เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 415 ผู้อวยพรปีใหม่คนพิเศษ
“ท่านจี้ ตะ ตรงนั้นมีเทพผีด้วย…”
หูอวิ๋นกล่าวกับจี้หยวนอย่างระวัง เร่งฝีเท้าพุ่งตัวมาอยู่ตรงหน้าจี้หยวน คล้ายว่าหากมีจี้หยวนยืนอยู่ข้างหลังแล้วเทพผีย่อมมองไม่เห็นเขา
“อืม ข้ารู้แล้ว ไปกันเถอะ”
จี้หยวนแค่กล่าวตอบเช่นนี้ พาหูอวิ๋นก้าวออกจากตรอกศาลเจ้า เดินไปทางถนนสันตินิรันดร์
พวกเทพผีไม่ได้ตาบอดหรือโง่เขลา แม้กลิ่นอายจี้หยวนยากพบเจอ แต่ยมทูตดำลาดตระเวนหน้าประตูเดินไปเดินมา ย่อมมีผู้พบเห็น แค่พิจารณาสถานการณ์แล้วไม่ปรากฏตัวมารบกวนเท่านั้น
แน่นอนว่ารอจนจี้หยวนใกล้จากไป พวกเขาย่อมเผยตัวตนบ้าง กระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่หูอวิ๋นพบเทพผี
จังหวัดจิงจี ถนนใกล้เมืองหลวงมีสามสาย ตรงกลางคือถนนสันตินิรันดร์ สองเส้นซ้ายขวาแบ่งเป็นถนนดำเนินสวรรค์กับถนนเรืองสันติ ด้วยเป็นอัครเสนาบดีเลื่องชื่อทั่วราชสำนักและปวงชน คฤหาสน์ของราชเลขาธิการอิ๋นจ้าวเซียนจึงตั้งอยู่บนถนนเรืองสันติ
จี้หยวนพาหูอวิ๋นเดินมาตลอดทาง เมื่อมาถึงถนนสายนี้ เห็นชัดว่าทั้งซ้ายขวามีจวนใหญ่ประตูสูงเพิ่มขึ้นมามากมาย แต่ตอนนี้ความเร็วการเดินของหูอวิ๋นกลับช้ามาก จี้หยวนเองก็ไม่ได้เดินเร็วนัก
เห็นจิ้งจอกแดงตัวนี้ก้าวเดินด้วยสองเท้า กรงเล็บหนึ่งจับหน้ากาก กรงเล็บหนึ่งดึงขนซ้ายขวารอบตัวตนเองไม่หยุด ถือว่าน่าขันอย่างยิ่ง
แต่หูอวิ๋นกำลังทำงานหลัก มันดึงขนจิ้งจอกแดงบนตัวมาแปะตรงตำแหน่งที่เหมาะสม จากนั้นค่อยติดลงบนหน้ากาก แม้ว่าเดิมมีขนอยู่แต่ถือว่าเป็นหน้ากากจิ้งจอกขนบางตา เส้นขนบนนั้นเริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนแต่เป็นการอุทิศตนตลอดทางของหูอวิ๋น
“ระวัง อย่าทำให้ตนขนร่วงเล่า”
จี้หยวนยิ้มพลางกล่าว หูอวิ๋นเอ่ยตอบโดยไม่เงยหน้า
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ดึงขนจากจุดเดิม ไม่มีทางเหมือนเจ้าภูเขาลู่เมื่อตอนนั้น”
“หึ”
จี้หยวนหัวเราะเล็กน้อย ชิ้นงานบนมือหูอวิ๋นไม่ได้ทำเสร็จในเวลาอันสั้น คาดว่าของขวัญชิ้นนี้คงต้องยืดเวลาให้หน่อย แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกวันเยี่ยมจวนตระกูลอิ๋นใหม่
แม้ว่าไม่เคยถามตำแหน่งของคฤหาสน์แน่ชัด แต่ขอเพียงมองตามแสงขาวจากปราณต้านทานยิ่งใหญ่ตรงขอบฟ้าไป ย่อมไม่ต้องห่วงว่าจะหาที่อยู่ของอิ๋นจ้าวเซียนไม่เจอ
ประมาณบ่ายโมงสี่สิบห้า จี้หยวนกับหูอวิ๋นมาถึงถนนเรืองสันติหน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง จี้หยวนเงยหน้ามองป้ายจวน ตัวอักษรใหญ่มากพอ กอปรกับแซ่เป็นเอกลักษณ์ เขาเห็นชัดเจนว่าเป็น ‘จวนตระกูลอิ๋น’
บนท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์มีแสงขาวรวมตัวรางๆ กลิ่นอายยิ่งใหญ่กวาดความขุ่นมัวโดยรอบ ในต้าเจินผู้มีปราณต้านทานยิ่งใหญ่เช่นนี้มีแค่อิ๋นจ้าวเซียน
หน้าประตูมีผู้คุ้มกันสี่คนถือกระบองยาวตรงเอวพกดาบยืนอยู่ ชัดเจนว่าเห็นจี้หยวนที่ยืนอยู่หน้าจวนตระกูลอิ๋นแล้ว แต่เห็นจี้หยวนแต่งตัวลุ่มลึกแล้วไม่แปลกใจ ถึงอย่างไรนายท่านตระกูลตนก็เป็นท่านอิ๋นที่ถูกขนานนามว่าดาวบุ๋นจุติลงมา พวกบัณฑิตล้วนเลื่อมใสศรัทธา
จี้หยวนเดินมาข้างหน้าสองสามก้าว คิดเดินขึ้นบันไดไปทั้งอย่างนั้น แต่ตอนนี้ผู้คุ้มกันหน้าประตูทางขวาพลันเอ่ยปาก
“หยุด! ที่นี่คือจวนท่านอิ๋น เป็นถึงจวนอัครเสนาบดี คนทั่วไปห้ามเข้าใกล้!”
