เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 405 เจ้านกกระดาษน้อย
ตอนที่ 405 เจ้านกกระดาษน้อย
จูเฉิงที่อยู่จวนตระกูลจูยังกังวลเพราะบิดาตนขึ้งโกรธ กลัวว่าตนทำให้บิดาเสียเรื่องใหญ่ ผลคือเมื่อจูเหยียนซวี่กลับมา ทั้งตระกูลจูพบว่าตาเฒ่าปลอดโปร่งโล่งใจอารมณ์ดียิ่ง แม้แต่คำพูดยังอ่อนโยนกว่าปกติเล็กน้อย
ฝั่งเรือนสันติ รอจูเหวียนซวี่จากไปจนไม่เห็นเงา จี้หยวนค่อยกลับเข้าเรือน จากนั้นกลางลานระเบิดเสียงเซ็งแซ่แผ่วเบา
“ฮู่… ในที่สุดก็ไปแล้ว!”
“ใช่ๆ คนผู้นี้อ้อยอิ่งจริง!”
“ไม่ผิด อยู่นานจนตะวันลับเหลี่ยมเขาแล้ว!”
“ตาแก่ผู้มาโดยไม่ได้รับเชิญ!”
“โอ๊ย ข้าแทบขาดใจตาย!”
“ข้าก็แทบขาดใจตาย!”
“เจ้าอึดอัดไม่เท่าข้าหรอก”
“เหลวไหล ข้าอึดอัดกว่า!”
“เขานำขนมอะไรมา”
“ขนมของหอนอกศาล แบบที่นายท่านชอบที่สุด”
“อ้อๆ มีน้ำใจนัก!”
“เป็นขุนนางอย่างไรเล่า”
“สุราสลักบุปผา มีสุราสลักบุปผาด้วย!”
“สุราสลักบุปผานับเป็นอะไร ดีกว่าสุราภายในกาพันกระบวยของนายท่านหรือ”
…
เสียงเจื้อยแจ้วเหล่านี้ล้วนดังออกมาจากต้นพุทรา ด้วยการมาเยือนของจูเหยียนซวี่ทำให้พวกอักษรจิ๋วอึดอัดไม่ได้พูดตลอดทั้งครึ่งบ่าย
จี้หยวนคลึงหน้าผากเล็กน้อย ไม่ได้ตำหนิพวกมัน เขาเดินเข้าลานมาชื่นชมผลงานช่วงบ่ายของตน
รอยหมึกสี่อักษรนี้แห้งนานแล้ว คนทั่วไปเห็นครั้งแรกคงรู้สึกว่าอักษรดี แม้แต่ผู้เข้าใจอักษรอย่างแท้จริงยังตกตะลึง ความจริงต่อให้ยืนดูละเอียดก็มองอะไรไม่ออก ด้วยแม้อักษรสี่ตัวนี้มีวิชาซ่อนอยู่ แต่ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ลุ่มลึกไม่เด่นชัด
เพียงแต่ว่าแผ่นป้ายนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาจริงๆ ปัจจุบันเขาบรรลุส่วนสำคัญครึ่งแรกของวิชาอัศจรรย์ฟ้าดินแล้ว การฝึกปราณของจี้หยวนมีแนวโน้มว่าจะสำเร็จโดยปริยาย ช่วงนี้สังเกตอักษรจิ๋วจนถือว่าได้รับประโยชน์จากตัวอักษรไม่น้อย
ดังนั้นแม้ว่าอักษรสี่ตัวนี้ไม่ใช่อักษรประกาศิต ทั้งไม่ใช่บัญชาเปี่ยมพลัง แต่สิ่งที่แสดงออกมาไม่ใช่แค่ชื่อของเรือนเล็ก ยังมีนัยแฝงของมันด้วย
จี้หยวนถือแผ่นป้ายกลับไปตรงประตูเรือนเล็กอีกครั้ง ประคองส่งป้ายขึ้นไปด้วยมือเดียว แผ่นไม้ลอยขึ้นไปด้วยตัวเอง แขวนตรงตำแหน่งเดิมพอดิบพอดี
“ไม่เลว เปลี่ยนโฉมใหม่!”
