เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 340 ไม่ต้องยุ่งดีที่สุด
ตอนที่ 340 ไม่ต้องยุ่งดีที่สุด
แต่ยังดีที่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว จากนั้นก็ถูกเพลิงสีแดงคล้ำและธุลีโดยรอบปิดกั้น
ชายผิวสีน้ำตาลลังเลเล็กน้อย ก้มตัวลงอย่างระมัดระวัง กลายร่างเป็นฉลามตัวเล็กขนาดเท่าแขน ฉลามว่ายน้ำก่อนหนีไปทางด้านหลังร่องหินที่แตกออก
ภูตตนอื่นต่างว่ายน้ำหนีเอาชีวิตรอดขึ้นด้านบน ส่วนฉลามแม้นับว่าหนีรอดโดยที่พวกเขาไม่สนใจ แต่ก็เพราะตอนนี้อุณหภูมิใต้น้ำเพิ่มขึ้นสูง เผ่าวารีทั่วไปต้านทานไม่ได้นานเท่าไหร่จริงๆ
เพลิงสมาธิบางครั้งไร้อุณหภูมิ บางครั้งร้อนลวกหาใดเปรียบ วันนี้เผามังกรเจียว ใช้ลักษณ์หยางแสดงออก จึงเป็นพลังความร้อนที่รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
จนกระทั่งว่ายน้ำแล้วสิบกว่าลี้อย่างไม่เร็วไม่ช้ากลางร่องหิน ฉลามตัวนี้ถึงว่ายน้ำไปยังใต้ทะเลเหนือหน้าผา จากนั้นว่ายออกจากกลุ่มปลาโดยรอบ กระบวนการทั้งหมดมันพยายามเก็บลมปราณอย่างถึงที่สุด
เมื่อหันกลับไปมองทางร่องทะเล ตอนนี้ฝุ่นที่พื้นทะเลข้างล่างพัดขึ้นมาอยู่บ้าง ทว่าแสงจากเพลิงหายไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะในที่สุดทะเลก็ดับไฟได้ หรือ…มังกรเกล็ดลายแสนโชคร้ายที่เดิมนามว่าฮวาโหวแต่เรียกตนเองว่าฮวาหลงโหวตายไปแล้วกันแน่
ฉลามไม่กล้าอยู่ต่อ ตัวสั่นกลัวอยู่ในน้ำเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดหางอย่างแรง เร่งความเร็วว่ายน้ำหนีไป
…
ลึกลงไปในร่องทะเล อิงรั่วหลีและเจ้าแม่มองเห็นมังกรเจียวเกล็ดลายถูกเผากลางไฟสีแดงคล้ำร้อนระอุกับตาตนเอง จนกระทั่งเผาจนไม่เหลืออะไรให้เผาได้แล้ว ไฟถึงค่อยเบาลงไปเอง
อยู่ในร่องทะเลที่อยู่ตรงพื้นทะเลลึกแท้ๆ เดิมทีโดยรอบล้วนเป็นทะเลอุดรที่หนาวเย็นและมีความดันน้ำรุนแรง แต่กลับไม่ส่งผลกระทบต่อพลังเพลิงแม้แต่นิดเดียว
เอาล่ะ ตอนนี้รอบๆ เต็มไปด้วยฟองอากาศแล้ว นั่นเป็นฟองอากาศที่เกิดขึ้นเพราะอุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนบีบอัดกัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง น้ำทะเลที่อยู่ตรงร่องทะเลนี้สามารถต้มน้ำแกงปลาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนนี้แม่ทัพวาฬยักษ์เพียงฝืนทนไม่ถอยไป คอยท่าอยู่ที่นี่ทรมานเป็นอย่างยิ่ง หากเปลี่ยนเป็นวาฬทั่วไปที่ไม่เกิดปัญญาอะไร ตอนนี้อาจสุกไปแล้วสามส่วน
