เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 43 เรื่องพูดคุยน่าสนใจในอำเภอ
ตอนที่ 43 เรื่องพูดคุยน่าสนใจในอำเภอ
ในสายตาจี้หยวนเทียบอักษรม้วนนี้มูลค่าต่างจากในสายตาเจ้าภูเขาลู่โดยสิ้นเชิง แค่มองก็หลงใหล
ทุกตัวอักษรบนเทียบเจตกระบี่ล้วนสำแดงต่างกัน ทุกเส้นอักษรล้วนแฝงความเฉียบคม แต่โดยรวมกลับรู้สึกกลมกลืน คล้ายตัวอักษรซึ่งเห็นชัดว่าหยุดนิ่งนับร้อยร่ายรำพร้อมกัน
ภายใต้ความหลงใหลจี้หยวนหลงลืมเวลา จิ้งจอกบนโต๊ะหินจ้องมองจี้หยวนดื่มด่ำอยู่กับเทียบอักษร หลังผ่านไปครู่หนึ่งปราณวิญญาณในลานซ่านสลายช้าๆ แต่กลับไม่กล้าส่งเสียงรบกวนเช่นกัน
กระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืด จี้หยวนจึงดึงสติกลับมาจากการหยั่งรู้ตัวอักษร ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้
“อักษรดีกระบี่ดี! คิดไม่ถึงว่าวิชากระบี่วิชายุทธ์เลิศล้ำถึงขั้นนี้ ฝีมือใกล้เคียงมรรคคงเป็นเช่นนี้กระมัง!”
เทียบอักษรนี้ไม่ใช่ตำราผู้ฝึกเซียน เมื่อครู่ยามสัมผัสเทียบอักษรจี้หยวนรู้สึกได้ ไม่มีปราณวิญญาณทั้งไม่มีวิชาอัศจรรย์ด้านการฝึกปราณ
นัยตัวอักษรที่เหลือไว้เป็นแค่อานุภาพสะบัดพู่กันดุจกระบี่อย่างหนึ่ง แค่แช่น้ำก็ทำลายเทียบอักษรได้ แต่ม้วนไม้ไผ่ดำของจี้หยวน ไม่ใช่สิ่งที่การกัดกร่อนน้ำไฟทั่วไปทำลายได้ง่ายๆ
อีกอย่างสิ่งที่บันทึกอยู่บนเทียบอักษรก็เป็นวิชากระบี่แบบวิชายุทธ์ เป็นวิชาบนโลกซึ่งผู้ฝึกเซียนดูถูก
แต่เจตกระบี่เช่นนี้ยังมีอานุภาพ คล้ายคลึงกับกระดานหมาก ในสมองจี้หยวนเหมือนมังกรเหินมีชีวิต แฝงสติปัญญาและเจตจำนง!
‘ตำราเล่มนี้เขียนโดยจอมยุทธ์ คาดว่าคงไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ต้องเป็นพวกยอดฝีมือแน่ ไม่รู้ว่าเคยอยู่บนโลกหรือไม่’
จี้หยวนกำลังคิดเช่นนี้ แต่รู้สึกว่าบางอย่างผิดแปลกกะทันหัน
‘เดี๋ยวก่อน เราคิดเรื่องราวต่อเนื่องเป็นตรรกะ ให้ตาย คิดเพลินไปแล้ว!’
จี้หยวนรีบสะบัดหัวเหมือนคนบ้า เอียงคอพบว่าจิ้งจอกที่เดิมสติวูบไหวเลือนรางบนโต๊ะมีสติไม่น้อย เมื่อมองฟ้าจึงพบว่าตะวันคล้อยลงทางตะวันตกแล้ว
“ฮ่าๆๆ… ขออภัย ลืมเวลาเลย ควรต้มยาให้เจ้าแล้ว! เอ่อ ไม่มีเตายาหม้อยา…”
ในบ้านมีอะไรจี้หยวนรู้ชัดเป็นอย่างดี ไม่มีของจำพวกเตายาแน่ เช่นนั้นก็ได้แต่ไปยืมตระกูลอิ๋นแล้ว
“เจ้ารออยู่ที่นี่อย่าวิ่งทั่ว เดี๋ยวข้ากลับมา!”
