เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 332 สถานการณ์ในเรือเซียน
ตอนที่ 332 สถานการณ์ในเรือเซียน
จี้หยวนค่อยๆ ชักมือกลับ จ้องมองพู่กันขนหมาป่าที่อยู่ในแนวนอนกลางอากาศอย่างเงียบเชียบ แสงสีเขียวที่ปลายพู่กันจางลงเรื่อยๆ ไม้ไผ่ที่ตัวพู่กันเดิมทีเป็นสีเหลือง ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นสีเขียวขจีแล้ว
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง แสงบนตัวพู่กันขนหมาป่าจางลงอย่างต่อเนื่อง กลับกลายเป็นพู่กันธรรมดาอีกครั้งหนึ่ง
จี้หยวนพอใจเป็นอย่างยิ่ง ควงพู่กันเล่นเหมือนเมื่อชาติก่อน หมึกที่ยังเหลือตรงปลายพู่กันเกิดเป็นแสงสีหมึกเล็กน้อย จากนั้นค่อยเก็บพู่กันกลับมาที่มือ
“ไม่เลว นับว่าไม่เสียแรงคิดค้น”
จี้หยวนพูดพร้อมรอยยิ้ม ถือว่าอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง
ธิดามังกรข้างๆ ดึงสติกลับมาได้นานแล้ว กำลังมองพู่กันในมือจี้หยวนด้วยใบหน้าสนอกสนใจ นางรู้ว่าพู่กันด้ามนี้ไม่ใช่ภาชนะเซียนอย่างแน่นอน ทว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก
“ท่านอาจี้ การเปลี่ยนแปลงนั่นคืออะไร ท่านเป็นคนทำใช่หรือไม่”
จี้หยวนส่ายหน้า
“ข้าไหนเลยจะมีความสามารถนั้น ปรากฏการณ์ธรรมชาติในช่วงปีเก่าเปลี่ยนเข้าสู่ปีใหม่จะปรากฏก่อนและหลังยามจื่อของทุกปี คนธรรมดายากมองเห็นไม่ต้องพูดถึง ต่อให้เป็นผู้มีมรรควิถีลึกล้ำก็อาจมองไม่เห็น เป็นปรากฏการณ์ที่สรรพสิ่งท่ามกลางฟ้าดินเปลี่ยนแปลง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว จี้หยวนมองธิดามังกร
“เมื่อครู่มองเห็นอะไรหรือไม่”
“ต้องขอบคุณท่านอาจี้ เมื่อครู่มองเห็นปราณบริสุทธิ์และสกปรกแบ่งแยกกันบนล่างชัดเจน เหมือนกับเปิดม่านระหว่างฟ้าดิน ในเขตแดนคล้ายกับได้รับการชำระล้างครั้งหนึ่ง ทำให้ข้าเข้าใจวิถีแห่งการเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้น”
แม้ธิดามังกรเป็นถึงธิดาของมังกรแท้ ทว่ามังกรเฒ่าไม่ค่อยถนัดในเรื่องการศึกษาอย่างชัดเจน อาจกล่าวได้ว่าในแง่ของการควบคุมเขตแดนและจิตใจที่ลึกลับนั้นไม่มีมรรคเซียนที่เป็นแบบแผนสักเท่าไหร่ ธิดามังกรในอดีตติดตามบิดาตนเองก็ได้รับประสบการณ์บรรลุมรรคพิเศษอยู่ไม่กี่ครั้ง
