เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 421 คุณชายสามมาเยือน
ตอนที่ 421 คุณชายสามมาเยือน
นี่คือหน้ากากซึ่งไม่เลวทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นสมบัติ แน่นอนว่านี่เป็นแค่การตัดสินตามมาตรฐานส่วนตัวของจี้หยวนเท่านั้น ถึงอย่างไรเขาก็มีเกณฑ์การตัดสินตามความสนใจของตนอยู่ด้วย หากว่าเปลี่ยนเป็นมังกรเฒ่าหรือผู้ฝึกปราณแท้จริงบางส่วน ย่อมรู้สึกว่าหน้ากากนี้ไม่มีประโยชน์อะไร อย่างมากก็เป็นแค่ของเล่น
แต่จะว่าไปในฐานะผลงานแรกของหูอวิ๋น จี้หยวนสร้างความมั่นใจให้ระดับหนึ่ง ส่งหน้ากากคืนหูอวิ๋นก่อนกล่าวให้กำลังใจ
“ต่อให้เจ้ามอบหน้ากากธรรมดาอิ๋นชิงก็ชอบ นับประสาอะไรกับของดีเช่นนี้ หลอมสิ่งของเป็นครั้งแรกยังได้ผลลัพธ์ขนาดนี้ ไม่เสียแรงที่เจ้าฝึกปราณมาหลายปี!”
หูอวิ๋นยืดอกเลียนแบบคน สองกรงเล็บคว้าหน้ากาก หยิ่งทะนงครู่หนึ่งก่อนกล่าวอย่างลังเล
“นั่นเป็นเพราะข้าใช้พลังวิญญาณไปมาก ทั้งดึงขนเปี่ยมจิตวิญญาณบนตัวมาใช้จึงทำสำเร็จ ความจริงระหว่างทางยังล้มเหลวสองสามครั้ง ทำได้ถึงขั้นนี้ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
หูอวิ๋นครุ่นคิดครู่หนึ่งค่อยกล่าว
“แม้ว่าหน้ากากนี้น่าสนุก แต่ข้อเสียชัดเจนมาก ข้อเรียกร้องที่มีต่อผู้ใช้สูงนัก ความฉลาดคือเรื่องหนึ่ง ทั้งความคิดในใจยังต้องชัดแจ้งด้วย จำต้องนึกภาพเปี่ยมมิติออกมา ถึงจะใช้หน้ากากนี้ได้เป็นอย่างดี มิฉะนั้นคงได้แต่นำมาเล่นสนุก”
“รู้จักถ่อมตัวถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่!”
จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย ลูบหัวจิ้งจอกแดง ใบหูสองข้างลู่ไปมาตามการสัมผัส เดี๋ยวตั้งตรงเดี๋ยวถูกกด
หูอวิ๋นถูกจี้หยวนชมจนเขินอาย ขนสีแดงเพลิงฉูดฉาดยิ่งกว่าเดิม คล้ายตามความทรงจำตนที่ผ่านมา ท่านจี้ผู้น่าเลื่อมใสเคยชมมันไม่กี่ครั้ง หรือกล่าวว่าแทบไม่เคยชมมันเลย
“ขะ ข้าไปเตรียมตัวเพิ่มหน่อย อีกเดี๋ยวจะทำให้อิ๋นชิงประหลาดใจ!”