เขายิ้มกล่าวประโยคหนึ่ง เดินเข้าลานปิดประตูเรือน จากนั้นค่อยนั่งตรงโต๊ะหินหยิบจดหมายกองนั้นออกมาเริ่มอ่าน
บรรดาจดหมายพวกนี้มีสองฉบับเป็นของภิกษุฮุ่ยถงดังคาด ลู่เฉิงเฟิงหนึ่งฉบับ ตู้เหิงมีสามฉบับ คนตระกูลอิ๋นมากสุด มีถึงยี่สิบสามสิบฉบับ
เนื้อหาจดหมายของภิกษุฮุ่ยถง ตอนอยู่วัดต้าเหลียงจี้หยวนทราบแล้ว จี้หยวนกวาดตามองก่อนวางลงด้านข้าง
จดหมายที่เหลือจี้หยวนเปิดอ่านทีละฉบับ เนื้อหาที่กล่าวถึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มีประสบการณ์มีขอความกระจ่าง ส่วนใหญ่คือเรื่องเบ็ดเตล็ด ยามอ่านจดหมายเขาเผยรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้
แน่นอนว่าจดหมายไม่อาจเขียนเล่าเรื่องทุกอย่างในชีวิตลงไป แต่ยามอ่านจดหมายพวกนี้ จี้หยวนรู้สึกเหมือนรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหลายปีมานี้ เป็นพยานการเติบโตของบุตรชายทั้งสองแห่งตระกูลอิ๋น
…
บนท้องฟ้าเหนือเขาหยกเขียวซึ่งห่างไปเกือบพันลี้ นกกระดาษตัวหนึ่งขี่ลมลอยมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ความเร็วในการกระพือปีกของนกกระดาษสร้างเสี้ยวเงาเป็นระลอก ความเร็วการบินบรรลุถึงจุดสูงสุดของการเป็นนกกระเรียนตอนนี้แล้ว
เมื่อมาถึงท้องฟ้าบางแห่งเหนือเขาหยกเขียวซึ่งหมอกหนาล้อมรอบ ความเร็วของนกกระดาษตัวน้อยค่อยผ่อนช้าลง ความถี่ของการกระพือปีกเปลี่ยนเป็นปกติเช่นกัน
มันลอยอยู่บนฟ้าสูง มองลงมาเบื้องล่าง ขอบเขตส่วนใหญ่เกือบขาวโพลนทั้งแถบ แต่นกกระดาษตัวน้อยที่เคยมาครั้งหนึ่งรู้ว่าด้านล่างคือทางเข้าค่ายกลมายาของแดนปราชญ์ล้อมหยก
เมื่อลงไปถึงความสูงระดับหนึ่ง หลังจากบินอ้อมหมอกหนาสองสามรอบ นกกระดาษไม่พุ่งเข้าศูนย์กลางหมอกมายา แต่อ้อมมาตรงขอบบางแห่ง พุ่งเข้ากลางหมอกเบื้องล่าง คล้ายมุดศีรษะเข้าสายไหมขนาดใหญ่
แตกต่างจากชาวเขาทั่วไปซึ่งหลงทางง่าย วงจรการบินของนกกระดาษชัดเจนยิ่ง อ้อมไปอ้อมมาเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เดี๋ยวอ้อมตรงเดี๋ยววนย้อน สรุปคือไม่บินเป็นทางตรง ค่ายกลมายาของเขาล้อมหยกเหมือนว่างเปล่าเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน อย่างน้อยความสามารถในการทำให้สับสนก็กลับกลายเป็นเช่นนี้
หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม นกกระดาษน้อยพุ่งตัวออกจากจุดหนาแน่นของหมอกมายา เข้าสู่สถานที่ซึ่งหมอกค่อนข้างบางเบา
นกกระดาษโรยตัวลงบนหินก้อนใหญ่ หมุนตัวเงยหน้ามองฟ้าสูงโดยรอบ ไม่เห็นว่ามีอะไร ก่อนก้มหน้ามองโดยรอบ สุดท้ายค่อยก้มศีรษะกระดาษลงต่ำ มองหินก้อนใหญ่ล่างตัว
กึก… กึกๆๆ… กึกๆๆๆๆ…
เสียงกังวานสลับเสียดหูดังมาจากหุบเขา บ้างเสียงเบา บ้างเสียงดัง เปี่ยมจังหวะเป็นช่วงๆ
กี้… กี้…
บนฟ้ามีเสียงนกกระเรียนดังมา เสียงดังตรงขอบฟ้าเล็กน้อยก่อนห่างออกไป
กึก… กึกๆ… กึกๆๆ…
เสียงประหลาดนี้ยังดังต่อเนื่องไม่หยุด
