เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 436 ในเมฆลึกไม่รู้จักเกาะหมอกเซียน
ตอนที่ 436 ในเมฆลึกไม่รู้จักเกาะหมอกเซียน
โบกสะบัดกระบี่ตามใจชอบอาจพลาดทำให้ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนบาดเจ็บ ประกายกระบี่ที่จี้หยวนแสดงออกมาความจริงไม่ได้กวาดไปโดยเลียบสันเขา ทว่ามีอานุภาพที่พุ่งขึ้นสู่ด้านบน เป้าหมายหลักๆ คือเพื่อกวาดล้างหมอกลวงไปจนถึงสั่นสะท้านปีศาจและมาร ขณะเดียวกันก็บอกผู้ฝึกเซียนที่ถูกกักไว้ภายในว่ากำลังเสริมมาแล้ว
ตรงที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขาร้อยลี้ ปีศาจมารประมือกับผู้ฝึกเซียนชุลมุน ภายในภูเขามีร่องขนาดใหญ่กำลังพ่นปราณชีพจรดินปนเปื้อนพิษชั่วร้ายออกมา หมอกดำที่ปกคลุมท้องฟ้านั้นนอกจากเป็นปราณปีศาจและปราณมารแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเป็นปราณชีพจรดินปนเปื้อนพิษชั่วร้าย
ฝั่งซ้ายและขวาของร่องที่ไม่รู้ว่าลึกแค่ไหน มีค่ายกลสีดอกเหมยขนาดใหญ่กำลังทอแสง มีจุดแสงทั้งหมดสิบสองจุด ทุกจุดล้วนมีผู้ฝึกปราณสามสี่คนนั่งขัดสมาธิอยู่ ใช้พลังส่งเสริมค่ายกลนี้
ค่ายกลขนาดใหญ่นี้ทั้งใช้ปกป้องคนที่อยู่ภายใน พร้อมกันนั้นใช้กดกลั้นชีพจรดินชั่วร้าย
ส่วนโดยรอบนอกจากหินผามีเกล็ดหิมะเกาะและต้นไม้ที่โค่นลงแล้ว ยังมีจุดที่เป็นหลุมเป็นบ่ออยู่มากมาย บ้างมีไฟลุกโชน บางมีผลึกน้ำแข็ง ยิ่งมีศพปีศาจและมารจำนวนไม่น้อยกระจายอยู่ภายใน มีทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ บางตัวถูกไฟเผา บางตัวถูกตัดศีรษะ ไม่ว่ารูปแบบการตายแบบไหนล้วนมี เห็นแล้วน่าประหวั่นพรั่นพรึง
รอบข้างล้วนมีเสียงลมเหมือนผีร้องโหยหวนและเสียงปีศาจร้อง ส่งเสียงหวีดหวิวน่ากลัดกลุ้มใจ
ครืน
ยอดเขาขนาดเล็กถล่มลง อุ้งเท้ามีขนปุกปุยยิ่งใหญ่ทำลายยอดเขาเป็นเสี่ยงๆ หินยักษ์บนยอดเขากระเด็นไปทางค่ายกลสีดอกเหมย
ตูม…
หินยักษ์ระเบิด ค่ายกลสีดอกเหมยแข็งแกร่งราวกับหินไม่ขยับเขยื้อน ทว่าผู้ฝึกปราณตรงใจกลางนั้นขมวดคิ้ว ลมหายใจไม่มั่นคงอย่างชัดเจน
“อาจารย์ เหตุใดพวกมันไม่จู่โจมพวกเรา หรือว่าถูกพวกเราฆ่าจนนึกกลัวแล้ว”
ใจกลางค่ายกลสีดอกเหมย ผู้ฝึกปราณหนุ่มถามอาจารย์ที่อยู่ข้างๆ ฝ่ายหลังมองรอบข้างแล้วมองข้างกาย ส่ายหน้าพลางกล่าว
“ไม่ใช่ ปีศาจและมารที่ตั้งใจต่อสู้ก่อนหน้านี้ไม่นับว่าเก่งเท่าไหร่ ตั้งใจผลาญพลังของพวกเราตั้งหาก ปราณชั่วร้ายชีพจนดินตรงนี้สาหัสนัก แม้แต่ปีศาจที่คิดใช้ปราณชั่วร้ายเพิ่มพูนพลังฝึกปราณก็ไม่อาจทนรับไว้ได้โดยสมบูรณ์ ค่ายกลใหญ่ของพวกเราอยู่ตรงนี้ เท่ากับช่วยพวกมันกดกลั้นปราณชั่วร้ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม”
“อะไรนะ!?”
