เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 42 ช่วยจิ้งจอกแดงพบมังกรเหิน
ตอนที่ 42 ช่วยจิ้งจอกแดงพบมังกรเหิน
บาดเจ็บหนักมาก!
นี่คือข้อสรุปโดยธรรมชาติยามจี้หยวนสัมผัสจิ้งจอก บาดแผลมากมายลึกจนเห็นกระดูกชวนประหวั่น เลือดจิ้งจอกยังไหลออกมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าตัดหลอดเลือดแดงเส้นไหนหรือไม่
‘อาการบาดเจ็บนี้ช่วยอย่างไรเล่า เราไม่ใช่สัตวแพทย์ด้วย!’
จี้หยวนร้อนใจดุจเพลิงผลาญ อุ้มจิ้งจอกอ้อมตรอกเล็กลับตาคนมากมาย รีบไปโรงหมอซึ่งใกล้ที่สุด ขณะเดียวกันยังใช้ปราณดั้งเดิมส่งปราณวิญญาณผ่านเส้นลมปราณจิ้งจอกแดงเพื่อรักษาพลังชีวิตด้วย
หลังจิ้งจอกนี้ยังดีหน่อย ดูเหมือนตั้งใจปกป้องของบนหลังตลอด จี้หยวนแหวกขนจิ้งจอกหยิบออกมาดูจึงพบว่าเป็นแผนภาพม้วนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นตัวอักษรหรือภาพวาด
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาดูของสิ่งนี้ ช่วยจิ้งจอกตัวนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน!
ห่างออกไปนอกตรอกก็คือท้องถนน ยังได้กลิ่นวัตถุดิบยารางๆ โรงหมออยู่ตรงนั้น
โถงเกื้อกูลคือโรงหมอควบร้านยาเลื่องชื่อแห่งอำเภอหนิงอัน การรักษาพยาบาลภายในนั้นไม่แบ่งชนชั้น หมอถงเป็นเจ้าของที่นี่
ตอนนี้หมอถงในโถงเกื้อกูลกำลังหยิบยาให้ลูกค้า คว้าหยิบของภายในลิ้นชักแต่ละอันอย่างชำนาญ วางลงตาชั่งอันเล็กบนโต๊ะก่อนใส่ในห่อกระดาษเหลือง ยาหนึ่งเทียบไม่เกินครึ่งนาทีก็จัดเสร็จแล้ว
“รับไว้ ยาบำรุงของเจ้า จำไว้ว่าใช้น้ำเย็นแช่สองเค่อก่อน จากนั้นใช้ไฟแรงต้มเดือด ค่อยเปลี่ยนใช้ไฟอ่อนเคี่ยวยา น้ำต้มสี่ชามเคี่ยวได้หนึ่งชามก็พอ! ทานเช้าเย็นยามละหนึ่งครั้ง!”
“ได้ๆๆ ขอบคุณหมอถงๆ!”
ชายหน้าโต๊ะรับวัตถุดิบยากล่าวขอบคุณไม่ขาดปาก กำลังหันกลับไป ภายในโถงพลันมีลมแผ่วเบาพัดมาระลอกหนึ่ง จี้หยวนเหมือนปรากฏตัวในโถงเกื้อกูลชั่วพริบตา
“อ๊าก แม่เจ้าโว้ย!”
ท่าทางจี้หยวนอุ้มจิ้งจอกแดงสาบเสื้อเปื้อนเลือดทำให้ลูกค้ากับลูกศิษย์ในโถงต่างตกใจจนสะดุ้งโหยง แต่เขาไม่ว่างมาสนใจพวกเขา
“หมอถง รีบช่วยข้าดูจิ้งจอกตัวนี้หน่อยว่ายังมีทางช่วยหรือไม่”
เรื่องแปลกว่าตอนนี้คือถนนการค้าอีกด้านหนึ่งมีจิ้งจอกแดงกราบคนขอความช่วยเหลือยังไม่แพร่มาถึงที่นี่ แต่ภาพตรงหน้าถือว่าแปลกพอแล้ว
หมอถงมองจี้หยวนอย่างตกตะลึง ทั้งมองจิ้งจอกหลั่งเลือดแดงสดในอ้อมกอดเขา
“เอ่อ นี่… ข้าคนแซ่ถงไม่เคยรักษาสัตว์มาก่อน นับประสาอะไรกับสัตว์ป่า…”
“หมอถง มีคำกล่าวว่าผู้เป็นหมอมีเมตตา ชีวิตจิ้งจอกก็คือชีวิต ท่านโปรดลองดูสักครั้ง!”
ตอนนี้จี้หยวนประสานมือให้หมอถงไม่ได้ แต่คำพูดซื่อสัตย์จริงใจเพียงพอ
“ชะ เช่นนั้นข้าจะลองดู ท่านโปรดตามข้าเข้ามาห้องด้านใน พวกเจ้าสองคนเฝ้าร้านจัดยาอยู่ข้างนอก อย่าทำผิดเล่า!”
“เอ่อ อาจารย์……”
“อาจารย์ข้าก็อยากดู…”
“หึ ทำงาน!”
