เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 376 ดารา ณ อารามเขาเมฆา
ตอนที่ 376 ดารา ณ อารามเขาเมฆา
จี้หยวนเสริมสิ่งที่คิดได้เข้าไปเพิ่ม สุดท้ายมองนักพรตชิงซง
“เป็นอย่างไร ท่านนักพรตมั่นใจหรือไม่”
นักพรตชิงซงมองรอบๆ แล้วมองฉินจื่อโจวกับจี้หยวน บนใบหน้ามีความมั่นใจ
“ลองดูเถอะ!”
พูดถึงตรงนี้แล้ว นักพรตชิงซงพลันนึกอะไรขึ้นได้ ถามจี้หยวนได้ทันกาล
“ท่านจี้ ทำนายชะตาคนผู้นี้แล้วจะไม่เป็นไรกระมัง ข้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เรื่องที่แม้แต่ท่านยังต้องการความช่วยเหลือ ข้า…”
“ฮ่าๆ…เห็นทีนักพรตชิงซงยังรักชีวิตอยู่นะ”
จี้หยวนยิ้มแล้วพูดต่อ
“วางใจเถอะ ทำนายชะตาคนผู้นี้ปัญหาไม่มาก แม้เจ้าทำนายชะตาเซียนผู้สูงส่งบางคนก็ไม่เป็นไรเช่นกัน มีเพียงทำนายชะตาได้หรือไม่ได้เท่านั้น ไม่ใช่ว่าทำนายชะตาแล้วจะเกิดเรื่อง แน่นอนว่าทำนายชะตาพบความลับฟ้าเรื่องพิเศษบางอย่างแล้วเจ้ารีบพูดโพล่งอกมา อาจมีผู้มีวิชาเพ่งเล็งเจ้าในทันที เช่นนี้ถึงเกิดเรื่องได้ง่าย เรื่องวันนี้ไม่มีปัญหาหรอก”
“อ๋อๆๆ”
พยักหน้าเข้าใจแล้ว จากนั้นยังคงถามอย่างระมัดระวังอีก
“เรื่องนี้ท่านจี้ก็หมดหนทางหรือ”
จี้หยวนพยักหน้า อารามเขาเมฆาเป็นสถานที่ที่อยู่แล้วสบายที่สุดนอกเหนือจากอำเภอหนิงอัน คนที่อยู่ด้วยก็เป็นคนที่เพิ่มความมั่นใจให้ได้ แน่นอนว่าไม่มีอะไรให้กังวลใจ
“ถึงจะเป็นข้าก็ใช่ว่าทำทุกอย่างได้ ว่ากันว่าแต่ละศาสตร์มีผู้เชี่ยวชาญ พูดกันที่ศาสตร์ทำนายชะตา ความสามารถของนักพรตชิงซงยอดเยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมกว่าข้าเสียอีก และยอดเยี่ยนกว่าเทพเซียนคนไหนๆ”
ฉินจื่อโจวก็เผยรอยยิ้มและกล่าวชมอยู่ข้างๆ เช่นกัน
“ได้รับคำชมจากท่านจี้ นักพรตต้องภูมิใจในตนเองแล้ว!”
ผู้สูงส่งสองคนชมอยู่ข้างๆ นักพรตชิงซงที่อายุมากแล้วรู้สึกเขินอยู่บ้าง อีกทั้งเกาศีรษะเล็กน้อย
“เช่นนั้น ข้าทำนายได้เลยหรือไม่”
“ท่านนักพรตเชิญ!”
