เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 339 น้ำมันปรุงอาหาร
ตอนที่ 339 น้ำมันปรุงอาหาร
แม่ทัพวาฬยักษ์ได้ยินจากที่ไกลแล้วก็เกิดความปีติขึ้นในใจ เดิมคิดว่าธิดามังกรมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าประมุขมังกรก็อยากมาเช่นกัน นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องกลัวแล้ว
ดังนั้นแม่ทัพวาฬยักษ์อ้าปากคายภูตตนนั้นที่อยู่ในปากออกมาดังแหวะ แล้วไถลไปถึงข้างกายจี้หยวนโดยตรง
มารดามังกรมุ่นคิ้วมองวาฬยักษ์
“นี่คือใคร”
“เรียนเจ้าแม่ นี่คือลูกน้องของมังกรปีศาจเกล็ดลาย พวกมันล้อมเกาะหินมังกรไว้ทำตัวเป็นอันธพาล นอกจากมันแล้ว ลูกกระจ๊อกเหล่านั้นถูกข้ากินเรียบ!”
“เช่นนั้นเหตุใดเข้าไม่กินมันเข้าไปด้วยเล่า”
อิงรั่วหลียิ้มกล่าว
“ท่านแม่วางใจ ลูกจงใจเหลือมันไว้ มันจะได้พาพวกเราไปยังที่กบดานของมังกรเจียวชั่ว สังหารมันได้พอดี! ท่านแม่รู้หรือไม่ว่ามังกรเจียวชั่วตัวนี้มีสหายบ้างหรือไม่ หรือมีผู้ช่วยอยู่ข้างกายหรือไม่”
เจ้าแม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ตอนพบกับเขาครั้งแรกในปีนั้น ไม่เห็นว่าข้างกายมีปีศาจที่แข็งแกร่งอะไร หลายปีก่อนได้ยินมาว่าเขาก็สอบถามอยู่พักใหญ่เหมือนกัน ถึงค่อยเริ่มพัวพันข้าไม่เลิกรา ถึงขนาดกินข้ารับใช้ที่ออกนอกจวนบาดาลของข้าไปจำนวนหนึ่งด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าสอบถามรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าข้าอยู่ที่เกาะหินมังกร”
แม่ทัพวาฬยักษ์พูดเสริมอยู่ข้างนอก
“มังกรเจียวเกล็ดลายตัวนั้นมาจากทะเลรกร้าง จะไปมีเส้นสายอะไรอยู่ที่นี่ ต่อให้ผูกไมตรีกับสหายจำนวนหนึ่งแล้วก็เป็นเพียงสหายนักดื่มนักกิน ตอนเขาอยู่ไว้หน้า ตายแล้วใครเล่าจะเสียใจ ต่อให้มาจากทะเลรกร้าง แต่ด้วยสภาพแวดล้อมโหดร้ายทางนั้น ยิ่งไม่มีทางมีใครสนใจ อีกอย่าง…”
“หากยกฐานะของประมุขมังกรขึ้นมาพูดได้ หึๆ ความสัมพันธ์ของมังกรแท้สี่สมุทรมีใครบ้างเล่าไม่รู้จัก ใครบ้างเล่าจะไม่ไว้หน้าประมุขมังกรเสียหลายส่วน ถึงขั้นนั้นแล้วในบรรดาเผ่าวารีจะมีใครยื่นมือเข้าช่วย”
คำพูดนี้มีเหตุผลอยู่บ้าง แต่เจ้าแม่ไม่ชอบใจมากอย่างเห็นได้ชัด อิงรั่วหลีจึงรีบเปลี่ยนประเด็น
“เอาล่ะๆ จัดการมังกรเจียวเกล็ดลายตัวนั้นให้สิ้นซากก่อนค่อยว่ากล่าว ท่านอาจี้ พวกเราจะเค้นถามมันอย่างไรดี”
จี้หยวนคิดก่อนกล่าว
“ขอเพียงปล่อยมันไป มันจะพาพวกเราไปเองนั่นแหละ”
พูดแล้วจี้หยวนก็หิ้วปีกปีศาจตนนั้นขึ้นจากพื้น โยกออกไปข้างนอกอย่างแรง แรงส่งนี้ทำให้มันทิ้งร่องรอยในน้ำทันที จนกระทั่งบินออกไปนอกเกาะหินมังกร
ราวกับตอนโยนออกไปถูกใช้วิชาบางอย่าง ไม่นานนักปีศาจตนนั้นก็ตื่น
ปีศาจตนนั้นมองซ้ายมองขวา พบว่าพี่น้องข้างๆ ตนเองหายไปหมดแล้ว เมื่อมองไปทางเกาะหินมังกรอีกครั้ง มีวาฬตัวใหญ่ส่ายหางอยู่เรื่อยๆ คิดว่าเมื่อครู่ถูกตีหมดสติแล้วไม่มีใครสนใจ
‘ไอ้หยาต้องรีบไปรายงานท่านฮวาหลงแล้ว!’
