เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 324 อ่อนหัด
ตอนที่ 324 อ่อนหัด
ตอนนี้จี้หยวนเชื่อคำพูดที่จางฟู่กล่าวก่อนหน้านี้อยู่บ้าง ดูจากสถานการณ์นี้มีโอกาสทำให้ปีศาจร้ายชั้นต่ำบางส่วนตกใจจนถอยหนีได้จริงๆ ถึงขั้นว่าปีศาจร้ายซึ่งมีมรรควิถีระดับหนึ่งอาจตกใจจนหนีหาย ถึงอย่างไรการตั้งกระบวนก็ดูเหมือนมีผู้สูงส่งคอยชี้แนะ
“ปีศาจร้ายรีบถอยไป! ตะโกนตามข้า! ปีศาจร้ายรีบถอยไป!”
นักพรตตรงหัวแถวตะโกนอยู่ข้างหน้า ชาวบ้านด้านหลังประสานเสียงตะโกนตาม
“ปีศาจร้ายรีบถอยไป!” “ปีศาจร้ายรีบถอยไป!”
…
เริ่มแรกเสียงดังไม่พร้อมกัน แต่ภายหลังกลับยิ่งพร้อมเพรียง เสียงเหมือนได้รับอิทธิพลจากกระบวนคบเพลิงมังกร เสียงดังกังวานผิดธรรมดา เดินหน้าและส่งเสียงดังก้องพร้อมกระบวนคบเพลิงทอดยาวสามร้อยกว่าจั้ง
เดิมโดยรอบล้วนมืดสนิท แต่ตอนนี้คบเพลิงสาดส่องหมดแล้ว ชาวประมงตรงชายฝั่งเดินริมทะเลอย่างระวังฝีเท้ายิ่ง ไม่มีทางตกทะเลโดยไม่ระวัง ภายใต้การนำทางของนักพรต ทุกครั้งยามคลื่นใหญ่ซัดมา เสียงตะโกนของชาวบ้านจะดังขึ้น
“ปีศาจร้ายรีบถอยไป!”
“ปีศาจร้ายรีบถอยไป!”
…
แม้ว่าแสงคบเพลิงดูเหมือนอยู่ใกล้แค่นี้ แต่ในสายตาจี้หยวนปราณเพลิงกับปราณมนุษย์ควบรวมเป็นกระบวนม้วนตัวไม่หยุดจนส่งผลต่อพื้นที่โดยรอบมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกลิ่นอายรอบห้วงสมุทรถูกกลบลง อานุภาพกดดันรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
บุ๋งๆๆ… บุ๋งๆๆ…
บนผืนทะเลห่างไกลฟองอากาศผุดเป็นระลอก การรบกวนจากคลื่นบนผิวทะเลทำให้ไม่ชัดเจน แต่ก้นสมุทรกระแสน้ำม้วนซัดแล้ว ทั้งตลบน้ำขุ่นขึ้นมาแถบหนึ่ง
ซ่า… ซ่า…
คลื่นตรงหน้าใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นักพรตซึ่งเดินข้างหน้าเห็นสถานการณ์แต่ไม่ขลาดกลัว กลับถือคบเพลิงพุ่งตัวไปใกล้ฝั่ง ชาวบ้านด้านหลังเดินตามเป็นแถว
“เพลิงชนพันครัวเรือนโหมกระหน่ำ คนเทพผีปีศาจไม่ก้าวก่ายกัน เท้าเหยียบฟ้าดินส่งมังกรเพลิง ปราณหยางแกร่งม้วนพัดมา… ถ้ามีวิญญาณสัตว์น้ำพำนักใกล้ฝั่ง รีบถอยไปโดยเร็ว…”
นักพรตคนนั้นส่งเสียงตะโกนสุดความสามารถ คลื่นเสียงแผ่กระจายทั่วขบวนทันที
เขาตรวจสอบแถบชายฝั่งมาก่อนแล้ว ทั้งรู้รายละเอียดตรงชายฝั่งช่วงหนึ่งปีกว่านี้ ชาวประมงไม่ได้ถูกปีศาจลักพาตัว ถึงขั้นว่าออกทะเลแล้วไม่เจอสัตว์ประหลาดอะไร อย่างมากแค่ไม่มีปลา
เหตุการณ์นี้ไม่เหมือนว่ามีปีศาจร้ายเข้าขั้น มีโอกาสสูงว่าในทะเลมีสัตว์อะไรตื่นรู้ฝึกปราณเป็นปีศาจวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ทำให้ฝูงปลาในน้ำแตกตื่น การตั้งกระบวนคบเพลิงขับไล่ปีศาจร้าย อาศัยปราณมนุษย์ช่วยเสริมกระบวนเพลิงชนเช่นนี้ สำหรับปีศาจร้ายตัวน้อยซึ่งไม่เคยเห็นโลกกว้างถือว่าทำให้มันตกใจได้มาก!