หมอถงแค่นเสียงใส่ลูกศิษย์สองคน พาจี้หยวนเข้าห้องด้านในโถงเกื้อกูล พวกลูกศิษย์อยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่กล้าไม่เชื่อฟัง ได้แต่อยู่หน้าห้องมองตาปริบๆ
ห้องด้านในคือห้องตรวจ การตกแต่งเรียบง่าย มีเตียง มีเก้าอี้ มีโต๊ะวางสี่สมบัติประจำห้องหนังสือด้วย
หมอถงหยิบผ้าเนื้อหยาบสีขาวผืนหนึ่งมารองบนโต๊ะ
“มา วางจิ้งจอกลงตรงนี้!”
จี้หยวนรีบวางจิ้งจอกแดงในอ้อมกอดลงบนนั้นอย่างระมัดระวัง การเคลื่อนไหวนี้ทำให้จิ้งจอกแดงซึ่งกึ่งหมดสติขยับตัวเล็กน้อย
หมอถงก็ไม่พูดอะไรมาก เริ่มตรวจสอบอาการบาดเจ็บของจิ้งจอกอย่างระมัดระวัง พลิกดูผิวเนื้อยับเยินพวกนั้นโดยละเอียด ทั้งมองดวงตาจิ้งจอก แตะคอว่ายังมีชีพจรอยู่หรือไม่
“จิ้งจอกนี้ตัวยาวไม่ถึงแขน เลือดลมเสียหายสาหัส แต่ชีพจรกลับมีกำลัง แปลกจริงๆ เลือดลมไม่พอแต่ สัญญาณชีพนี้มาจากไหน”
หมอถงพึมพำกับตัวเองพลางใช้มือสัมผัสทั่วตัวจิ้งจอกอย่างนุ่มนวล หลังตรวจเสร็จก็หยิบเครื่องมือแพทย์มากล่าวกับจี้หยวน
“แผลบนตัวจิ้งจอกค่อนข้างมาก อาการบาดเจ็บจากอาวุธทื่อยังดีหน่อย แผลสาหัสส่วนมากเกิดจากการกัดทึ้งด้วยคมเขี้ยว คุณชายท่านนี้ ข้าคนแซ่ถงจะใช้ผงสิบเถ้า[1]ร่วมกับยาจินชวงห้ามเลือด ค่อยใช้ยาขับพิษห้ากลิ่นเพื่อดับร้อนถอนพิษ จากนั้นยังต้องทานเนื้อบำรุง ส่วนจะรอดหรือไม่ก็ได้แต่ดูชะตาฟ้าแล้ว!”
“ได้ หมอถงโปรดช่วยเหลือ!”
“อืม ช่วยข้ากดตัวมันไว้!”
…
นอกโถงเกื้อกูลไม่มีลูกค้าอะไร ลูกศิษย์สองคนที่กำลังใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพลันได้ยินเสียงจิ้งจอกร้อง ‘เอ๋งๆๆ… กรร’ ดังลั่นมาจากห้องด้านใน พวกเขาตกใจจนตัวสั่นเล็กน้อย
เสียงนั้นบางครั้งเหมือนร้องไห้ บางครั้งเหมือนสัตว์ไม่ทราบชื่อคำราม ได้ยินแล้วน่ากลัวเป็นพิเศษ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามโดยประมาณ หมอถงกับจี้หยวนก้าวออกมาจากห้องด้านในพร้อมกัน จิ้งจอกในอ้อมกอดจี้หยวนพันผ้าขาวทั่วตัว หัวยังมีเลือดซึมอยู่รางๆ
หมอถงจัดยาหน้าโต๊ะโอสถด้วยตัวเอง ไม่เกินครึ่งเค่อก็จัดยาครบส่งให้จี้หยวน
“ใช้วิธีการที่ข้าเพิ่งบอกไปต้มไฟอ่อน แต่น้ำโอสถมีรสขม ให้มันดื่มลงไปอย่างไรข้าคนแซ่ถงไม่อาจยุ่ง!”
“รบกวนหมอถงแล้ว! ข้าน้อยจี้หยวนซาบซึ้งอย่างยิ่ง! ไม่ทราบว่าค่าตรวจค่ายาเท่าไหร่”
หมอถงกลับไปยังโต๊ะ โบกมืออย่างอ่อนเพลียเล็กน้อย
“ค่าตรวจไม่คิด ค่ายาสามสิบอีแปะ จ่ายให้ศิษย์ข้าเถอะ!”
จี้หยวนอุ้มจิ้งจอกแดงอยู่ไม่สะดวกประสานมือ แต่พยักหน้าให้หมอถง จากนั้นจึงหยิบเหรียญทองแดงออกมาจากถุงเงิน
“อาจารย์น้อยโปรดรับไว้”
“หมอถง ข้าคนแซ่จี้ขอลา!”