ปีศาจปลาตัวสั่นเล็กน้อย ครั้นดึงสติกลับมารู้ตัวว่าควรหนีก็รีบว่ายน้ำพร้อมใช้วิชาคุมวารี เลียบพื้นทะเลหนีไปทางตะวันตก
หลังจากมันไปได้ครู่หนึ่งแล้ว จี้หยวนและธิดามังกรถึงค่อยตามไปด้วยกัน เจ้าแม่ลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ตามไปด้วย ยังคงให้แม่ทัพวาฬยักษ์เป็นพาหนะ ทว่าครั้งนี้ธิดามังกรใช้วิชาปิดบังร่องรอยด้วย
ภายในร่องน้ำทะเลลึกห่างจากพื้นทะเลประมาณเก้าร้อยลี้ มีจวนบาดาลที่สร้างด้วยหิน ปะการัง และวัตถุอื่นๆ ตั้งอยู่หลังหนึ่ง แม้ดูไม่ประณีต แต่หลายปีมานี้ก็ได้รับการดูแลจัดการเป็นอย่างดี
ความเร็วในการว่ายน้ำของปีศาจตนนั้นเทียบกับแม่ทัพวาฬยักษ์ไม่ได้ ระยะทางเก้าร้อยลี้ต้องใช้เวลากว่าครึ่งวันถึงจะถึงที่หมาย
ตำแหน่งที่นับได้ว่าเป็นตำหนักหลักในเวลานี้ บนเก้าอี้ประธานนั่งไว้ด้วยคนสองคน คนหนึ่งเป็นบุรุษสวมชุดคลุมยาวสีเขียวพุทราและสวมกวานทรงสูง ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นบุรุษเปลือยท่อนบน ศีรษะล้าน มีผิวสีน้ำตาลคล้ำ บนที่นั่งอื่นมีปีศาจวารีหลายตัว บ้างเหมือนคนอยู่บ้าง บ้างเหมือนสัตว์น้ำอย่างกุ้งหอยปูปลามากกว่า ทั้งหมดนั่งกินดื่มพลางพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“มาๆๆ น้องซา (ฉลาม) วันนี้เจ้ามาเยี่ยมข้า นับว่าให้เกียรติข้ามากแล้ว คำขอเหล่านั้นอย่างเพิ่งพูดถึง ข้าคนแซ่ฮวาพิจารณาแล้วต้องให้คำตอบที่เจ้าพอใจเป็นแน่ มา ดื่มสุราก่อน ดื่มสุราหน่อย นี่เป็นสุราดีแดนมนุษย์ที่ช่วงก่อนช้ามทะเลอุดร ทำเรือแถวเกาะนิรันดร์ล่มไปหลายลำถึงได้มา เครื่องเทศหรือผลไม้อะไรล้วนได้มาเช่นกัน มนุษย์พวกนั้นเพลิดเพลินกับชีวิตยิ่งกว่าพวกเราอีก”
ชายในชุดสีเขียวตื่นเต้นดีใจมากอย่างชัดเจน หัวเราะฮ่าๆ พร้อมแนะนำข้าวของเหล่านี้ไม่ยอมหยุด
ฝ่ายชายเปลือยท่อนบนผิวสีน้ำตาลยกแก้วสุราขึ้นพร้อมรอยยิ้ม มองสุราที่ปกป้องไว้ด้วยฟองอากาศ จากนั้นจิบเบาๆ คำหนึ่ง
‘หึ พวกบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลก’
ทว่าปากหัวเราะเล็กๆ แล้วกล่าวว่า
“สุรานี้ไม่เลวเลย แต่ในเมื่อพี่ฮวาล่มเรือสิบกว่าลำแล้ว คนบนเรือเหล่านั้นเล่า จิ๊ๆ เนื้อมนุษย์ช่าง…”
“ฮ่าๆๆๆ น้องฮุยเจ้าใช่ว่าไม่รู้ ข้าไหนเลยจะควบคุมปากตนเองได้ อีกอย่างหากมนุษย์ตายแล้วจมน้ำทะเล รสชาติย่อมเปลี่ยนไป!”
