เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 442 ระดมพลทั้งหมู่บ้าน
อาหารมื้อใหญ่ คำขอนี้ไม่นับว่ามากจนเกินไปอย่างแน่นอน ถึงขนาดถ่อมตนอยู่บ้าง เลี่ยวต้าหนิวรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่ลึกๆ ก่อนจะประสานมือคารวะ
“ผู้กล้าทั้งหลายโปรดวางใจ ข้าเหล่าเลี่ยวจะจัดการให้อย่างแน่นอน!”
กลุ่มผีรอบข้างประสานมือให้เลี่ยวต้าหนิวพร้อมกัน
“ผู้มีพระคุณ จำไว้ว่ารีบหาช่างทำกระดาษทำอาวุธและธงรบ จำไว้ให้มั่น!”
“วางใจเถอะ ข้าทำได้อย่างแน่นอน…”
ในห้องภายในเรือนของบ้านเลี่ยวต้าหนิว เหล่าหนิวในตอนนี้กำผ้าห่มจนแน่นด้วยสองมือ กล่าวอยู่ตลอดว่า
“ทำได้แน่นอน ทำได้แน่นอน ทำได้แน่นอน…”
เสียงนี้ทำให้ภรรยาเขาตกใจตื่น นางหรี่ตามองข้างนอกผ้าม่าน มองลอดซอกหน้าต่างไปเห็นว่ามีแสงสีขาวจางๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นเวลารุ่งสางแล้ว
นางพลิกตัวมองไปทางสามีตนเอง ได้ยินเขากล่าวว่า ‘ทำได้แน่นอน’ ตลอดเวลาจึงดันร่างเขาสองครั้ง พบว่าเขาตัวแข็งทื่อ อีกทั้งร่างกายชุ่มเหงื่อ
“สามี สามี? สามี!”
สตรีวัยกลางคนลุกขึ้นนั่งบนเตียง ออกแรงเขย่าเลี่ยวต้าหนิว ในที่สุดก็ปลุกเขาตื่นจนได้ ฝ่ายหลังชักกระตุกครั้งหนึ่ง เมื่อร้องโอ้ยเสียงหนึ่งก็ตื่นเต็มตาแล้ว
“ฮู่…ฮู่…ฮู่…”
เลี่ยวต้าหนิวหอบหายใจเล็กน้อย จากนั้นกวาดสายตามองภายในห้องด้วยความงุนงง สุดท้ายมองภรรยาตนเอง
“สามี ท่านฝันร้ายหรือ กล่าวอยู่ตลอดว่าทำได้แน่นอน…ทำเช่นนั้นน่ากลัวอยู่บ้าง!”
ภรรยาหาผ้าเช็ดมือที่หัวเตียง จากนั้นเช็ดเหงื่อให้เลี่ยวต้าหนิวไปพลาง พูดไปพลาง
เหล่าเลี่ยวรับผ้าเช็ดมือจากภรรยามาเช็ดใบหน้า คราวนี้ถึงพบว่ามีแต่เหงื่อเต็มไปหน้า บนกายก็เช่นเดียวกัน แม้แต่ผ้าห่มก็ถูกเหงื่อจนชุ่มอยู่บ้าง
“ฝันร้าย? นับว่าใช่กระมัง…”
ทุกอย่างในฝันเมื่อครู่ เลี่ยวต้าหนิวจำได้ขึ้นใจ เห็นผีตั้งมากมายขนาดนั้น ทว่าผีทั้งหมดเป็นผีดี อาจนับได้ว่าไม่ใช่ฝัน้ราย ทว่าเรื่องที่เขาได้ฟังกลับน่ากลัวกว่าฝันร้ายเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้เหล่าเลี่ยวตื่นจากภวังค์แล้ว พลันถามภรรยาว่า
“ภรรยา เจ้ารู้จักช่างทำกระดาษเก่งๆ บ้างหรือไม่”
คำถามนี้ของเลี่ยวต้าหนิวทำให้ภรรยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในหมู่บ้านมีช่างเหล็ก ช่างไม้ ช่างก่ออิฐ ทว่าช่างทำกระดาษหมายถึงคนทำข้าวของให้คนตายใช้เหล่านั้น
“หรือว่าเกิดเรื่องกับญาติสนิทของพวกเรา”
หญิงวัยกลางคนเคร่งเครียดขึ้นมา เลี่ยวต้าหนิวรีบส่ายหน้า
“ไม่ใช่ๆ เป็นเพราะฝันเมื่อครู่ต่างหาก ข้าฝันเห็น…”
เลี่ยวต้าหนิวชะงักไป คิดก่อนกล่าว
“เจ้าไปนำกาน้ำมาก่อนเถอะ ข้าคอแห้งยิ่งนัก ดื่มน้ำเสร็จแล้วค่อยว่ากัน”
“ได้ๆๆ ต้องดื่มน้ำก่อนค่อยว่ากัน!”