เจ้าแม่มองจี้หยวนอยู่หลายครั้งตามจิตใต้สำนึก ในเมื่อเขาเป็นสหายของคนผู้นั้น ก็ต้องไม่ใช่ผู้ฝึกปราณธรรมดาอย่างที่คาดไว้ วิชาคุมเพลิงนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ
“ท่านอาจี้ เมื่อครู่ก็คือวิชาเพลิงสมาธิของท่านกระมัง”
อิงรั่วหลีเห็นจี้หยวนใช้วิชาอัศจรรย์ที่เกี่ยวกับเพลิงเป็นครั้งแรก แต่ก็เดาออกได้ว่านี่คืออะไรตั้งแต่ครั้งแรกเช่นกัน
จี้หยวนมองอิงรั่วหลีแล้วมองด้านบนของร่องหิน
“เป็นเกาเทียนหมิงบอกพวกเจ้าหรือ”
“เป็นเขาและพี่ชายข้าเคยพูดถึง จากนั้นข้ากับท่านพ่อก็รู้”
จี้หยวนพยักหน้า
“อืม เป็นเพลิงสมาธิจริงๆ หลังจากเพลิงนี้ก่อตัวแล้วมีพลังไม่ธรรมดา มังกรเจียวเกล็ดลายหากไม่ได้รับบาดเจ็บ ถูกเพลิงแท้แล้วยังพอใช้วิชาติดตัวหนีรอดไปได้ ทว่ามันได้รับบาดเจ็บก่อน และเพราะเจ็บปวดเหลือเกินจนคุมสติไม่ได้ จึงถูกเพลิงแท้เผาไหม้ไปในทันที”
ขณะพูดนั้น จี้หยวนยื่นมือออกไปยังเถ้าที่ยังคุกรุ่นอยู่ จากนั้นโบกมือด้วยแขนเสื้อของเขา ไข่มุกมังกรที่ยังคงถูกล้อมรอบด้วยเพลิงสมาธิลอยออกมาจากปากมังกรเจียวตัวนั้น
เป็นเพราะไข่มุกมังกรเม็ดนี้ เพลิงแท้จึงยังไม่ดับสนิท
พูดได้ว่าไข่มุกมังกรเป็นของล้ำค่าของเผ่ามังกร มรรควิถีไม่ล้ำลึกก็อาจฝึกปราณจนเกิดไข่มุกมังกรไม่ได้ นับว่าเป็นหนึ่งในรากฐานของการฝึกปราณ ความสูญเสียอันเกิดจากไข่มุกมังกรหายไปถือว่ามหาศาล นั่นเท่ากับเสียชีวิตไปครึ่งหนึ่ง เสียมรรควิถีไปเกือบครึ่ง
คิดไม่ถึงเลยว่ามังกรเจียวสีเกล็ดลายตัวนี้มีไข่มุกมังกรจริงๆ
เพลิงสมาธิที่พัวพันไข่มุกมังกรถึงมือจี้หยวนแล้วดับไปเอง เหลือเพียงไข่มุกมังกรที่มีขนาดใหญ่เท่าไข่ห่าน
ก่อนหน้านี้จี้หยวนใช้เพลิงสมาธิแล้วระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งทุกครั้ง ด้วยกลัวว่าวันใดไฟจะเผาตนเองเข้า วันนี้หลังจากปราณห้าธาตุครบถ้วนสมบูรณ์แล้วถึงอกถึงใจเช่นกัน ยิ่งเหมือนกับแม้ยกของหนักก็ยังคงง่ายดายอย่างชัดเจน
เมื่อเพลิงสมาธิหายไปแล้ว ไข่มุกมังกรส่องแสงอีกครั้ง เป็นแสงรัศมีไกลประมาณสองฉื่อ