ทว่าติดตามผู้อาวุโสอย่างจี้หยวนผู้นี้ โอกาสเล็กน้อยไม่กี่ครั้งถือว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สิ่งนี้วางรากฐานจำเป็นในการกลายร่างเป็นมังกรในอนาคต ด้วยเหตุนี้เองทำให้ธิดามังกรนับถือและเชื่อใจจี้หยวนอย่างแท้จริง
ครืน…
คลื่นทะเลส่งเสียงจากข้างล่าง ธิดามังกรและจี้หยวนต่างรู้สึกว่าใต้เท้าสั่นไหว แม่ทัพวาฬยักษ์ที่อาศัยลมฝ่าคลื่นไปข้างหน้าหยุดชะงัก หลังจากนั้นครู่น้ำทะเลก็กลับคืนสู่ความสงบ
ธิดามังกรมองข้างหน้าของวาฬยักษ์ จากนั้นยิ้มแล้วกล่าวด้วยความจนใจ
“ท่านอาจี้ เมื่อครู่มันพยายามทำความเข้าใจแล้ว ทว่ามรรควิถีไม่พอจึงสลบไป”
จี้หยวนหัวเราะ แม่ทัพวาฬยักษ์ตัวนี้น่ารักทีเดียว ได้เก็บเกี่ยวเพียงเล็กน้อยก็ยินดี
“ฮ่าๆ ให้เขานอนเถอะ ว่ายน้ำไม่หยุดพักนานขนาดนี้คงเหนื่อยนัก ยานข้ามแดนทางนั้นจะเข้ามาพอดี อยากไปดูหน่อยหรือไม่”
ธิดามังกรไม่คิดไปดูแม้แต่น้อย แต่เห็นจี้หยวนพูดเช่นนี้ แปดส่วนเขาสนใจเรือเหาะเป็นแน่ ในเมื่อผู้อาวุโสมีความคิดนี้ นางในฐานะผู้เยาว์จึงเอ่ยปากตอบไปว่า “อยาก”
ยานข้ามแดนทางนั้นค่อยๆ บินลงมา คนบนเรือเหาะส่วนใหญ่มองมาทางวาฬยักษ์ทั้งนั้น ทุกคนบนนั้นล้วนรู้ว่ามีผู้สูงส่งขี่วาฬยักษ์เดินทางอยู่กลางทะเล
ด้านหนึ่งของกาบเรือบนเรือเหาะ มีเด็กสองสามคนมองวาฬยักษ์ที่ยิ่งมายิ่งใกล้ตามการแนะนำของผู้อาวุโสเช่นกัน
“วาฬตัวนี้ตัวใหญ่มาก เหมือนกับอาคารหลังใหญ่เลย”
“อาจารย์ลุง ท่านบอกว่าสตรีที่อยู่บนหลังวาฬเป็นมังกรเจียวตัวหนึ่ง แล้วอีกคนหนึ่งเล่า เป็นมังกรเหมือนกันใช่หรือไม่”
คนที่ถูกถามเป็นชายชราอายุประมาณหกเจ็ดสิบปี เครายาวสีขาว เรือนผมประดับกวานขนาดเล็ก จ้องมองวาฬยักษ์ไกลๆ ทอดถอนใจตอบว่า
“อีกคนหนึ่งน่าจะไม่ใช่มังกรเจียว ต้องเป็นผู้สูงส่งฝึกเซียนคนหนึ่งแน่ เมื่อครู่เขาถือพู่กันเขียนตัวอักษรบนอากาศ ขณะนั้นเป็นเวลาเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่พอดิบพอดี รวมกับปรากฏการณ์ขมุกขมัวที่พวกเรามองเห็น นี่เหมาะเหม็งเป็นอย่างยิ่ง ต้องเป็นวิชาอัศจรรย์แขนงหนึ่งแน่นอน!”
“วิชาอัศจรรย์แขนงไหนหรืออาจารย์ลุง”
ชายชราถลึงตามองศิษย์ของตนเองพร้อมใบหน้าเรียบเฉย
“หากข้ารู้ก็คงไปฝึกด้วยกันแล้ว! จริงสิ เข้าใกล้แล้วต้องระวังตัวนอบน้อม อย่าทำพลาดนะ รู้หรือไม่”
“ทราบแล้วอาจารย์ลุง!”
“ทราบแล้วอาจารย์ลุง!”