อัครเสนาบดีไม่ใช่ตำแหน่งชัดเจน แต่เป็นคำอธิบายหน้าที่ขุนนางซึ่งตำแหน่งค่อนข้างสูง สามสำนักหกกรมแห่งต้าเจินเจ้ากรมล้วนถูกเรียกว่าอัครเสนาบดี แม้ว่าอิ๋นจ้าวเซียนไม่ใช่อัครเสนาบดีซึ่งมีอำนาจมากที่สุด แต่กลับเป็นผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดของราชสำนักในปัจจุบัน
จี้หยวนพลันหยุดเท้า ประสานมือเล็กน้อยพลางกล่าว
“ทุกท่าน ข้าน้อยแซ่จี้ จี้จากคำว่าจี้เช่อ (วางแผน) มาจากอำเภอหนิงอันแห่งรัฐจี ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านของอาจารย์อิ๋น วันนี้มาพบโดยเฉพาะ หวังว่าจะช่วยไปเรียน…”
“มาจากอำเภอหนิงอันหรือ”
“ถูกต้อง!”
ผู้คุ้มกันขมวดคิ้วมองจี้หยวน เห็นว่าคนผู้นี้มีมาดอยู่บ้าง ไม่เหมือนกำลังโกหก แค่มาเยือนก่อนปีใหม่ค่อนข้างแปลก เรื่องแบบนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ควรมาหลังจากส่งท้ายปีเก่าแล้ว
“รอสักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงาน”
“รบกวนแล้ว!”
ผู้คุ้มกันส่งกระบองไม้ให้เพื่อนร่วมงาน จากนั้นค่อยเดินจากไป รีบมุ่งหน้าไปสวนด้านหลัง ภายในห้องหนังสือแห่งหนึ่ง อิ๋นจ้าวเซียนกับอิ๋นชิงกำลังตรวจสอบเอกสาร
ใช่ว่าต่อให้ใกล้วันส่งท้ายปีเก่า สองพ่อลูกยังยุ่งจนไม่ได้พัก แค่ช่วงนี้มีเรื่องต้องหารือกับกระทรวงพิธีการอยู่บ้าง
ทั้งสองคนหนึ่งนั่งหน้าโต๊ะหนังสือตัวใหญ่ คนหนึ่งนั่งหน้าโต๊ะตัวเล็ก
เตาถ่านภายในห้องทำให้อุณหภูมิห้องหนังสืออุ่นสบายยิ่ง อิ๋นชิงถือพู่กันชี้เนื้อหาฎีกาในมือพลางกล่าวกับบิดา
“ท่านพ่อ เป็นจริงดังคาด ราชเลขาที่ท่านผลักดันก่อนหน้านี้ สุดท้ายก็ถูกคนคัดค้าน”
“หึๆ คาดเดาได้นานแล้ว เรื่องนี้คงไม่ประสบความสำเร็จโดยง่าย คอยปรับตามสถานการณ์ก็พอ”
เมื่อได้ยินบิดาตนกล่าวเช่นนี้ อิ๋นชิงค่อยวางใจจนยิ้มออก
“ท่านพ่อกล่าวเช่นนี้ กอปรกับบารมีของท่านในหมู่บัณฑิตและนักประพันธ์ เชื่อว่าคงดีขึ้นเรื่อยๆ”
ตอนนี้ผู้คุ้มกันคนนั้นเพิ่งมาถึงประตูห้องหนังสืออย่างรีบเร่ง เจตนาทำให้เสียงฝีเท้าดังหน่อย จากนั้นค่อยเคาะประตู
ก๊อกๆๆ…
“นายท่าน ใต้เท้ารองเสนาบดี ข้างนอกมีแขกมาเยือน บอกว่าเป็นคนอำเภอหนิงอัน แซ่จี้ เขา…”
หลังจากอิ๋นจ้าวเซียนและอิ๋นชิงที่อยู่ภายในห้องได้ยินว่า ‘อำเภอหนิงอัน’ กับ ‘แซ่จี้’ เห็นชัดว่าพวกเขาอึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นแทบลุกขึ้นมาพร้อมกัน