จี้หยวนกล่าวโดยสัญชาตญาณทันทีที่เห็นไข่มุดงดงามเม็ดนี้
“ไข่มุกเม็ดนี้งดงามน่าชม แต่กลับไม่ใหญ่เท่าไหร่”
ไข่มุกมังกรก็เปลี่ยนขนาดได้เหมือนกับเจ้าของร่างมังกรของมัน แต่ไข่มุกมังกรเม็ดนี้ออกมาหลังจากมังกรเจียวเกล็ดลายปรากฏร่างเดิมแล้ว ดังนั้นนับว่าเป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุด แม้ขนาดเท่าไข่ห่านจะดูใหญ่มากในสายตาของจี้หยวน แต่เมื่อเทียบกับมังกรเจียวที่ยาวเกินหลายสิบจั้งคล้ายกับเล็กเกินไปแล้ว กระนั้นรัศมีแสงยังคงพอใช้ได้
“ท่านอาจี้ ไข่มุกมังกรนี้ไม่เล็กแล้ว ข้ากลับไม่คิดเลยว่ามังกรเจียวเกล็ดลายตัวนี้จะมีไข่มุกมังกรเม็ดใหญ่ขนาดนี้ได้”
ธิดามังกรพูดพลางมองไปรอบๆ
“จริงสิท่านอาจี้ เมื่อครู่มังกรเจียวเกล็ดลายตัวนั้นกำลังต้อนรับใคร ต้องเกี่ยวข้องกับการตายของโม่หรงแน่ ไยนานป่านนี้แล้วยังไม่เห็นออกมาเลย”
“หนีไปแล้ว”
คำพูดนี้ของจี้หยวนทำให้อิงรั่วหลีประหลาดใจเล็กๆ นางคิดว่ามีจี้หยวนอยู่ด้วยอีกฝ่ายไม่มีทางหนีไปได้ถึงจะถูก ดังนั้นเมื่อครู่นางจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ ทว่าตอนนี้นางนึกขึ้นได้แล้ว
“ท่านอาจี้คิดไปดูว่าเขาไปที่ใดหรือไม่”
จี้หยวนเก็บไข่มุกมังกร เงยหน้ามองด้านบนของร่องหินอีกครั้ง ก่อนที่จะตอบเสียงราบเรียบ
“นั่นไม่นับเป็นแผนการของข้า เดิมทีตั้งใจทำให้ตกใจก่อนแล้วค่อยบีบให้ยอมจำนน”
“เอ๋? เช่นนั้นเหตุใด…”
อิงรั่วหลีพูดเพียงครึ่งเดียว ทว่าเห็นจี้หยวนส่ายหน้าจึงไม่พูดต่อแล้ว
“ไปเถอะ พวกเรากลับเกาะหินมังกรก่อน”
เจ้าแม่เห็นมังกรเจียวเกล็ดลายกลายเป็นเถ้าธุลี แม้แต่โอกาสที่วิญญาณมังกรหลุดออกจากร่างก็ไม่มี ปราณชั่วร้ายหายไปไม่น้อยเลย
“ข้าน้อยรับบัญชา!”
แม่ทัพวาฬยักษ์ตอบรับเสียงหนึ่ง รีบร้อนว่ายน้ำขึ้นไปด้านบน สถานที่เลวร้ายนี้ในตอนนี้มีอุณหภูมิน้ำสูงนัก มันทนไม่ไหวตั้งนานแล้ว นอกจากนี้โดยรอบยังมีปีศาจที่หนีไม่ทันถูกต้มสุกอยู่จำนวนหนึ่ง ทว่ามันไม่กล้าอ้าปากกินแล้ว ด้วยกลัวว่าน้ำร้อนจะลวกปากเอา
เมื่อกลับถึงเกาะหินมังกร แม่ทัพวาฬยักษ์บอกข่าวดีกับทุกคนอย่างอดรนทนไม่ไหว
มันตะโกนเสียงดัง “มังกรเจียวเกล็ดมั่วถูกพวกข้ากำจัดทิ้งแล้ว จากนี้เป็นต้นไปเกาะหินมังกรไม่จำเป็นต้องสำรวมระวังอีกต่อไป!”
