เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 344 ท่านคือเจ้าภูเขาลู่?
ตอนที่ 344 ท่านคือเจ้าภูเขาลู่?
จี้หยวนซึ่งอยู่ในเรือนพักแขกของจวนบาดาลแห่งเกาะหินมังกรที่ทะเลอุดรตอนนี้มุ่นคิ้ว เคราะห์สายฟ้าที่เจ้าภูเขาลู่เผชิญหน้ารุนแรงเกินไปจริงๆ รุนแรงกว่าเคราะห์สายฟ้าปีศาจที่เขารู้จักหลายเท่ามาก
โดยเฉพาะแสงสายฟ้าเปลี่ยนสีจากแดงเป็นดำ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ไหนเลยจะยังเหมือนสายฟ้าสวรรค์ที่ปีศาจทั่วไปหลบเลี่ยงได้
หากทุกครั้งที่ปีศาจแปลงกายต้องเจออสนีสวรรค์เช่นนี้ นั่นอาจไม่มีใครมีชีวิตอยู่ตอ่ไปได้สักเท่าไหร่
เหตุใดเจ้าภูเขาลู่ต้องเผชิญอสนีสวรรค์เช่นนี้ หรือเป็นเพราะมันหลุดพ้นเปลี่ยนกระดูกกำลังจะกลายเป็นจิตวิญญาณอื่น
แต่ถึงจะเป็นเผ่ามังกรก็ตาม…
ไม่ถูกต้อง! เคราะห์มังกรไม่ใช่เคราะห์เล็กเช่นเดียวกัน เผ่ามังกรในใต้หล้าถึงขนาดมีปัญญาความรู้กันแล้วส่วนใหญ่ ในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนั้น วิธีการมหัศจรรย์ในอย่างตามธาราได้พัฒนามาเพื่อรับมือกับภัยพิบัติจากการแปลงกายของมังกรทีละขั้น
จี้หยวนคิดใคร่ครวญอยู่ในใจ คิดผลลัพธ์ทั้งก่อนและหลังอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ชัดเจนว่าไม่ใช่เวลาคิดมาก ไม่อาจคิดประเด็นสำคัญออกในพริบตาเดียว ไม่อาจคิดต่อไปได้อีกเช่นกัน
‘เจ้าภูเขาลู่จะตายไม่ได้!’
นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาทางหมากของจี้หยวนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเพราะเขาคนแซ่จี้มีศิษย์ในนามคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีปัจจัยทางอารมณ์อยู่ในนั้นเลย
ในภูผาธาราเขตแดน ข้างเตาโอสถบนยอดเขาสูง ปราณโลกาสวรรค์หลายกลุ่มถูกชักนำ ราวกับสีเหลืองหลายสายลอยไปรวมตัวกัน
จากนั้นตอนที่เจ้าภูเขาลู่สบโอกาส วิชายิ่งใหญ่ของจี้หยวนประคองหมากดำที่เหมือนกับดาวดวง หลับตาสงบนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นเขาลืมตาขึ้น พร้อมกันนั้นฟ้าดินเปลี่ยนแปลง…
ฟ้าดินในเขตแดนเปลี่ยนแปลงเหมือนกับหมอกหรือควันหมุนเวียน ภูผาธาราทิวทัศน์โดยรอบผันแปรจนไม่เป็นรู้ร่าง ยิ่งคล้ายกับเขาโคเทพอยู่หลายส่วน
จี้หยวนใช้นิ้วชี้ประคองหมาก ปราณโลกาสวรรค์ที่ปลายนิ้วชี้หมุนเวียนลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว ไฟในเตาโอสดโหมกระหน่ำ พลังปะทุก่อเกิดระหว่างฟ้าดิน ความคิดทั้งคงอยู่ทั้งจากไป เหมือนกับไม่ตั้งใจ ทว่าแท้จริงแล้วใช้พลังทั้งหมด ไอหมอกและความเลือนรางตรงหน้าแม้เข้มข้น แต่แท่นจันทราที่เหมือนกับอยู่ในภาพฝันเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่รางๆ
‘เจ้าภูเขาลู่ ให้อาจารย์ออกแรงช่วยเจ้าด้วยคน!’