หลังจากนักพรตชิงซงพยักหน้าก็เริ่มปรับสภาวะร่างกาย หมุนมือแล้วค่อยๆ ขยับไปด้านหน้าและด้านหลังสองสามครั้ง การเคลื่อนไหวนี้เองไม่มีพลังพิเศษแต่อย่างไร กลับเป็นความรู้สึกทำพิธีกรรมในบางระดับ
จากนั้นนักพรตชิงซงสงบใจแล้ว สองตาจ้องมองม้วนกระดาษ ‘เทียบเจตกระบี่’ ความหนาความกว้าง รวมถึงวัสดุไม้ที่ใช้ทำกระดาษเขาล้วนพิจารณาเช่นกัน เหมือนกับมองดูฮวงจุ้ยอย่างไรอย่างนั้น
“กว้างครึ่งฉื่อ ยาวสองฉื่อ ไม้ข้างเรือน…เจ้าของบ้านเกิดวันที่แปดเดือนหนึ่งของปีกุ่ยเว่ย…”
นักพรตชิงซงพึมพำพูดกับตนเองไปพลาง สองมือช่วยนับนิ้วคำนวณข้อมูลที่บันทึกไก่อนหน้านี้ไปพลาง และใช้รูปแบบปฏิกิริยาตอบสนองที่มีเงื่อนไขนี้ชักนำการทำนายชะตา
ระหว่างนี้ฉินจื่อโจวและจี้หยวนไม่ส่งเสียงใดเลยสักนิด ไม่รบกวนนักพรตชิงซงทำนายชะตา จี้หยวนยิ่งเปิดตาทิพย์เต็มที่ จ้องมองท่าทางของฉีเซวียนในตอนนี้อย่างละเอียด ไม่ปล่อยให้การเปลี่ยนแปลงใดหลุดรอดสายตา
จากสภาวะปราณสู่สภาพจิตใจ การเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกนึกคิดของนักพรตชิงซงสะท้อนให้เห็นความก้าวหน้าของการทำนายชะตา นอกจากนี้ยังทำให้ปราณบนกายเปลี่ยนไปด้วย
หลังจากนั้นเนิ่นนานทีเดียว คุณลักษณ์ปราณของนักพรตชิงซงพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ปราณเพลิงมนุษย์หรือคุณลักษณ์ปราณทั่วร่างนักพรตชิงซงเริ่มส่องสีสันแจ่มชัด คาดว่าอีกไม่นานก็เห็นผลแล้ว
เป็นไปตามคาด นักพรตชิงซงพูดสิ่งที่ทำนายได้ออกมา
“เจ้าบ้านหลายคนเลือกอยู่ที่ริมน้ำ ชอบไม้จันทน์ ชอบน้ำหมึก แต่ไม่ชอบแสงสว่างจ้า อาศัยอยู่ต่างถิ่นต้นเดือนเห้าปีเจี่ยอู่…นี่เหมือนจะไกลเกินไปแล้ว…ท่านจี้ ข้าไม่ได้ทำนายผิดกระมัง”
ปกติแล้วนักพรตชิงซงมั่นใจในการทำนายชะตาของตนเองเป็นอย่างยิ่ง แต่เรื่องราวนี้พิเศษ เป้าหมายไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาอะไร จึงไม่กล้ารับประกันใดๆ
จี้หยวนโบกมือทันที
“เจ้าน่าจะไม่ได้ทำนายผิด ทำนายต่อเถอะ ไม่ต้องกลัว มีทิศทางโดยคร่าวหรือขอบเขตก็ดีแล้ว เข้าใกล้ข้าจะได้หาง่ายขึ้น”
“ตกลง”
นักพรตชิงซงสงบใจทำนายต่อไป สุดท้ายทำนายไปถึงหลายหมื่นลี้ค่อนไปทางตะวันตกของทางเหนือ ฉีเซวียนพาฉีเหวินผ่านดินแดนต้าเจินไม่น้อย รู้ว่านี่เป็นขอบเขตที่ออกจากต้าเจินแล้วอย่างแน่นอน ส่วนแท้จริงแล้วเป็นที่ไหนเขาไม่รู้เหมือนกัน
แต่จี้หยวนกลับพอใจกับผลลัพธ์ที่นักพรตชิงซงทำนายได้เป็นอย่างยิ่ง ฉีเซวียนไม่เพียงมองทิศทางโดยคร่าวและระยะทางโดยคร่าว นอกจากนี้ยังแสดงถึงลักษณะที่เป็นไปได้บางประการของสภาพแวดล้อมซึ่งมี ‘ตัวอักษร’ เหล่านั้นอยู่ อย่างเช่นรอบข้างอาจมีบ่อน้ำหรือแม่น้ำ ต้นไม้ต้นใหญ่ ไปจนถึงสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น
หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดารู้ข้อมูลนี้แล้ว กลับยังคงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่จี้หยวนรู้แล้วนำไปรวมเข้ากับเทียบเจตกระบี่จนมีระยะห่างที่เหมาะสมแล้วค่อยทำนายด้วยตนเองอยู่หลายรอบ มีความมั่นใจมากว่าหา ‘ตัวอักษร’ เหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง
เมื่อนักพรตชิงซงพูดสิ่งที่ทำนายได้ออกมาทั้งหมดแล้ว รู้สึกเช่นกันว่าไม่ได้ไม่สบายตัวอะไร กระนั้นไม่ค่อยแน่ใจว่าตนเองทำนายถูกต้องหรือไม่ อย่างไรเสียสิ่งที่เขาทำนายได้ก็เป็นเรื่องลึกลับ จะมากจะน้อยต้องมีการตอบสนอง ปกติทำนายชะตาให้คนแล้วหยุดจะชะงักเป็นครั้งคราว ครั้งนี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จึงรู้สึกไม่ชินอยู่บ้าง
โชคดีที่จี้หยวนไม่รู้ความคิดในใจของนักพรตชิงซง ถ้ารู้ล่ะก็ ไม่แน่ว่าความรู้สึกที่มีต่อฉีเซวียนนอกจาก ‘บ้าบิ่น’ แล้ว ยังต้องเพิ่ม ‘ชอบความทรมาน’ เข้าไปด้วย
จี้หยวนใช้สมาธิทบทวนเนื้อหาที่ฉีเซวียนทำนายได้รอหนึ่ง ในใจยิ่งแน่ใจในสิ่งที่ฉีเซวียนทำนายได้แล้วเช่นกัน ถึงขนาดในห้วงสมองปรากฏภาพอยู่รางๆ
หลังจากตื่นจากภวังค์ จี้หยวนลุกขึ้นยืนประสานมือขอบคุณนักพรตชิงซงอย่างจริงจัง
“ขอบคุณนักพรตชิงซงทำนายชะตาช่วยเหลือ ครั้งนี้ข้าคนแซ่จี้มาเยือนอารามเขาเมฆาถูกต้องแล้ว!”
