เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 445 หยินหยางมีคุณธรรม
ตอนที่ 445 หยินหยางมีคุณธรรม
หลังจากออกกระบี่ จี้หยวนมองผีถือธงรบและอาวุธอยู่ในมือด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ท่ามกลางพวกมันมีทั้งชายและหญิง มีทั้งแข็งแกร่งและแก่ชรา ไม่เหมือนกับทัพวิญญาณอย่างแท้จริงโดยสิ้นเชิง ทว่าท่าทางเมื่อครู่กลับน่าชื่นชม
เจ้าที่ข้างล่างอึ้งงันไปครู่หนึ่ง ตอนนี้ดึงสติกลับมาได้แล้ว จึงรีบประสานมือคารวะจี้หยวน
“ขอบคุณท่านเซียนที่ช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นหมู่บ้านเหมาทันต้องถูกผีโรคระบาดฉวยโอกาสแน่ ตอนนี้ในอำเภอมีผีโรคระบาดก่อกวน หากท่านเซียนมีเวลาว่าง ข้าขอท่านเซียนยื่นมือช่วยเหลือด้วย!”
จี้หยวนหันไปมองทางที่ตนมา จากนั้นกล่าวกับเจ้าที่
“หลายอำเภอรอบๆ ที่นี่ไม่มีผีโรคระบาดแล้ว กระนั้นต้องระแวดระวังไว้ก่อน หากฟ้าสางแล้วน่าจะไม่เป็นอะไร”
ทิ้งท้ายไว้เช่นนี้แล้ว จี้หยวนฉายแสงธรรมสว่างวาบ เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าแสนไกลอีกครั้ง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสนทนากัน เมื่อแน่ใจได้แล้วว่าผีโรคระบาดหายไปหมดแล้วค่อยมาดูหมู่บ้านนี้ก็ได้
พอจี้หยวนไปแล้ว เจ้าที่มึงพึมพำกับตนเองด้วยสีหน้าปีติ
“โชคยังดีๆ…”
ทว่าหมุนกายไปมองสนามรบตรงหน้า ผีเนินดินฝังศพพลาดท่า หนึ่งร้อยกว่าตนตอนแรกเริ่ม จนถึงตอนนี้เหลือไม่ถึงครึ่ง ผีไม่น้อยในนั้นกำลังวนรอบสนามรบด้วยความงุนงง ทว่าส่วนใหญ่กำลังไปรวมกลุ่มกันที่จุดหนึ่ง
ครั้นมองไปยังตรงที่วิญญาณผีรวมกลุ่มกัน มีวิญญาณผีสิบกว่าตนล้อมอยู่ตรงนั้นแล้ว เจ้าที่รู้สึกว่าท่าไม่ดีจึงรีบเดินไป เข้าใกล้แล้วมองเห็นทหารผู้นำกลุ่มอยู่ภายใน ทว่าอยู่ในท่านอนหงายเสียอย่างนั้น
ตอนนี้ร่างวิญญาณของผีทหารตนนี้อ่อนกำลัง อยู่ในสภาวะกึ่งโปร่งแสง โดยมีผีทหารอีกตนหนึ่งประคองอยู่ข้างหน้า
“เจ้าที่มาแล้ว เจ้าที่มาแล้ว!”
ผีข้างๆ หลีกทางเพื่อให้เจ้าที่ได้เข้ามาใกล้อีกหน่อย
“เจ้าที่ ท่านช่วยเขาได้หรือไม่”
“ใช่ ช่วยท่านแม่ทัพเถอะ!”
“จริงด้วย ท่านเจ้าที่ ช่วยท่านแม่ทัพหน่อยนะ!”
ผีเหล่านี้รู้ดีว่าตอนนายทหารมีชีวิตอยู่ไม่ได้มีตำแหน่งสูงแต่อย่างใดแน่นอน ทว่าตอนนี้ทั้งหมดล้วนเรียกมันว่าแม่ทัพ และร้องขอให้เจ้าที่ช่วยมันจากใจจริง
“ล้วนล้อมเข้ามา ร่างผีมีปราณหยาง พวกเจ้ารวมตัวกันแล้วมีประโยชน์ต่อเขา ข้าจะลองดูว่ารักษาเขาได้หรือไม่!”