หลายคนตอบพร้อมกัน สายตายังคงมองวาฬยักษ์ตรงนั้น
“ยืนบนหลังวาฬยักษ์ ตั้งโต๊ะโบกพู่กันเขียนตัวอักษร ท่องเที่ยวเหนือทะเลบูรพากว้างใหญ่ รู้สึกดีมีเขตแดน เมื่อไหร่ข้าจะทำได้แบบเดียวกันบ้าง”
“อย่าโง่เลย นี่ไม่ใช่ปัญหามีเขตแดนหรือไม่ หากไม่มีมรรควิถีเท่านั้น ไหนเลยจะโดยสารวาฬยักษ์และมีธิดามังกรนั่งอยู่เคียงข้างได้!”
ได้ยินดังนั้นแล้ว ชายชราหันศีรษะไปยิ้มให้ศิษย์และศิษย์หลานหลายคน
“พูดมีเหตุผล ดังนั้นจะฝึกปราณหย่อนยานไม่ได้ อย่าคิดว่าตนเองอยู่เหนือกว่าใครอย่างแท้จริง ผู้สูงส่งในใต้หล้าไม่รู้มีกี่มากน้อย เมื่อมองพวกเราอาจไม่มีความแตกต่างใดกับพวกเรามองมนุษย์ ส่วนปีศาจและมารใต้หล้ายิ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากไม่ได้มรรคก็ยากจะพูดเรื่องอิสระ”
“ได้รับคำสอนจากอาจารย์แล้ว!”
“อาจารย์กล่าวถูกต้องนัก!”
“ขอบคุณอาจารย์ที่สั่งสอน!”
ผู้ฝึกเซียนหนุ่มหลายคนรีบประสานมือกล่าวขอบคุณ
ความเร็วของเรือเหาะลดลงอีกครั้ง มองเห็นวาฬยักษ์หยุดลงแล้ว คนบนเรือเหาะย่อมคิดว่าเป็นผู้สูงส่งทางนั้นลงมือทำเช่นนี้ อาจมีความคิดสื่อสารกับทางนี้ ดังนั้นทางเรือเหาะจึงลดระดับความสูงและลดระดับความเร็วลง
ในที่สุดเรือเหาะก็อยู่ห่างจากข้าวาฬยักษ์ไม่ถึงสิบจั้ง คนส่วนใหญ่บนเรือล้วนประสานมือคารวะเพื่อแสดงความเคารพไปทางวาฬยักษ์ตัวนี้
จี้หยวนและธิดามังกรก็ประสานมือให้ทางนั้นด้วยมารยาทเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็คุมลมเหาะขึ้นไปทางเรือลำนั้น
“พวกเขามาแล้ว! พวกเขามาแล้ว!”
“สตรีนางนั้นเป็นมังกรใช่หรือไม่”
“ชู่ เจ้าลดเสียงหน่อย อยากตายหรืออย่างไร”
“จะตกลงที่ใด หัวเรือหรือว่าท้ายเรือ”
จี้หยวนยังคงอยู่กลางอากาศ เสียงที่เหมือนกับการกระซิบดังมาอย่างต่อเนื่อง เขาทำเป็นไม่ได้ยิน ตกลงที่หัวเรือพร้อมกับธิดามังกร
ในนั้นมีผู้ฝึกเซียนสวมชุดทางการสองคนคอยท่าอยู่แล้ว เมื่อเห็นจี้หยวนและธิดามังกรบนหัวเรือ ผู้ฝึกเซียนทั้งสองคารวะในทันที
“ฉือกุยจากเขาเก้ายอด!”
“หลินเจี้ยนจากเขาเก้ายอด!”
“คารวะท่านทั้งสอง!”