…
บนแท่นจันทราขนาดใหญ่ที่เขาโคเทพ เสือร้ายคำรามอย่างสุดกำลัง ท้องฟ้าสะท้อนเสียงคำถามที่กล้าหาญของมัน สายฟ้าใหม่ที่ชั้นเมฆข้างบนเป็นอสนีบัญชาสายหนึ่ง
ตอนนี้เอง เสียงที่แจ่มชัดดังสะท้อนอยู่ในหูของภูตเสือร้ายอย่างเจ้าภูเขาลู่แล้ว
“เจ้าภูเขาลู่ ให้อาจารย์ออกแรงช่วยเจ้าด้วยคน!“
เสือร้ายพลันตกใจมองไปรอบๆ เสียงสั้นเหมือนกับไม่อยู่ที่ใด ทว่าเกิดขึ้นจากความว่างเปล่า
“อาจารย์!?”
จากนั้นปราณโลกาสวรรค์ที่เหมือนกับมีและไม่มีหลายสายยืดขยายคล้ายกับน้ำวน ความกดดันที่หนาหนักทว่าไร้ความรู้สึกข่มขู่กดอัดลงมา
ท้องฟ้ายังคงมีสายฟ้ากะพริบดังเดิม แต่ตอนนี้เจ้าภูเขาลู่หลับตาแล้ว สีสันโดยรอบกลับไม่ได้หายไป มองเห็นภาพที่มีสีสันด้วยซ้ำไป
มีมือยักษ์ลวงตาข้างหนึ่งพาไอหมอกไร้จำกัดมาถึง ใช้นิ้วชี้กดลงมาที่ตนเอง ปราณโลกาสวรรค์ไหลตามแขน ทะลุแขนเสื้อยาวสีเขียวออกมาอย่างชำนิชำนาญ
ป๊อก…
เสียงชวนอึดอัดใจดังขึ้นที่หน้าปาก เหมือนกับถูกดีดอย่างแรงครั้งหนึ่ง
ซู่…
ปราณโลกาสวรรค์หลายสายตามนิ้วนั้นไหลเข้าสู่หน้าผาก กระจายไปทั่วทุกอวัยวะและกระดูกทุกชิ้น สุดท้ายส่วนใหญ่ไหลรวมเข้าไปในไขกระดูก
“โฮก…”
เจ้าภูเขาลู่คำรามอีกครั้ง แม้รู้สึกว่ากำลังกายและพลังวิชาไม่ได้ฟื้นกลับมาแต่อย่างไร ทว่ามีพละกำลังบางอย่างก่อตัวขึ้น ราวกับว่าเกิดความเชื่อมั่นว่าจะต่อกรกับเคราะห์สายฟ้าได้
หลังจากเสือคำรามครั้งหนึ่ง ภาพในใจหดหายอย่างรวดเร็ว ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เอ่อขึ้นมาที่หัวใจ
‘อาจารย์ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ แต่ใช้วิชาอัศจรรย์บางอย่างช่วยเหลือจากที่ไกล’
ฮูม…ฮูม…
กระดูกในร่างกายส่งเสียงประหลาดหลายระลอก เคราะห์สายฟ้าที่แต่เดิมประสบไปแล้วเปลี่ยนไปหลายส่วน กระดูกเริ่มยืดยาวอย่างว่องไว ศีรษะเสือร้ายสั่นไหว กระดูกสันหลังและศีรษะล้วนเปลี่ยนรูปร่างไปบ้าง
“โฮก…กรร…โฮก…”
เสียงคำรามทุ้มต่ำขึ้นเรื่อยๆ ทว่าทุกเสียงคำรามล้วนแทรกไว้ด้วยความกดดัน ลมปราณสายหนึ่งกระจายไปทั่วทั้งแท่นจันทรา
ครืน…
เสียงฟ้าร้องดังขึ้น ทำให้เจ้าภูเขาลู่พลันเงยหน้าขึ้น กลางเมฆดำบนท้องฟ้านั้น สายฟ้าส่องแสงสีดำแดงสายหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว
‘ขาดก็แต่เจ้าแล้ว!’
