เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 451 คาดเดาจักรวาล
ตอนที่ 451 คาดเดาจักรวาล
บรรลุปราณถึงระดับจี้หยวน โดยทั่วไปล้วนฝันน้อยมาก สถานการณ์ปกติถ้าฝันตนย่อมควบคุมได้ วิวัฒน์ภาพยามหลับฝัน ไม่ต่างจากการเข้าฌาน ด้วยความพิเศษของเขตแดนฟ้าดิน การนอนของจี้หยวนเป็นวิธีฝึกปราณเฉพาะตัวอย่างหนึ่งของเขา
แน่นอนว่าจี้หยวนหลับอย่างเป็นปกติได้ ถึงอย่างไรการนอนก็เป็นเรื่องสบายอย่างหนึ่ง เท่าที่จี้หยวนรู้คือต่อให้เป็นผู้ฝึกเซียนก็ต้องการนอนหลับ หากเกินกว่าเหตุหน่อยอาจถึงขั้นหลับฝันครึ่งปีหรือหลายปี
เดิมจี้หยวนต้องการเพิ่มความมั่นคงให้อานุภาพกระบี่ฟ้าทลาย อาศัยพลังอภินิหารร่วมกับวิวัฒน์ฟ้าดินเป็นพลังรูปธรรม กอปรกับชักนำอานุภาพฟ้าดินมาหยั่งรู้ความลึกลับเสี้ยวหนึ่งของวิชาอัศจรรย์ ทลายพันธนาการของจักรวาลแขนเสื้อซึ่งไม่เคยยกระดับอีกครั้งมาตลอด
คราวก่อนจักรวาลแขนเสื้อยกระดับครั้งใหญ่ จี้หยวนอยากเสริมอานุภาพให้กับมันเช่นกัน ด้วยรู้วิธีการใช้ยามมังกรเฒ่าจับตัวภิกษุฮุ่ยถง ทั้งเลื่อนระดับก่อนลู่เฉิงเฟิงมาเยือนยามทุกข์ยากเมื่อตอนนั้น
สิ่งที่ได้รับครั้งนั้นทำให้จักรวาลแขนเสื้อไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อพกอีก อย่างน้อยไม่ใช่แค่วิชาเก็บของทั่วไป พื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นมาก ไม่ถึงขั้นใส่ของเล็กน้อยแล้วคิดว่าต้องถือห่อผ้าด้วยหรือไม่ หรือต้องหลอมคันเบ็ดม้วนเก็บ มิฉะนั้นอาจใส่ไม่เข้า
แต่คราวก่อนจำต้องหยุดเพียงเท่านี้ เมื่อพลังจี้หยวนลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ ทั้งห้าธาตุยังสมบูรณ์ พื้นที่ว่างในแขนเสื้อยิ่งใหญ่ขึ้น ถึงขนาดแบ่งอาณาเขตเป็นเอกเทศ ทั้งมีวิธีการใช้น่าอัศจรรย์ แต่ต่างจากที่จี้หยวนคิดไว้มาก
แม้ว่าปัจจุบันหากกล่าวถึงจักรวาลแขนเสื้อของจี้หยวน ทั่วโลกผู้บำเพ็ญถือว่าเป็นอภินิหารเก็บของร้ายกาจ สะดวกรวดเร็วความจุไม่น้อย แต่สิ่งที่จี้หยวนต้องการไม่ใช่แค่อภินิหารเก็บของ
ทว่าครั้งนี้ความรู้สึกของจี้หยวนกลับพิเศษอยู่บ้าง ไม่รอให้เขาเข้าสู่สภาวะฝึกปราณ หลังจากหลับความรู้สึกอ่อนเพลียทยอยเด่นชัดทีละน้อย
วันนั้นยามใช้ท่ากระบี่ฟ้าทลายถือว่าผลาญจิตวิญญาณมากเกินไป จากนั้นยังต้องคอยตั้งสติเพราะมูลดินมาตลอด กระทั่งไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ จิตวิญญาณไม่ได้รับการฟื้นฟูเรื่อยมา ตอนนี้เมื่อผ่อนคลายลง จี้หยวนต้านความง่วงไม่ไหวอยู่บ้าง
‘หลับสักหน่อยแล้วกัน นอนหลับสบายๆ…’
การเข้าฌานฟื้นฟูจิตวิญญาณกับการนอนฟื้นฟูจิตวิญญาณ สำหรับจี้หยวนถือว่าไม่แตกต่างกัน แน่นอนว่าเขาย่อมเลือกวิธีการซึ่งสบายหน่อย
ด้วยมีความคิดเช่นนี้ สุดท้ายจี้หยวนจึงหลับสนิท การนอนครั้งนี้ยาวถึงสิบวัน ทั้งช่วงท้ายของวันที่สิบยังเป็นการหลับฝันแท้จริงอย่างยากพบเห็น