ผู้คุ้มกันยังพูดอยู่ ประตูตรงหน้ากลับถูกเปิดจากด้านในกะทันหัน กระแสอบอุ่นพัดออกมาจากข้างใน
“คนล่ะ เขาอยู่ไหน พาไปห้องรับแขกแล้วหรือ”
อิ๋นจ้าวเซียนพูดเร็วมาก ทั่วอำเภอหนิงอันคงหาคนแซ่จี้คนที่สองไม่เจอ ผู้มาเยือนเป็นใครไม่ต้องบอกก็รู้
ผู้คุ้มกันรู้ว่าผู้มาเยือนต้องเป็นคนสำคัญของนายท่านทันที เขารีบกล่าวตอบ
“ข้ารีบเร่งมารายงาน ยังไม่พาเขาไปห้องรับแขก ตอนนี้น่าจะรออยู่นอกประตูขอรับ”
“โธ่เอ๋ย ปล่อยให้ท่านจี้รอได้อย่างไร เฮ้อ โทษเจ้าไม่ได้ ทำตามหน้าที่ ไปๆๆ พาพวกเราไป!”
อิ๋นจ้าวเซียนกล่าวประโยคหนึ่งก่อนรีบเดินออกมา อิ๋นชิงก็ทำแบบเดียวกัน
ผู้คุ้มกันไม่กล้าล่าช้า รีบเดินไปข้างหน้า นำทางใต้เท้าทั้งสอง ระหว่างนี้ยังมีผู้ดูแลกับบ่าวข้างห้องหนังสือตามมาด้วย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หน้าประตูจวนตระกูลอิ๋น อิ๋นจ้าวเซียนกับอิ๋นชิงรีบเดินมาพร้อมกัน เห็นจี้หยวนซึ่งยืนอยู่หน้าบันได รูปลักษณ์ภายนอกซ้อนทับกับท่านจี้ตามความทรงจำ รูปร่างหน้าตาเหมือนตอนนั้นอย่างสมบูรณ์
“ท่านจี้!?”
สองพ่อลูกพูดเป็นเสียงเดียวกัน แฝงความตื่นเต้นและไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง หลายปีนี้ไม่ว่าจะเขียนจดหมายหรือสืบข่าว ทุกข้อมูลล้วนเหมือนหินจมมหาสมุทร คิดไม่ถึงเลยว่าช่วงสิ้นปีนี้ท่านจี้กลับมาเยือน
จี้หยวนเห็นทั้งสองคนตื่นเต้นจนลืมคารวะ เขาประสานมือยิ้มกล่าวอย่างละอายใจอยู่บ้าง
“อาจารย์อิ๋น อิ๋นชิง ไม่เจอกันนานเลย ทั้งสองคนสบายดีหรือไม่”
“ดีๆๆ! ดียิ่ง!”
“พวกเราล้วนสบายดี!”
ทั้งสองคนกล่าวอย่างตื่นเต้น ประสานมือคารวะตอบอย่างต่อเนื่อง มือยังสั่นระริก พวกผู้คุ้มกันด้านข้างเห็นภาพนี้แล้วยากจะเชื่ออยู่บ้าง ต่อหน้าขุนนางราชสำนัก ถึงขั้นว่าแม้แต่ฮ่องเต้ ใต้เท้าสองท่านนี้ล้วนเยือกเย็นมาตลอด
“อิ๋นชิง!”
เสียงแผ่วเบาแหลมสูงเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังจี้หยวน จากนั้นหูอวิ๋นค่อยผลุบออกมา มองอิ๋นชิงกับอิ๋นจ้าวเซียนอย่างเหม่อลอย
สำหรับอิ๋นจ้าวเซียน หูอวิ๋นแค่มองผ่าน สายตาจับจ้องอิ๋นชิงเนิ่นนาน
สวมเสื้อคลุมขนสัตว์หนาหนัก ศีรษะประดับเกี้ยว บนหน้ามีริ้วรอยเล็กน้อย ตรงคางมีหนวดเครายาวประมาณฝ่ามือ แตกต่างจากอิ๋นชิงตามความทรงจำอย่างมาก แต่หูอวิ๋นยังจำสหายสนิทของตนได้ในปราดเดียว
เสียงนี้อิ๋นชิงฟังแล้วอึ้งงัน จากนั้นค่อยปีติยินดี
“จะ จิ้งจอกน้อย?”
