เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 431 ที่มายอดเยี่ยม
ตอนที่ 431 ที่มายอดเยี่ยม
หลี่จินไหลตัวสั่นอยู่บนเรือนานมาก หญิงสาวบนเรือคอยดูแลเขาทั้งๆ ที่ตระหนกทำอะไรไม่ถูกครู่หนึ่ง ทว่านางไม่รู้เลยว่าจะจัดการอย่างถูกต้องอย่างไร จนกระทั่งมีเรือลำอื่นเข้ามาใกล้ ชาวประมงช่วยเหลือถึงทำให้ชายผู้นี้ได้รับความช่วยเหลืออย่างถูกต้องในที่สุด
เมื่อถอดเสื้อผ้าเปียกออก ใช้ผ้าขนหนูช่วยเขาเช็ดร่างกาย จากนั้นพันกายด้วยเสื้อผ้าสะอาด แล้วทำให้เขาคายน้ำออกจากท้อง ก่อนจะเติมน้ำแกงโสมเข้าไปสองคำ ถึงทำให้หลี่จินไหลมีสภาพดีขึ้นได้เสียที
คืนที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความหวังกลับกลายเป็นคืนที่จิตวิญญาณไม่สงบสุข หลี่จินไหลขอบพระคุณชาวประมงที่มาช่วยตนเองอย่างแท้จริง อีกทั้งมอบเงินครึ่งพวงให้แทนคำขอบคุณ เขารู้ว่านี่อาจเป็นบุญคุณช่วยชีวิตของจริง
ชาวประมงผู้นั้นได้รับเงินครึ่งพวงย่อมอารมณ์ดีมาก จึงให้พี่น้องบนเรือตนเองพายเรือตาม เขาช่วยหลี่จินไหลบังคับเรือเข้าฝั่ง ด้วยสภาพของหลี่จินไหลในตอนนี้ พายเรือไม่ไหวแน่นอน
ทันทีทีเรือประดับโคมของหลี่จินไหลเทียบท่า ชาวประมงที่ช่วยเหลือคนผู้นั้นจากไปอย่างปีติ ถึงอย่างไรเสียก็ไม่ได้ลงน้ำช่วยคน อีกฝ่ายเพียงไร้เรี่ยวแรงปีนขึ้นมาและเกือบแข็งตาย ลงแรงช่วยเหลือแล้วได้เงินครึ่งพวงถือว่ากำไรนัก
หลี่จินไหลนถูกห่อด้วยผ้าห่มหนาสองผืนอยู่บนเตียงนุ่มๆ ของเรือประดับโคม หญิงสาวดูแลเขาอยู่ด้านข้าง ตอนนี้ทั้งสองคนสงบใจได้แล้ว ทำอะไรแล้วไม่ตระหนกและลนลานอีก
ท่าเรือจังหวัดชุนฮุ่ยในเวลานี้ค่อนข้างเงียบ เรือบุปผา เรือประดับหอ เรือประดับโคมเหล่านั้น และเรือน้อยใหญ่ส่วนใหญ่เคลื่อนเข้าสู่ฝั่งแล้ว
ครั้นชาวประมงผู้ช่วยชีวิตจากไป หลี่จินไหลที่เดิมทีตัวสั่นสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตั้งสติขึ้นมาได้แล้ว เขามองไปข้างนอกก่อน จากนั้นมองสตรีที่อยู่ข้างกาย
“เสี่ยวอวี้ คนผู้นั้นบอกว่าข้าปีนขึ้นเรือเอง เจ้าคิดว่าอย่างไร”
หญิงสาวยังคงนึกกลัว
“ขะ ข้าบอกเขาว่าตอนนั้นข้ากลัวมาก คิดว่าท่าต้องจมน้ำตายแล้ว ตอนดึงสติกลับมาได้ท่านกลับอยู่บนเรือแล้ว”
นางพูดความจริงทั้งหมด ทว่าหลี่จินไหลฟังแล้วปรบมือหนึ่งครั้ง
“พูดได้ดี! ที่แท้เป็นเช่นนี้!”