นักพรตชิงซงรีบลุกขึ้นคารวะเช่นกัน
“มิกล้าๆ ท่านจี้มีเรื่องใดขอเพียงพูดออกมา ข้าย่อมช่วยเหลือเต็มกำลัง หากไม่ใช่เพราะท่านจี้ ข้าคงไม่รู้ชะตากรรมของตนเองในตอนนี้ กลับยังคงแข็งแรงเหมือนกับชายวัยกลางคน!”
ได้ยินฉีเซวียนพูดเช่นนี้แล้ว จี้หยวนเกิดความสับสนอยู่บ้าง มองฉีเซวียนที่ผมสีดำเต็มศีรษะและร่างกายแข็งแรง รูปลักษณ์นี้ของเขามองไม่ออกเลยว่าอายุห้าสิบกว่าใกล้ย่างเข้าหกสิบแล้ว
“อาจารย์ ท่านจี้ ท่านปู่ฉิน ข้ากลับมาแล้ว!”
ตอนนี้ฉีเหวินสะพายตะกร้ากลับมาพร้อมฝีเท้าแผ่วเบา ข้าหลังบรรจุวัตถุดิบอาหารสดใหม่ที่ซื้อมาจากในหมู่บ้านตรงตีนเขาจนเต็ม เมื่อท่านจี้มาเยือน ไม่เพียงสุขใจเท่านั้น ยังได้กินอาหารดีๆ อีกต่างหาก
“มาๆๆ ยากนักกว่าท่านจี้จะมาสักครั้ง วันนี้ข้าจะแสดงเสน่ห์ปลายจวักสักหน่อย ฉีเหวิน เตรียมฟืนจุดไฟ!”
“ได้เลย!”
อาจารย์และศิษย์อารามเขาเมฆามุ่งหน้าไปยังห้องครัวในอารามเต๋าด้วยความกระตือรือร้น ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้ว มองไม่ออกว่าแท้จริงแล้วเป็นอาจารย์ที่อายุเกินครึ่งร้อยและศิษย์อายุเกินสามสิบปี
จี้หยวนยืนอยู่หน้าตำหนักใหญ่ของอารามเต๋า มองสองอาจารย์ศิษย์ที่กำลังยุ่งอยู่ในห้องครัวด้วยสีหน้าราบเรียบ ฉินจื่อโจวที่อยู่ข้างๆ ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน
“ฉีเหวินไม่คิดแต่งงานหรือ”
ฉินจื่อโจวลูบเครายาวของตนเอง
“แม้บอกว่านักพรตอารามเขาเมฆาแต่งภรรยาได้ แต่หัวใจของนักพรตชิงยวนฝักใฝ่ทางเต๋า ไม่คิดแต่งงาน อย่างน้อยข้าคนแซ่ฉินก็มองเช่นนั้น”
จี้หยวนหันไปมองฉินจื่อโจว จากนั้นมองธงดาราแห่งเต๋าที่อยู่ภายในตำหนักใหญ่ข้างหลัง
“ท่านฉิน ดารา ณ อารามเมฆา เป็นอย่างไร”
ฉินจื่อโจวเหมือนกับรอคำพูดที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุนี้ของจี้หยวนมานานแล้ว เพียงพยักหน้าให้จี้ฟยวน
จี้หยวนรู้กัน สะบัดแขนเสื้อประสานมือแล้วโค้งกายลงอย่างตั้งใจ ฉินจื่อโจวแทบคารวะกลับเช่นเดียวกันในวินาทีนั้น ในห้องครัวทางนั้น ฉินเหวินจุดเตาไฟแล้วเงยหน้ามองไปทางตำหนักใหญ่
เขาเห็นจี้หยวนและฉินจื่อโจวยืนอยู่ที่หน้าตำหนักหลักกลางอารามพอดี พวกเขาโค้งกายคารวะกัน ธงดาราขนาดยักษ์กลางตำหนักอารามเขาเมฆายืดขยายเข้าไปด้านในแล้ว
“มองอะไร เตาไฟจะมอดแล้ว!”