เมื่อเจ้าที่สั่งแล้ว ผีทั้งหลายล้อมกันเข้ามาหลายชั้น
ตรงใจกลาง เจ้าที่ตัวเตี้ยค่อมขยับไม้เท้า ใช้พลังรวบรวมปราณวิญญาณ จากนั้นค่อยๆ เข้าใกล้ร่างผีของนายทหาร สุดท้ายแตะหน้าผากมันเบาๆ
ปราณวิญญาณสายหนึ่งรวมกันไหลเข้าไปในร่างผี ทำให้ร่างของนายทหารชัดเจนขึ้นเล็กน้อย ทว่ายังคงล่องลอยเหมือนกับซ่านสลายไปได้ทุกเมื่อ
“ไม่ได้การ เขาบาดเจ็บหนักเกินไป รากฐานร่างผีไม่มั่นคง ตอนนี้พลังดวงอาทิตย์ค่อนข้างมาก ฟ้าสว่างแล้วพลังดวงอาทิตย์จะเพิ่มขึ้นเต็มที่ ต่อให้ตอนนี้หลบอยู่ในหลุมฝังศพก็พูดยากว่าจะทนต่อไปได้หรือไม่ และต่อให้ทนต่อไปได้อีกวันหนึ่งก็คงไม่ยืนยาวแล้ว เฮ้อ…”
คำพูดของเจ้าที่ทำให้ผีเปลี่ยนเป็นเงียบกริบ
“หากเซียนคนเมื่อครู่นั้นยื่นมือช่วยเหลือก็คงดี น่าเสียดายที่เขาจากไปแล้ว!”
ในฐานะเซียนที่เจ้าที่พูดถึง ตอนนี้จี้หยวนไม่กล้าประมาท เหาะอยู่บนท้องฟ้าสูงใช้ตาทิพย์เสาะหา สำหรับสิ่งชั่วร้ายที่พิเศษแบบนี้ ดวงตาคู่นี้ของเขาใช้การได้ดีอย่างน่าประหลาด
หลังจากผ่านไปได้ประมาณครึ่งชั่วยาม ในที่สุดจี้หยวนมองไม่เห็นว่าตรงไหนยังมีผีโรคระบาดอีก ฝ่ายฉางอี้มารวมตัวกับเขาบนท้องฟ้าสูงของอำเภอต้าเหอแล้ว
“ท่านจี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะดินชั่วร้าย พูดให้หนักหน่อยไม่อาจนับได้ว่าเป็นผี เรียกว่าสิ่งชั่วร้ายจะเหมาะสมกว่า แม้กำจัดผีโรคระบาดแล้ว แต่โรคระบาดกลับแพร่กระจายไปทั่ว เป็นภัยใหญ่หลวงสำหรับมนุษย์อย่างแท้จริง!”
จี้หยวนมองผืนแผ่นดินโดยรอบ คราวนี้โรคระบาดแพร่ไปรวดเร็วเป็นพิเศษเพราะผีโรคระบาด พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบกว้างใหญ่ยิ่งกว่าทั้งรัฐจีอย่างแน่นอน เพราะเกี่ยวข้องกับความหนาแน่นของประชากร แม้จำนวนผู้ได้รับผลกระทบไม่อาจมากเท่าประชากรของรัฐจี ทว่าไม่น้อยอย่างแน่นอน
“ผู้ป่วยเยอะทีเดียว!”