หลี่จินไหลรู้สถานการณ์ของตนเอง ยื่นมือจับหน้าผาก ตรงที่ถูกเก้าอี้กระแทกทั้งแดงทั้งบวม กระแทกจนเจ็บไปหมด
“ซี้ด…”
หญิงสาวเห็นดังนั้นแล้วไม่กล้ามองเขา
“คุณชายหลี่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”
“นี่ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่แน่ว่าข้าถูกกระแทกครั้งนี้อาจเป็นเรื่องดียิ่ง!”
หลี่จินไหลโบกมือ บนใบหน้ามีความรู้สึกตื่นเต้น อีกทั้งไม่ได้ตำหนิอะไรนางทั้งสิ้น เขาเลิกผ้าห่มที่ห่อจนมิดตัวโดยตลอดออก ดึงถุงผ้าไหมสีแดงที่แขวนอยู่กับคอออก จากนั้นเปิดออกอย่างระมัดระวัง เผยให้เห็นเวทที่อยู่ข้างใน
หญิงสาวมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลี่จินไหลกางเวทออก เห็นแสงสีเขียวจางๆ บนนั้นกะพริบ
“สำเร็จแล้ว! ฮ่าๆๆๆ…”
หลี่จินไหลหัวเราะระลอกหนึ่ง จากนั้นพลันหยุดหัวเราะ หันซ้ายหันขวาชำเลืองมองหน้าต่างเรือประดับโคม ด้วยรู้สึกว่าตนเองไม่ควรได้ใจอยู่บนเรือ อย่างน้อยต้องกลับบ้านก่อนถึงจะใช้ได้ เขารีบเก็บเวทเข้าไปในถุงผ้าไหม ทว่าปิดบังความยินดีบนใบหน้าอย่างไรก็ปิดไม่มิด
“หึๆ เสี่ยวอวี้ คืนนี้เจ้าช่วยข้าทำงานใหญ่แล้ว อีกสองวัดข้าจะช่วยเจ้าไถ่ตัว แต่งเจ้ากลับไปเป็นอนุ”
หญิงสาวเผยสีหน้าปีติ สตรีอย่างพวกนางดูเหมือนสง่างดงาม แต่อย่างไรเสียก็เป็นนางโลม ไถ่ตัวออกไปได้เร็วหน่อยแทบเป็นความใฝ่ฝันของทุกคน
“จริงหรือ”
“จริงแน่นอน ข้าเคยหลอกเจ้าเมื่อไหร่”
หลี่จินไหลคลึงมือนาง ปากยิ้มชอบใจ ในใจคิดถึงเรื่องดีงามอย่างอื่น
ข้างเรือประดับโคมที่จี้หยวนและไป๋ฉีอยู่ ปลาชิงฮื้อกลับถึงที่นี่แล้ว กวนผิวน้ำข้างใต้เรือจนเกิดคลื่นเป็นวงกว้าง
“ปลาชิงฮื้อเจ้าสุดยอดมาก! ช่วยคนได้อีกแล้ว!”
