เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 437 การต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว
ตอนที่ 437 การต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว
ประกายหมอกหลายสายยืดขยายไปทั้งสี่ทิศ กดกลั้นปราณปีศาจ ปราณมาร และปราณชั่วร้ายที่สำคัญที่สุด แม้อยู่ใจกลางการต่อสู้ ทว่าผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนยังคงรักษากระบวนท่าเอาไว้ได้
“ขอบเขตของชีพจรดินพิษชั่วร้ายตรงนี้ใหญ่เกินไปแล้ว แม้ว่าชีพจรดินแตกออกดึงดูดปราณชั่วร้าย ตอนนี้ก็ยังคงมีควันดำปกคลุม โชคดีที่ผู้ฝึกปราณสายย่อยใช้ค่ายกลควบคุมไว้ อีกไม่นานน่าจะทำให้ชีพจรดินสงบได้”
ผู้อาวุโสผู้นำกลุ่มเกาะหมอกเซียนโคจรเคล็ดวิชาอภินิหารอยู่ข้างๆ กวาดล้างปีศาจมารที่บินข้ามยอดเขาออกไป พร้อมกันนั้นมองรอยแยกแผ่นดินขนาดเล็กใหญ่ในรัศมีสิบกว่าลี้พลางพูดกับตนเอง รอยแตกที่แยกใหญ่ที่สุดถูกสกัดด้วยผู้ฝึกเซียนสายย่อยก่อนหน้านี้แล้ว ที่อื่นๆ ยังคงมีความชั่วร้ายไหลบ่าออกมาเป็นครั้งคราว
สำหรับปีศาจมารที่ไม่ชอบการฝึกปราณสายตรงเหล่านั้น พวกมันไม่มีจิตใจฝักใฝ่ฝึกปราณสายตรงและไม่เข้าใจมรรคสวรรค์ ทว่าปราณชั่วร้ายฟ้าดินระดับนี้เป็นยาครอบจักรวาลและเป็นวิธีที่ช่วยเหลือพวกมันได้ ไม่เพียงช่วยพวกมันทะลวงคอขวด ยังช่วยพวกมันฝึกฝนวิชาปีศาจวิชามาร ไปจนถึงวิชาอภินิหารต่างๆ ได้เช่นกัน
ถึงขนาดชะลอเคราะห์ที่อาจมาถึงตัวได้ในระดับที่แน่นอน ทว่าความล่าช้าพรรค์นี้อาจกลายเป็นก้อนหิมะ หากตอนนี้มรรควิถีไม่เพียงพอ เคราะห์เล็กจะกลับกลายเป็นเคราะห์ใหญ่ เคราะห์ใหญ่จะกลับกลายเป็นเคราะห์ถึงตาย
“หึ ฆ่าสิ่งชั่วช้าพวกนี้ก่อนค่อยว่ากล่าว!”
จำนวนมารและปีศาจเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว ยังมีปัญหาซึ่งหน้าของเกาะหมอกเซียนด้วย ถึงแม้ต้องแลกด้วยการบาดเจ็บและล้มตาย ก็จำต้องกำจัดสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ไปให้ได้
ชายชราเหยียบหมอกรุ้งกระโจนตัวออกไปถึงตรงกลางผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนทั้งหมด ผู้อาวุโสอีกห้าคนที่เหลือทำเช่นเดียวกัน รูปทรงหกเหลี่ยมมาตรฐานถูกสร้างขึ้นภายในระยะมากกว่าสองร้อยลี้จากเส้นทแยงมุม
อาศัยพลังฝึกปราณที่สูงล้ำและวิชาคุ้มกันกายชนิดพิเศษ มารหรือปีศาจระหว่างทางหากฆ่าได้ก็ฆ่า หากฆ่าไม่ได้ก็จับมัดไว้ก่อน ใช้ความรวดเร็วอย่างยิ่งยวดเข่นฆ่ามาจนถึงตำแหน่งในตอนนี้