“อ๋อ ข้าปากมากแล้วๆ ต่อไปหากพี่ฮวามีเวลาว่างข้าจะพาไปยังที่ดีๆ แม้ระยะทางไกลหน่อย แต่ไม่มีทางผิดหวังแน่นอน!”
ชายชุดเขียวตื่นเต้นทันที
“โอ้? นั่นคือที่ใด”
“แน่นอนว่าเป็นความลับ…”
ชายผิวสีน้ำตาลพูดอยู่ครึ่งหนึ่ง ข้างนอกก็มีเสียงดังกังวานเป็นอย่างยิ่งดังมาชัดเจน
“นายท่าน! นายท่าน…แย่แล้ว นายท่าน!”
ชายชุดเขียวลุกขึ้นยืน ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ปีศาจเกล็ดปลาตัวนั้นก็วิ่งล้มลุกคลุกคลานทั้งๆ ที่ว่ายน้ำอยู่เข้ามา
“เอ๋? ไม่ใช่ให้เจ้าเฝ้าคนงามไว้หรือ ไยกลับมาเองเล่าเนี่ย”
ปีศาจเกล็ดปลาคารวะชายชุดเขียวครั้งหนึ่ง
“ข้าน้อยทำตามหน้าที่ เป็นวาฬยักษ์ชั่วร้ายตัวนั้นกลับมาแล้ว อีกทั้งเชิญผู้ช่วยกลับมาด้วย กะ เกรงว่าจะเป็นการไม่ดีต่อนายท่าน ข้าน้อยต่อสู้กับพวกเขาครั้งหนึ่งถึงหนีออกมา ส่วนพี่น้องตนอื่นล้วนถูกกินทั้งหมด…”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ…”
ชายชุดเชียวปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นออกา
“เจ้าต่อสู้กับพวกเขาครั้งหนึ่งแล้ว ยังกล้านำความเดือนร้อนมาให้ข้าหรือ ก่อนหน้านี้ข้ายอมให้ทุกอย่าง แม้กินข้ารับใช้ในจวนคนงามไปไม่น้อย ทว่าก็ไม่เคยลงมือกับวาฬตัวนั้น เขาต่างหากวิ่งแจ้นออกมาหลายต่อหลายครั้ง เช่นนั้นอย่ามากล่าวโทษข้าก็แล้วกัน!”
“พี่ฮวาเจอเรื่องยุ่งยากหรือ ต้องการความช่วยเหลือของข้าหรือไม่”
ชายผิวสีน้ำตาลที่ยังคงนั่งดื่มสุราอยู่กับที่กล่าวเสียงหนึ่ง ความหมายเชิงสัญลักษณ์มีค่ามากกว่าความหมายเชิงปฏิบัติ ไม่แม้แต่ลุกขึ้นยืน
“เฮ้อ น้องฮุยไม่ต้องใส่ใจ ถึงวาฬตัวนั้นมีวิชามีพลัง แต่ก็เป็นตัวตนที่ยังแปลงกายไม่ได้”
“แต่ลูกน้องท่านบอกว่ามันเชิญผู้ช่วยมาด้วยไม่ใช่หรือ”
คราวนี้ชายผิวสีน้ำตาลพูดออกไปอย่างสบายๆ
“ฮ่าๆๆ…น้องฮุยเจ้าลืมแล้ว ทีแรกพวกเจ้าบอกว่าต้องการวิญญาณปีศาจเผ่าวารีที่ฝึกปราณลึกล้ำบริสุทธิ์ ข้าขอแสดงความจริงใจ เมื่อจัดการผู้ช่วยเหล่านั้นแล้ว ร่วมด้วยความช่วยเหลือจากพี่น้องเหล่านั้นของเจ้า ไปล้อมสังหารมังกรเจียวดำที่ทะเลบูรพาสักตัว!”