นักพรตชิงซงตำหนิเสียงหนึ่ง ดึงสติของฉีเหวินกลับมา
“อ้อๆๆ ไปเดี๋ยวนี้ๆ!”
ฉีเหวินรีบโยนหญ้าแห้งเข้าไปในเตา หลังจากไฟโหมแล้วค่อยวางฟืนลงไป
เมื่อจุดไฟติดแล้ว ตอนที่มองไปทางตำหนักใหญ่อีกครั้ง จี้หยวนและท่านปู่ฉินต่างฝ่ายต่างนั่งตากแดดที่ม้านั่งแล้ว
พูดแล้วก็แปลกเหมือนกัน ฉีเหวินเห็นว่าท่านปู่ฉินอายุมากแล้วแท้ๆ แต่ท่านจี้นั่งอยู่ข้างกายเขากลับไม่ให้ความรู้สึกว่าเป็น ‘ชายหนุ่ม’ กับผู้อาวุโสเสียเลย
จี้หยวนและฉินจื่อโจวเหมือนชายชราสองคนนั่งอาบแดดอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก พวกเขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของอารามเขาเมฆาและนักพรตฉีเหวินฉีเซวียนสองคน
“แต่ก็ยังบางอยู่นิดหน่อย แค่นักพรตชิงซงและชิงยวนสองคน รวมข้าแล้วยังนับไม่ครบนิ้วเลย…”
ฉินจื่อโจวพูดเช่นนั้น จี้หยวนยิ้มและมองกำแพงลานที่อยู่ข้างห้องครัวของอารามเต๋าไกลๆ
“นับด้วยฝ่ามือเดียวไม่พอกระมัง!”
ฉินจื่อโจวชะงัก มองตามสายตาจี้หยวนไป พบว่าบนกำแพงลานที่อยู่ไกลออกไปมีเตียวสีเทาสองตัวกำลังยื่นหน้ายืดคอไปทางห้องครัว ชัดเจนว่าถูกกลิ่นหอมอลอวลในห้องครัวล่อลวงเสียแล้ว
“ฮ่าๆ ได้ ครบห้านิ้วแล้ว ดียิ่ง!”
จี้หยวนยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นก็มีพู่กันขนหมาป่าลอยออกมาจากในแขนเสื้อ ตกลงสู่กลางฝ่ามือเขา
จากนั้นเขาเงยหน้ามองธงดาราพื้นสีดำมีลายสีเงินและทองกลางอาราม
“เดิมอยากอยู่นานหน่อย แต่อายุขัยมนุษย์มีจำกัด ฉีเซวียนอายุไม่น้อยแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคนแซ่จี้ก็ไม่ขี้เหนียวแล้ว!”
จี้หยวนก้าวเข้าสู่ตำหนักหลักอารามเขาเมฆา ฉินจื่อโจวตามหลังไปติดๆ เห็นจี้หยวนถือพู่กันสะบัดมือไปทางซ้ายและขวา ปลายพู่กันปกคลุมไปด้วยแสงสีเหลืองลึกลับขั้นหนึ่ง
“เดิมทีธงดาราผืนนี้พิเศษอยู่บ้าง กอปรกับหลายปีนี้ท่านฉินฝึกปราณ นับว่าเปิดประตูแล้ว เหมือนกับวาดมังกรเติมตา ข้าคนแซ่จี้ก็จะวาดธงเติมดาราแล้วกัน”
จี้หยวนพูดพลางลอยขึ้นบนอากาศอย่างช้างๆ ร่างกายลอยคว้างอยู่ตรงหน้าธงดารา พู่กันแรกแต้มลงไป ธงดาราที่แต่เดิมยับอยู่เล็กน้อยเหมือนกับกลายเป็นแผ่นเหล็กบราบเรียบชิ้นหนึ่ง
ทันใดนั้นพู่กันขนหมาป่าสะบัดตาม ลงพู่กันบนธงดาราอย่างรวดเร็ว
ฟึบๆๆๆ…
แสงสีเงินตัดสลับทองหลายสายวาบผ่านตรงหน้าธงดารา ดึงดูดให้ฉีเซวียนฉีเหวินสองอาจารย์ศิษย์ที่กำลังยุ่งอยู่ในห้องครัวมองมา และทำให้เตียวสองตัวบนกำแพงลานจ้องตาไม่กะพริบ