ฐานชายฝั่งตรงนี้เป็นก้อนหินหมด แต่น้ำข้างล่างกลับลึกมาก บริเวณน้ำตื้นทั่วไปไม่มีทางหล่อเลี้ยงวิญญาณปีศาจได้ ได้แค่อาศัยอยู่ที่นี่
“รีบถอยไปโดยเร็ว…”
“รีบถอยไปโดยเร็ว…”
ชาวบ้านทุกคนตะโกนเสียงดังพร้อมกัน เมื่อมองผ่านตาเนื้อคือคลื่นม้วนซัดเข้าฝั่ง แต่มองผ่านตาทิพย์ของจี้หยวน ความจริงคือมังกรเพลิงถูกม้วนพัดลงทะเลแล้ว ดุดันเสียยิ่งกว่าคลื่นยักษ์
ทุกคนถือคบเพลิงตั้งกระบวน ความกล้าเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือทุกคนต่างเชื่อว่านักพรตคนนั้นมีวิชาแกร่งกล้า ปราณหยางแกร่งม้วนซัดทันที คล้ายคลื่นยักษ์แถบหนึ่งซัดผืนทะเล ทั้งยังพลิกตลบกวาดชายฝั่งรอบหนึ่ง
เวลานี้เอง
ฮูม… ซ่า…
คลื่นยักษ์แถบหนึ่งพลันม้วนซัดขึ้นมาจากทะเลอย่างบ้าคลั่ง อานุภาพเหนือกว่าแรงลมคืนนี้ ซัดเข้าหากลุ่มคนครึ่งแรก เมื่อพวกชาวบ้านมองเห็นผ่านแสงคบเพลิง คลื่นยักษ์พลันมาถึงตรงหน้าแล้ว
“แย่แล้ว! หลีกไป…”
นักพรตที่อยู่ข้างหน้าเอ่ยเสียงเบา พุ่งตัวมาหน้าคลื่นยักษ์ทันที แกว่งแส้หางม้าในมืออย่างบ้าคลั่ง โคจรพลังปราณในตัวคิดต้านทาน แต่เมื่อแสงธรรมด้านหน้าสัมผัสคลื่น เขารู้สึกว่าถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง ทั่วร่างเจ็บปวดเกินทน
คลื่นยักษ์ซัดมาอย่างกะทันหันเกินไป ท่ามกลางความมึนงงทุกคนยังไม่ทันหลีกหลบ
ตูม…
คลื่นยักษ์ซัดเข้าหากระบวนคบเพลิงด้านหน้า แต่กลับเหมือนซัดใส่ลูกหนังโปร่งแสง ละอองน้ำสาดกระเซ็นนับไม่ถ้วน พุ่งแหวกออกเป็นสองด้าน ชาวบ้านหลายคนมองเหนือศีรษะอย่างอึ้งงัน คล้ายเห็นธารดาราหลั่งไหล
ซ่า…
มวลน้ำมากมายหลั่งลงชายหาดด้านหลัง ชาวบ้านหลายคนอยู่ช่วงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์จากมึนงงเป็นตกใจ แต่เมื่อเห็นภาพนี้ในใจพลันตื่นเต้นขึ้นมา
“รีบถอยไป…”
“รีบถอยไป…”
ชาวบ้านมากมายได้สติกลับมาแล้วตะโกนต่อ ภายใต้ความรู้สึกตื่นเต้นพวกเขาแทบตะโกนจนเสียงแหบคอแห้ง
นักพรตในขบวนถือแส้หางม้า กุมหน้าอกซึ่งเต้นตึกตักไม่หยุด ทั้งกวาดสายตามองทั่วขบวนอย่างแคลงใจ
คลื่นยักษ์เมื่อครู่อาศัยความสามารถของเขาย่อมต้านไม่ได้แน่ ถึงขั้นว่ากระบวนคบเพลิงอาจถูกทำลายไปทั้งอย่างนั้น
ทั้งตอนคลื่นยักษ์ถาโถมมายังมีกลิ่นคาวเข้มข้น เห็นชัดว่ามีสิ่งร้ายกาจสร้างกำแพงคลื่นนี้ เดิมนักพรตยังคิดต้านทาน ยามคลื่นยักษ์ปะทะแสงธรรมจากแส้หางม้ากลับนึกเสียใจ
สถานการณ์อันตรายนั่นพวกชาวประมงที่โห่ร้องยินดีไม่มีทางเข้าใจ ในฐานะนักพรตผู้เจอเหตุการณ์ย่อมตกใจแทบแย่
‘ผู้สูงส่งแห่งใดกำลังช่วยข้าอยู่กันแน่’
“ท่านนักพรต พวกเราไม่เดินหน้าต่อแล้วหรือ”
เสียงตะโกนของพวกชาวประมงแผ่วลงช้าๆ หัวหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งเห็นนักพรตมองไปมองมาอย่างอึ้งงันไม่ลงมืออีก เขาตะโกนถามเสียงดังอย่างอดไม่ได้
นักพรตคนนั้นได้สติกลับมา สะบัดแส้หางม้าเล็กน้อย
“ไม่ต้องเคลื่อนไหว ยืนอยู่ตรงนี้แหละ ทุกคนเขยิบเข้ามา กระทืบเท้าตะโกนไปทางผืนทะเล ย่ำเท้าอย่างพร้อมเพรียง!”