ชายผิวสีน้ำตาลมุ่นคิ้ว
“นึกขึ้นมาได้ แม้ข้าไม่ไป แต่ว่ากันว่ามังกรเจียวตัวนั้นมรรควิถีล้ำลึกยิ่ง มีแผนล้อมสังหารที่ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทว่ามันยังหนีไปได้ ดังนั้นเหลือเอ็นมังกรเส้นเดียว วิญญาณและร่างมังกรจากไปหมดแล้ว มีเทพผีมากมายบนเกาะเมฆา พวกเรากลับไม่สนใจตามไป ต่อมายังคงมองหาตัวอื่นอีก…หรือว่ามังกรเจียวดำยังมีความพิเศษอะไรอีก”
“ฮ่าๆ ที่จริงข้ามีเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้พูด ก่อนหน้านี้ข้ากินข้ารับใช้ของคนงามไปเยอะมาก เค้นถามข้อมูลจากปากพวกเขาได้จำนวนหนึ่ง พวกเขามีที่พึ่งพิงก็คือมังกรเจียวตัวนั้น ล้วนเรียกกันว่า ‘ท่านโม่’ เห็นทีเป็นสหายในอดีตของคนงาม แต่ตอนนั้นมังกรเจียวดำแม้ไม่ตายก็ไม่อาจสำเร็จปราณ แน่นอนว่าต้องขอให้คนอื่นช่วยเหลือ”
ชายชุดสีเขียวพูดโดยคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น ทำให้ชายผิวสีน้ำตาลเข้าใจในทันที มองยกย่องอีกฝ่ายมากขึ้นอย่างอดไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าคนผู้นี้ยังมีแผนการในใจ ไม่ได้สมองกลวงโดยสิ้นเชิง
“เจ้าปีศาจเกล็ดลายตัวดี ที่แท้การตายของโม่หรงก็เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า!”
เสียงเย็นชาของรั่วหลีดังมา
จากนั้นเสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว นอกตำหนักของจวนบาดาลถูกแม่ทัพวาฬยักษ์ชนทำลายโดยตรง ที่นั่งของชายชุดสีเขียวและชายผิวสีน้ำตาลโคลงเคลง ปะการังและหินต่างๆ ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ชายชุดเขียวพลันเกิดโทสะ ปราณมังกรเอ่อท้นออกมาทันใด ความดุร้ายฉายชัดบนใบหน้า เท้ากระทืบครั้งหนึ่งก่อนดีดตัวออกไปนอกตำหนัก
“ใครอยากตายกัน กล้าดีอย่างไรมาก่อความวุ่นวายในที่ของข้า!”
ชายหนุ่มต่อว่าจบแล้วมองเห็นวาฬยักษ์ตัวหนึ่ง รวมไปถึงสตรีสองคนและบุรุษในเสื้อสีเขียวคนหนึ่งบนหลังของมัน
“คนงาม? เจ้ามีน้องสาวด้วยหรือ ดียิ่งนัก! มาถึงที่กันหมดเลย!”
ชายชุดเขียวพิจารณาใบหน้างดงามประณีตและสัดส่วนโค้งเว้าของเจ้าแม่และธิดามังกรอยู่นานทีเดียว เห็นทั้งสองมีสีหน้าเย็นชา ทว่าไม่เป็นไรเลย จากนั้นเขาค่อยมองไปยังชายเสื้อสีเขียวข้างๆ
“เจ้าคือโม่หรง? ยังไม่ตายหรือไม่ ไม่มีปราณมังกรแล้วตามคาด!”
จี้หยวนส่ายหน้า ขี้คร้านแม้แต่จะพูด เขายื่นมือซ้ายออกไปในแนวราบ กระบี่เครือเขียวมาถึงในมือด้วยตนเอง จากนั้นมือซ้ายค่อยๆ ประคองตัวดาบก่อนยื่นให้อิงรั่วหลี
เจ้าแม่กดใบหน้าที่เชิดขึ้นสูงลงเล็กน้อย ยืนอยู่บนหัววาฬขนาดยักษ์แล้วมองชายชุดเขียวจากด้านบน
“ฮวาโหว นี่คือบุตรีข้า นางมาเพื่อจัดการธุระแทนข้า!”
มังกรเกล็ดลายนามฮวาโหวตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะมองอิงรั่วหลี
“บุตรีเจ้า? ทำธุระอะไร”
พลังทั่วกายอิงรั่วหลีส่งไปที่กระบี่เครือเขียวทั้งหมด นางหรี่ตาพลางตอบคำถาม
“สังหารเจ้า!”
ขณะที่เอ่ยปาก ธิดามังกรยื่นมือชักกระบี่ ทว่าพร้อมกับที่คว้าด้ามกระบี่นั้น นางรู้สึกว่าเปลืองแรงเป็นอย่างยิ่ง
‘หนักนัก!’