หูอวิ๋นยื่นอุ้งเท้าเขี่ยน้ำ ในแววตาและปากล้วนเป็นคำชม แม้หูอวิ๋นรังเกียจคนมากเป็นบางครั้ง หรืออาจเรียกได้ว่าเกลียดคนบางกลุ่ม แต่ได้รับการขัดเกลาจากจี้หยวนเนิ่นนานแล้ว แนวคิดเรื่องความถูกผิดชัดเจนมาก ปลาชิงฮื้อก็เช่นเดียวกัน
“บุ๋งๆๆๆ…”
ปลาชิงฮื้อในน้ำเหมือนกับตอบรับด้วยฟองอากาศ ส่ายร่างและหางท่ามกลางคลื่นน้ำ ราวกับกำลังตอบว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อย
“ท่านจี้คิดเห็นอย่างไร”
เดิมทีไป๋ฉีไม่รู้สึกว่าคนตกน้ำจะมีอะไรพิเศษ ทว่าสะกิดใจเพราะ ‘ละคร’ ของสตรีผู้นั้น ตอนปลาชิงฮื้อประคองชายตกน้ำขึ้นฝั่ง เขากลับเห็นบนร่างชายที่ตกน้ำไร้สติส่องแสงธรรมเล็กน้อย ชัดเจนว่าเตรียมการไว้แล้ว
จี้หยวนมองไป๋ฉี
“ท่านไป๋เป็นเทพแม่น้ำวสันต์ เรื่องที่เกิดในแม่น้ำ ย่อมต้องให้ท่านเป็นผู้ตัดสินใจ”
…
เช้าวันต่อมา หลี่จินไหลนำถุงผ้าไหมเดินผ่านตรอกซอกซอยในตัวเมืองจังหวัดชิงฮุ่ยอย่างอารมณ์ดี มุ่งหน้าไปยังที่พักของนักพรตผู้นั้น
ไม่นานนักหลี่จินไหลก็ถึงตรอกใบหลิวที่ค่อนข้างเงียบ พบเรือนหลักใหญ่งดงาม บนประตูหน้าไม่ได้ทาสีแดงหรือสีอื่นๆ เหมือนกับบ้านทั่วไป ทว่าวาดภาพที่เรียบง่ายไว้สองภาพ ภาพหนึ่งเป็นสัตว์ประหลาดมีเขี้ยว อีกภาพหนึ่งเป็นนกทั่วไปตัวหนึ่ง
ก๊อกๆๆ…
หลี่จินไหลเคาะประตู หลังจากรออยู่ครู่หนึ่งแล้วได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมา จากนั้นได้ยินเสียงถอดสลักออกจากประตูด้านใน คนที่เปิดประตูให้เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบสี่สิบห้าปี สวมเสื้อผ้าไหมสีเขียว ปลายแขนเสื้อพลิ้วไหวเหมือนเมฆ บนศีรษะประดับกวนเสียบปิ่นหยกที่คุณภาพไม่เลว ท่าทางสะอาดสะอ้าน ดูแล้วสง่างามยิ่งนัก
“โอ้ ขอบคุณอาจารย์น้อยที่เปิดประตูให้ ข้าคนแซ่หลี่มารบกวนอีกแล้ว!”
หลี่จินไหลไม่กล้าวางอำนาจ รีบโค้งกายคารวะเด็กหนุ่ม
“อืม เข้ามาเถอะ อาจารย์อยู่ข้างในแน่ะ!”
เด็กหนุ่มพยักหน้าให้หลี่จินไหลแล้วเปิดประตู เมื่อหลี่จินไหลเข้ามาแล้วก็ปิดประตู
แม้เรือนหลังนี้ไม่มีศาลาหรือหอหรูหรา แต่ก็มีลานหน้าลานหลังและเรือนพักหลายหลังมาก เมื่อถึงลานหลังแล้วก็มีกลิ่นกำยานเจือจางสายหนึ่งโชยมา
ภายในเรือนพักหลังหนึ่งของลานหลัง ชายชราในชุดคลุมยาวดูเหมือนเซียนอาวุโสนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกลม ตรงหน้าวางไว้ด้วยโต๊ะตัวเล็ก บนนั้นมีเตากำยาน กาน้ำชา และจอกชา ธูปก้านหนึ่งถูกจุดแล้ว ส่วนเขามีท่าทางสบายใจสงบนิ่ง
หลี่จินไหลมาถึงแล้วเห็นภาพนี้ ในใจตื่นเต้นอยู่หลายส่วน อยากรีบเร่งฝีเท้า ทว่ายังคงเดินตามเด็กหนุ่มที่ไม่รีบไม่ร้อน ไม่กล้าเดินนำเขาไปข้างหน้า
ไม่นานนักสองคนก็มาถึงหน้าเรือน เด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างนอกแล้วกล่าวกับข้างในอย่างนอบน้อม
“อาจารย์ ท่านหลี่มาขอรับ”
“อืม!”