ฉือกุยคารวะเสร็จแล้วเงยหน้าถาม
“ไม่ทราบว่าท่านเซียนทั้งสองมาจากที่ใด มาถึงบนยานข้ามแดนที่เขาเก้ายอดดูแลด้วยเหตุใด”
ธิดามังกรก้าวไปคารวะก่อน
“ข้ามีนามว่าอิงรั่วหลี ท่านนี้คือท่านอาจี้ พวกข้าไม่ได้มีธุระใด เพียงผ่านมาพอดีก็เท่านั้น จึงอยากมาดูยานข้ามแดนเสียหน่อย”
ฉือกุยมองไปทางจี้หยวน ฝ่ายหลังพยักหน้าก่อนกล่าว
“เป็นเช่นนั้นจริง ขอพูดตามตรงไม่ปิดบัง ข้าคนแซ่จี้ออกเดินทางไกลน้อยนัก ไม่เคยเห็นยานข้ามแดนมาก่อนเลย”
ไม่เคยเห็น?
ฉือกุยและหลินเจี้ยนสบตากันโดยสัญชาตญาณ ผู้สูงส่งเช่นนี้ไม่เคยเห็นยานข้ามแดนหรือ
แต่ความสงสัยนี้พูดออกไปซึ่งหน้าไม่ได้ อาจไม่เคยเห็นเรือลำนี้เท่านั้น ฉือกุยกล่าวด้วยความกระตือรือร้นอย่างชัดเจน
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าพาทั้งสองท่านชมดูเป็นอย่างไร”
“เช่นนั้นดียิ่งนัก ลำบากเจ้าแล้ว!”
จี้หยวนกล่าวตามมารยาท แล้วตามฉือกุยและหลินเจี้ยนเดินไปข้างหน้า อีกทั้งประสานมือให้คนที่คารวะอยู่ที่ใกล้และไกลโดยรอบก่อนหน้านี้ นับว่าคารวะตอบแล้ว
เมื่อยืนอยู่ด้านหลังเรือถึงรับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของมัน เกินกว่าเรือขนาดหนึ่งหมื่นตันที่จี้หยวนเคยเห็นเมื่อชาติก่อน รูปร่างก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
นอกจากมีวิชาขับเคลื่อนอย่างแน่นอน มันยังมีใบเรือด้วยเช่นกัน บนกาบเรือเปิดกว้างเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นมีตลาดขนาดเล็กด้วย
ฉือกุยพูดว่าพาจี้หยวนและธิดามังกรชมดู แต่เขาไม่ได้นำทาง ส่วนใหญ่เดินเป็นเพื่อน นอกจากพูดเป็นครั้งคราวว่า ‘นี่คือตลาด’ ‘แขกอยู่ข้างล่าง’ ทำนองนี้ ส่วนใหญ่พูดเรื่องเขาเก้ายอดของพวกเขา
น่าเสียดายที่จี้หยวนไม่เคยได้ยินชื่อเขาเก้ายอดมาก่อนเลย และไม่มีความสัมพันธ์เก่าแก่กับสำนักเซียนใดเลย ทว่าความประทับใจยังคงอยู่
กาบเรือชั้นบนในขณะนี้มีคนมองดูจี้หยวนและธิดามังกรมากเกินไป เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนไม่พอใจ ฉือกุยและหลินเจี้ยนพาพวกเขาไปชมดูภายในห้องโดยสารก่อน
ฉือกุยพาจี้หยวนเดินชมทางเดินชั้นล่างรอบหนึ่ง ตรงที่ห้องพักและพื้นที่ปิดกั้นส่วนหนึ่งมีเขตอาคม หลายสถานที่ถึงขนาดมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ปลูกพืชพันธุ์ที่อยู่ในสภาพอากาศแตกต่างกัน เกิดเป็นลานบ้านที่มีรูปแบบแปลกตา ภายในยิ่งใช้วิชาชักนำแสงธรรมชาติ ไม่มีความรู้สึกมืดสลัวเลยสักนิด นับว่ามหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
ทั้งบนและล่างของเรือแบ่งออกเป็นหลายชั้น ภายในเหมือนกับเป็นห้องเรียงรายกัน ทว่ามีสิ่งก่อสร้างแบบโบราณ ขนาดมีสวนอยู่ในนั้นด้วย เงื่อนไขจำเป็นพื้นฐานไม่บกพร่อง ตั้งแต่ห้องพักแขก ห้องโถง ไปจนถึงที่พักทุกประเภทที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน มีทุกอย่างให้เลือกครบครัน
เดินอยู่ในห้องโดยสารแล้วรอบหนึ่ง จี้หยวนรู้สึกประทับใจเรือเหาะลำนี้เป็นอย่างยิ่ง ไม่มีความอึดอัดหรือความไม่ทันสมัยแบบที่เขาจินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง พูดอย่างไม่เกินจริงว่าโดดเด่นยิ่งกว่าเรือสำราญขนาดใหญ่เมื่อชาติก่อนเสียอีก วิชาอัศจรรย์จำนวนหนึ่งทำให้เกิดสภาพแวดล้อมและวิธีการพิเศษมากมาย
“ท่านจี้เชิญทางนี้!”