คล้ายกับมีสติรับรู้เดียวกัน ผู้อาวุโสเกาะหมอกเซียนทั้งหกเงยหน้าขึ้นสูงมองท้องฟ้าพร้อมกัน หมอกรุ้งใต้เท้าลอยขึ้นสู่เบื้องบนที่สูงยิ่งกว่าเดิน จากนั้นทอแสงเจิดจ้างามตา
ค่ายกลใหญ่อันใหม่เกิดขึ้น หมอกรุ้งหลายสายลอยวนอยู่โดยรอบ ความรู้สึกร้อนลวกค่อยๆ ปะทุขึ้นที่ใจกลาง
ปีศาจมารมากมายที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ข้างในหรือต่อสู้กับผู้ฝึกปราณสายตรงเดือดดาล สำแดงวิชามารอย่างกำเริบ
หัวหน้ามารตนหนึ่งกางปีกที่ก่อตัวขึ้นจากปราณมาร นำกลุ่มมารบินอยู่บนท้องฟ้า เข้าต่อสู้กับผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนสี่ห้าคน ในมือถึงขั้นคว้าหัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ฝึกปราณคนใดถูกฆ่า
ตอนที่ในใจยิ่งเดือดดาลขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดมันก็พบว่าประกายหมอกที่อยู่ไกลลิบปะทุขึ้นเหมือนกับเพลิง กำลังแผ่ขยายไปทั้งหกด้าน
“แย่แล้ว! ทุกคน พวกเรารีบฝ่าออกไปดีกว่า ตาเฒ่าเกาะหมอกเซียนวางค่ายกลสองชั้นแล้ว อยู่ต่อที่นี่ไม่ดีแน่ เมื่อประกายหมอกจากไปเพลิงแผดเผาขึ้นมา ใครล้วนหนีไม่พ้นแล้ว!”
“โฮก…มารก็คือมารอยู่วันยันค่ำ มัวแต่กลัวหัวหด ขอเพียงสังหารเซียนทั้งหมดจนเหี้ยน ค่ายกลก็ไม่มีใครรักษาไว้ ไหนเลยจะมีประโยชน์อยู่อีก! บรู๋ว…”
หมาป่าตัวใหญ่เงยหน้าหอนเสียงยาว เมฆดำมีสายฟ้าเกลือกกลิ้งบนท้องฟ้าแยกออกจากตรงกลาง เผยให้เห็นดวงจันทร์ลวงตาทว่าสุกสกาว
ดวงจันทร์ไม่ใช่ของจริง เพราะนอกเทือกเขาตรงนี้เป็นเวลากลางวัน ทว่าดึงพลังของแสงจันทร์ลงมาได้จริงๆ ทันทีที่แสงจันทร์ส่องสว่าหุบเขาผืนใหญ่ ความรู้สึกเดือดดาลและร้อนเร่าของกลุ่มมารและปีศาจก็หดหายไปไม่น้อย
ทันใดนั้นหมาป่าคำรามเสียงหนึ่ง หัวหน้าหมาป่ากลายร่างเป็นร่างลวง ทันใดนั้นเหาะไปทางซ้ายขวาในรัศมีเหมือนภูตผีในร่างหมาป่า บินไปมาระหว่างผู้ฝึกเซียนและปีศาจมาร จากนั้นมันกลืนกินสิ่งมีชีวิตตรงที่ดินผืนนี้โดยไม่แยกแยะว่าเป็นเซียน ปีศาจ หรือว่ามาร
ทว่าก่อนที่หมอกผีหัวหน้าหมาป่าคืนร่างเดิม หมอกรุ้งหลายสายกลับลอยออกมาจากในนั้น
“ฮ่าๆๆๆๆ…ในเมฆลึกไม่รู้จักเกาะหมอกเซียนอะไรกัน เขากระบี่ที่ไร้เทียมทาน ข้าว่าก็ไม่เท่าไหร่หรอก! บรู๋ว…”
เดิมทียังมีปีศาจมารไม่น้อยรอคอยขั้นตอนนี้ แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสหกคนจากเกาะหมอกเซียนสร้างค่ายกลอันที่สอง ชัดเจนว่าต้องการผนึกอาคมปิดประตู ขังปีศาจมารทั้งหมดไว้ภายใน ตอนนี้เหล่าปีศาจมารนิ่งดูดายไม่ได้แล้ว