แขนขวาสั่นเทาเล็กน้อยโดยไม่อาจสังเกตเห็น รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดแล้วถึงชักกระบี่ออกมาได้ในวินาทีต่อมา
ชิ้ง
เสียงกระบี่ดังขึ้น
แสงสีเงินขาวสายหนึ่งปรากฏขึ้นที่พื้นทะเล ลูกตาฮวาโหวหดตัวและหลบหลีกตามสัญชาตญาณ เอียงตัวไถลไปข้างหน้า
ครืน…
หินบนร่องทะเลพังทลายลง จวนน้ำเกือบครึ่งถูกทำลาย ยิ่งทิ้งรอยกระบี่ลึกสายหนึ่งไว้ที่ก้นร่องทะเลด้วย
ทว่าตอนอิงรั่วหลีเหวี่ยงกระบี่แอบร้องว่าแย่แล้วในใจ นางควบคุมกระบี่เซียนไม่ได้เลย ฟันเอียงไปเล็กน้อย ทว่าก็ตัดมือเท้าของมันได้อย่างละข้าง มีชิ้นเนื้อเล็กๆ ที่หลุดลงมาด้วย
“โฮก…”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของฮวาโหวดังขึ้น ท่ามกลางเลือดไร้สิ้นสุดและโคลนเลนถ้วนทั่ว มังกรเจียวเกล็ดลายปรากฏออกมา มันเกลือกกลิ้งอยู่ในร่องทะเลเพราะเจ็บมาก อยู่ดีๆ ก็เหมือนไส้เดือนที่เพิ่งหลุดออกมาจากดิน
“โฮก…ฮือ…ฮือ…โฮก…”
จี้หยวนมองอิงรั่วหลียังคงโคจรวิชาและเหวี่ยงกระบี่ จึงยื่นมือหยุดนางไว้
“แม้ไม่ตายก็บาดเจ็บหนัก ไม่ต้องเปลืองแรงแล้ว”
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญกว่าคือไม่จำเป็นต้องเป็นต้องสิ้นเปลืองปราณกระบี่ของกระบี่เครือเขียว แม้พลังของธิดามังกรจะเติมเต็มสิ่งที่เสียไปเป็นจำนวนมากแล้ว แต่หากไม่มีกระบี่เซียนและปราณกระบี่ นางก็ไม่มีทางคมปลาบอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้หรอก
แต่จี้หยวนแน่นอนว่าไม่มีทางให้ทุกคนยืนอยู่อย่างนี้ เขางอนิ้วโป้งมือซ้าย สี่นิ้วขยับเล็กน้อยที่หน้าอกเหมือนพัด ก่อนจะอ้าปากคายเพลิงที่แดงคล้ำกลุ่มใหญ่พุ่งไปยังมังกรเกล็ดบายที่เจ็บปวดทุรนทุรายอย่างบ้าคลั่งกลางร่องทะเล
ในสายตาของธิดามังกรและเจ้าแม่ รวมถึงแม่ทัพวาฬยักษ์และเผ่าวารีโดยรอบที่หนีออกจากจวนบาดาล ไปจนถึงชายผิวสีน้ำตาลที่เพิ่งออกมา เพลิงสีแปลกตากลุ่มนั้นไม่ดับทั้งที่อยู่ใต้ทะเล สุดท้ายตกลงบนตัวมังกรเจียวเกล็ดลาย
ซ่า…
อยู่ที่พื้นทะเลแท้ๆ ร่างมังกรเจียวที่เมื่อครู่นี้ปกคลุมไปด้วยโคลนและเลือด แต่ทันใดนั้นไฟสีแดงคล้ำก็จุดประกายเหมือนกับน้ำมันปรุงอาหารที่โหมกระหน่ำ
“โฮก…”
เสียงมังกรเจียวร้องดังขึ้นอีกหลายครั้งในทันที
‘อะไรนะ!? คุมเพลิง! เผามังกรเจียวใต้ทะเล!?’
ชายผิวสีน้ำตาลเพิ่งมองเห็นธิดามังกรใช้กระบี่เซียนและร้องว่าแย่แล้ว ตอนนี้เห็นภาพการคุมเพลิงที่น่าตื่นตะลึง ยิ่งรู้สึกว่าขนลุกขนพองไปหมดทั้งตัว
ทว่าเพิ่งคิดหนี เขาเงยหน้ามองไปทางแม่ทัพวาฬยักษ์โดยไม่รู้ตัว พบว่าทุกคนล้วนมองเพลิงนั้นพร้อมสีหน้าอึ้งงันหรือเหลือเชื่อ มีเพียงผู้ถือกระบี่และจุดไฟเท่านั้นที่มองมาทางตนเอง
ทันใดนั้นเขาเหมือนกับถูกเข็มทิ่มจนทั่วตัว