นักพรตไม่ตามหาผู้สูงส่งที่คอยช่วยแล้ว ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็คอยช่วยเหลือ ถ้าไม่พยายามตอนนี้จะรอถึงเมื่อไหร่เล่า
คนนับพันเขยิบเข้ามาใกล้กัน คบเพลิงบางอันมอดมดแล้ว พวกเขาจุดคบเพลิงสำรองทันที คนมากมายกระทืบเท้าตามนักพรตคนนั้น
ตึง… ตึง… ตึง… ตึง…
เสียงย่ำเท้าของคนนับพัน ต่อให้เสียงฝีเท้าแต่ละคนแผ่วเบา ทว่าเสียงกลับทรงอานุภาพอย่างยิ่ง กอปรกับฉากคลื่นยักษ์ถูกแหวกเมื่อครู่ ทำให้ความองอาจของทุกคนเพิ่มขึ้น
จากมุมมองจี้หยวนเขานึกถึงเพลงดาบเมื่อตอนนั้นทันที รวมถึงวิธียกระดับปราณซึ่งใช้บ่อยในกองทัพ
“โฮก…”
กลางทะเลมีเสียงคำรามพ้นผิวน้ำ ฟองอากาศผุดขึ้นจากผืนทะเลตรงหน้าเป็นระลอก ทั้งมีกลิ่นคาวเข้มข้นม้วนพัดมา น้ำทะเลทั้งแถบพลิกตลบ กระแสน้ำทยอยหลั่งลงจากด้านบน สันหลังมหึมาดำสนิทเผยออกมากช้าๆ
ซ่า…
ท่ามกลางเสียงกระแสน้ำต่อเนื่อง เสียงกระทืบเท้าสงบลง พวกชาวบ้านต่างไม่พูดจา บางคนถอยหลังตามจิตใต้สำนึก ถึงขั้นว่าแม้แต่นักพรตนั่นก็เช่นกัน
“ปะ ปีศาจ? ท่านนักพรต ปีศาจออกมาแล้ว!”
“ท่านนักพรต! ท่านนักพรต มีปีศาจจริงด้วย!”
“นะ นี่คือวาฬยักษ์หรือ”
“เหมือนจะใช่!”
“ทะ ท่านนักพรต พวกเราควรทำอย่างไร ควรกำจัดปีศาจอย่างไร”
“ท่านนักพรตเล่า”
“ท่านนักพรต!”
“ท่านนักพรตรีบมาอยู่ข้างหน้าเร็ว!”