แม้ผู้ฝึกเซียนถูกเรียกว่าเซียนท่ามกลางมนุษย์ เทพผี ไปจนถึงปีศาจมารจำนวนหนึ่ง กระนั้นต่อให้ผู้ฝึกเซียนร้ายกาจแค่ไหนก็มีความสามารถจำกัด ตายแล้วเกิดใหม่ได้ก็ต้องมีเหตุผลพิเศษอย่างแน่นอน
หลังจากทำความเข้าใจในคืนนี้ โรคระบาดครั้งนี้จะต่อเนื่องไปอย่างน้อยครึ่งเดือน และเพราะผีโรคระบาดทำให้โรคระบาดรุนแรงอย่างยิ่ง ตอนกลางวันยังดี ทว่ากลางคืนมีผีโรคระบาดนำปราณหยินอาละวาด ดังนั้นคนตายจากโรคระบาดจึงมีจำนวนมากจนไม่อาจคำนวณได้
จี้หยวนและฉางอี้สังหารผีโรคระบาดได้ ถึงขนาดรวบรวมลมวิญญาณเป่าผราณชั่วร้ายอันเกิดจากผีโรคระบาดไปได้ ทว่าไม่อาจรักษาคนนับไม่ถ้วนให้หายป่วยได้โดยตรง ยิ่งไม่อาจทำให้คนตายฟื้นคืนชีพ อย่างดีที่สุดปล่อยลมวิญญาณผ่านผู้ป่วยไป ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นบ้าง เพิ่มโอกาสในการฟื้นตัว
ทว่าสภาพร่างกายคนมีทั้งดีและแย่ และขอบเขตกว้างขวางจำนวนคนมากเกินไป จี้หยวนและฉางอี้เสียพลังไปมากมายแล้วทำได้เพียงเท่านี้ หลังจากนี้ต้องมีคนตายเพราะป่วยอย่างแน่นอน อีกทั้งไม่มีทางน้อยคน ถึงขนาดว่าหากคนติดโรคระบาดหนีไปจากที่นี่ ที่อื่นจะเกิด ‘ดอกไม้บาน’ อีกครั้ง เช่นนั้นเทพเซียนยากจะช่วยเหลือได้แล้ว
ฉางอี้เห็นจี้หยวนมุ่นคิด จึงตัดสินใจพูดสิ่งที่ตนเองคิดออกไป
“อาณาจักรหยวนจ้าววุ่นวายมาก ประชาชนภายในอาณาจักรไม่เป็นสุข มีคนตายอยู่ทั่วทุกที่ ไม่ว่าที่ไหนล้วนมีความอดอยาก เคราะห์นี้ถูกกำหนดไว้แล้ว ทว่าเปลี่ยนวิธีการไปเท่านั้นเอง ตอนนี้โรคระบาดแพร่กระจาย สถานการณ์บรรเทาภัยน่าเป็นห่วงอย่างแน่นอน เมื่อปราณทั้งหลายหมดลง อาณาจักรจะไม่ใช่อาณาจักรอีกต่อไป!”
“ใช่ อาณาจักรที่เหมือนบ้านทรุดโทรม เดิมทีมีแต่สงครามและการชิงทรัพย์ ภัยจากผีโรคระบาดในครั้งนี้ยิ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ไปจนถึงศาลมืดล้วนได้รับเคราะห์ บ้านนี้เกรงว่าจะถล่มลงมาแล้ว…”
ฉางอี้พยักหน้า กล่าวกับจี้หยวนว่า
“ท่านจี้ พบทิศทางปราณชั่วร้ายชีพจรดินแล้ว พวกเราต้องเสาะหาปีศาจมารเหล่านั้นอีกหรือไม่”
จี้หยวนส่ายหน้า ปีศาจมารเหล่านั้นน่าจะหนีไปไกลแล้ว เอาใจเขามาใส่ใจเรา หากเปลี่ยนเป็นเขามองเห็นกระบี่ทลายฟ้าจะต้องหนีไปให้ไกลอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว อืม ตามข้าไปยังที่หนึ่งเถอะ”
พูดแล้วจี้หยวนบังคับเมฆเหาะไปทางหมู่บ้านเหมาะทัน
ตอนนี้ภายในอาณาเขตกว้างใหญ่มีเทพผีไม่น้อยคิดตีสนิทจี้หยวนและฉางอี้ แต่เป็นเพราะมีจำนวนมากเกินไป จี้หยวนหากหลบได้ย่อมหลบ เทียบกันแล้วเขาสนใจผีที่ถืออาวุธเข้าต่อสู้นอกหมู่บ้านเล็กกลุ่มนั้นมากกว่า
นอกหมู่บ้านเหมาทัน ผีเนินดินฝังศพยังไม่แยกย้ายไป อย่างไรเสียก็ไม่แน่ใจว่าผีโรคระบาดจะมาอีกหรือไม่ อย่างน้อยต้องเฝ้าไว้จนฟ้าสว่าง กระนั้นผีโรคระบาดไม่มา กลับเป็นเมฆขาวก้อนหนึ่งลอยมาแทน
เจ้าที่และเหล่าผีมองเห็นเซียนสองคนยืนอยู่บนก้อนเมฆไกลๆ หนึ่งคนในนั้นคือเซียนที่สะบัดกระบี่สังหารผีโรคระบาดก่อนหน้านี้
“เจ้าที่หมู่บ้านเหมาทัน เหล่าผีเนินดินฝังศพ ขอคารวะท่านเซียนทั้งสอง!”