จี้หยวนกล่าวประโยคนี้จบแล้วใช้แขนเสื้อข้างขวาคลุมจิ้งจอกแดงในอ้อมกอด ก้าวออกจากโถงเกื้อกูล ผลุบเข้าตรอกเล็กอีกครั้ง รีบกลับเรือนสันติ
ภายในโถงเกื้อกูล กระทั่งยามนี้หมอถงจึงถอนใจยาว เหงื่อมากมายซึมออกมา
“อาจารย์ท่านเป็นอะไรไป”
“จริงสิอาจารย์ เมื่อครู่เสียงข้างในนั่นเป็นของจิ้งจอกใช่ไหม น่ากลัวนัก!”
หมอถงหายใจเนิบช้า นั่งบนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะ
“พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่กลัวหรือ นั่นใช่จิ้งจอกธรรมดาที่ไหน มันกลายเป็นภูตแล้ว!! เฮือก… ฮู่ว…”
…
ระหว่างทางกลับไปจี้หยวนพยายามเลือกเดินตามสถานที่ซึ่งไม่ค่อยมีคน สำแดงท่าร่างวิชาตัวเบา นอกจากว่องไวแล้วยังลดการสั่นสะเทือนลง
ตั้งแต่ต้นจนจบใช้ปราณวิญญาณเพียงเล็กน้อย แต่ยังส่งเข้าไปในตัวจิ้งจอกแดงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อครู่หมอถงสงสัยเรื่องชีพจรอันแข็งแกร่งของจิ้งจอก คุณสมบัติทางกายของตัวจิ้งจอกดีคือเรื่องหนึ่ง การเพิ่มปราณวิญญาณเข้าไปก็มีส่วนครึ่งหนึ่ง
ยังไม่ถึงบ้าน กลิ่นดอกพุทราแผ่กระจายมาแต่ไกล จิ้งจอกแดงในอ้อมกอดจี้หยวนได้กลิ่นจึงลืมตาขึ้น รู้สึกถึงความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในเรือน จี้หยวนสะบัดแขนเสื้อเช็ดโต๊ะหินซึ่งเดิมก็ไม่มีเศษฝุ่นอะไรรอบหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบผ้าปูเตียงออกมาจากห้อง พับทบแล้วปูลงบนโต๊ะหิน
จี้หยวนวางจิ้งจอกแดงลงบนนั้นเบาๆ กล่าวเสียงเรียบนุ่มนวล
“เทียบกับภายในห้องเจ้าคงชอบตรงนี้มากกว่า ทั้งตรงนี้ยังเหมาะสมกว่าด้วย!”
เมื่อกล่าวประโยคนี้จบ ยามจิ้งจอกแดงยังรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง มือขวาของจี้หยวนที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกว้างตั้งกระบวนท่าแล้ว
บนท้องฟ้าเหนือเรือนสันติถึงภายในเรือน มีสายลมเย็นรวมตัวพัดโชยเนิบช้า ทำให้จิ้งจอกแดงรู้สึกผ่อนคลายหาใดเปรียบ
จากนั้นจิ้งจอกแดงพลันตอบสนองตามสัญชาตญาณทันที สายลมนี้แฝงซ่อนปราณวิญญาณฟ้าดิน ที่นี่ทุกลมหายใจล้วนดีกว่าการฝึกปราณโดยไม่รู้ประสาในป่าเกินร้อยเท่า
กิ่งต้นพุทรากลางลานโบกไหว ดอกพุทราเขียวเหลืองร่วงหล่นเป็นครั้งคราว
เห็นว่าจิ้งจอกพันผ้าตัวนี้หายใจสะดวกเริ่มดูดกลืนปราณวิญญาณ จี้หยวนค่อยเป่าปากโล่งอก
‘คราวนี้น่าจะไม่ตายแล้วกระมัง’
หวนนึกถึงการเหลือบมองของตนตอนอยู่ห้องด้านในโรงหมอโดยไม่ตั้งใจเมื่อครู่แล้วระบายยิ้ม
“ภูตจิ้งจอกๆ คิดไม่ถึงว่าเป็นตัวผู้ด้วย!”
การช่วยรักษาจิ้งจอกปิดฉากชั่วคราว จี้หยวนที่พอมีเวลาว่างหยิบแผนภาพม้วนไม่ใหญ่ออกมาจากอก อยากดูนักว่าเจ้าภูเขาลู่ให้จิ้งจอกตัวนี้ส่งของอะไรมา
บนม้วนกระดาษเปื้อนเลือดจิ้งจอกบางส่วน เมื่อเปิดออกจึงเผยอักษรทรงพลังหนักแน่นงดงามบนนั้น
‘อักษรดี! ไม่ใช่สิ! นี่คือ…’
แม้ว่าเทียบอักษรไม่ใหญ่ แต่อักษรนับร้อยบนนั้นกลับหลากรูปแบบ ราวกับมังกรเหินร่ายรำดุจหงส์ตื่น มีไอสังหารดุดันทั้งมีภูเขาสูงสายน้ำไหล…
ในสายตาจี้หยวนที่ฝึกยุทธ์วิถีพร้อมกันตอนนี้ นี่ไม่ใช่ตัวอักษรโดยสิ้นเชิง แต่เป็นวิชากระบี่เคลื่อนไหวท่ามกลางความเลือนราง!
[1] ผงสิบเถ้า คือ ยาขนานโบราณ มีฤทธิ์ห้ามเลือด