ผู้ฝึกปราณหนุ่มแทบลุกขึ้นจากท่านั่งสมาธิ เขาไม่อาจรับความจริงนี้ได้
“วะฮะฮ่าๆๆ…ฮ่าๆๆๆๆ…คิดไม่ถึงเลยว่าเซียนผู้นี้จะมองออก ฮ่าๆๆๆๆๆ…”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ…”
“ฮิๆๆๆๆๆ…”
“อ๊ากฮะฮ่าๆๆ…”
เสียงหัวเราะมากมายดังขึ้นตรงที่ไกลซึ่งมืดมิดไม่เห็นสีท้องฟ้าในทันที แหลมแสบแก้วหูเสียจนผู้ฝึกปราณที่พลังฝึกปราณค่อนข้างน้อยจำนวนหนึ่งมีจิตใจไม่มั่นคง
“อ๊ากฮ่าๆๆๆ…ตอนพวกเจ้าอาศัยพลังค่ายกลเป็นเต่าหดหัวในกระดองอยู่ที่นี่ สำนักของพวกเจ้าถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว ผู้ฝึกปราณที่อยู่ข้างในนั้นตายหมดไม่มีเหลือแล้ว!”
“ใช่ๆ แม้พลังปราณน้อย แต่อย่างไรจิตวิญญาณเซียนก็บริสุทธิ์ เสริมพลังได้อย่างแท้จริง!”
“ถูกต้อง โดยเฉพาะเด็กชายและเด็กหญิงเหล่านั้น เนื้อนุ่มนิ่ม เป็นสิ่งเสริมกำลังได้มากเลย!”
“ฮ่าๆๆๆๆ…”
เสียงหัวเราะของมารดังต่อเนื่อง ลอยเข้าหูผู้ฝึกเซียนทั้งกลุ่ม ผู้ฝึกปราณไม่น้อยมีประสบการณ์รีบปิดกั้นไว้ทันที ป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบถึงจิตใจ
“ชั่วช้านัก!”
ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งทำได้เพียงต่อว่าเสียงเบา ทว่าไม่อาจออกจากค่ายกลได้ พวกเขาล้วนรู้ว่าข้างนอกมีปีศาจมากมาย และเพราะค่ายกลใหญ่ควบคุมไว้อยู่ ชีพจรดินชั่วร้ายใกล้พื้นดินตรงนี้จึงเข้มข้นที่สุด
ไม่ว่าต่อสู้กับกลุ่มปีศาจหรือเร้นกายอยู่ในพิษร้ายเป็นเวลานาน ล้วนเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
ถึงสำนักถูกทำลายจริง โมโหตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
“หึๆ หัวเราะไปเถอะ กำเริบไปเถอะ…”
ผู้ฝึกปราณในค่ายกลสีดอกเหมยกัดฟันแค่นหัวราะ ปีศาจกลุ่มนี้มีจำนวนมาก ถึงขนาดมีตัวตนที่น่ากลัวยิ่งกว่าซ่อนเร้นอยู่ภายในไม่น้อย
เดิมทีชีพจรดินปริแตกต่อให้ดึงดูดปีศาจมาได้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีความชั่วร้ายอยู่มากมายขนาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีสิ่งที่น่ากลัวมากกว่านี้อยู่ท่ามกลางพวกมัน
ถึงจะเป็นเช่นนั้น ผู้ฝึกปราณทั้งหมดก็ยังไม่หมดหวัง เพราะพวกปีศาจไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นเพียงสำนักรองที่อยู่บริเวณนี้ ความจริงแล้วเป็นสาขาหนึ่งของเกาะหมอกเซียน
แม้ถูกขังอยู่ในภูเขาลูกใหญ่ แม้สำนักสายตรงทางนั้นอาจล่มสลายไปแล้ว แต่ยังคงมีวิธีทำลายยันต์ชีวิตเพื่อบอกเกาะหมอกเซียนว่ามีภัย ต่อให้พวกเขาตายไปตอนนี้ กลางภูเขาจะเกิดสายฟ้าฟาดเหล่าปีศาจอย่างแน่นอน
ทว่าตอนนี้ต้านไว้ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น!
