เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 384 บทเรียนเก้าอักษร มุ่งหน้าสู่ต้าเหลียง
ตอนที่ 384 บทเรียนเก้าอักษร มุ่งหน้าสู่ต้าเหลียง
เมื่อจัดวางแท่นฝนหมึกเรียบร้อย รวบรวมสมาธิสร้างน้ำใสสะอาดแล้ว จี้หยวนลงมือฝนหมึกด้วยตนเอง
แท่งหมึกดีไม่เพียงงดงามและมีกลิ่นหอม ณ วินาทีนี้ไม่ธรรมดาเช่นกัน สัมผัสที่มือยามฝนหมึกนุ่มนวลมาก หมึกที่ออกมาเสมอกันเป็นอย่างยิ่ง น้ำในแท่นฝนหมึกแทบจะเปื้อนสีดำในพริบตาเดียว
ตัวอักษรบนเทียบเจตกระบี่ล้วนกึ่งลุกขึ้นยืน แต่ละตัวมองไปทางแท่นฝนหมึก
การฝนหมึกมาพร้อมด้วยความรู้สึกของพิธีการอันเรียบง่าย ทำให้ในใจจี้หยวนยิ่งสงบมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจถึงขนาดส่งผลกระทบถึงลมปราณรอบกายจี้หยวน ทำให้ตัวอักษรที่เดิมที่เต้นเร่านิ่งเงียบอย่างน่าประหลาด
น้ำหมึกที่ฝนออกมาบนแท่นเหมือนกับน้ำแร่สีดำ ไม่เพียงทอประกาย ยังส่งกลิ่นหมึกจางๆ ด้วย ละเอียดอ่อนจนไม่มีตำหนิแม้แต่นิดเดียว
จากนั้นจี้หยวนหยิบพู่กัน ถกแขนเสื้อ จุ่มหมึก…ระหว่างนี้เทียบเจตกระบี่ไถลมาถึงบนโต๊ะตรงหน้าจี้หยวนด้วยตนเองแล้ว
ผู้ดูแลศาลไม่ใช่คนชอบงานเขียน จึงไม่มีโต๊ะหนังสืออยู่ในเรือนเลย จะมีก็แต่โต๊ะกลมขนาดเล็กตัวหนึ่ง แต่วินาทีนี้ความหรูหราของโต๊ะกลมกลับไม่ได้ด้อยไปกว่าโต๊ะไม้หอมเลย
“เทียบเจตกระบี่กลายเป็นตำราเพราะจั่วหลี รักษาเจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์จนถึงขีดสุด ทำให้พวกเขาเกิดพรสวรรค์ไม่ธรรมดา แต่ถึงอย่างไรเสียจั่วหลีก็ไม่ใช่เซียนกระบี่จริงๆ ถ้อยคำสัมผัสหนักแน่น มีพลังอันแข็งแกร่ง มีความหลากหลายน้อยลงและมีจิตวิญญาณมากขึ้น…”
จี้หยวนยกพู่กัน ปลายพู่กันค้างอยู่เหนือเทียบเจตกระบี่ห้าชุ่น จากนั่งมองตัวอักษรที่สงบนิ่งแล้วกล่าว
“ตัวอักษรเป็นการแสดงออกมรรคอย่างหนึ่ง ภาพวาดเหล็กและตะขอเงินต่างมอบความชุ่มชื้นให้กับจิตวิญญาณ ข้าฝนหมึกให้พวกเจ้า อย่าเอาแต่กินหมึกท่าเดียว จำต้องใคร่ครวญเจตจำนงยามข้าลงพู่กัน ข้าจะใช้การเปลี่ยนแปลงของตัวอักษรเก้าชนิดฝนหมึกให้พวกเจ้าในเวลาที่เหมาะสม วันนี้เป็นชนิดแรก หากใครเหม่อลอยไม่ยอมสังเกต ข้าไม่มีทางทำให้เจ้าเพียงลำพังอีกครั้ง เข้าใจหรือไม่”
บนเทียบอักษรเงียบกริบ แต่จี้หยวนรู้ว่าไม่ใช่พวกมันไม่เข้าใจ และไม่ใช่ว่าเหม่อลอยไม่ได้ฟัง ตรงกันข้าม ตัวอักษรตัวน้อยเหล่านี้จริงจังมากทั้งสิ้น