ชาวประมงบางคนลนลานจนผลักนักพรตซึ่งหดตัวอยู่ด้านหลังมาข้างหน้าสุด
วาฬยักษ์ตัวหนึ่งโผล่พ้นทะเล ตัวใหญ่กว่าวาฬซึ่งชาวประมงเคยเจอกลางทะเลไม่น้อย จากมุมมองของคนที่อยู่ใกล้ช่างเหมือนเนินเขาลูกเล็ก
“อึก…”
นักพรตคนนั้นกลืนน้ำลายดังอึก ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างประหม่าสุดขีด เผชิญหน้ากับวาฬยักษ์ซึ่งตบเขาจนตายได้เช่นนี้ ทำให้ภายในใจเต้นตึกตัก
“จะ เจ้าเป็นปีศาจจากน่านน้ำแห่งใด ชะ ชายฝั่งแถบนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวประมงโดยรอบ เจ้ามาขับไล่ฝูงปลาที่นี่ ทำให้ชายประมงตรงชายฝั่งนับพันหมื่นใช้ชีวิตลำบาก เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำนี้ชั่วช้านัก”
นักพรตเห็นปีศาจบนผืนทะเลไม่ตอบสนองอะไร เขาฝืนปรับลมปราณเสริมความกล้า ตะคอกตำหนิอีกฝ่ายเสียงดัง แต่น้ำเสียงค่อนข้างอ่อนโยน ขณะเดียวกันสายตายังเหลือบมองโดยรอบตลอด
คืนนี้น่าจะมีผู้สูงส่งอยู่ด้วย หวังว่าผู้สูงส่งคนนั้นจะเสมอต้นเสมอปลาย ช่วยคนจนถึงที่สุด ตอนนี้ยังไม่จากไป
ดวงตาของวาฬยักษ์ตัวนั้นหันมามองนักพรตคนนี้ ดวงตานั่นทำให้นักพรตใจสั่นสะท้าน กล้ามเนื้อทั้งตัวหดเกร็ง
“ไสหัวไป…”
ตูม…
คลื่นเสียงมหึมาพลันดังก้อง วาฬยักษ์ระเบิดฟองคลื่นไร้สิ้นสุดไปโดยรอบ คลื่นน้ำกระเซ็นทั่วฟ้า ก่อนตกลงมาดังซ่าคล้ายฝนห่าใหญ่ ทำให้คบเพลิงในมือชาวบ้านมากมายเปียกชื้น
ทุกคนต่างล้มลุกคลุกฝุ่นรีบถอยหลังทันที นักพรตคนนั้นยิ่งทรุดลงกับพื้น
แววตาของวาฬยักษ์มองนักพรตบนพื้นริมฝั่งอย่างสบประมาท กวาดมองพวกชาวประมงซึ่งหดตัวหวาดกลัวไปมา เวลานี้กระบวนคบเพลิงซึ่งอานุภาพดุจสายรุ้งเมื่อครู่ถูกทำลายแล้ว แม้แต่ปราณมนุษย์กับปราณเพลิงยังซ่านสลาย
“ผู้สูงส่ง แห่งใด อยู่ที่นี่ ออกมาพบ ได้หรือไม่”
ทั้งขบวนไม่มีการตอบสนอง ทุกคนมองซ้ายมองขวา มองหน้ากันเลิ่กลั่กจนสุดท้ายค่อยมองนักพรตซึ่งกำลังลุกขึ้นมา แต่ฝ่ายหลังรีบหลบไปด้านหลัง ไม่กล้าอยู่ใกล้ชายฝั่งเกินไป
“ปรากฏตัวมาพบได้หรือไม่”
เสียงของวาฬยักษ์ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงยังก้องกังวาน ขยับร่างมาใกล้ฝั่งมากขึ้น พวกชาวบ้านตกใจจนถอยหลังต่อเนื่อง แต่จี้หยวนไม่ได้ปรากฏตัว
แม้ว่าปีศาจตนนี้เปี่ยมอานุภาพ แต่ไม่มีปราณสังหาร
“ข้าคือแม่ทัพวาฬยักษ์ ในเมื่อผู้สูงส่งไม่ปรากฏตัว ชาวประมงพวกนี้ล่วงเกินข้า ข้าจะฆ่าพวกเขาให้หมด! โฮก…”
วาฬยักษ์ส่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้าย วาดหางมหึมาขึ้นสูง
เวลานี้จี้หยวนกุมกระบี่เครือเขียวไว้ในมือแล้ว เผยคมกระบี่สามชุ่น ยื่นมือดีดตัวกระบี่
เคร้ง…
ปราณกระบี่ไร้รูปพุ่งออกจากกระบี่เซียน พุ่งเข้าใส่วาฬยักษ์ซึ่งยกหางขึ้น
“อึก…”
ตูม…
หางวาฬทิ้งตัวลงโดยไม่เกิดคลื่นยักษ์มากเกินไป ด้วยวาฬยักษ์พลิกตัวว่ายไปด้านนอก เห็นชัดว่าเจ็บปวดอย่างยิ่ง
ซ่า…
ละอองน้ำสาดกระเซ็น วาฬยักษ์แหวกน้ำทะเล หุ้มตัวด้วยมวลน้ำมากมาย ดำดิ่งลงน้ำอย่างรวดเร็ว ว่ายไปทางมหาสมุทร
‘หึ แม่ทัพวาฬยักษ์…’
จี้หยวนมองทิศทางซึ่งวาฬตัวนั้นว่ายจากไป หัวเราะพลางหายตัวไปจากขบวน จากนั้นค่อยเหยียบฟองคลื่นตามไป
ชาวประมงกับนักพรตโดยรอบยังคงอึ้งงันและตกใจ