เปรี้ยง…ครืน…
กลางฟ้าดินสว่างจ้า ส่องแสงให้ทุกสิ่งทุกอย่างบนเขาโคเทพไปจนถึงเมืองและอำเภอข้างเคียง ไม่ว่าเทพผีหรือมนุษย์ล้วนได้ยินเสียงสายฟ้าสุดท้ายที่สั่นสะเทือนแก้วหู
เปรี๊ยะๆๆๆๆๆ…
กระแสไฟฟ้าโดยรอบไหลมาไม่หยุดพัก ป่าเขาผืนใหญ่ถูกจุดไฟ ทว่าไม่เกิดไฟลุกเผาไหม้ในพริบตาเดียว
ความเจ็บปวดที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมไหลบ่าถึงตัวเจ้าภูเขาลู่ ความคุกคามถึงตายแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยถอย ทว่าไม่อาจครองครามได้เปรียบแล้ว
“กรร…กรร…!”
เสือร้ายยืนขึ้นพร้อมร่างที่สั่นไหวกลางแสงสายฟ้า ผิวกายเปลี่ยนเป็นสีดำไหม้อย่างรวดเร็ว เลือดในกายก็ร้อนลวกเช่นกัน กลายเป็นหนืดขึ้นมากอีกด้วย
เปรี๊ยะๆ…
กรอบแกรบ…
สายฟ้าและเสียงกระดูกเสียดสีกันดำเนินต่อไปเนิ่นนานในที่สุดก็หยุดลงแล้ว หรือพูดได้ว่าทุกอย่างเงียบสงบแล้ว เหลือเพียงเสียงฝนที่อยู่ห่างไกล
เจ้าภูเขายืนนิ่งไม่ขยับอยู่บนแท่นจันทรา กลายเป็นรูปปั้นเสือร้ายที่เกิดจากเถ้า
หวิว…หวิว…
ลมภูเขาพัดมา
เถ้าถ่านบนตัวพลันหลุดจากตัวทั้งหมด ทั้งตัวเจ้าภูเขาลู่เหมือนกับผอมลงหนึ่งเท่าตัว เผยให้เห็นโครงกระดูกชัดเจน แม้ยังคงห่อหุ้มด้วยเนื้อหนังอยู่บ้าง ทว่ายังคงเหมือนกับโครงกระดูกน่ากลัวตั้งอยู่บนแท่นจันทราขนาดใหญ่ ไม่ต่างอะไรกับถูกตรึงเอาไว้
ตึก…ตึก…ตึก…
เสียงราวกับตีกลองดังออกมาจากภายในโครงกระดูกของเสือยักษ์ นั่นเป็นเสียงหัวใจเต้นที่มีพลังมาก
ปราณวสันต์ทำให้ทุกสรรพสิ่งกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ในหัวใจของเสือยักษ์ ปราณวสันต์ใหม่ที่กักเก็บไว้ด้วยความช่วยเหลือของกระบี่เซียนในตอนนั้นแผ่กระจายออกมา ไหลเวียนไปทั่วทุกที่ของร่างกาย
ความมีชีวิตชีวาของเสือยักษ์เริ่มเพิ่มขึ้นมาอีกครั้งหลังเลือดสร้างใหม่
ทีละเล็ก ทีละน้อย การจัดระเบียบทั่วร่างกายเจ้าภูเขาลู่เริ่มเกิดขึ้นใหม่เช่นกัน
รูปร่างยังคงเป็นเสือ ทว่าเหมือนกับต่างออกไปอยู่บ้าง
ขนใหม่งอกออกใหม่ สีเหลืองและดำสลับกัน แต่ขนตรงใบหน้าเปลี่ยนเป็นสั้นยิ่งขึ้น จมูกยาวขึ้นกว่าเดิม ดวงตาทั้งสองข้างไม่ใช่ดวงตากลมของเสืออีก คิ้วยาวและแคบแซมขนสีดำ ราวกับดวงตามมนุษย์คู่หนึ่ง หูสามเหลี่ยมสองข้างเปลี่ยนเป็นกลมมน มีขนพันกันยาวสีดำและสีขาวสองแถวอยู่ใต้ใบหู หางยิ่งฟูเป็นก้อนเล็ก เหมือนต่างหูที่ยาวเป็นพิเศษคู่หนึ่ง
ทั้งใบหน้าคล้ายทั้งเสือและคน
กรอบ…แกรบ…
กระดูกยื่นผิวหนังขยาย ร่างกายของเจ้าภูเขาลู่เพิ่มขนาดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้มีขนาดใหญ่เกินกว่าเสือร้ายก่อนหน้านี้แล้ว
หางที่มีลวดลายที่เหลืองและดำสลับกันเหวี่ยงขึ้นข้างหลังอีกครั้ง พริบตานั้นเกิดภาพลวงตาที่เหมือนกับมันมีหางหลายเส้น