เขาพยักหน้า ในที่สุดก็จรดพู่กันหางหมาป่าลง แตะลงบนตัวอักษร ‘ข้า’
(ข้าชอบอาวุธมาตั้งแต่เด็ก หลงใหลกระบี่โดยเฉาะ ได้กระบี่ไม้ตอนอายุหกปี…)
อารมณ์ของเทียบเจตกระบี่เปลี่ยนแปลงตามชีวิตของจั่วหลี เริ่มต้นด้วยจิตวิญญาณสู่ความชราในบั้นปลาย จากความตื่นเต้นกระวนกระวายเมื่อเข้าสู่ยุทธภพจนกระทั่งกลายเป็นความอ้างว้างเพราะไร้คู่ต่อสู้ แต่จี้หยวนฝนหมึกเขียนตัวอักษร ย่อมพยายามลบล้างอารมณ์ของจั่วหลีให้ได้มากที่สุด แล้วแสดงความมีชีวิตชีวาของตัวอักษรออกมา
เขียนตำราเล่มหนึ่งใช้เวลาไปทั้งหมดหนึ่งชั่วยามกว่า ความจริงแล้วเวลาที่ใช้เขียนตำราทั้งหมดไม่ถึงครึ่งเค่อ แต่เวลาที่เสียไปหลักๆ อยู่กับการฝนหมึก
เมื่อเขียนจบหนึ่งรอบ ใช้แท่งหมึกไปสิบแท่งพอดี อีกทั้งตอนฝนหมึกจี้หยวนใช้พลังและปราณโลกาสวรรค์ จึงยิ่งสิ้นเปลืองจิตวิญญาณไปไม่น้อย
ทว่าผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ทั้งเทียบเจตกระบี่ตอนนี้มีรอยหมึกชัดเจนเป็นประกาย ตัวอักษรทุกคนเหมือนกับผู้ฝึกปราณที่กำลังนั่งสมาธิท่ามกลางแสงปกคลุมอย่างสงบ เวลาเนิ่นนานผ่านไปรอยหมึกค่อยๆ แห้งแล้ว แต่แสงยังคงไม่จางไป
“ไม่เลว ไม่เสียแรงที่เป็นจิตวิญญาณตัวอักษร!”
จี้หยวนกล่าวชมจากใจจริง ดีใจกับเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ และยิ่งรู้ชัดถึงความพิเศษและอัศจรรย์ของพวกมัน
ในบรรดาตัวอักษรร้อยสิบตัวไม่ขาดตัวที่ซ้ำกัน แต่ถึงเป็นตัวอักษรที่ดูซ้ำกันสองตัว ความจริงจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ภายในคล้ายจะแตกต่างกัน
แม้มีตัวอักษรเพียงร้อยสิบตัว ทว่าแต่ไหนแต่ไรจี้หยวนไม่ใช่คนโลภ ได้ตัวอักษรร้อยสิบตัวมาก็ถือเป็นโชคดีมากแล้ว
และถึงตัวอักษรเหล่านี้รวมตัวกันเป็นเทียบเจตกระบี่ กระนั้นจี้หยวนเชื่อว่ามีเขาคอยช่วยฝนหมึก ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพวกมัน การเปลี่ยนแปลงก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ถึงตอนนั้นแล้วการที่ตัวอักษรรวมกลุ่มกันยิ่งมีความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน
เขาวางพู่กันหางหมาป่าไว้บนแท่น จี้หยวนบิดขี้เกียจเล็กน้อย จากนั้นสงบจิตใจฝึกปราณอยู่ข้างๆ
…
แม้ศาลเจ้าที่หลี่น่งเซียนมีคนมาจุดกำยานอยู่เสมอ แต่สำหรับจี้หยวนแล้วนับว่าสงบเงียบทีเดียว อยู่ที่นี่ได้สามวันแล้ว นอกจากวันแรกที่ช่วยตัวอักษรทั้งหลายเขียนตำราและฝนหมึก สองวันหลังจากนั้นค่อนข้างน่าพอใจ ส่วนใหญ่เขาออกไปเดินเที่ยวเล่นในอำเภอโม่หยวน