บนยอดสูงแห่งหนึ่งของภูเขาลูกใหญ่ มีเงาร่างที่ถูกปราณสีดำพัวพันเอาไว้ ภายนอกเหมือนขุนนางรูปงาม ผิวพรรณเครื่องหน้าล้วนดีเยี่ยม ทว่ามีความรู้สึกน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ข้างๆ เขายืนไว้ด้วย ‘คน’ หลายรูปแบบ เมื่อมองดูยอดเขารอบๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง มีปีศาจต้องการแปลงกายเป็นคนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
“‘เซียน’ ที่ว่าเหล่านั้นเหมือนจะสงบนิ่งมากเลยนะ”
“ฮ่าๆ ผู้ฝึกเซียนล้วนฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจ แม้พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มของสำนักย่อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็อาจถูกพวกเราทำลายจิตใจด้วยคำพูดไม่กี่คำของพวกเรา ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะปลอบใจตัวเองอย่างแน่นอนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับสำนัก แม้ว่าความจริงมันจะถูกทำลายราบคาบแล้วก็ตาม”
“ฮ่าๆๆๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ช่วยพวกเราผนึกชีพจรดิน รอสมควรแก่เวลาแล้วค่อยสังหารพวกเขา”
ได้ยินมารและปีศาจข้างๆ พูดพลางหัวเราะเสียงดัง หัวหน้ามารที่มีหน้าตาหล่อเหลาทีเดียวเผยรอยยิ้มจาง เอ่ยเสียงเย็นขึ้นว่า
“พวกเขากำลังรอโอกาสอยู่แน่ๆ”
“โอกาสอะไร”
คนข้างๆ ถาม ฝ่ายหัวหน้ามารรูปหล่อแค่นหัวเราะ
“ย่อมเป็นโอกาสโต้กลับ ไม่เช่นนั้นตั้งใจอดทนสิ้นเปลืองพลังอยู่ข้างล่าง ยังมิสู้บุกออกมาสู้กับพวกเราสักตั้ง แม้ผู้ฝึกเซียนจะมีร่างเลื่อนลอย ทว่าก็มีเลือดเนื้ออยู่บ้าง”
“โอกาส ฮ่าๆ พวกเขายังมีโอกาสอยู่หรือ”
มีปีศาจแปลงกายข้างๆ หัวเราะเย้ย
“ภายในรัศมีหลายพันลี้ไม่มีสำนักเซียน เทพภูเขาลูกนี้ก่อนหน้านี้อยากรวบรวมชีพจรดิน ทว่าถูกพวกเราฉีกร่างไปแล้ว รอบข้างแทบไม่มีมรรคสายตรง โอกาสของพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน”
ลึกเข้าไปในดวงตาชายรูปงามปรากฏประกายมืดมิด เขากวาดสายตามองไปรอบๆ
“ฮ่าๆๆ นั่นก็ต้องลองคอยดู อย่างไรเสียข้าก็คาดหวังมากทีเดียว”
ทันใดนั้นเอง
ซ่า…
ประกายกระบี่จ้าตาส่องสว่างจากที่ไกล พริบตานั้นปราณกระบี่กวาดล้าง ความมืดแถวนี้เหมือนกับม่านที่ถูกเปิดออกเมื่อปราณกระบี่ผ่านไป