ชายชราลืมตาขึ้นเล็กน้อย มองหลี่จินไหลที่มีสีหน้าเป็นสุข
“เห็นทีท่านหลี่ได้ผลลัพธ์แล้วกระมัง”
ความยินดีของหลี่จินไหลปะทุขึ้นมาอีก เผยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
“ขอบคุณไต้ซือที่มอบเวทให้ข้า เมื่อคืนข้าแสร้งเป็นคนตกน้ำในแม่น้ำวสันต์ เกือบแสร้งทำจนเป็นเรื่องจริง ทว่าน่าจะดึงดูดปลาเทพตัวนั้นมาได้ในที่สุด อีกทั้งช่วยข้าขึ้นเรือด้วย นี่คือเวท”
พูดแล้วหลี่จินไหลก็หยิบถุงผ้าไหมที่แขวนด้วยเชือกสีแดงไว้ออกมา เดินเข้าไปใกล้ผู้ชราหลายก้าว ยื่นให้เขาด้วยสองมือ
ชายชรายิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปรับถุงผ้าไหมมา จากนั้นเปิดออกเพื่อตรวจดูเวท เห็นบนนั้นมีแสงสีเขียวเลือนรางไหลเวียนอยู่จริง จึงมีสีหน้าประหลาดใจอย่างชัดเจน
‘มีปลาเทพช่วยคนจริงๆ หรือนี่’
ทว่าความประหลาดใจในดวงตาปรากฏเพียงพริบตาเดียว และเพราะก้มหน้ามองเวท หลี่จินไหลจึงมองไม่เห็นภาพนี้
“อืม ติดแสงวิญญาณมากจริงๆ หากเจ้าพบนายช่างที่แกะสลักรูปปั้นปลาได้ จากนั้นซ่อนเวทนี้ไว้ในท้องปลา หมั่นกราบไหว้หน่อย เช่นนั้นแล้วปลาเทพจะรับรู้ได้เอง”
พูดแล้วชายชราก็ส่งเวทในมือคืนหลี่จินไหล ฝ่ายหลังรับไว้แล้วประสานมือคารวะปลกๆ
“ขอบคุณมาก ขอบคุณไต้ซือที่ชี้แนะ ขอบคุณไต้ซือจริงๆ นี่เป็นของตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าท่านจะชอบ!”
หลี่จินไหลหยิบตั๋วเงินของธนาคารท้องถิ่นออกมาจากในช่องแขนเสื้อ ที่เขียนไว้บนนั้นคือสิบตำลึงเงิน
“อืม ศิษย์ข้า”
ชายชราเรียกเสียงหนึ่ง เด็กหนุ่มข้างๆ รีบรับตั๋วเงินไว้แทน จากนั้นวางลงในกล่องเล็กด้านข้าง ก่อนจะพาหลี่จินไหลที่ร้อนใจอยากกลับบ้านไปตามหานายช่างจากไป
เมื่อสองคนไปแล้ว ชายชราท่าทางเหมือนเซียนลุกขึ้นขากเบาะทรงกลมทันที อีกทั้งขยับโต๊ะหนังสือ ทำให้กาน้ำชาและจอกชาบนนั้นกระทบกัน
เขาเดินไปถึงข้างกล่องเล็กแล้วเปิดออก หยิบตั๋วเงินออกมามองอย่างละเอียด ด้วยจำตราประทับสีแดงละการลงนามบนนั้นได้ รวมถคงลวดลายที่ละเอียดลออเหล่านั้น จึงแน่ใจว่าเป็นตั๋วเงินของจริง
เห็นตั๋วเงินแม้เป็นความสุขมากอย่างแท้จริง ทว่าในใจกลับเจ็บปวดเล็กๆ อย่างน่าประหลาด
‘เฮ้อ หากไม่ใช่เพราะอยู่ที่เมืองหลวงต่อไปไม่ได้จริงๆ ข้าไหนเลยจะชายตาแลสิบตำลึงเงิน!’