ในฐานะที่เป็นสถานที่ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตหมึก ในเมื่อมาแล้ว จี้หยวนจะไม่เที่ยวชมสักหน่อยได้อย่างไร เพื่อทำความเข้าใจขั้นตอนการผลิตหมึกดี ฟังประวัติศาสตร์การผลิตหมึกของอำเภอโม่หยวน ไปจนถึงวัฒนธรรมอันโดดเด่นต่างๆ
ระหว่างนั้นเจ้าที่หลี่น่งเซียงแบ่งหมึกดีมาให้จี้หยวนหลายต่อหลายครั้ง มีทั้งหมึกควันไม้ชี หมึกควันไม้สน หมึกควันน้ำมัน รวมถึงหมึกชนิดอื่นๆ
ส่วนเย็นวันที่สาม ผู้ดูแลและคนงานของศาลเจ้าที่พักผ่อนแล้ว ประตูเรือนของจี้หยวนถูกเคาะเบาๆ
ก๊อกๆๆ…
จี้หยวนกำลังใช้วิธียกพู่กันเขียนอนุมานเคล็ดวิชาฝึกปราณของวิชาอัศจรรย์ฟ้าดิน เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็รู้ว่าข้างนอกเป็นใคร เขาเพียงเอ่ยเสียงเรียบว่าเข้ามา จากนั้นไม่ได้สนใจอะไรอีก สะบัดพู่กันเขียนตัวอักษรต่อไป
เจ้าที่ประคองกล่องขนาดเล็กไว้ที่มือหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งจับไม้เท้าดันประตู เห็นจี้หยวนกำลังเขียนหนังสือจึงลดเสียงลงหลายส่วน เมื่อปิดประตูอย่างระมัดระวังแล้ว ถึงเดินไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบาแล้วกล่าวเสียงทุ้ม
“แหะๆ ท่านจี้ ข้าพบของดีสุดยอดแล้ว นำมามอบให้ท่านโดยเฉพาะ!”
หลายวันมานี้เจ้าที่พบหมึกดีไม่น้อยเลยจริงๆ แต่ในใจกลับยังคงรู้สึกไม่พอใจ เพราะหมึกเหล่านี้ไม่คู่ควรกับเหรียญทิพย์พวงนั้นโดยสิ้นเชิง
แต่ในที่สุดวันนี้ก็นับว่าพอใจบ้างแล้ว กล่องในมือเขายังไม่อาจเทียบมูลค่าของเหรียญทิพย์ได้ดังเดิม แต่เขาเห็นว่าเป็นสุดยอดหมึกในยุคนี้แล้ว มีน้ำหนักมากกว่าหมึกอื่นๆ ก่อนหน้านี้เล็กน้อย
“ท่านจี้เชิญดู!”
เจ้าที่เดินไปที่หน้าโต๊ะ เปิดกล่องอย่างทะนุถนอม
ตอนนี้จี้หยวนอนุมานพลาดไปก้าวหนึ่งพอดี ความหมายที่สอดคล้องและเป็นธรรมชาติของวิชามหัศจรรย์นี้สับสน เขาถือโอกาสนี้หยุดขยับพู่กันแล้วหันไปก้มหน้ามองในกล่องของเจ้าที่ เห็นแท่งหมึกสิบกว่าแท่งวางซ้อนกันเอาไว้ ลวดลายเหมือนกับทองแท่ง
“นี่คืออะไร”
“ฮ่าๆ ท่านจี้น่าจะยังไม่รู้ นี่คือหมึกทองหอมที่หาได้ยากยิ่ง แทบจะหาไม่ได้ในตลาดทั่วไปโดยสิ้นเชิง ต่อให้เป็นคนมีเงินมีอำนาจมีบารมีก็มักจะไม่ได้มาครอบครอง ถึงขนาดไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
“ที่แท้เป็นหมึกทองหอมนี่เอง!”