ก่อนหน้านี้ทำความเคารพไม่ถูกหลัก ครั้งนี้เจ้าที่ไม่รอให้เมฆขาวตกลงมาก็นำกลุ่มผีคารวะแล้ว ตอนเงยหน้าขึ้นมอง จี้หยวนและฉางอี้ตกลงบนพื้นดินแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าที่ จี้หยวนย้อนถามด้วยความรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง
“เนินดินฝังศพ?”
เมื่อครู่นี้เขาคิดว่าผีเหล่านี้ไม่ใช่ผีทหาร อาจเป็นบรรพบุรุษของคนในหมู่บ้านที่ล่วงลับไปแล้ว กระนั้นก็สงสัยเช่นกันว่ามีผีหนุ่มสาวอยู่เยอะทีเดียว ตอนนี้ได้ยินแล้วถึงค่อยเข้าใจว่าที่แท้เป็นผีเนินดินฝังศพนี่เอง
เจ้าที่รีบตอบ
“ขอรับ ผีที่ทำการต่อสู้ในวันนี้ เป็นศพตามรายทางที่คนหนุ่มหมู่บ้านเหมาทันฝังลงที่เนินดินฝังศพให้ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ ผีเนินดินฝังศพจึงขอต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ต้านทานผีโรคระบาดให้กับคนหมู่บ้านเหมาทัน!”
พูดถึงตรงนี้แล้วเจ้าที่ชี้อาณาเขตของเหล่าผีทางนั้นด้วยเจตนาดี
“ผีทหารที่นำทัพในวันนี้ได้รับบาดเจ็บหนัก วิญญาณใกล้แตกสลายแล้ว!”
“จริงหรือ”
จี้หยวนมุ่นคิ้ว รีบเร่งฝีเท้าเดินไปทางกลุ่มผีทางนั้น วิญญาณผีข้างๆ ต่างหลีกทางให้ตามสัญชาตญาณ
พอจี้หยวนมาถึงบริเวณที่ผีรวมตัวกันทั้งหมดในตอนแรก สิ่งที่เห็นคือวิญญาณสวมเกราะตนหนึ่งนอนอยู่ตรงนั้น ร่างกายเหมือนไม่มีอยู่จริง ปราณหยินจางลงไปอย่างต่อเนื่อง
“ท่านจี้ ในมือข้าคนแซ่ฉางมีแก่นวารีหยินดั้งเดิม หยุดยั้งไม่ให้วิญญาณผีตนนี้จางหายไปได้แน่นอน!”
ฉางอี้พูดแล้วไม่ลังเล ครั้นสะบัดแขนเสื้อแล้ว ในมือปรากฏขวดเล็กเรียวสีขาวบริสุทธิ์ จากนั้นเดินเข้าไปใกล้วิญญาณทหารแล้วเอียงปากขวดใส่เล็กน้อย หยดน้ำทอแสงจางๆ อยู่ที่ปากขวดแล้ว
ติ๋ง…
หยดน้ำตกลงบนกายทหาร ราวกับหยดลงในแหล่งน้ำ อีกทั้งเกิดระลอกคลื่นในร่างวิญญาณอีกด้วย
เมื่อหยดน้ำซึมเข้าสู่ร่างกาย ร่างของผีทหารดูจริงขึ้นด้วยความเร็วที่ตามองเห็น
“หายแล้วๆ!”