นางรีบลงจากเตียง ไปหยิบกาน้ำข้างนอกห้อง ทว่าไปดูบุตรชายก่อนเช่นกัน เห็นเขายังนอนหลับสนิทถึงถือกาน้ำและถ้วยชากลับเข้าไปในห้อง
“นี่ กาน้ำ”
เหล่าเลี่ยวรับกาน้ำและถ้วยชามา เทน้ำดื่มอึกๆ ดื่มไปได้สามถ้วยแล้วถึงดับกระหายได้ ครั้งนี้ไม่ได้ดื่มน้ำเท่าไหร่ก็ยังไร้ประโยชน์เหมือนในฝันแล้ว
“ตื่นแล้วกระมัง”
“ตื่นแล้ว!”
ตอนนี้ข้างนอกเรือนสว่างจ้าไม่น้อย พระอาทิตย์กำลังโผล่จากขอบฟ้า เลี่ยวต้าหนิวตั้งสติแล้วกล่าวกับภรรยา
“เมื่อคืนข้าฝันว่า…”
ทว่าฝันที่สมจริงเช่นนี้ทำให้เลี่ยวต้าหนิวไม่กล้าละเลย หลังจากฟ้าสว่างได้พักหนึ่งแล้ว เลี่ยวต้าหนิวกินผักดองเค็มกับข้าวสวยที่บ้านแล้วก็รีบออกไป
เพิ่งออกไปได้ไม่ทันไร เลี่ยวต้าหนิวเห็นเหล่าจางผู้เป็นเพื่อนบ้าน ฝ่ายหลังกำลังนั่งยองกินโจ๊กอย่างหิวโหยอยู่ที่หน้าประตู
“นี่ๆ เหล่าจาง ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง เมื่อคืนข้าฝันว่า…”
เดิมเลี่ยวต้าหนิวคิดไปหาหัวหน้าหมู่บ้านโดยตรง แต่เขาในตอนนี้อยากพูดคุย โดยเฉพาะพูดคุยกับเหล่าจางสหายคนสนิท ดังนั้นเขาเล่าความฝันเมื่อคืนที่จดจำได้อย่างแม่นยำออกไปหมดเปลือก
เหล่าจางขมวดคิ้วมองเลี่ยวต้าหนิว
“ข้าว่านะเหล่าเลี่ยว เจ้าก็แค่ฝันร้ายเท่านั้น คนที่พวกเราฝังศพให้ในหลายปีมานี้ไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้ว ความหมายของเจ้าในตอนนี้คือพวกเราต้องเริ่มเผาข้าวของให้พวกเขา เซ่นไหว้พวกเขาหรือ พวกเราทุกคนไม่ใช่คนร่ำรวย ถึงขั้นไม่เคยมีมื้อไหนได้กินอิ่มมาหลายปีแล้ว อย่าทำอะไรยุ่งยากเลย…”
เหล่าจางโน้มน้าวจากใจจริง จะทำความดีนั้นย่อมได้ แต่ก็ต้องมองกำลังความสามารถของตนเองด้วย
ฝังศพ ตั้งป้ายหลุมศพ สิ่งเหล่านี้ก็แค่ออกแรงเล็กน้อย ไม่ได้เสียทรัพย์สินภายในบ้าน ไม่ได้เปลืองแรงเลยเช่นกัน สามารถทำได้ทั้งสิ้น อย่างมากก็เพิ่มเสื่อหรือหญ้าแห้งอีกเล็กน้อย
แต่เผาข้าวของให้ผู้ตายที่อยู่ในเนินดินฝังศพ เซ่นไหว้อาหารให้พวกเขาน่ะหรือ แล้วตนเองจะเอาตัวรอดอย่างไร ศพที่อยู่ในหลุมเหล่านั้นไม่น้อยเลยนะ!
“ไอ้หยาเหล่าจาง ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น! สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผีในหลุมศพบอกข้า ข้างนอกเริ่มมีโรคระบาดแล้ว เผาข้าวของเหล่านี้แล้วพวกเขาจะช่วยพวกเรา!”
เหล่าจางโมโหบ้างแล้วเช่นกัน
“ความฝันของเจ้าเหล่าเลี่ยว ทว่าขอให้ข้าออกเงินทำกระดาษข้าวของด้วย เซ่นไหว้อาหารด้วยน่ะหรือ เงินจ้างช่างอาจารย์ทำกระดาษไม่ใช่ถูกๆ นะ!”