“ซี้ด…ซี้ด…”
ความเจ็บปวดบนกายค่อยๆ ลดน้อยลง สิ่งที่แทนที่เข้ามาคือความรู้สึกคันยุบยิบทว่าสบายตัวมากอย่างหนึ่ง
ใต้เกาะหินมังกรที่ทะเลอุดร จี้หยวนตกใจอยู่บ้างเพราะตัวหมากรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเจ้าภูเขาลู่ ในสถานการณ์นี้เขามีความสงสัยที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง ทว่าไม่กล้ายืนยัน
เมื่อเคราะห์สายฟ้าจบลง กอปรกับตอนนี้จี้หยวนจิตใจสั่นไหวอยู่บ้าง การเชื่อมโยงระหว่างช่วงเวลาพิเศษที่สำคัญนี้กับตัวหมากก็อ่อนลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ใกล้จะแตกออก นี่เป็นสิ่งที่จี้หยวนไม่อาจควบคุมได้
โชคดีที่ทำในสิ่งที่ควรทำไปแล้ว เจ้าภูเขาลู่ผ่านด่านเคราะห์ได้สำเร็จ ทันใดนั้นการเชื่อมโยงขาดสะบั้นในที่สุด จี้หยวนที่เหนื่อยล้าอยู่บ้างได้นอนหลับพักผ่อนอย่างแท้จริงเสียที
บนเขาโคเทพ การเปลี่ยนแปลงของเจ้าภูเขาลู่กลับยังไม่จบสิ้น
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม สัตว์ป่าที่รูปร่างเหมือนกับเสือทว่าไม่ใช่เสือปรากฏอยู่บนแท่นจันทรา รูปลักษณ์ใหม่นี้เจ้าภูเขาลู่ไม่จำเป็นต้องส่องกระจกก็รู้อยู่แก่ใจแล้ว
‘นี่ก็คือการเกิดใหม่หลอมกระดูกที่อาจารย์พูดถึงกระมัง!’
เมื่อเกิดความคิดนี้แล้ว เจ้าภูเขาลู่บนแท่นจันทรายืดเหยียดร่างกายอย่างสบายใจ ร่างกายที่แต่เดิมรู้สึกว่าใหญ่ยักษ์ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน ขนยาวทั่วร่างกายปลิวไหวเหมือนเกลียวคลื่นขณะขยับ มีรัศมีแสงปรากฏขึ้นเลือนรางด้วย
หลังจากนั้นเจ้าภูเขาลู่ลุกขึ้นยืนด้วยท่าคน ใช้สองอุ้งเท้าหน้าปิดบังใบหน้าเอาไว้
หวิว…หวิว…หวิว…
ลมภูเขาเริ่มพัดโหม ทำให้เถ้าสีดำโดยรอบตัวมันลอยขึ้น ตอนนี้เจ้าภูเขาลู่แยกอุ้งเท้าซ้ายและขวาออกจากกันแล้ว
ทันใดนั้นพลังกายหมุนเวียน ประกายแสงทั่วร่างไม่สร่าง กระแสแสงเกิดขึ้นบนใบหน้าแล้วหมุนวนถ้วนทั่วร่างกาย
เหมือนกับมีสะเก็ดแสงสีทองแผ่กระจายอยู่รอบตัว ร่างกายส่วนใหญ่เป็นเหมือนผงที่ปลิวตามสายลม แสงระยิบระยับส่องสว่างเต็มที่ในตอนนี้และไม่กระจายหายไป กลับหายวับเข้าไปภายใน
ทั้งตัวเสือเหมือนกับกลายเป็นแสงเจือจาง เปลี่ยนเป็นเล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นรูปร่างคน
เสียงฟ้าร้องหยุดไปได้หนึ่งเค่อแล้ว หูอวิ๋นที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำของตนเองตลอดทนไม่ไหวแล้ว กอปรกับไม่ได้ยินเสียงคำรามของเจ้าภูเขาลู่ จิ้งจอกแดงตัดสินใจวิ่งออกจากถ้ำ มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของเขาโคเทพ ตรงไปหาแท่นจันทราที่จี้หยวนเสวนามรรคในตอนนั้น
“ท่าน ท่านคือเจ้าภูเขาลู่!?”