ตูม…
ตูม…
ตูม…
ตูม…
…
ประกายกระบี่กวาดยอดเขามากมาย ยอดเขาตรงที่ประกายกระบี่ไปถึงระเบิดออกไปทั่วทุกทิศทาง
“อ๊าก…”
“นี่คืออะ…”
“หนีเร็ว…”
“หนี…”
ชิ้ง…
แม้ประกายกระบี่จะกวาดไปในแนวตั้ง แต่รัศมีทำลายล้างกลับไม่น้อย กอปรกับมีความเร็วที่เร็วยิ่ง บนยอดเขาหลายลูกขอเพียงมีปีศาจยืนอยู่ ขอเพียงมรรควิถีไม่พอหลบไม่ทัน ส่วนใหญ่ล้วนตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปีศาจบนยอดเขาตรงส่วนท้ายแทบเผชิญหน้ากับประกายกระบี่เซียนโดยตรง พลังทำลายล้างไร้เทียมทานพรรค์นั้น แค่มองเห็นก็มอบความความสะท้านไปถึงกระดูก ทำให้ร่างกายของปีศาจมากมายแข็งค้างขยับไม่ได้
โกลาหลอยู่ครู่หนึ่ง ประกายกระบี่เฉียดปลายเขากวาดไปทางท้องฟ้าไกลออกไป ปีศาจจำนวนหนึ่งตัวสั่นคุกเข่าอยู่บนภูเขา มองประกายกระบี่ไกลๆ ทะลวงความมืดด้วยใจหวาดกลัว
แต่นี่ไม่ใช่จุดจบ ทันใดนั้นแสงจ้าไร้สิ้นสุดก็ขยายวงกว้างบนเทือกเขา หมอกรุ้งหลายสายพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ขจัดความมืดมัวไปจนหมดสิ้น เทือกเขาทั้งผืนปรากฏแสงงดงามหลากสีสัน ส่องสว่ายอดเขาและผืนแผ่นดินที่นี่
“ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนจงฟัง สังหารปีศาจที่นี่ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณหรือร่างกาย!”
หมอกรุ้งหลายสายกางออกบนท้องฟ้าเหนือเทือดเขา แสงทุกสายล้วนมีผู้ฝึกปราณกาะหมอกเซียนหนึ่งถึงสามคน บ้างปัดเป่าด้วยธรรม บ้างหยิบอาวุธออกมา บ้างโคจรวิชาอภินิหาร แสงธรรมสาดส่องออกมาทันที แผดเผาปีศาจที่กำลังตื่นกลัวเพราะประกายกระบี่เมื่อครู่จนเป็นเถ้า
ครืน…
ท้องฟ้ามีเมฆดำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเมฆฝนรวมตัว
เปรี้ยง…ตูม…
เปรี้ยง…เปรี้ยง…ตูม…
สายฟ้าสายแล้วสายเล่าผ่าลงมา กวาดล้างยอดเขาทุกพื้นที่
ในที่สุดปีศาจที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง บ้างสาวเท้าวิ่ง บ้างเข้าต่อสู้กับผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียน
ตรงอาคมสีดอกเหมยแถวรอยแตกข้างล่าง ผู้ฝึกปราณที่ยังมีโชคดีอยู่บ้างมองแสงสายฟ้าและหมอกรุ้งทั่วท้องฟ้า ทุกคนมีความมั่นใจมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“เกาะหมอกเซียนมาช่วยแล้ว!”