ในบรรดาเหตุการณ์สำคัญในชีวิต การแต่งงานและการจัดงานศพเป็นส่วนที่ใช้เงินเยอะที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย กระดาษข้าวของอันเป็นผลงานประณีตจากช่างทำกระดาษเหล่านั้น หลายต่อหลายครั้งมีแต่คนรวยที่จะจ่ายเงินซื้อได้
“ข้าว่านะ…เหล่าจาง เงินนี้แน่นอนว่าระดมจากทุกคนในหมู่บ้านเถอะ พวกเราสองครอบครัวจะไปมีเงินพอได้อย่างไร…”
เมื่อได้ฟังดังนั้นแล้วเหล่าจางยิ่งโมโหกว่าเดิม อ้าปากพูดเสียงดัง
“ใครเป็น ‘พวกเราสองครอบครัว’ กับเจ้ากัน ข้าไม่ยินยอม!”
เหล่าจางพูดจบแล้วไม่สนใจเลี่ยวต้าหนิวอีก ตั้งหน้าตั้งตากินโจ๊กต่อไป ฝ่ายหลังมีสีหน้าสับสน กำเสื้อผ้ากระทืบเท้าอยู่ตรงนั้น
“เฮอะ ข้าจะไปหาหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว!”
เห็นเลี่ยวต้าหนิวจากไป เหล่าจางยังคงตะโกนไล่หลังอีก
“ไปเถอะๆ หัวหน้าหมู่บ้านไม่มีทางเป็นบ้าเหมือนกับเจ้าแน่!”
แม้แต่สหายคนสนิทของตนเองยังมีท่าทีเช่นนี้ ถึงเลี่ยวต้าหนิวเป็นคนจน ทว่าสมองไม่ได้ไร้ปัญญา รู้ว่าคนอื่นคงไม่มีทางยอมทำเรื่องนี้ยิ่งกว่านี้ ดังนั้นถึงอยากอยากเล่าเรื่องความฝันนั้นกับคนสนิททุกคนที่เจอ กลับกลั้นใจไว้ไม่พูดอะไร มุ่งหน้าไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
“อรุณสวัสดิ์ท่านลุงเลี่ยว!”
“อืม อรุณสวัสดิ์!”
ชายหนุ่มที่ขุดดินฝังศพด้วยกันก่อนหน้านี้ทักทายเลี่ยวต้าหนิวที่มีสีหน้าเร่งร้อน กลับเห็นท่านลุงเลี่ยวที่ก่อนหน้านี้ช่างพูดตอบกลับอย่างง่ายๆ แล้วจากไปโดยไม่หยุดฝีเท้า
“แปลกจริง วันนี้ท่านลุงเลี่ยวเป็นอะไรไป”
เลี่ยวต้าหนิวมุ่งหน้าไปทางบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้าน อยู่ไม่ห่างจากศาลเจ้าที่ท้ายหมู่บ้านมาก เมื่อมองเห็นลานบ้านหัวหน้าหมู่บ้านแต่ไกลแล้ว เขาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ทว่าในใจกระวนกระวายอยู่บ้าง
ถึงหัวหน้าหมู่บ้านมีเหตุมีผลเสมอ อีกทั้งมีประสบการณ์และมีความรู้ แต่นึกถึงท่าทีของเหล่าจาง หากหัวหน้าหมู่บ้านก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันแล้วจะทำอย่างไรดี
ยังไม่ทันที่เลี่ยวต้าหนิวจะพิจารณาเสร็จว่าควรทำอย่างไรดี หัวหน้าหมู่บ้านที่มองเห็นเขาเดินมาแต่ไกลวางชามในมือลง รีบสาวเท้าออกมาจากลานบ้านล้อมรั้ว วิ่งสั้นๆ ไปหาเลี่ยวต้าหนิวพร้อมอ้าปากตะโกนว่า
“เหล่าเลี่ยว! ข้าจะเล่าให้เจ้าฝัน เมื่อคืนท่านเจ้าที่เข้าฝันข้า! เป็นเรื่องจริงนะ!”
สีหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านตื่นต้นยิ่งกว่าเลี่ยวต้าหนิว ทำเอาเลี่ยวต้าหนิวที่กำลังครุ่นคิดตกใจมาก
“เอ๋?”