เสียงสนทนาของผีจำนวนหนึ่งดังขึ้น ยากจะปกปิดความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ได้ แม้ระยะเวลาที่รู้จักกันไม่นับว่านาน แต่ทหารผู้นี้ทำให้พวกมันมีความรู้สึก มีความหมายยิ่งกว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ และยิ่งเหมือนคนคนหนึ่งมากกว่าที่เคย
ความจริงแล้ววิญญาณผีเนินดินฝังศพมากมายล้วนอยู่ในสภาพเชื่องช้าไร้ความรู้สึก ถึงขนาดไม่มีทางมีความรู้สึกต่อโลกภายนอกสักเท่าไหร่ ทว่ากำลังใจจากทหารในครั้งนี้ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องในจิตวิญญาณ อีกทั้งแก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ ผีมากมายตื่นจากสภาวะเชื่องช้า กลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง แสดงความรู้สึกได้อีกครั้ง
เสียงเรียกร้องนี้เป็นรากฐานหล่อเลี้ยงความบริสุทธิ์ในวิญญาณผีของผีเนินดินฝังศพ นอกจากนี้ยังมีบุญคุณที่ทหารทำให้ผีทั้งหลายเหมือนกับได้เกิดใหม่ ผีที่นี่จึงเคารพมันเป็นอย่างยิ่ง
“แก่นวารีหยินดั้งเดิมช่วยให้จิตวิญญาณมั่นคง ทว่าเดิมเขาร่างวิญญาณอ่อนแอเกินไป ตอนนี้น่าจะยังฟื้นขึ้นมาไม่ได้ ส่งเขากลับไปพักผ่อนที่หลุมฝังศพเถอะ ภายในสามวันนี้จะฟื้นเอง”
“ใช่ๆ รีบส่งเขาไปที่หลุมฝังศพเถอะ ทางนี้ไม่มีธุระอะไรต้องจัดการแล้ว!”
ฉางอี้พูดจบแล้วเจ้าที่พลันพูดต่อ เหล่าผีรีบกล่าวขอบคุณ จากนั้นส่งวิญญาณทหารกลับหลุมฝีงศพ
ทันทีที่เหล่าผีไปแล้ว ทางนี้เหลือเพียงสามคนซึ่งรวมจี้หยวนอยู่ในนั้น ฝ่ายหลังมองหมู่บ้านเหมาทันที่ยังคงเงียบสงบ ในที่สุดก็มีกะใจสอบถามเรื่องของเนินดินฝังศพ
เจ้าที่ย่อมพูดสิ่งที่ตนเองรู้ ใช้น้ำเสียงซาบซึ้งอย่างชัดเจนเล่าเรื่องก่อนและหลังจากก่อตั้งเนินดินฝังศพ
“นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ถึงสิบปี ในเนินเดินฝังศพมีโครงกระดูกมากกว่าสองร้อย ศาลมืดท้องถิ่นมีความสามารถจำกัด ทุกที่ล้วนมีวิญญาณเร่ร่อน ดูแลไม่ทั่วถึงโดยสิ้นเชิง ข้าจึงเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด…”
เจ้าที่พูดอยู่นานมาก จี้หยวนและฉางอี้ฟังเงียบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อฟังจบแล้วจี้หยวนถึงทอดถอนใจ
“ท่ามกลางสังคมที่วุ่นวายยังมีการกระทำทรงคุณธรรมเช่นนี้นับว่าหายากนัก!”
เขามองหมู่บ้านเหมาทันแล้วมองเนินดินฝังศพ จี้หยวนกล่าวเสริมอีกว่า
“คนบนโลกมนุษย์และผีในปรโลกล้วนเป็นเช่นนี้!”
ตอนนี้ขอบฟ้าปรากฏสีขาวเหมือนท้องปลา แสงยามอรุณรุ่งโผล่ออกมาแล้ว