บนยอดเขาหลายลูกมีปีศาจที่มีประสบการณ์อยู่บ้าง ผู้นำมารที่เหมือนกับชายหนุ่มรูปงามประหลาดใจเล็กน้อย พร้อมกับมองประกายหมอกและแสงสายฟ้าที่ถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นน้ำ
“ที่มาคือเกาะหมอกเซียนแห่งทะเลบูรพาหรือ”
ชื่อเสียงของคนก็เหมือนเงาของต้นไม้ เกาะหมอกเซียนมีชื่อเสียงไม่น้อย ในหมู่ปีศาจและมารก็เคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน ปีศาจจำนวนหนึ่งตีกลองถอยแล้ว ทว่ามีบางตนดูดซับพิษชั่วร้ายกำลังฝ่าออกไป ยิ่งถูกกระตุ้นจนบ้าคลั่งถึงขีดสุด
“เกาะหมอกเซียนแล้วอย่างไร ตรงนี้มีปีศาจและมารอยู่มาก ตัวเล็กตัวใหญ่ก็มีไม่น้อย แม้ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนมาแล้วก็ต้องตายอยู่ที่นี่! โฮก…”
ท่ามกลางเสียงคำรามดุร้าย ร่างกายของปีศาจตนนี้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปราณปีศาจอบอวลปรากฏให้เห็นร่างเดิมแล้ว เป็นหมียักษ์ขนาดเท่าภูเขาลูกย่อมๆ
“โฮก…”
กรงเล็บขนาดใหญ่พาแสงสีดำตบออกไปอย่างแรง ถูกประกายแสงสองสายที่เข้ามาพอดี
ตึง…
ตูม…
สองเสียงดังสนั่นแทบไม่มีช่องว่าง เป็นเสียงของผู้ฝึกเซียนสองคนถูกตบจนลอยหวือไปกระแทกยอดเขา
เหตุการณ์นี้ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกเซียนมากมาย มีสายฟ้าหลายสายฟาดใส่ร่างหมียักษ์โดยพลัน
เปรี้ยงๆๆๆ…
ครืน…
ตูม…
ตูม…
พื้นดินสองข้างของหมียักษ์พลันมีกำแพงดินเกิดขึ้นมา กักมันไว้ระหว่างกลาง สายฟ้าหลายสายผ่าใส่ร่างจนชาหนึบ จากนั้นมีประกายหมอกหลายกลุ่มพาลมจากท้องฟ้ากวาดมา ลอกผิวหนังเฉือนเนื้อเสียดกระดูก…
ที่ผู้อาวุโสเซียนลงมือมีทั้งหมดสามคน จี้หยวนและชายชราผู้นำกลุ่ม ไปจนถึงบัณฑิตผู้นั้น รวมถึงหญิงสาวคนหนึ่งล้วนลงไปที่ยอดเขาสูงแห่งหนึ่งเพื่อมองดูข้างล่าง สายตาของพวกเขากวาดมองยอดเขาที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ในหมอกดำ
“ปีศาจก็คือปีศาจ ไม่ขอฝึกปราณอย่างหนัก ทว่าใช้ปราณชั่วร้ายพรรค์นี้ช่วงทะลวงระดับขั้น ไม่ช้าก็เร็วต้องได้รับเคราะห์เป็นเท่าทวี”
“ศิษย์พี่ ที่มืดรอบๆ นี้เกรงว่าจะมีจอมมารมหาปีศาจอยู่หลายตน”
ได้ยินหญิงสาวกล่าวแล้ว ชายชราพยักหน้ากล่าว
“อืม การกำจัดสิ่งชั่วร้ายให้หมดไป พวกเราก็ต้องลงมือด้วย ขอท่านจี้ประจำการอยู่ที่นี่ก่อน คุมกระบี่คอยช่วยเหลือดีที่สุด”
“ได้!”