เสียงตะโกนของวาฬยักษ์ดังไปทั่วจวนบาดาลเกาะหินมังกร เผ่าวารีภายในนั้นลอบร้องด้วยความยินดีอยู่ในใจ
ตอนนี้ไม่เพียงแม่ทัพวาฬยักษ์และเงือกสาวข้างกายเจ้าแม่หลายตน เผ่าวารีมากมายของเกาะหินมังกรล้วนรู้แล้วว่าครอบครัวของเจ้าแม่ร้ายกาจปานนี้ ความฉงนที่มีก่อนหน้านี้ล้วนหายไปจนเกลี้ยง
ไม่นานเกาะหินมังกรก็เริ่มจัดงานเลี้ยงฉลอง ไม่ใช่งานใหญ่อะไร อีกทั้งไม่ได้เชื้อเชิญใคร เป็นงานเลี้ยงฉลองของเผ่าวารีในจวนบาดาลเท่านั้น
เจ้าแม่และธิดามังกรสนทนากันอยู่ในห้อง คาดว่าคงเล่าเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างเป็นกังวลให้ฟัง
ฝ่ายจี้หยวนลิ้มรสชาติอาหารของเกาะหินมังกรอยู่ในห้องโถงเพียงลำพัง มีเงือกสาวและภูตหลายตนคอยรับใช้ ส่วนแม่ทัพวาฬยักษ์อยากอยู่เป็นเพื่อนเช่นกัน แต่ร่างกายมันใหญ่เกินไป เบียดเข้ามาไม่ได้โดยสิ้นเชิงจึงออกไปกินอาหารแล้ว
จี้หยวนชิมขนมทุกชนิดแล้ว เลือกกินเพียงสิ่งที่ถูกปากตนเองเท่านั้น
เงือกสาวข้างๆ หลังจากผ่านความกังวลในตอนแรกมาแล้ว ตอนนี้พอจะสนทนากับจี้หยวนได้เช่นกัน
“ท่านจี้ ท่านมาจากเกาะเมฆาหรือ มาไกลขนาดนี้เหนื่อยมากกระมัง”
“ไม่ใกล้ แต่คนที่เหนื่อยน่าจะเป็นแม่ทัพวาฬยักษ์มากกว่า มันแบกพวกข้ามาตลอดทาง”
“อ๋อ”
เงือกสาวตนหนึ่งรีบเติมเครื่องดื่มในถ้วยหอยสังข์ของจี้หยวน
“ท่านจี้กับประมุขมังกรเป็นสหายกัน เขาดุร้ายมากหรือไม่”
จี้หยวนพิจารณาครู่หนึ่งก่อนตอบ
“เขาดุร้ายหรือไม่น่ะหรือ ปฏิบัติกับคนอย่างเหมาะสม จัดการธุระอย่างเป็นธรรม ปกติแล้วมองโลกในแง่ดีอยู่บ้าง นับได้ว่านิสัยพอใช้ได้กระมัง”
“อ๋อ เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว”
“อืม ข้าก็เหมือนกัน!”
“จริงด้วย คุณหนูรั่วหลีนิสัยดีปานนี้ ท่านจี้นิสัยดีเช่นกัน ประมุขมังกรก็ต้องนิสัยดีอย่างแน่นอน”
ตอนที่พวกนางกำลังคิดถามบางอย่าง จี้หยวนกลับลุกขึ้นยืน
“หากมีคนถามก็บอกว่าข้าคนแซ่จี้ออกไปเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็กลับมา”
พูดจบแล้วจี้หยวนก้าวออกไปเหมือนเท้าเหยียบกระแสน้ำ ออกไปข้างนอกจวนบาดาลโดยตรง จากนั้นลอยขึ้นไปทางผิวน้ำทะเล
ไม่นานนักผิวน้ำทะเลใกล้เกาะหินมังกรเกิดละอองน้ำกลุ่มหนึ่ง จี้หยวนลอยออกจากในนั้น ก้าวขึ้นบนเกาะราวกับเป็นเรื่องง่ายดาย
“เป็นอย่างไรบ้าง”
จี้หยวนถามโดยไม่หันศีรษะกลับไปมอง
ไอหมอกบางเบาตลบอบอวลอยู่บนเกาะ เพียงครู่เดียวมีเงามังกรเหมือนกับภาพลวงตาออกจากคลื่นน้ำ เสียงมังกรเฒ่าดังมาอย่างเลื่อนลอย
“ตามอยู่นานแล้ว คอยดูเส้นทางหลบหนีของมัน ภายนอกดูเหมือนไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับมังกรแท้ที่ทะเลอุดร ข้าฝังปราณลวงไว้ที่ตัวมันแล้ว เสียปราณดั้งเดิมส่วนใหญ่ไปกับการแปลงเป็นเงามังกรนี้ ไม่นานก็จะหายไป”
จี้หยวนพอได้ฟังก็มองเขาอย่างตั้งใจ
“เช่นนั้นท่านถึงเรียกข้าออกมาพบงั้นหรือ รีบลงไปพบภรรยาท่านเถอะ!”