เดินครบรอบหนึ่งแล้ว ฉือกุยพาจี้หยวนเดินออกมาจากประตูตรงหางเรือ ไปถึงดาดฟ้าใหญ่อีกครั้ง เมื่อมองไปทางหัวเรือจะเห็นตลาดตั้งอยู่ตรงนั้น
มาถึงข้างนอกแล้วจี้หยวนมองตลาดตรงนั้น ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้
“โชคดีที่วันนี้ได้มาเห็น นับว่าเปิดหูเปิดตาจริงๆ ยานข้ามแดนเป็นเรือล้ำค่าอย่างแท้จริง! เขาเก้ายอดใช้พละกำลังของตนเองสร้างสิ่งวิเศษเช่นนี้ออกมาได้ เห็นทีจะไม่ธรรมดาเช่นกัน!”
ได้ยินคำพูดนี้จากปากคนอย่างจี้หยวน ต่อให้เป็นผู้ฝึกเซียนแท้อย่างฉือกุยและหลินเจี้ยนก็ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านจี้ชมเกินไปแล้ว ยานข้ามแดนต้องข้ามผ่านดินแดนกว้างใหญ่ ระยะทางไกลโพ้นหลีกเลี่ยงอันตรายไม่ได้ ย่อมต้องเตรียมพร้อมให้ครบทุกด้าน ไปเถอะ พวกเราไปเดินชมร้านค้าทางนั้นสักหน่อย นอกจากร้านค้าของมนุษย์แล้ว ยังมีผู้ฝึกเซียนปะปนอยู่ในนั้นด้วย”
“ผู้ฝึกเซียนทำการค้าขายหรือ”
จี้หยวนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ในภาพจำของเขานั้น ผู้ฝึกตนจะฝึกปราณเป็นหลัก ทำสิ่งอย่างอื่นน้อยนัก
ฉือกุยชินกับคำถามพื้นฐานพรรค์นี้จากจี้หยวนแล้ว ตอบว่า
“ท่านจี้อาจไม่รู้ ผู้ฝึกเซียนยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์การค้าน้อยนัก แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะอยู่สุขสบาย ของบางอย่างนำออกมาแลกเปลี่ยนเป็นของใช้จำเป็นได้ ยันต์ที่ทำขึ้นจากผู้ฝึกปราณระดับสูงได้รับความนิยมมาก เหมาะสมแลกข้าวของจำนวนหนึ่ง หรือเหมาะสมแลกเปลี่ยนน้ำใจกัน ดีทั้งนั้น”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้!”