หูอวิ๋นพูดพลางถือหน้ากากวิ่งจากไปเหมือนเผ่นหนี จี้หยวนเห็นแล้วพยักหน้ายิ้มเล็กน้อยอยู่ด้านหลัง จากนั้นค่อยหันมาจัดการกระดานหมากตรงหน้าต่อ
เมื่อถึงตอนพลบค่ำ อิ๋นจ้าวเซียนกับอิ๋นชิงนั่งรถม้าคันหนึ่งกลับมาตามปกติ เดินทางจากฝ่ายบริหารมาถึงบ้านภายใต้การห้อมล้อมของผู้คุ้มกันติดตัวกับข้ารับใช้ประจำตระกูล
ด้วยวันนี้เป็นวันเข้าเรียนของฝ่ายตรวจสอบ อิ๋นจ้งจึงตามบิดาและพี่ชายกลับมาพร้อมกัน
หลังจากพ่อลูกสามคนเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาเสร็จ พวกเขาพากันเดินไปทางลานเรือนรับรอง
ได้ยินเสียงฝีเท้าแต่ไกล หูอวิ๋นร้องเรียกขึ้นมา
“อิ๋นชิง! อิ๋นชิง! ในที่สุดของขวัญที่ข้าเตรียมให้เจ้าก็เสร็จแล้ว เจ้ารีบมาเร็ว!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ อิ๋นชิงยิ้มพลางเร่งฝีเท้าทันที อิ๋นจ้งที่อยู่ด้านข้างยิ่งตื่นเต้นกว่าพี่ชายตน วิ่งตามไปตลอดทาง
เมื่อมาถึงเรือนรับรอง หูอวิ๋นกำลังนั่งส่ายหางอยู่กลางลาน บนหน้าจิ้งจอกเผยรอยยิ้มเด่นชัด มองสองพี่น้องซึ่งก้าวผ่านโถงทางเดินมาอยู่ตรงหน้า
“แหะๆ อิ๋นชิงเดาสิว่าข้าให้อะไรเจ้า หู่เอ๋อร์ลองเดาได้เช่นกัน!”
อิ๋นจ้งชิงพูดก่อน
“เป็นของดีที่นำมาจากเขาโคเทพใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่ เจ้าเดาผิดแล้ว ตอนนี้ถึงคราวอิ๋นชิงเดาบ้าง ทุกคนเดาได้แค่ครั้งเดียว!”
หูอวิ๋นเกรงว่าสองพี่น้องคู่นี้เดาไม่หยุดจนบังเอิญตอบถูกอยู่บ้าง เดี๋ยวไม่มีความรู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา อิ๋นชิงใคร่ครวญครู่หนึ่งค่อยกล่าวตอบ
“ถ้าไม่ใช่ของอร่อยก็เป็นของเล่นสนุก เจ้ายุ่งง่วนหลายวันขนาดนี้ ต้องเป็นของเล่นสนุกใช่หรือไม่”
หูอวิ๋นกล่าวอย่างไม่พอใจนัก
“คำตอบของเจ้าไม่อาจนับว่าเดาถูก เจ้าต้องบอกโดยละเอียดว่าเป็นอะไร!”
อิ๋นชิงแบมือเล็กน้อย
“สิ่งน่าสนใจในใต้หล้ามีนับพันนับหมื่น นายท่านหูอวิ๋นเป็นถึงจิ้งจอกเซียน สายตากว้างขวางกว่าคนธรรมดาอย่างพวกเรา ข้าอิ๋นชิงความรู้ตื้นเขิน มีหรือจะเดาออก เจ้าเมตตาบอกพวกเราเถอะ!”
“แหะๆ เจ้าพูดจามีเหตุผล! ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอกให้เจ้ารู้แล้วกัน!”