เขากล่าวประโยคนี้ทิ้งไว้ เห็นว่าจิ้งจอกตัวนี้ท่าทางว่าง่าย จี้หยวนก้าวออกจากประตูเรือนไปตระกูลอิ๋น
ยังไม่ถึงหน้าเรือนตระกูลอิ๋นก็ได้ยินอิ๋นชิงกล่าวอย่างตื่นเต้นนัก
“ท่านแม่ๆ วันนี้ระหว่างทางกลับมาข้ากับท่านพ่อได้ยินว่ามีคนพูดถึงท่านจี้ บอกว่าเช้าวันนี้ถนนการค้ามีจิ้งจอกสีแดงปรากฏตัว ถูกหมาบ้านไล่กัดซ้ำยังถูกคนตีตลอดทาง ผลลัพธ์คือจิ้งจอกหนีไปหนีมาจนเจอท่านจี้ซึ่งผ่านทางมา โขกหัวก้มกราบท่านจี้ไม่หยุด!!”
“หา!? มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”
ภายในเรือนตระกูลอิ๋น ผู้เป็นมารดากล่าวประหลาดใจ จากนั้นจึงมองอิ๋นจ้าวเซียนที่กำลังใช้ตะบันไฟ[1]จุดเทียนอยู่ด้านข้าง
“ท่านพี่ สิ่งที่ชิงเอ๋อร์กล่าวเป็นเรื่องจริงหรือ”
อิ๋นจ้าวเซียนจุดเทียนพลางพยักหน้าให้นาง
“คงไม่ใช่เรื่องเท็จ วันนี้ตอนกลับมาคนไม่น้อยถามเรื่องท่านจี้กับข้า ได้ยินว่าจิ้งจอกแดงตัวนั้นหลั่งเลือด อาศัยการแกล้งตายหนีออกจากฝูงชน จากนั้นจึงคุกเข่าก้มกราบต่อหน้าท่านจี้ พวกหมาบ้านโดยรอบล้วนไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า อีกทั้ง…”
“ใช่ๆๆ!! ท่านแม่ข้าจะบอกท่าน ท่านจี้แค่กล่าวประโยคเดียว หมาตัวใหญ่พวกนั้นก็เดินถอยออกไปเอง ท่านจี้ยังให้เงินคนตีจิ้งจอกสองคนนั้นด้วย ทำให้พวกเขาปล่อยจิ้งจอกตัวนี้ไป หึ ให้เงินอะไรกัน!!”
คำพูดอิ๋นชิงเปี่ยมความรู้สึกแบบเด็กเหมือนเห็นกับตา
“อืม ได้ยินคนพูดว่าต่อมาโถงเกื้อกูลยังช่วยรักษาจิ้งจอกตัวนั้นด้วย”
…
นอกเรือนฟังคนตระกูลอิ๋นคุยเรื่องเมื่อกลางวันอยู่ตรงนั้น จี้หยวนหลุดหัวเราะอยู่บ้าง จากนั้นจึงเคาะประตูเรือนเบาๆ
ก๊อกๆๆ…
“อาจารย์อิ๋นๆ อยู่บ้านหรือไม่ ข้าคนแซ่จี้มาหา!”
เสียงราบเรียบมีพลังของจี้หยวนดังมาจากนอกเรือน ตระกูลอิ๋นซึ่งกำลังพูดคุยเรื่องเขาตกใจจนตัวสั่น อิ๋นจ้าวเซียนรีบออกไปเปิดประตู อิ๋นชิงก็ตามไปทันที
เมื่อเปิดประตูเรือน จี้หยวนยืนอยู่ด้านนอก สิ่งที่ดึงดูดสายตาอย่างยิ่งคือบนแขนเสื้อทั้งสองกับหน้าอกยังมีรอยเลือดติดอยู่
“อาจารย์อิ๋น!”
จี้หยวนประสานมือเล็กน้อย
“ท่านจี้มาหรือ เชิญเข้ามาๆ! ชิงเอ๋อร์ บอกแม่เจ้าชงชาสักกา!”