เลี่ยวต้าหนิวถามด้วยความงุนงง ทำเอาหัวหน้าหมู่บ้านร้อนใจยิ่งขึ้น
“ไอ้หยา เมื่อคืนข้าฝันสมจริงมาก ในฝันนั้นจู่ๆ ข้ากก็ปวดท้องจนตื่น คลุมเสื้อคลุมคิดจะไปเข้าห้องสุขา ระหว่างทางผ่านศาลเจ้าที่ เห็นท่านเจ้าที่นั่งอยู่ข้างนอกด้วยนะ เขาเรียกข้าว่า ‘เจ้าก้อนกลม’ นั่นเป็นชื่อเล่นของข้า ตอนนี้ข้าอายุหกสิบกว่าแล้ว ทุกวันนี้อย่าว่าแต่มีคนเรียกข้าเลย คนที่จำชื่อนี้ได้แทบไม่เหลือแล้ว…”
หัวหน้าหมู่บ้านมองไปยังท้ายหมู่บ้าน
“ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ท่านเจ้าที่เหมือนกับในคำเล่าลือ ร่างกายค่อนข้างเตี้ยค่อม…จริงสิๆ เขาบอกข้าว่าอีกไม่นานอาจมีผีโรคระบาดมาถึง เขาคิดร่วมด้วยช่วยกันกับผีในหลุมศพต้านทานแทนพวกเรา ส่วนจะต้านทานได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง…”
เลี่ยวต้าหนิวที่แต่เดิมฟังอย่างมึนงง บัดนี้ได้ยินดังนั้นแล้วตบต้นขาเสียงดังฟังชัด
“ไอ้หยาหัวหน้าหมู่บ้าน ข้ากำลังจะบอกเรื่องนี้กับท่านพอดีเลย! เมื่อคืนข้าถูกเข้าฝันเช่นกัน ผีมากมายในหลุมฝังศพล้วนออกมา พวกเขารอข้าอยู่ที่หน้าประตูบ้าน บอกข้าว่าผีโรคระบาดกำลังจะมา พวกเขาต้องการประมือกับผีโรคระบาดสักตั้ง และต้องการปกป้องหมู่บ้านของพวกเราให้ปลอดภัย ทว่าต้องเผากระดาษข้าวของจำนวนหนึ่ง…”
ทั้งสองคนฝันเมื่อคืน จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังตกใจอยู่ ขณะนี้บอกเล่าภาพความฝันเมื่อคืนให้อีกฝ่ายแล้ว เมื่อเล่าจบก็ค่อยต่างฝ่ายต่างยืนยันว่าเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่งแล้ว
ยังมีอะไรต้องพูดอีก เลี่ยวต้าหนิวและหัวหน้าหมู่บ้านคิดเหมือนกัน เตรียมระดมกำลังคนในหมู่บ้านเป็นเรื่องสำคัญ ฝ่ายหลังกลับเรือนไปกินข้าวให้เสร็จสิ้น จากนั้นหยิบฆ้องออกไปข้างนอกพร้อมกับเหล่าเลี่ยว
ตึงๆๆๆๆ…
เสียงฆ้องดังสั่นสะเทือนฟ้าตลอดทาง เสียงนี้ดังตั้งแต่ท้ายหมู่บ้านจนถึงหน้าหมู่บ้าน ในที่สุดก็ดึงดูดความสนใจคนทั้งหมู่บ้านได้สำเร็จ
ไม่นานนักตรงลานนวดข้าวกลางหมู่บ้านก็มีคนมากกว่าครึ่งหมู่บ้านมารวมตัวกัน เลี่ยวต้าหนิวยิ่งยืมโต๊ะมาตัวหนึ่ง ให้หัวหน้าหมู่บ้านยืนบนนั้นพูดคุยกับทุกคน เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านพูดจบแล้วเขาค่อยไปเล่าความฝันของตนเอง
ความจริงคนในหมู่บ้านค่อนข้างเชื่อเรื่องลี้ลับพรรค์นี้ หากเลี่ยวต้าหนิวพูดคนเดียว หลายคนอาจมีปฏิกิริยาเดียวกับเหล่าจาง ทว่าหัวหน้าหมู่บ้านพูดพร้อมกับเหล่าเลี่ยว อีกทั้งสีหน้าจริงจัง ถึงขนาดเผยสีหน้าตื่นตกใจในบ้างครั้ง กอปรกับผู้คนอยู่รวมกันทำให้สับสนได้ง่าย ในไม่ช้าทุกคนก็ตื่นเต้นและรู้สึกกลัวขึ้นมา