เวลานี้ภายในขอบเขตประกายหมอกทั้งผืนมีเมฆดำปราณปีศาจลอยขึ้น ปราณปีศาจพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ถึงขนาดจอมมารและจ้าวปีศาจที่มรรควิถีสูงยิ่งใช้วิชาอภินิหาร ต้องการย้อนทวนเมฆสายฟ้าบนท้องฟ้า แม้ไม่อาจถอนหรือชิงอำนาจคุมอสนีได้เบ็ดเสร็จ ทว่าฉีกขาดจนเกิดรูเล็กใหญ่จากภายใน ทำให้ปีศาจมารใช้งานสายฟ้าส่วนนั้นได้ก็พอ
เปรี้ยง…ครืน…
เปรี้ยง…เปรี้ยง…
ครืน…
ตอนนี้เองสายฟ้าอย่างน้อยหลายสิบสายผ่าลงบนยอดเขาที่จี้หยวนอยู่ ชัดเจนว่ามีปีศาจมารไม่น้อยเห็นด้วยกับชายหนุ่มรูปงามก่อนหน้านี้ คิดว่าจี้หยวนต้องเป็นคนสำคัญของเกาะหมอกเซียนอย่างแน่นอน
ทว่ามือซ้ายจี้หยวนถือกระบี่ไว้ยังคงไพล่หลัง มือขวายกขึ้นฟ้าสะบัดแขนเสื้อไปทางซ้ายขวา เก็บสายฟ้าหลายสายเข้าสู่แขนเสื้ออย่างคล่องแคล่ว จากนั้นถูกดูดเข้าไปในบัญชาเวทอสนีที่ยังไม่กลับคืนสู่สภาพเดิม และแสงสายฟ้าไม่รั่วไหลออกมาแม้แต่นิดเดียว
แม้เกี่ยวข้องกับเคราะห์สวรรค์เมื่อครั้งก่อน ตอนนี้จึงใช้เวทอสนีไม่ได้ ทว่าดูดสายฟ้าที่คุมโดยวิชาปีศาจเหล่านั้นถือว่าไม่มีปัญหา
ขณะนี้จี้หยวนยืนอยู่บนยอดเขาแล้วมองไปรอบๆ แม้ข้างกายยังคงมีหมอกแสงอบอวล แต่จำนวนของปีศาจมารมากกว่าผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนอย่างชัดเจน อีกทั้งได้รับพลังชั่วร้ายชีพรดินช่วยเหลือ ปราณปีศาจจึงยังคงเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะหลังจากจอมมารจ้าวปีศาจที่นิ่งสงบหลายตนก่อนหน้านี้ลงมือ พวกมันสามารถเข้าต่อสู้กับผู้ฝึกปราณหลายคนเพียงลำพัง ความหวาดกลัวที่กลุ่มปีศาจและกลุ่มมารมีต่อผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนไม่ได้มากมายขนาดนั้นแล้ว
“เฮอะ!”
จี้หยวนแค่นหัวเราะเสียงเย็น แขนซ้ายไม่ขยับ แขนขวากลับพลิกมือคว้าด้ามกระบี่เครือเขียวไว้แน่นขนัด ก่อนจะชักกระบี่ออกมาในทันใด
ชิ้ง…
เสียงกระบี่ไพเราะดังไปทั่วทุกที่ มีประกายกระบี่สีขาวราวหิมะเจิดจ้าในทันที
“โฮก…เอ๋ง…”
หมาป่ายักษ์บนยอดเขาตัวนั้นเก็บเสียงร้อง เพราะติดพันอยู่กับผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนสามคน และถูกกระบี่เซียนฟันศีรษะโดยไม่ทันตั้งตัว
เลือดไหลเป็นทางออกจากคอหมาป่ายักษ์ จากนั้นศีรษะหมาป่าขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ ร่วงลง ตกลงสู่เหวลึกเบื้องล่าง จากนั้นศพหมาป่ายักษ์ใหญ่ก็ล้มลง ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นบนตัวภูเขา