หูอวิ๋นค่อนข้างภูมิใจ กรงเล็บข้างหนึ่งสอดเข้าพวงหางอ่อนนุ่ม ดึงหน้ากากจิ้งจอกสีแดงเพลิงออกมา บนนั้นถึงขั้นมีแสงอร่ามสายหนึ่งวาบผ่าน
อิ๋นจ้งเห็นแล้วชอบหน้ากากนี้แทบจะทันที มองพี่ชายตนทั้งมองหน้ากาก บนหน้าเปี่ยมด้วยแววอิจฉา
อย่าว่าแต่อิ๋นจ้งเลย เมื่ออิ๋นชิงเห็นหน้ากากนี้ยังเผยสีหน้ายินดียากปกปิด
“สิ่งนี้มอบให้ข้าหรือ”
“อืม เอาไป เดิมก็เป็นของเจ้าอยู่แล้ว”
หูอวิ๋นส่งให้อิ๋นชิงลวกๆ คล้ายมอบของเล่นไม่สลักสำคัญชิ้นหนึ่ง หลังจากอิ๋นชิงยื่นมือรับอย่างระวัง อิ๋นจ้าวเซียนซึ่งรั้งท้ายสองสามก้าวเดินตามทางระเบียงมาถึงตรงนี้อย่างเนิบช้า
อิ๋นจ้าวเซียนแค่กวาดมองหน้ากากนี้คราหนึ่ง เห็นว่าบนหน้ากากมีแสงเพลิงไหลวน ทั้งมีกลิ่นอายพิเศษของหูอวิ๋นวนเวียนสายแล้วสายเล่า
เมื่ออยู่ต่อหน้าปราณต้านทานยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าของแบบนี้ไม่มีผลกับอิ๋นจ้าวเซียนแน่ แต่เขาไม่มีทางกล่าวออกมาเช่นกัน ทั้งเข้าใจว่าสิ่งนี้น่าจะสมบัติอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
“โอ้ หน้ากากงดงามนัก หูอวิ๋นทำเองหรือ ร้ายกาจจริง ช่างฝีมือหลายคนยังมีทักษะสู้เจ้าไม่ได้!”
“ใช่แล้ว หน้ากากงดงามนัก ข้าก็อยากได้…”
น้ำเสียงของอิ๋นจ้งเจือความอิจฉาเต็มเปี่ยม เห็นชัดว่าอิ๋นชิงอายุสามสิบปีแล้ว แต่ยังพลิกหน้ากากอย่างวางมือไม่ได้เช่นกัน ทุกรายละเอียดบนนั้นประณีตมาก เส้นขนเหมือนพลิ้วไหวตามลม สัมผัสสบายยิ่ง
วันนี้หูอวิ๋นถูกชมหลายครั้ง เส้นขนยิ่งแดงขึ้นหลายส่วน ใช้กรงเล็บเกาหัวเล็กน้อย เขย่งขาหลังยืนกล่าวกับอิ๋นชิง
“อิ๋นชิง หน้ากากนี้ไม่ใช่ของเล่นธรรมดา มีวิชาซ่อนอยู่ ท่านจี้ยังกล่าวชม ข้าจะสอนเจ้าว่าเล่นอย่างไร!”
หูอวิ๋นบอกความพิเศษของหน้ากากโดยละเอียด รวมถึงใช้งานอย่างไร มีข้อห้ามอะไรบ้าง ขีดจำกัดด้านความต่อเนื่องกับความเหมือนจริงอยู่ตรงไหนเป็นต้น
“เป็นอย่างไร ซับซ้อนมากกระมัง ดังนั้นสองสามวันต่อจากนี้ข้าต้องชี้แนะเจ้าดีๆ มิฉะนั้นเจ้าคงใช้ไม่เป็น สิ้นเปลืองแรงกายแรงใจของข้า!”
หูอวิ๋นกล่าวชี้แนะจากใจ จากนั้นค่อยเห็นอิ๋นชิงลองสวมหน้ากาก
“สิ่งที่คิดในใจต้องเปี่ยมมิติ ไม่บกพร่องตั้งแต่บุคลิกถึงรูปลักษณ์ภายนอก อุปนิสัยก็เช่นกัน เข้าใจหรือไม่”
หลังจากเพิ่งสวมหน้ากากไปไม่กี่ลมหายใจ บนตัวอิ๋นชิงเหมือนมีแสงเพลิงเลือนรางไหลวน คล้ายเกลียวคลื่นเป็นระลอก จากนั้นร่างกายเหมือนเงาสะท้อนในน้ำ เปลี่ยนเป็นพร่ามัวเพราะการหมุนวนของคลื่น เมื่อกลับมาชัดเจนก็เปลี่ยนรูปร่างแล้ว
อิ๋นจ้งถูกทำให้ตกใจสะดุ้งโหยง จากนั้นค่อยเบิกตากว้าง
“ทะ ท่านอาอวี๋?”
พี่ชายที่เดิมยืนอยู่ข้างกายถึงกับเปลี่ยนเป็นอวี๋ไห่ซานผู้ว่าราชการจังหวัดจิงจีท่ามกลางสายตาอิ๋นจ้ง แค่เสื้อผ้ายังเป็นชุดของอิ๋นชิงเท่านั้น
“อะไรนะ?”