สุดท้ายทุกคนตกลงร่วมกันว่าต้องไปถามท่านเจ้าที่ หลายคนจึงยกโขยงไปที่ศาลเจ้าที่ด้วยกัน ใช้วิธีโยนไม้เสี่ยงทาย ปรากฏว่าโยนหลายครั้งติดต่อกัน ทุกครั้งล้วนได้ความหมายว่าถูกต้องแล้ว
ทันใดนั้นคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านไขว้เขวแล้ว ร่วมกับหัวหน้าหมู่บ้านและเลี่ยวต้าหนิวทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่นานก็โน้มน้าวใจคนได้ไม่น้อย
เลี่ยวต้าหนิวและเกษตรกรหลายคนไปตามหาช่างทำกระดาษในอำเภอ ส่วนหัวหน้าหมู่บ้านเป็นเจ้าภาพจัดหาอาหารอยู่ในหมู่บ้าน
ต้องทำอาหารให้ผีหนึ่งร้อยกว่าตน อย่างน้อยสิบหรือยี่สิบครอบครัวต้องร่วมกันทำอาหารถึงจะพอ และอย่างไรเสียครั้งนี้ก็อาจเกี่ยวพันถึงชีวิต ระวังเรื่องที่นึกไม่ถึงไว้ก่อนย่อมดีที่สุด ดังนั้นลงแรงลงใจกับการเซ่นไหว้อาหารครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง ต้องอดทนให้ไหว เมื่อฆ่าเป็นไก่สามสิบสี่สิบตัวจนเกลี้ยงแล้ว หมู่บ้านเหมาทันก็นับได้ว่าสูญเสียเสบียงอาหารอย่างยิ่งยวดแล้ว
อำเภอเมืองอยู่ห่างจากหมู่บ้านเหมาทันประมาณเดินทางครึ่งวัน เหล่าเลี่ยว เหล่าจาง และคนอื่นๆ ถึงในตัวเมืองแล้ว พวกขาไปหาเถ้าแก่ที่ร้านกระดาษงานศพโดยตรง ปกติแล้วเถ้าแก่ของกิจการพรรค์นี้อาจเป็นช่างทำกระดาษ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
คนหมู่บ้านเหมาทันสั่งธงรบกระดาษและอาวุธกระดาษรวดเดียว ทำให้เถ้าแก่ประหลาดใจระคนดีใจ ไหนเลยจะมีใครตายแล้วอยากเผาสิ่งเหล่านี้ให้ ทว่าการค้าขายมาถึงที่แล้วย่อมต้องรับไว้ สนใจอะไรมากมายได้อย่างไร
เมื่อเสร็จงานแล้ว เขาส่งชายหลายคนกลับไปพร้อมกล่าวด้วยความเกรงใจว่าเดินทางปลอดภัย จากนั้นค่อยกลับเข้าไปในบ้านอย่างยิ้มแย้ม ภรรยาเห็นภาพนี้เข้าพอดี
“สามี ดีใจขนาดนี้ เจองานใหญ่รายได้ดีเข้ากระมัง”
พวกที่เพิ่งจากไปดูเหมือนไม่ค่อยมีเงินเท่าไหร่ นางจึงนึกสงสัยอยู่บ้าง
“ฮ่าๆ ถูกต้องแล้ว ทางหมู่บ้านเหมาทันสั่งธงกระดาษและอาวุธกระดาษจำนวนมาก จ่ายเงินมัดจำครบแล้วด้วย”
เถ้าแก่นับเหรียญในมือ
“โอ้ ดูไม่ออกเลย!”
“พวกเขาบอกว่าต้องการใช้ในจำนวนมากในเวลาเร่งด่วน แต่ของเหล่านี้ทำง่ายกว่าบ้านหรือคนมาก ข้าแค่พักผ่อนน้อยหน่อย ไม่นานก็ทำงานเสร็จแล้ว! ฮ่าๆๆ…”
“เช่นนั้นไยท่านยังไม่รีบไปทำงานอีก! ฮ่าๆๆ…”
เถ้าแก่เนี้ยเท้าเอว ไล่เถ้าแก่ร้านให้ไปทำงาน ฝ่ายหลังรีบกลับเข้าไปในลานบ้านหลังร้านแล้ว
ตอนเดินไปนั้น เถ้าแก่ร้านนึกถึงคำพูดของชายเหล่านั้น พวกเขาบอกว่าอาจมีผีโรคระบาด ให้เถ้าแก่ระมัดระวังไว้หน่อย
ทว่าหลายปีมานี้ทางการจับตามองเรื่องเล่าในหมู่ชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะกังวลว่าจะถูกทางการจับไปลงโทษข้อหาหลอกลวงประชาชนด้วยเรื่องเล่าปีศาจ พวกชาวนาจึงไปโดยไม่กล้าพูดอะไรมาก