คำพูดประหลาดใจหลุดออกจากปากจี้หยวน สองวันนี้เขาเที่ยวเล่นในอำเภอโม่หยวน ได้ยินชื่อหมึกทองหอมจากปากช่างทำหมึกชราอายุขัยเหลือน้อยคนหนึ่ง
อีกฝ่ายเล่าว่าหมึกชนิดนี้ทำยากยิ่ง ขั้นตอนซับซ้อนมาก เหมือนกับเซียนกระบี่สร้างกระบี่อันวิจิตร ในระหว่างขั้นตอนการผลิตหมึก จาระบีของหมึกจะถูกฝังและกดทับทีละชั้นเพื่อสร้างเป็นวงกลมที่มีเส้นสีทองบางเฉียบเท่ากับปีกจั๊กจั่น
“หมึกมีกลิ่นหอม ไขมันหมึกเข้มข้น ละลายแล้วเป็นน้ำ ติดพู่กันแล้วเหนียวขึ้น เมื่อเขียนบนกระดาษจะแห้งทันที!”
ได้ยินจี้หยวนกล่างทางมรรคเช่นนี้ เจ้าที่ยิ่งเบิกบานใจ ยิ่งท่านจี้รู้จักก็ยิ่งดี
“สมกับที่เป็นท่านจี้ รู้จักลึกซึ้ง! ถูกต้อง นี่ก็คือหมึกทองหอม อาจกล่าวว่ามันทำด้วยจิตใจของช่างหมึก ท่านจี้ชอบหรือไม่”
“ชอบ แน่นอนว่าชอบ ขอบคุณเจ้าที่ที่ตามหาหมึกทองหอมนี้ให้ข้า ขอบคุณมาก!”
จี้หยวนประสานมือกล่าวขอบคุณ ได้แท่งหมึกทองหอมสิบกว่าแท่งนี้มาย่อมดียิ่ง จากนั้นเขาจะฝนหมึกเขียนตัวอักษรให้ตัวอักษรตัวน้อยเหล่านั้นเป็นครั้งที่เก้า ได้ใช้งานพอดี อีกทั้งได้เพิ่มมาอีกหลายแท่งด้วย
เมื่อได้หมึกเหล่านี้แล้ว จี้หยวนไม่คิดได้คืบเอาศอก บอกกล่าวเจ้าที่ทันทีว่าหมึกเท่านี้เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องหามาอีก และบอกว่าตนเองจะจากที่นี่ไปแล้ว
นี่ทำให้เจ้าที่ถอนใจโล่งอก แต่นับว่าเสียกิริยาอยู่บ้าง
ท่านนี้เป็นผู้ฝึกเซียนอัศจรรย์ที่มีมรรควิถีสูงล้ำอย่างแน่นอน หากได้มาพำนักที่ศาลเจ้าที่เป็นประจำ ตนเองอาจมีโอกาสครั้งใหญ่ เรื่องพรรค์นี้ใช้ว่าบังคับกันได้ กระนั้นครั้งนี้ถือว่ามีวาสนาแล้ว
เมื่อเจ้าที่ไปแล้ว จี้หยวนหยิบหมึกออกมาวางลงบนโต๊ะทั้งหมด รวมถึงหมึกทองหอมด้วยเช่นกัน รวมกันทั้งหมดแล้วมีสี่สิบกล่องใหญ่และอีกหนึ่งกล่องเล็ก
หมึกคุณภาพสูงเหล่านี้ล้วนมาจากความทุ่มเทของปรมาจารย์ผู้ผลิตหมึกมานานปี การกำเนิดของหมึกคุณภาพเช่นนี้ทุกแท่งล้วนต้องสิ้นเปลืองทั้งเวลา แรงกาย และแรงใจ โดยเฉพาะหมึกทองหอม เรียกได้ว่าหมึกแต่ละแท่งล้วนเป็นหนึ่งเดียวในโลก โดดเด่นท่ามกลางหมึกแท้ในกล่องเดียวกัน
หมึกดีมากมายหลายกล่องวางอยู่บนโต๊ะ ต่อให้เป็นจี้หยวนก็มีความรู้สึกว่าตอนนี้ข้าคนแซ่จี้เป็นคนร่ำรวยแล้ว
วันต่อมา จี้หยวนตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อบอกลาผู้ดูแลศาลแล้วก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือไป
ขณะมองเงาหลังของจี้หยวนจากไปไกล ผู้ดูแลศาลไม่มีความรู้สึกโล่งใจแต่อย่างใด พูดตามตรงว่าทีแรกเขาเครียดเกร็ง ต้อนรับอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง แต่ท่านจี้ผู้นี้เหมือนกับแสงอาทิตย์อันอบอุ่นในฤดูหนาว มีอารมณ์ขันและมีความรู้มาก เมื่อได้พูดคุยกันแล้วมีแต่จะสบายใจขึ้น ไหนเลยจะมีความกดดันอะไร