หูอวิ๋นตกสู่สภาพอึ้งงันเช่นกัน อิ๋นชิงถึงกับทำสำเร็จในครั้งเดียว? หูอวิ๋นยังรู้สึกว่ามีรายละเอียดอีกมากไม่ได้อธิบายชัดเจน!
อิ๋นจ้าวเซียนที่อยู่ด้านข้างมองรูปลักษณ์ตอนนี้ของอิ๋นชิงแล้วหรี่ตาลูบเครา พริบตาแรกที่เขามองไปก็เป็นอวี๋ไห่ซานเช่นกัน แต่สัมผัสกลิ่นอายของหูอวิ๋นบนตัวอิ๋นชิงได้ เมื่อมองโดยละเอียดกลับมีแค่แสงปีศาจสีแดงเลือนราง แต่จำเป็นต้องยอมรับว่าหน้ากากนี้อัศจรรย์นัก
“อาจารย์อิ๋น เรื่องของเด็กปล่อยให้พวกเขาเล่นกันเองเถอะ มาแลกเปลี่ยนกันสักตาเป็นอย่างไร”
อิ๋นจ้าวเซียนพลันหัวเราะ เดินไปหาจี้หยวนที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะกลางลานซึ่งค่อนข้างห่างไกล
“หึๆๆ คิดเช่นนั้นอยู่พอดี!”
เมื่อเดินเข้าไปใกล้โต๊ะหิน เห็นจี้หยวนวางกระดานหมากใกล้จบตา ความจริงกระดานหมากนี้เขาเคยเห็นหลายครั้งแล้ว แม้ว่าทุกครั้งแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่จำได้โดยคร่าวว่าเป็นกระดานหมากคล้ายคลึงกัน
“ท่านจี้วางกระดานหมากนี้อีกแล้วหรือ”
“อืม วางไม่ดี จำไม่ได้ ช่างเถอะ”
จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย เก็บตัวหมากบนกระดานกลับเข้ากล่องทีละตัว อิ๋นจ้าวเซียนนั่งเก็บตัวหมากอีกสีเช่นกัน
…
หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม บนถนนเรืองสันติที่จวนตระกูลอิ๋นตั้งอยู่มีผู้คุ้มกันขบวนหนึ่งย่ำเท้าเป็นระเบียบวิ่งเหยาะมา ด้านหลังมีรถม้าหรูหราสองคันอยู่ในขบวน ด้านข้างยังห้อมล้อมด้วยเหล่าผู้คุ้มกันกับข้ารับใช้ซึ่งเสื้อผ้าและหน้าตาไม่ธรรมดา
ไม่นานขบวนนี้ก็มาถึงหน้าประตูจวนตระกูลอิ๋นก่อนหยุดลง เมื่อผู้คุ้มกันตรงประตูจวนเห็นเหตุการณ์ เขารู้ว่าต้องเป็นคนสำคัญมาเยือนแน่ แต่มองสังกัดจากการแต่งกายของเหล่าผู้คุ้มกันไม่ออก บนรถม้าไม่มีสัญลักษณ์เช่นกัน เขาจึงไม่รู้ว่าผู้มาเยือนเป็นใครกันแน่
“ไม่ทราบว่าใต้เท้าท่านใดมาเยือน พวกเราจะได้เข้าไปรายงานนายท่าน!”
หัวหน้าผู้คุ้มกันตรงประตูไม่กล้าละเลย พาคนเดินลงมาจากบันไดจวนตระกูลอิ๋น ประสานมือเอ่ยถามตรงหน้าขบวน
บนรถม้าคันหน้าซึ่งห่างไกล ม่านขนสัตว์หนาหนักถูกเปิดจากด้านใน ผู้สวมหมวกสูงชุดสีหมึกคนหนึ่งเดินลงมาจากบนนั้น หัวหน้าผู้คุ้มกันประตูใจเต้น นี่คือขันทีคนหนึ่ง เกรงว่าคนในรถม้าหากไม่ได้มาจากในวังก็ต้องเกี่ยวกับเครือญาติเชื้อพระวงศ์!