“ไม่ต้องหรอก! ข้าน้อยมาด้วยคิดยืมเตายาหม้อยาของพวกท่านสักหน่อย ไม่ทราบว่าภายในบ้านอาจารย์อิ๋นมีของสิ่งนี้หรือไม่”
หวนนึกถึงข่าวลือตรงตลาดนัดยามกลับมาวันนี้ อิ๋นจ้าวเซียนตอบสนองทันที พยักหน้าไม่วางเว้น
“มีๆๆ ข้าไปหยิบมาให้ท่าน!”
“ท่านพ่อ เตายาอยู่ตรงนี้!”
ไม่รอให้อิ๋นจ้าวเซียนไปหา อิ๋นชิงโอบเตายาหม้อยามาอย่างตื่นเต้นนัก จากนั้นค่อยส่งมอบให้จี้หยวน
“ท่านจี้ เตายา!”
“ดี ขอบคุณเสี่ยวอิ๋นชิง!”
จี้หยวนยิ้มพลางรับมา แม้ว่ามองรายละเอียดของเตายาไม่ชัดเจน แต่ดูจากการสัมผัสคงเป็นเครื่องปั้นแบบหยาบบางอย่าง ยังได้กลิ่นถ่านเล็กน้อย ทั้งตัวเตากับตัวหม้อล้วนไม่ใหญ่นัก
“อาจารย์อิ๋น ในเรือนข้าคนแซ่จี้มีธุระ ไม่รบกวนแล้ว!”
“ได้ เชิญท่านจี้ตามสบาย หากมีเรื่องใช้ข้าน้อย โปรดบอกกล่าว ข้าคนแซ่อิ๋นพร้อมทุกเมื่อ!”
อิ๋นจ้าวเซียนกำลังประสานมือให้จี้หยวน แต่กลับพบว่าบุตรชายของตนพุ่งออกจากเรือนอย่างรวดเร็ว ยืนอยู่ด้านหลังจี้หยวน
“ชิงเอ๋อร์ เจ้าทำอะไร กลับมา!”
“ท่านจี้ ข้าอยากไปด้วย ข้าอยากไปดูจิ้งจอกแดงหน่อย ข้าไม่เคยเห็นจิ้งจอกมาก่อน ข้าไปดูด้วยได้หรือไม่ ข้ารับรองว่าจะเชื่อฟัง!”
“ชิงเอ๋อร์!”
“หึๆๆ… อาจารย์อิ๋นอย่าถือสา เสี่ยวอิ๋นชิงกำลังอยู่ช่วงวัยใสซื่อไร้เดียงสา อยากรู้อยากเห็นมากหน่อยก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล เอาอย่างนี้ ให้เขาตามข้าไปเรือนเล็กดูหน่อย ก่อนอาหารเย็นจะส่งเขากลับมาแน่!”
“ฮ่าๆๆๆ ดียิ่งนัก!”
อิ๋นชิงกระทืบเท้าดีใจ อิ๋นจ้าวเซียนยิ้มอักอ่วนเล็กน้อย
“เช่นนั้นต้องรบกวนท่านจี้แล้ว”
‘เจ้าลูกเวร เหตุใดไม่บอกให้พ่อพาเจ้าไปดูด้วย! พ่อก็อยากเห็นเหมือนกัน!!’
แต่เพื่อรักษาหน้าและกลัวความคิดของจี้หยวน ความคิดในใจนี้อิ๋นจ้าวเซียนไม่อาจกล่าวออกมา เสียดายมากถึงขั้นมองส่งจี้หยวนกับอิ๋นชิงจากไปด้วยความอิจฉาเสี้ยวหนึ่ง
…
ในลานเรือนสันติ จิ้งจอกแดงบนโต๊ะหินได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้จากนอกเรือน ได้ยินเสียงชัดกระจ่างของอิ๋นชิงถามเรื่องจิ้งจอกกับจี้หยวนอย่างสงสัยไม่หยุด ระวังตัวจนอยากลุกขึ้นมาอยู่บ้าง แต่ไม่หนีจากไป
ไม่นานจี้หยวนที่ถือเตายาหม้อยากับอิ๋นชิงที่สีหน้าตื่นเต้นเข้ามาในเรือนแล้ว
“เอ๋ ลุกขึ้นมาได้แล้วหรือ”
จี้หยวนวางใจลงเล็กน้อย เห็นจิ้งจอกตัวนี้ทำหน้าระแวงอิ๋นชิงก็ยิ้มพลางกล่าว
“จิ้งจอกแดงน้อย นี่คือบุตรของสหายข้าคนแซ่จี้ ไม่จำเป็นต้องกังวล เสี่ยวอิ๋นชิง นี่ก็คือจิ้งจอกแดง ตอนนี้มันบาดเจ็บหนัก ดังนั้นพยายามอย่ารบกวนมันพักผ่อนทั้งอย่าไปลูบมันเล่า รู้แล้วใช่หรือไม่”
“อืม รู้แล้ว!”