“เฮ้อ…”
ในใจคิดเช่นนั้น ภายนอกถอนหายใจด้วยเช่นกัน
“ฮ่าๆ ไต้ซือท่านนี้เพิ่งรับเงินมากมาย มีอะไรน่าถอนใจกัน”
เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น ทำให้ชายชราตัวสั่นตามสัญชาตญาณ จากนั้นตั้งสติได้ในพริบตาเดียว เขาหันกายไปพร้อมใบหน้าราบเรียบปนอารมณ์โกรธน้อยนิด มองเห็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมผ้าไหมยืนอยู่ข้างนอกเรือน
“ข้าทอดถอนใจให้โลกมนุษย์ โลภในเงินตราเช่นนี้ วันนี้จ่ายเงินก็เพื่อเงินที่จะเข้ากระเป๋ามากขึ้นในอนาคต เฮ้อ…”
ครั้นส่ายหน้าและถอนใจแล้ว ชายชราตั้งใจพิจารณาผู้มาเยือน จากนั้นถามว่า
“ท่านเป็นใคร แม้ข้าคนแซ่ตู้รู้แล้วว่าท่านเข้ามาในลาน ทว่าเข้ามาโดยไม่ส่งเสียงเช่นนี้ ถือว่าเสียมารยาทอยู่บ้างกระมัง”
บุรุษข้างนอกเรือนพยักหน้า ยิ้มพลางกล่าว
“เป็นเช่นนั้นจริง ข้ามีนามว่าไป๋ฉี เป็นเทพแม่น้ำเทียมฟ้า ไม่ทราบว่าท่านชื่อว่าอะไร”
ไป๋ฉีมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าคนตรงหน้ามีมรรควิถีต่ำต้อย และเห็นท่าทางเขาที่มีต่อเงินทอง ยิ่งไม่อาจเป็นผู้สูงส่งอะไร
“ฮ่าๆๆๆๆๆ…เทพแม่น้ำเทียมฟ้า? ฮ่าๆๆ…เจ้าหนุ่ม เจ้าอย่าล้อเล่นให้ข้าหัวเราะเลย!”
ชายชรากุมท้องหัวเราะก่อนยืดตัวตรง เขามองเห็นชัดเจนว่าชายวัยกลางคนในชุดคลุมผ้าไหมตรงหน้าเป็นมนุษย์คนหนึ่ง อย่างมากเป็นวรยุทธ์ แต่กลับบอกว่าเป็นเทพแม่น้ำเทียมฟ้าหรือนี่
ไป๋ฉีมองเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม รอจนชายชราสงบลงก่อน
ความจริงวิธีที่ชายชราชี้แนะหลี่จินไหลเมื่อครู่ไม่ได้ส่งผลร้ายอะไรต่อชิงชิง ถึงขนาดมีผลดีอย่างแน่นอน แม้ประโยชน์ไม่นับว่ามากเพราะเกี่ยวข้องกับความโลภ ทว่าก็มีอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับหลี่จินไหลผู้นั้นแม้แต่นิดเดียว อืม อาจปลอบโยนจิตใจได้เล็กน้อย ทำให้ใจกล้ามากหน่อย ไป๋ฉีจึงไม่รีบไม่ร้อน รอชายชราผู้นี้กล่าวความ
ชายชรามองไป๋ฉี คาดว่าเป็นผู้มีวรยุทธ์ติดตัว คิดในใตว่าต้องระวังและถอยห่างจากเขา
“หึๆ ข้าผู้ชราเรียนรู้จากจี้หยวนผู้เป็นเซียน เป็นถึงปรมาจารย์ที่ฮ่องเต้องค์ก่อนของต้าเจินแต่งตั้ง หรือเรียกว่านักพรตตู้!”
พูดจบแล้วชายชราพอใจยิ่งนักที่เห็นบุรุษตรงหน้าเปลี่ยนเป็นมีสีหน้าตื่นตะลึง เดิมคิดว่ายังต้องใช้ ‘วิธีการ’ บางอย่าง กลับคิดไม่ถึงว่าจะตกใจเช่นนี้
ไป๋ฉีมีสีหน้าแปลกใจจนยากปิดบัง จากนั้นหลุดหัวเราะ
“เรียนรู้จาก…ท่านจี้?”