จี้หยวนรู้ว่าตนเองลงมือตามใจชอบไม่ได้ ไม่เพียงเพราะพลังของเขามีอยู่จำกัด ยิ่งกว่านั้นเป็นเพราะเขารู้ดีว่าปีศาจมารแปดส่วนเห็นเขาเป็นผู้บัญชาการของเกาะหมอกเซียน ล้วนระแวดระวังเขาอยู่ในใจ
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาลงมือไม่ได้ ตรงกันข้าม เขาไม่เพียงต้องลงมือ ยังต้องลงมืออย่างดุเดือดทุกครั้งอีกต่างหาก ไม่เช่นนั้นไม่อาจตรึงสิ่งชั่วร้ายเอาไว้ได้ ตอนนี้เขามองหา ‘เป้าหมายหลัก’ ในสนามต่อสู้ เมื่อพบปีศาจมารที่เก่งกาจแล้ว อีกฝ่ายกำลังถูกผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่พอดี
ทันใดนั้นจี้หยวนใช้พลังเทียบเท่าบนกระบี่เซียน ชักกระบี่ออกฟัน ในสถานการณ์ที่พุ่งออกเต็มแรง กระบี่เซียนคมปลาบไม่อาจมีใครเข้าสู้ได้
พอจี้หยวนลงมือหลายครั้งติดต่อกัน ปีศาจมารที่ถูกฟันไม่ได้รับบาดเจ็บโดยสิ้นเชิง ด้วยร่างวิญญาณมอดไหม้ไปทั้งสิ้น
ปีศาจมารเห็นภาพนี้แล้วหวั่นใจ รู้สึกว่าจี้หยวนยังไม่ได้ลงมืออย่างเต็มกำลัง เหมือนกับมองดูแล้วนึกเบื่อจึงสะบัดกระบี่เล่นสักครั้ง ทว่าคร่าชีวิตได้ชีวิตหนึ่งเท่านั้นเอง
นี่ทำให้ความกำเริบเสิบสานของปีศาจมารลดฮวบลงทันที โดยเฉพาะจอมมารจ้าวปีศาจเหล่านั้น หลังจากใจเย็นอยู่ได้นานมาก ตอนนี้ในใจตีกลองถอยแล้ว
เมื่อครู่เผชิญหน้ากับสายฟ้าของจี้หยวนเป็นเพียงการทดลองเล็กๆ จากนั้นเห็นท่าทางเก็บสายฟ้าอย่างสบายใจเฉิบของจี้หยวน และเห็นจี้หยวนเริ่มลงมือบ้างหลังจากนั้น คล้ายกับถูกสายฟ้ารังควานอย่างไรอย่างนั้น
ทั่วทุกที่ของสนามต่อสู้ คุมวาโย คุมเพลิง คุมอสนี คุมปฐพี…แสงจากท้องฟ้าเจิดจ้า ภูเขาถล่มลงมา…
ภายในรัศมีหลายรอยลี้ล้วนเป็นสนามรบของผู้ฝึกเซียนและปีศาจมาร บ้างกระโดดตีลังลาอยู่บนภูเขา บ้างเร่งเหาะเร่งตามอยู่กลางอากาศ แสงสว่างจ้าและความเฉียบคมอยู่ร่วมกัน มีเสียงคำรามและก่นด่าเพราะโมโหให้ได้ยินอย่างพร้อมเพรียง
หัวหน้ามารตนหนึ่งกางปีกค้างคาวพร้อมควันพวยพุ่ง เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วระหว่างสันเขา ทั้งประมือกับผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียน ทั้งสนทนากับปีศาจมารจำนวนหนึ่งอย่างเรียบง่าย
“ผู้ฝึกเซียนหกคนที่จากไปอยู่รอบนอกสุด ขอเพียงทำให้ค่ายกลข้างในปั่นป่วนแตกสลาย บุกทะลายจากตรงกลางก็จะออกจากค่ายกลได้”
“เงื่อนไขข้อแรกคือคนผู้นั้นที่อยู่ตรงกลางไม่ลงมือ ไม่เช่นนั้นพวกเราก็จัดการคนผู้นั้นที่อยู่ตรงกลางก่อนดีกว่า!”