ยามก้าวเดินขันทีคนนั้นมักค้อมตัวเล็กน้อย ดูเหมือนเดินซอยเท้า ความจริงไม่ล่าช้า ไม่นานก็เดินผ่านแถวผู้คุ้มกันมาถึงตรงหน้าหัวหน้าผู้คุ้มกันประตูจวนตระกูลอิ๋น เสียงแหลมสูงเล็กน้อยของขันทีดังขึ้น
“เจ้าหน้าที่จวนเสนาบดี เจ้าเข้าไปเรียนท่านอิ๋น บอกว่าคุณชายสามพาภรรยาและบุตรสาวมาเยี่ยมเขา ท่านอิ๋นรู้ว่าเป็นใคร”
คุณชายสาม?
ผู้คุ้มกันประตูขมวดคิ้ว แต่ยังไม่กล้าละเลย คารวะพลางกล่าว
“ข้าน้อยจะไปเรียนนายท่านทันที ทุกท่านโปรดรอสักครู่!”
“อืม รบกวนแล้ว”
ขันทีกล่าวจบแล้วหันหลังเดินไปทางรถม้า ผู้คุ้มกันประตูไม่กล้าล่าช้าเช่นกัน รีบวิ่งกลับเข้าไปในจวน
ไม่นานในเรือนรับรองตรงสวนด้านหลังจวนตระกูลอิ๋น เฉินอาหย่วนวิ่งเหยาะมาด้วยฝีเท้าว่องไว เหลือบเห็นจิ้งจอกแดงพูดคุยกับอิ๋นชิงและอิ๋นจ้ง เขารีบเดินมาหน้าโต๊ะซึ่งอิ๋นจ้าวเซียนประลองหมากกับจี้หยวน
ภายในลานแห่งนี้ ต่อให้มีเรื่องด่วนเฉินอาหย่วนก็ผ่อนฝีเท้า จากนั้นค่อยค้อมตัวประสานมือ
“นายท่าน ท่านจี้ รบกวนพวกท่านเล่นหมากแล้ว”
“มีเรื่องอะไร”
อิ๋นจ้าวเซียนคีบตัวหมากวางลง ก่อนหันหน้ามองข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของตน
“เรียนนายท่าน ข้างนอกมีขบวนรถมาเยือน ขบวนไม่เล็ก ภายในขบวนมีขันทีคนหนึ่ง แจ้งผู้คุ้มกันประตูว่าคุณชายสามพาภรรยาและบุตรสาวมาเยี่ยมเยียน”
อิ๋นจ้าวเซียนขมวดคิ้ว
“คุณชายสาม?”
“ท่านพ่อ ฝ่าบาทเสด็จมา!”
อิ๋นชิงได้ยินบทสนทนาทางนี้ เขาบอกการคาดเดาด้วยเสียงมั่นใจ
“อ้อ ใช่ น่าจะเป็นฝ่าบาทเสด็จมา! ท่านจี้ ดูท่าว่าหมากกระดานนี้ท่านกับข้าไม่อาจตัดสินแพ้ชนะแล้ว!”
จี้หยวนยิ้มพลางบอกเขา
“ท่านนี่นะ ไม่ตัดสินผลแพ้ชนะ? ไม่เกินยี่สิบตาข้าก็ชนะแล้ว”
“อ๊ะๆๆ พูดเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่มีหมากตาท้าย ฝ่าบาทเสด็จมา ข้าต้องไปรับรอง วันหน้าค่อยประลอง วันหน้าค่อยประลอง!”
อิ๋นจ้าวเซียนลุกขึ้นยืน จากนั้นค่อยรีบเดินตามเฉินอาหย่วนไป ทั้งพาอิ๋นชิงกับอิ๋นจ้งไปด้วย ฝ่าบาทเสด็จมาด้วยตนเอง แน่นอนว่าคนทั้งตระกูลต้องไปต้อนรับ