จี้หยวนรับปากอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความไม่พอใจเพราะตนเองไม่ได้ลงมือด้วยเลยสักนิด อีกทั้งมองส่งประกายหมอกสามสายรอบกายจากไป พุ่งตรงไปยังยอดเขาด้านข้าง
จี้หยวนใช้ตาทิพย์มอง ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนตอนนี้มีรูปแบบเป็นอย่างยิ่ง ใจกลาง รอบนอก ไปจนถึงผู้ฝึกเซียนทุกคนแห่งหลายคนแทบรักษาความสม่ำเสมอเอาไว้ ผู้อาวุโสหกคนแยกกันเหาะไปในหกทิศทาง ค่ายกลประกายหมอกไม่สั่นคลอนแม้สักนิด หมอกรุ้งยิ่งมายิ่งเจิดจ้า
พูดตามตรงจี้หยวนรู้สึกว่าตนเองไม่จำเป็นต้องลงมือโดยสิ้นเชิง อาจพูดว่ายื่นมือไปช่วยเหลือไม่ได้ ผู้ฝึกเซียนเหล่านั้นเคลื่อนไหวว่องไวยิ่ง อยู่กลางค่ายกลก็มีระเบียบแบบแผนสุดขีด
จี้หยวนเหมือนกับเป็นผู้ชมคนหนึ่ง มือซ้ายถือกระบี่ มือขวาไพล่หลัง ยืนอย่างโดดเดี่ยวอยู่บนยอดเขาเดียวดาย ร่วมเป็นสักขีพยานการอยู่ร่วมกันของประกายหมอกและแสงสายฟ้าที่นี่ รวมถึงการเกิดขึ้นและการทำลายล้างของปราณปีศาจและปราณมาร
แม้มีเลือดปีศาจและปราณชั่วร้ายไหลมาถึงยอดเขาแห่งนี้ ทว่าเคลื่อนตัวออกจากรอบกายจี้หยวนอย่างง่ายกาย
บนยอดเขาไกลลิบ ปีศาจหลายตนรวมชายหนุ่มหล่อเหลายังคงนิ่งสงบ มองการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกเซียนและปีศาจตนอื่นอย่างเฉยชา
“นายท่าน พวกเราจะสู้หรือถอยดี”
สายตาของชายรูปงามในตอนนี้มองทะลุหมอกลวงและแสงธรรมปราณปีศาจมากมาย เห็นจี้หยวนอยู่บนยอดเขาเดียวดาย สิ่งชั่วร้ายและปราณโสมมไหลไปทั่วยอดเขา
“แม้ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนที่ลงมือแล้วจะเก่งกาจมาก แต่นั่นกลับไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่ต้องระวังเป็นที่สุดคือคนที่ไม่ขยับเขยื้อนเลยผู้นั้น กระบี่เมื่อแรกเริ่มเป็นฝีมือของเขา”
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังพูด จี้หยวนเหมือนกับรู้สึกได้ถึงสายตาประหลาดใจ จึงหันข้างมองไปทางอีกฝ่าย ดวงตาสีเทาเบิกขึ้นเล็กน้อย เปิดตาทิพย์เต็มที่สบตากับชายหนุ่มผู้นั้น ทำให้อีกฝ่ายหวั่นใจอยู่เล็กๆ
“ในเมฆลึกไม่รู้จักเกาะหมอกเซียน…พวกเราถอย ให้พวกเขาสู้อยู่ที่นี่เถอะ พวกเราได้ปราณชั่วร้ายชีพจรดินที่นี่เพียงพอแล้ว”
“ขอรับ!”
“รับบัญชา!”
ทันใดนั้นปราณมารที่ยอดเขาไหลไปเหมือนสายน้ำ เลียบพื้นเข้าสู่หินผาก่อนจะหายไป
ทว่ามารกลุ่มนี้ไปแล้ว จอมมารและกลุ่มปีศาจที่เก่งกาจยังคงเหลืออยู่ไม่น้อย แม้พบว่าชายหนุ่มรูปงามจากไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่เพียงแค่แค่นหัวเราะเสียงเย็นเท่านั้น