เด็กอย่างอิ๋นชิงไม่มีแรงต้านต่อจิ้งจอกแดงขนปุกปุยแม้แต่น้อย ผ้าพันแผลบนตัวกลับลดความข่มขวัญของจิ้งจอกในฐานะสัตว์ป่า
เขาเดินวนไปมาเดี๋ยวมองบนเดี๋ยวมองล่าง ดูจิ้งจอกโดยละเอียดรอบหนึ่งแล้วเกือบยื่นมือไปสัมผัส ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบแววตาจิ้งจอกจ้องมองอิ๋นชิง ไม่ผ่อนคลายความระวังตัวแม้แต่น้อย
ครู่หนึ่งอิ๋นชิงถามว่า ‘เจ็บหรือไม่’ สักพักตกใจถอยหลังด้วยจิ้งจอกแยกเขี้ยว จิ้งจอกแดงเหมือนเจอศัตรูผู้แข็งแกร่งจากนั้นค่อยแค่นเสียงดูถูกไม่สนใจอีก หนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกท่าทางเหมือนอยู่คนละช่องโดยสิ้นเชิงทำให้จี้หยวนเห็นแล้วขบขันนัก
…
หลังผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม ยาค่อนข้างมีสีเข้มจนเกือบดำสนิทชามหนึ่งปรากฏในมือจี้หยวน พิจารณาถึงกระเพาะใบน้อยของจิ้งจอก เขาตั้งใจเคี่ยวจนข้นหน่อย
“หงิงๆ…”
กลิ่นยาไม่น่าภิรมย์นัก แต่จี้หยวนจ้องมองอยู่ จิ้งจอกแดงจึงเลียชามยาซึ่งวางตรงมุมโต๊ะเข้าท้องโดยดี อิ๋นชิงที่มองอยู่ด้านข้างรู้สึกสนใจเท่าทวี คิดว่าจิ้งจอกตัวนี้ว่าง่ายยิ่งกว่าสุนัข
ในยานี้บรรจุปราณวิญญาณมากมายเช่นกัน ต้องให้จิ้งจอกแดงดื่มลงไปก่อนซ่านสลายอย่างรวดเร็ว ทั้งช่วยจิ้งจอกแดงดูดซับฤทธิ์ยาด้วย
สิ่งที่ทำให้เขาชื่นใจคือสุดท้ายก็ไม่ใช่สัตว์ป่าธรรมดา รักษาทันเวลากอปรกับมีปราณวิญญาณคอยช่วย อาการบาดเจ็บของจิ้งจอกแดงนับว่าทรงตัวอย่างแท้จริง
ใกล้เวลาอาหารพอดี หลังจากส่งอิ๋นชิงที่อาลัยอาวรณ์อยู่บ้างกลับบ้าน จี้หยวนจึงมีเวลาว่างไปกินอาหารมื้อแรกของวันนี้ ทั้งถือโอกาสสั่งเนื้อกลับมาให้จิ้งจอกกินด้วย
เรื่องแปลกว่าจิ้งจอกแดงกราบคนขอความช่วยเหลือบนถนน หมาบ้านเชื่อฟังคำแนะนำจากไปเอง กลายเป็นเรื่องพูดคุยน่าสนใจยามว่างหลังอาหารของคนหนิงอันช้าๆ
[1] ตะบันไฟ คือเครื่องจุดไฟแบบโบราณ ทำจากกระบอกไม้ไผ่อัดกระดาษมูลม้าหรือกระดาษฟาง จุดไฟด้วยการเปิดกระบอกและเป่าครั้งเดียว