แม้เป็นเวลาเพียงสามวันสั้นๆ แต่ตอนนี้ท่านจี้ไปแล้ว ผู้ดูแลศาลและคนงานสองคนอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง เพียงบอกจี้หยวนว่าหากเขาผ่านมาอีกครั้ง ยังหวังให้เขาพำนักที่ศาลอีก
ตอนนอนกลางวันในวันนี้ ผู้ดูแลศาลถูกเจ้าที่เข้าฝันอีกแล้ว และได้รับคำชมจากเจ้าที่ยกใหญ่
ส่วนจี้หยวน ครั้งนี้แน่นอนว่าเขามุ่งหน้าไปทางวัดต้าเหลียง เดิมทีครั้งนี้ไม่ได้ต้องการพบภิกษุฮุ่ยถงให้ได้ แต่ก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องน่าสนใจบนโต๊ะอาหาร จี้หยวนอยากไปดูสักหน่อยว่าภิกษุรูปนี้ยังเขินอายเช่นนั้นหรือไม่
ภายใต้สถานการณ์ที่ไร้อันตรายมากดดัน จี้หยวนเป็นคนมีรสนิยมแย่ๆ อยู่บ้างในบางระดับ อย่างไรเสียกว่าจะถึงงานชุมนุมเซียนพเนจรก็อีกตั้งหลายปี ไปวัดต้าเหลียงสักหน่อยค่อยไปเขาล้อมหยกก็ยังไม่สาย
…
ถึงแม้จี้หยวนไม่ได้ตั้งใจใช้วิชาเหาะเหินเร่งเดินทาง ทว่าเดินทางผ่านถิงเหลียงอย่างช้าๆ ด้วยเจตจำนงของมังกรเหิน เมื่อไม่ได้หยุดพักเลย ครึ่งเดือนให้หลังก็ถึงจังหวัดถงชิวที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอาณาจักรถิงเหลียงแล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่วัดต้าเหลียงตั้งอยู่
เป็นเช่นที่หลิวหยวนไว่พูด อาณาจักรถิงเหลียงดีกว่าอาณาจักรจู่เยวี่ยไม่น้อย กระนั้นเทียบกับต้าเจินไม่ได้จริงๆ ตลอดทางมาหลายสถานที่ไม่นับว่าหรูหรา ถึงชาวบ้านกินอิ่มมีเสื้อผ้าสวมใส่อบอุ่น แต่แทบจะไม่มีเงินออมเลย เมื่อมีภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้น ย่อมยากที่จะได้รับการช่วยเหลือในสภาพสังคมแบบนี้
ทว่าเพราะจังหวัดถงชิวเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรถิงเหลียงจึงเป็นสถานที่ที่รุ่งเรือง จังหวัดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนั้น ชาวบ้านมีรอยยิ้มอยู่มากมายทีเดียว
ปลายเดือนเก้า ด้านนอกวัดต้าเหลียง จี้หยวนตามผู้มีศรัทธาคนอื่นเดินไปตามถนนซึ่งมุ่งสู่วัดต้าเหลียง
พื้นดินที่นี่ปูด้วยหินสีดำ กว้างขวางถึงขนาดรถม้าสี่คันวิ่งพร้อมกัน นอกจากคนเดินเท้าและรถม้าแล้ว ยังมีคนเข็นรถเข็น คนขายธูปเทียนและข้าวของต่างๆ มีคนแบกท่อนไม้เสียบถังหูลู่คอยเรียกลูกค้า เป็นภาพที่คึกคักมาก
เสียงหัวเราะของผู้มีศรัทธาดังก้องอยู่ในหูจี้หยวน ได้ยินเสียงกล่าวถึงไต้ซือฮุ่ยถงอยู่เรื่องๆ เสียงเสนาะหูทีเดียว น่าจะมาจากหญิงสาว
แก๊ง…แก๊ง…แก๊ง…
เสียงระฆังวัดต้าเหลียงดังมาแต่ไกล พระพุทธรูปขนาดใหญ่ปรากฏแก่สายตาอยู่รางๆ
………………………………..