนั้น หลังจากเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เขาประสานมือให้ซินอู๋หยาอีกครั้ง
“ขอบคุณเจ้าเมืองซินที่คุณธรรมสูงส่ง”
“หึๆๆ…”
ซินอู๋หยาแค่แค่นหัวเราะ ไม่คารวะตอบและไม่พูดอะไรมากอีก
คล้ายมองออกว่าซินอู๋หยาอารมณ์ไม่ดี ผีปีศาจด้านข้างกล่าวประจบประแจง
“ถึงอย่างไรก็เป็นแค่พวกคนธรรมดา หากท่านเจ้าเมืองอยากกิน พวกเราสามารถจับของสดใหม่มาให้ท่านได้ทุกเมื่อ!”
“หึๆๆ… ใช่ ท่านเกาแห่งทะเลสาบวารีนภาวางอำนาจนัก ถ้าไม่ขวางตาเขาแล้ว รอเมื่อผ่านวันนี้ไป พวกเราค่อยจัดงานเลี้ยงคนเป็น ถึงตอนนั้นไม่ยิ่งสะใจกว่าหรือ”
“ฮ่าๆๆๆ… ประเสริฐๆ…”
“หึๆ พูดได้ไม่เลว หึๆๆ…”
“แหะๆๆๆ…”
ตอนนี้ซินอู๋หยาอยู่ด้วย กอปรกับพวกมากลากไป เพียงพริบตาทุกแห่งโดยรอบส่งเสียงคล้อยตาม เสียงหัวเราะแหลมสูงเปี่ยมแววเหน็บแนม แม้ว่าเกาเทียนหมิงเป็นมังกรเจียวร้ายกาจ แต่สุดท้ายก็เป็นแค่ปีศาจสองตน โดยรอบมีปีศาจซึ่งไม่ด้อยกว่าเขาไม่น้อย
ผีดุปีศาจร้ายกล่าวเสริมต่อเนื่อง ถึงขั้นเริ่มน้ำลายหกเมื่อนึกภาพงานเลี้ยงตามจินตนาการ พวกเทพผีส่วนใหญ่ในงานกลับเงียบไม่พูดจา
จี้หยวนแค่มองซินอู๋หยาตรงที่นั่งหลัก เมื่อเข้าหูหนิวป้าเทียนกับคู่สามีภรรยาเกาเทียนหมิง รวมถึงเยี่ยนเฟยกับผู้ถูกช่วยทั้งสี่คนแล้ว พวกเขาได้ยินเสียงก้องหูแผ่วเบา ผิวบนตัวยิ่งหนาวสะท้านโดยไม่รู้ตัว
‘เจ้าพวกนี้หาเรื่องใส่ตัว!’
นอกจากผู้ถูกช่วยสี่คนแล้ว ในใจคนข้างกายจี้หยวนล้วนมีความคิดเช่นนี้