มีปีศาจสาวเปี่ยมไปด้วยปราณปีศาจเหมือนกับหมอกเลือดตนหนึ่งเหาะมาอยู่ข้างๆ มองพื้นที่ตรงที่จี้หยวนยืนอยู่ด้วยความเกรงกลัวเล็กน้อย ระยะห่างไกลถึงเพียงนี้ พวกมันเพียงมองเห็นภูเขาทว่ามองไม่เห็นจี้หยวน ทว่าพวกมันล้วนรู้ว่าคนถือกระบี่ผู้นั้นยืนอยู่บนยอดเขา ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ไม่ขยับเขยื้อน
พูดถึงตรงนี้แล้ว ปีศาจสาวเหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้
“มารอุดรเล่า เหตุใดถึงเวลาแบบนี้แล้วยังไม่ลงมืออีก เขาบอกว่าล่อผู้ฝึกเซียนมาได้แล้วจะจัดการทีเดียวไม่ใช่หรือ แถมที่มาตอนนี้คือเกาะหมอกเซียน แล้วตัวเขาไปอยู่ที่ไหน”
หัวหน้ามารที่กระพือปีกค้างคาวผู้นั้นยิ้มเย็น
“ตอนนี้ยังไม่ลงมือ ไม่ใช่เพราะอยากซ่อนตัวรอพวกเราสองคนบาดเจ็บหนักก่อนหรืออย่างไร เขาหนีไปก่อนแล้ว คำพูดของมารอุดรเชื่อได้สามส่วนเท่านั้นแหละ!”
“แล้วเจ้าเล่า คำพูดของเจ้าเชื่อได้กี่ส่วนกัน!”
หัวหน้ามารหัวเราะเสียงเย็นทว่าไม่ตอบ เพียงเร่งปราณมารมุ่งหน้าไปทางรอยแตกอย่างต่อเนื่อง
“ก็แค่เซียนตั้งค่ายกลเป็นเท่านั้นแหละ!”
พร้อมกันนั้นเหมือนกับมีเงามารหลายสายวนเวียนอยู่ใกล้รอยแตกชีพจรดินน้อยใหญ่ ทันใดนั้นเอง
ตูม
ตูม
ตูม
…
ปราณชั่วร้ายชีพจรดินที่เดิมทีสงบลงนานแล้วระเบิดขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยพลัน เหมือนกับภูเขาไฟพ่นควันดำใส่ท้องฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
ครืน…
ค่ายกลสีดอกเหมยของเกาะหมอกเซียนถูกปราณชั่วร้ายทะลักเข้าใส่เช่นกัน ค่ายกลแยกออกจากกันแล้ว
ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนมากมายกำลังสำแดงวิชาอัศจรรย์ พร้อมกับที่สังหารปีศาจมารก็ทัดทานไม่ให้พวกมันโต้กลับ แต่เมื่อได้ยินเสียงที่รุนแรงของจากพื้นดินราวกับมังกรดินพลิกตัว พวกเขาก้มหน้ามองไปตามสัญชาตญาณ
“แย่แล้ว!”
“รีบหลบเร็ว!”
“หลบ…”
แสงมรรคเซียนเป็นทั้งอภินิหารคุ้มครองชีวิตและสำแดงวิชาพร้อมๆ กัน ประกายหมอกหลายสายซ่านสลายในพริบตานั้น ผู้ฝึกเซียนระดับพลังต่ำตอบสนองช้าไปจนถึงปีศาจมารหลายตนที่กับพันตูกับพวกเขาอยู่ล้วนถูกพิษชั่วร้ายกลืนกินไปจนสิ้น
ทันใดนั้นกระชากประกายหมอกของอาคมชั้นในของเกาะหมอกเซียน อีกทั้งฝ่าเมฆฝนฟ้าคะนองพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ครืน…
ทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยระลอกคลื่น เหมือนกับสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางปราณชั่วร้ายที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ามีประกายหมอกจางไป และมีแสงปีศาจลอยออกจากภายใน ทว่าผู้ที่ได้รับการจู่โจมเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นเซียน ปีศาจ หรือมารล้วนได้รับผลกระทบไม่น้อย ถึงขนาดเหาะจากไปโดยไม่ต่อสู้กันเลยสักนิด
“ตอนนี้แหละ ไป!”
จอมมารและจ้าวปีศาจจำนวนหนึ่งที่รอคอยจังหวะนี้อยู่นานแล้วพากันตามเสาปราณชั่วร้ายขึ้นไป…