ต่อมาอิ๋นชิงซึ่งตระหนักว่าด้านข้างยังมีคนอื่นเก็บเสียงทันที ส่งสายตาบอกหูอวิ๋น
“ท่านจี้ เหน็ดเหนื่อยมาตลอดทางแล้ว เชิญเข้ามาก่อนๆ!”
อิ๋นจ้าวเซียนยิ้มให้หูอวิ๋นคราหนึ่ง จากนั้นค่อยรีบเชิญจี้หยวนเข้าไปด้านใน ทั้งกล่าวกับคนด้านข้างด้วย
“รีบไปบอกห้องครัวให้เตรียมจัดงานเลี้ยงคืนนี้ ตอนกลางคืนจะเลี้ยงรับรองท่านจี้ จริงสิ อย่าลืมแจ้งฮูหยิน ทั้งรับคุณชายน้อยกลับมาด้วย!”
“ขอรับ!”
ผู้ดูแลด้านข้างรีบรับคำ
รอเมื่ออิ๋นจ้าวเซียนกับอิ๋นชิงพาจี้หยวนเข้าไปในจวน ผู้คุ้มกันด้านนอกต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“แหมๆ คนผู้นี้มีความเป็นมาขนาดนี้เชียวหรือ นายท่านกับใต้เท้ารองเสนาบดีถึงตื่นเต้นเช่นนี้”
“อาจเป็นญาติจากบ้านเกิดอำเภอหนิงอันกระมัง”
“น่าจะใช่…”
…
ภายในห้องรับแขกของจวนตระกูลอิ๋น หลังจากรินน้ำชาตั้งอ่างวางถ่านเตาผิงเสร็จ อิ๋นจ้าวเซียนกับอิ๋นชิงโบกมือบอกให้บ่าวทุกคนถอยออกไป เหลือแค่สามคนหนึ่งจิ้งจอกอยู่ในห้อง คราวนี้หูอวิ๋นพุ่งตัวมาอยู่บนตักอิ๋นชิงแล้ว
“ท่านจี้ พวกเราเขียนจดหมายมากมายกลับไปอำเภอหนิงอัน แต่คนในอำเภอบอกว่าท่านไม่เคยกลับมา หลายปีนี้ไม่มีข่าวคราวจากท่าน ทำให้พวกเรากังวลนัก!”
“ใช่แล้ว ท่านจี้ แต่พวกเรารู้ว่าท่านไม่ธรรมดา ต้องไม่เป็นไรแน่ ยังมีจิ้งจอกน้อยด้วย…”
อิ๋นชิงมองจิ้งจอกแดงที่นั่งบนตักตน ขนปุกปุยทำให้อบอุ่น
“ข้าไม่กลับไปนานแล้ว มัวแต่คิดว่ารอเสร็จธุระช่วงนี้ก่อน แต่ยังไม่เสร็จธุระเสียที คิดถึงเจ้ามาก คิดถึงปลาชิงฮื้อนัก คิดถึงเต่าเฒ่าตัวนั้นด้วย…”
“เป็นความผิดของข้าเอง ชิงเอ๋อร์เป็นแขนซ้ายแขนขวาของข้า เพราะข้าพึ่งพาเขามากเกินไป”
จี้หยวนแค่ดื่มชา กล่าวเสริมเป็นพักๆ มองหูอวิ๋นกับอิ๋นชิงยิ้มพูดจาอยู่ตรงนั้น บรรยากาศเหมือนตอนอยู่เรือนสันติยิ่ง
แน่นอนว่าเมื่อก่อนอาจารย์อิ๋นยุ่งเกี่ยวกับหูอวิ๋นน้อยมาก แต่ตอนนี้ยามเขาที่ท่าทางเปี่ยมความรู้ปฏิบัติตัวกับจิ้งจอกนี้ คำพูดเหมือนกล่าวกับลูกหลาน
จี้หยวนหยิบพวกไก่รมควันเป็ดรมควันที่นำมา ล้วนเป็นสิ่งที่ชาวบ้านอำเภอหนิงอันหมักเอง หาไม่เจอในจังหวัดจิงจี อิ๋นจ้าวเซียนสั่งคนนำไปไว้ห้องครัวราวกับสมบัติทันที ส่วนหูอวิ๋นบอกอิ๋นชิงว่ามีของดีจะมอบให้เขาเช่นกัน แค่ยังไม่สำเร็จ ขอเก็บเป็นความลับชั่วคราว