ผ่านไปไม่นานมีหญิงสาวอ่อนโยนสวมชุดขนนกคนหนึ่งเดินตัดผ่านหมอกมา สอดส่องสายตามองมาทางนี้แต่ไกล หลังจากมองหารอบทิศสักพัก สุดท้ายค่อยพบว่าบนหินยักษ์ก้อนหนึ่งมีนกกระดาษตัวเล็กจ้อยกำลังจิกก้อนหินนั้นไม่หยุด ทั้งเจาะจนเป็นหลุมตื้นลึกเท่าเล็บมือ
“นกกระดาษหรือ”
กระเรียนเซียนนี้คือคนรู้จักตระกูลเว่ยเมื่อตอนนั้นนั่นเอง แม้ว่าเวลาเปลี่ยนเวรกระเรียนเซียนเฝ้าภูเขาใกล้มาถึงแล้ว แต่ตอนนี้ยังคงเป็นเวรนาง
ท่าทางนกกระดาษตัวนี้แม่นางกระเรียนไม่รู้สึกว่าแปลก ถึงแม้ไม่รู้ว่าใช่ตัวเดียวกันหรือไม่ แต่น่าจะเป็นนกกระดาษซึ่งสร้างจากวิชาอัศจรรย์ของผู้สูงส่งมากอภินิหารร้ายกาจท่านหนึ่ง นกกระดาษตัวนี้จึงสื่อถึงความไม่ธรรมดา
เมื่อเห็นชัดว่าเป็นนกกระดาษ แม่นางกระเรียนไม่กล้าละเลย รีบปรากฏตัวออกมา ไม่กี่ก้าวก็เดินมาใกล้หินก้อนใหญ่ เมื่อเห็นแม่นางกระเรียนเดินมา นกกระดาษหยุดการกระทำ เงยหน้ามองมาทางนาง
แม่นางกระเรียนประสานมือให้นกกระดาษก่อนเอ่ยถาม
“ขอถามว่าเจ้าเดินทางมาเขาล้อมหยกโดยเฉพาะหรือ”
นกกระดาษพยักหน้า กระพือปีกบินขึ้นมา โรยตัวลงบนบ่าแม่นางกระเรียน หันหน้ามองนางคราหนึ่งแล้วไม่ขยับอีก แม่นางกระเรียนคาดเดาว่าคงอยากให้นางพามันไปแดนปราชญ์ล้อมหยก
แม่นางกระเรียนตรวจสอบเล็กน้อย ไม่พบว่าบนตัวนกกระดาษมีปราณมารอะไร นางเหินฟ้าพานกกระดาษทะลวงผ่านค่ายกลเขาล้อมหยก มุ่งหน้าไปแดนปราชญ์ล้อมหยก
เรื่องจี้หยวนส่งนกกระดาษมาบอกข่าว ไม่นานก็แพร่สะพัดเข้าหูเซียนอาวุโสคนปัจจุบันซึ่งเฝ้าคุ้มกันหอเมฆาสงบอยู่ ทั้งบอกให้แม่นางกระเรียนพานกกระดาษมาชั้นบนสุดของหอเมฆาสงบ
ผ่านไปครู่หนึ่งบนหอเมฆาสงบไม่เพียงแต่มีเซียนอาวุโสสองคนเฝ้าคุ้มกัน ยังมีเหล่าผู้ฝึกปราณรวมถึงพวกฉิวเฟิงด้วย ส่วนนกกระดาษอยู่กลางฝ่ามือเซียนอาวุโสเริ่น
นกกระดาษมองผู้ฝึกเซียนสวมชุดแขนกว้างซึ่งนั่งขัดสมาธิอย่างสงบคนนี้ เศษเสี้ยวความทรงจำช่วงหนึ่งวาบผ่านมา คล้ายว่าคนผู้นี้เคยคิดใช้ไฟเผามันมาก่อน
“ความหมายของท่านจี้ข้าเข้าใจแล้ว ตอนนี้จะบอกให้พวกเจ้าฟัง ตามที่นกกระดาษตัวนี้… เอ่อ…”
เซียนอาวุโสเริ่นพูดถึงครึ่งทาง เขารู้สึกเหมือนนกกระดาษตัวนี้จ้องตนด้วยสายตาประหลาด แม้เห็นชัดว่านกกระดาษตัวนี้ไม่มีแม้แต่ดวงตา เขาขมวดคิ้วก่อนกล่าวต่อ
“ตามที่เจ้านกกระดาษน้อยนี้สื่อจิต อีกสักระยะท่านจี้จะมาเยี่ยมเขาล้อมหยก นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านจี้มาเยือนแดนปราชญ์ล้อมหยกของพวกเรา จำเป็นต้องต้อนรับดีๆ ทั้งดูเหมือนว่าท่านจี้อยากไปงานชุมนุมเซียนเหินบนเขาเก้ายอดของทวีปนิรันดร์แดนเหนือด้วย ตั้งใจมุ่งหน้าไปพร้อมพวกเรา!”
เซียนอาวุโสเริ่นก้มหน้ามองนกกระดาษกลางฝ่ามือตามจิตใต้สำนึก รู้สึกว่าตอนที่เขาเอ่ยว่า ‘เจ้านกกระดาษน้อย’ ความรู้สึกแปลกประหลาดยามนกกระดาษน้อยจ้องตนเขม็งหายไปแล้ว หรือกล่าวว่านุ่มนวลมากขึ้น
เซียนหยางหมิงซึ่งนั่งขัดสมาธิตรงหน้าแทบกล่าวออกมาทันที
“อาจารย์อา แม้ว่าเทียบเชิญงานชุมนุมเซียนพเนจรส่งมาถึงสำนักนานแล้ว แต่พวกเราเขาล้อมหยกไม่เคยไปร่วมงานชุมนุมมาสองรอบแล้ว”
“แต่ท่านจี้อยากไป!”