มังกรเฒ่ามองจี้หยวนไม่พูดจา คาดว่าหากไม่ใช่จี้หยวน แต่เป็นบุตรมังกรหรือธิดามังกรล้วนต้องสั่งสอนหรือตำหนิอย่างเด็ดขาดเสียหลายประโยค แต่ตรงหน้าคือจี้หยวน มังกรเฒ่าทำได้เพียงเปลี่ยนประเด็น
“เพลิงสมาธิของท่านจี้ไม่ธรรมดาดังคาด บางครั้งข้าถึงกับจินตนาการว่าท่านจี้มีวิชามากน้อยเพียงใดที่คนยังไม่รู้ มีวิชาอัศจรรย์ที่ผู้ฝึกปราณทั้งหลายยังไม่เคยเห็นมากเพียงใด”
จี้หยวนกล่าวอย่างเกรงใจ
“พอกันนั่นแหละ วิชาลวงตาก็เป็นวิชาอัศจรรย์เช่นกันไม่ใช่หรือ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
“ท่านไม่เคยเห็นมาก่อนจริงหรือ”
เงาร่างไอหมอกของมังกรเฒ่าเข้ามาใกล้เล็กน้อย มองสีหน้าของจี้หยวนอย่างจริงจัง กลับมองเห็นอีกฝ่ายหัวเราะหึๆ อย่างหาได้ยาก
“ไม่เคยเห็น แต่อาศัยการเดาได้”
เงามังกรหันไปมองทางตะวันตก ถอนใจกล่าวว่า
“การตายของโม่หรงในตอนนั้นเกี่ยวข้องกับแดนรกร้างทมิฬจริงดังคาด เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าไม่ได้มาจากทางต้าเจิน กลับมาจากทางทะเลอุดร หึ เช่นนั้นเหล่าปีศาจมากมายที่ข้าฆ่าตายในตอนนั้นก็ตายแทนพวกเขาแล้ว”
จี้หยวนเอ่ยเสียงเรียบ
“ไม่มากนักหรอกที่เป็นผู้บริสุทธิ์”
“จริงของท่าน!”
เงามังกรมองจี้หยวนอีกครั้ง ใช้กรงเล็บหน้าสองข้าประสานกันเพื่อคารวะ
“ท่านจี้ ครั้งนี้ติดหนี้น้ำใจท่านแล้ว ขอบคุณท่านที่แก้แค้นแทนโม่หรง เรื่องราวหลังจากนี้ขอท่านไม่ต้องยุ่งแล้ว”
จี้หยวนคารวะตอบ มังกรเฒ่านับเป็นคนคุ้นเคยกัน ดังนั้นเขาจึงตอบตามใจในทันที
“ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่ยุ่งแล้ว”
จากนั้นหมอกของเงามังกรหายไปโดยสิ้นเชิง จี้หยวนไม่รู้เหมือนกันว่าร่างลวงของมังกรเฒ่าหายไปแล้วจริงๆ หรือว่ายังคงอยู่
เขามองไปทางตะวันออก ทางเกาะเมฆาอาจเกิดเรื่อง หวังว่าจะเกิดเรื่องก่อนงานชุมนุมเซียนพเนจรนะ