คนบนแท่นจันทราหมุนกายเปลี่ยนมุม มองจิ้งจอกแดงที่อยู่ไม่ไกลด้วยรอยยิ้ม สองมือประสานกันให้มัน
“ข้าเองคนแซ่ลู่!”
เจ้าภูเขาลู่ในตอนนี้มีใบหน้าขาวเหมือนหยก ผมดำขลับ รูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดคลุมแขนกว้างสีเหลืองอ่อนเจือลายสีดำเล็กน้อย ทั้งคนดูสงบและหล่อเหลา สง่าและสง่างามเหมือนบัณฑิตหัวกะทิ งดงามไร้ขีดจำกัดเหมือนสุภาพบุรุษ
“ไม่ถูกต้อง! ท่านต้องแปลงกายผิดเป็นแน่ ท่านไม่ควรมีรูปลักษณ์เช่นนี้!”
การแปลงกายเป็นสิ่งที่หูอวิ๋นในตอนนี้เข้าใจดี มันไม่ใช่ภาพลวงตา ทว่าเป็นคนจริงๆ และไม่ใช่ว่าจะแปลงกายตามที่ตนเองต้องการได้ตามใจนึก นั่นต้องเหมาะสมกับจิตใจและมรรคของตนเองด้วย
หูอวิ๋นรู้สึกว่าไร้สาระอยู่บ้าง เหตุใดเจ้าภูเขาลู่กลายร่างเป็นคนแล้วถึงดู ‘อ่อนโยน’ ได้ขนาดนี้ เขาควรเป็นผู้มีที่กล้ามแขนหนากว่าต้นขาของคนอื่น ตรงเอวยิ่งต้องเหนือกว่าถาดใบใหญ่ ใช้ศีรษะโหม่งจนทะลุกำแพงได้ไม่ใช่หรือ
ชายบนแท่นจันทราเก็บท่าคารวะ สะบัดแขนเสื้อไว้ข้างกาย ไม่ได้สนใจท่าทีตื่นตะลึงของหูอวิ๋น เขาเงยหน้าขึ้นมองเมฆดำที่ไม่มีความพิเศษใดบนท้องฟ้า ปราณจากเคราะห์สายฟ้ากำลังกระจายหายไป
“ข้าคนแซ่ลู่ขอถามสวรรค์อีกครั้ง ผู้สร้างอสนีเป็นใคร”
เสียงเขาราบเรียบไร้ระลอกคลื่น แต่กลับดังกังวานเป็นอย่างยิ่ง สะท้อนไปมาท่ามกลางภูเขาไม่จางหาย ทว่าไม่มีเสียงใดสะท้อนกลับมาเช่นเดียวกัน
ซ่า…
เคราะห์สายฟ้าหายไปแล้ว เมฆดำที่เคราะห์สายฟ้าเหลือไว้กลายเป็นฝนตกหนักธรรมดาในที่สุด เดิมทีที่นี่ไม่มีฝนตก ตอนนี้กลับมีเม็ดฝนเท่าเม็ดถั่วเหลืองตกลงมา หล่อเลี้ยงยอดเขาและผืนแผ่ดินใหญ่ที่ถูกสายฟ้าทำลายมาค่อนคืน