ผู้ฝึกเซียนคนอื่นสอดปาก
“อืม เพราะท่านจี้อยากไป ข้าคิดว่าครั้งนี้เขาล้อมหยกของพวกเราควรไปด้วย ถึงขั้นคิดว่าเป็นโอกาสที่ไม่เลวครั้งหนึ่ง แม้ว่างานชุมนุมนั้นน่าเบื่อหน่าย แต่สุดท้ายยังมากด้วยสหายร่วมวิถี อาศัยราศีของท่านจี้มาออกหน้าหน่อยก็ดี!”
คำพูดของฉิวเฟิงเหมือนดาษดื่นนัก แต่สอดคล้องกับความคิดในใจหลายคนโดยบังเอิญ
“ศิษย์หลานฉิวพูดไม่ผิด ศิษย์น้องเริ่น เรื่องเมื่อร้อยกว่าปีก่อนเป็นเรื่องของอาจารย์อาจื่ออวี้ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วน่าจะไม่มีปัญหาอะไร มิสู้พวกเราส่งข่าวไปยอดเขาหลอมหยก ขอความเห็นหน่อยเป็นอย่างไร”
เซียนอาวุโสอีกคนที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้น ทำให้ทุกคนพยักหน้า ไม่นานข่าวนี้ก็ส่งต่อถึงยอดเขาหลอมหยกสถานที่เงียบสงบของเขาล้อมหยก
นอกจากเขาล้อมหยกตัดสินใจมุ่งหน้าไปเขาเก้ายอดครั้งนี้แล้ว พวกเขายังคิดว่าในเมื่อท่านจี้กลับมาถึงเรือนสันติ ตามเหตุผลแล้วไม่ควรรอเขามาเยือนถึงหน้าประตูเช่นนี้ เขาล้อมหยกควรมุ่งหน้าไปเยี่ยมเยียนสักหน่อย
หลังจากคิดหน้าคิดหลังเรียบร้อย สุดท้ายภาระนี้ตกเป็นของผู้ฝึกเซียนฉิวเฟิงกับหยางหมิง พวกเขาต่างพาศิษย์คนหนึ่งของตนไปด้วย นั่นคือเว่ยหยวนเซิงกับซ่างอีอี นอกจากนี้จูหยวนจื่อซึ่งพลังปราณล้ำลึกย่อมไปด้วย
นกกระดาษน้อยออกจากเขาล้อมหยกไปก่อนล่วงหน้าก้าวหนึ่งแล้ว กระพือปีกบินไปทางอำเภอหนิงอันอย่างรวดเร็ว พลังที่จี้หยวนเพิ่มเสริมบนตัวยังไม่หมด ตอนนี้มันจึงยังกระพือปีกอย่างว่องไว
ตอนนี้อำเภอหนิงอันดึกสงัดเงียบสงบ เหนือศีรษะหมู่ดาวระยิบระยับ จี้หยวนกินขนมของหอนอกศาล นั่งดื่มสุราสลักบุปผากลางลาน เผยรอยยิ้มขณะรินสุรา
‘กลางวันเจอชาวบ้าน กลางคืนพบเทพผี เรากลับบ้านรอบนี้เหมือนกลับบ้านวันฉลองปีใหม่เมื่อชาติก่อน…’
ยามคิดเช่นนี้ประตูเรือนถูกเคาะแล้ว
ก๊อกๆๆ…
“ท่านจี้ ซ่งซื่อชางมาเยี่ยม สะดวกพบหรือไม่”
ขณะกล่าว เทพหลักเมืองอำเภอหนิงอันนอกประตูเรือนเงยหน้ามองแผ่นป้ายเหนือศีรษะ เห็นชัดว่าเพิ่งเขียนใหม่วันนี้ ตัวอักษรเปี่ยมเสน่ห์ แต่เหมือนเป็นแค่ชื่อ ไม่มีวิชาอัศจรรย์แฝงซ่อน
จี้หยวนรีบเดินมาเปิดประตูเรือนให้เทพหลักเมืองด้วยตัวเอง ทั้งสองฝ่ายประสานมือคารวะกัน
“เทพหลักเมืองสบายดีหรือไม่”
“คารวะท่านจี้!”
“เชิญเข้ามา!”
“ได้!”
จี้หยวนถือโอกาสใช้ของที่จูเหยียนซวี่นำมาก่อนหน้านี้ต้อนรับเทพหลักเมืองพอดี