จี้หยวนพยักหน้า ตามฉือกุยมุ่งหน้าไปยังตลาด
โลกผู้ฝึกปราณแน่นอนว่าไม่มีสกุลเงินอย่างเป็นทางการ ไม่มีใครมีความสามารถสร้างสกุลเงินขึ้นเช่นกัน ส่วนใหญ่ใช้สิ่งของแลกสิ่งของ มักใช้ปราณวิญญาณและความอัศจรรย์ที่มีเป็นตัวกำหนดราคา ส่วนมากทุกคนได้รับสิ่งที่ต้องการ
แม้ไม่มีสกุลเงิน แต่ก็มีผู้ฝึกเซียนจำนานมาก มีบางสิ่งที่เข้าถึงยากซึ่งผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ชอบ อย่างเช่นพืชเซียนหรือสมุนไพรวิญญาณ ดินวิญญาณ น้ำวิญญาณ และหยินหยางห้าธาตุ ยันต์อัศจรรย์บางอย่างก็นับรวมได้ ไปจนถึงของมีค่าอย่างไข่มุกวิญญาณจากทะเลลึก อืม สิ่งนี้มีอยู่ตรงที่มังกรเฒ่านอนหลับเต็มไปหมด แต่ละเม็ดมีขนาดใหญ่นัก
มักพูดกันว่าวิญญาณห้าธาตุหรือวิญญาณหยินหยางนับได้ว่าเป็นสิ่งที่เข้าถึงยากที่สุด ใครล้วนต้องการได้มาไม่มากก็น้อย ส่วนใหญ่ใช้สิ่งที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปอย่างหยก โดยหยกขนาดเท่าหัวแม่มือใช้เทียบน้ำหนักได้หนึ่งชั่ง จึงใช้หน่วยวัดอย่างชั่งหรือตำลึงอธิยายวัตถุวิญญาณได้ด้วย
สิ่งที่น่าสนใจคือยานข้ามแดนเช่นนี้ นอกจากผู้ฝึกปราณต้องจ่ายวัตถุวิญญาณจำนวนหนึ่งถึงจะขึ้นเรือได้แล้ว คนธรรมดาหรือคนที่เพิ่งเข้าสู่การฝึกปราณ หากมีวาสนาเจอเรือเหาะเทียบท่าและมีความกล้าขึ้นเรือมากพอ ก็หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมใดๆ ได้
จี้หยวนมองว่ามีความรู้สึกเหมือนกับ ‘เด็กสูง 120 เซ็นติเมตรไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย’ เป็นอย่างยิ่ง
ความรู้พื้นฐานพวกนี้ ก่อนหน้านี้จี้หยวนแทบไม่รู้เลย ไม่เคยมีใครพูดเรื่องพวกนี้เช่นกัน เป็นฉือกุยที่เดินไปพลาง อธิบายไปพลาง แม้แต่ธิดามังกรก็เอ่ยปากอธิบายอย่างอดไม่ได้อยู่หลายคำ
แม้จี้หยวนดูสบายๆ แต่ปฏิกิริยาสนอกสนใจแบบนี้ย่อมอยู่ในสายตาของพวกฉือกุย ฉือกุยและหลินเจี้ยนรู้สึกงุนงงไม่เข้า ทว่าธิดามังกรกลับครุ่นคิดอยู่ในใจ
อิงรั่วหลีจำได้ว่าบิดาตนเองเคยพูดกับนาง บอกว่าท่านอาจี้ของนางบางครั้งไม่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโลกฝึกปราณ ใคร่รู้มากอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนั้นธิดามังกรถามว่า ‘ท่านอาจี้อยู่ในระดับนี้แล้ว มีหรือจะไม่รู้เรื่องพวกนี้’
คำตอบของบิดาในตอนนั้นคือ ‘ไม่ได้เปิดหูเปิดตาเสียนาน การเปลี่ยนแปลงบางอย่างต้องทำความเข้าใจใหม่’
ธิดามังกรถามในตอนนั้นเช่นกันว่านานเท่าไหร่
ทว่าเห็นเพียงรอยยิ้มของบิดาค่อนข้างมีเลศนัยอย่างชัดเจน ตอบแค่ว่าอาจจะนานมากๆ แล้ว หลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
ตอนนี้นึกขึ้นมาได้แล้วรู้สึกชวนให้ขบคิ้วเป็นอย่างยิ่ง