ดังคำกล่าวว่ากลางวันครุ่นคิดกลางคืนหลับฝัน ในฝันจี้หยวนเหมือนกลับสู่โลกเมื่อชาติก่อน ย้อนกลับไปยังบ้านของตน ทั้งเหมือนกลายเป็นเด็ก นั่งอยู่ข้างคุณปู่พลางดูรายการบนโทรทัศน์ขาวดำเครื่องเก่าหนาเตอะพร้อมกัน
โทรทัศน์ขาวดำนี้เพิ่มระบบส่งสัญญาณแล้วมีแค่สิบสองช่อง ทั้งต้องใช้มือหมุนปรับเปลี่ยนช่อง เมื่อก่อนถือเป็นบ่อเกิดความสุขของจี้หยวนในตอนเด็ก ดูโทรทัศน์หรือเล่นเกมนินเทนโดล้วนพึ่งพามัน
ตอนนี้บนโทรทัศน์กำลังฉายเรื่องไซอิ๋ว บางทีอาจเป็นเพราะความคิดยามหลับฝัน ช่องอื่นล้วนฉายเรื่องไซอิ๋วเช่นเดียวกัน แต่เวลาที่ฉายกลับแตกต่าง จี้หยวนเปลี่ยนสองช่อง พบว่าแบ่งเป็นสองช่วง
ตอนหนึ่งคือซุนหงอคงคิดตีลังกาออกจากฝ่ามือพระยูไล คิดว่าตนตีลังกามาถึงขอบฟ้า แต่กลับปัสสาวะรดนิ้วมือพระยูไล
อีกตอนคือยามอยู่นอกอารามห้าธาตุ ด้วยซุนหงอคงฉุนเฉียวจึงทำลายต้นโสมมนุษย์ เมื่อรู้ตัวว่าก่อเรื่องจึงพาพระถังซัมจั๋งกับศิษย์น้องหนีไปพร้อมกัน ผลคือถูกเจิ้นหยวนจื่อใช้จักรวาลแขนเสื้อจับตัวทั้งหมด
ตอนนี้จี้หยวนจดจ่อกับการดูโทรทัศน์ นึกถึงซุนหงอคงจากสองตอน ก่อนหวนคิดถึงเส้นทางอภินิหารซึ่งคล้ายกัน
ความฝันนี้สั้นมาก มีแค่สองสามช่วงเท่านั้น จี้หยวนซึ่งอยู่บนเตียงขมวดคิ้วเล็กน้อย การรับรู้ทางจิตวิญญาณควบคุมความคิดยามหลับฝันใหม่อีกครั้ง
แดนฝันเริ่มเปลี่ยนแปลง วิวัฒน์เป็นฟ้าดินกว้างใหญ่ วิวัฒน์เป็นภูเขาธารา กลายเป็นเทือกเขากว้างใหญ่หน้ารอยแยกปราณพิภพเมื่อวันนั้น
จี้หยวนยังยืนอยู่บนยอดเขาแห่งนั้น มองมารปีศาจโดยรอบ แต่ที่นี่ไม่มีผู้ฝึกปราณแห่งเกาะหมอกเซียนต่อสู้กับพวกเขา มีเพียงภาพหมู่มารโกลาหล
‘กระบี่ฟ้าทลาย’
ปากส่งเสียงแผ่วเบา นิ้วกระบี่วาดผ่านกระบี่เครือเขียวในฝัน
ชิ้ง…
พริบตานั้นกระบี่เซียนกลายเป็นแสงลอยขึ้นฟ้า จากนั้นเขตแดนภูผาธาราปรากฏผ่านกระบี่ เชื่อมต่อกับอานุภาพฟ้าดิน นภาดุจแสงกระบี่เปล่งประกาย กระบี่กดกำราบ อานุภาพราวฟ้าทลาย
อานุภาพกระบี่ฟ้าทลายในฝันยิ่งใหญ่กว่าตอนนั้นมาก อาจเป็นเพราะฟ้าดินในฝันวิวัฒน์จากเขตแดนจึงใช้งานได้ตามใจ เมื่อกระบี่ฟ้าทลายปรากฏ แกนสวรรค์ปั่นป่วน ภูผาธาราสั่นสะเทือน คล้ายความน่ากลัวยามวันสิ้นโลกมาเยือนกดข่มลงมา
มารปีศาจโดยรอบเผ่นหนีโดยไม่สนใจอะไร บ้างถึงขั้นพุ่งชนพื้นดิน ตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ท่าทางเหมือนคลุ้มคลั่ง อานุภาพกระบี่ยังไม่กำราบลงมา ปีศาจบางส่วนเลือดอาบตัวกลายเป็นหมอกโลหิตหายไปแล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดจากการที่ปราณมารปีศาจระเบิดตัวเอง
นิ้วชี้ของจี้หยวนฟาดฟันลงมาอย่างต่อเนื่อง มารปีศาจร่วงหล่นดุจฝนโปรยปราย แต่คราวนี้มารปีศาจกลางอากาศไม่น้อยทยอยเป็นหมอกโลหิตหรือแผดเผาตัวเอง เมื่อตกถึงพื้นต่างไม่มีใครสมบูรณ์ ทั้งหมดล้วนจิตสิ้นวิญญาณสลาย
จี้หยวนยังนั่งอยู่บนยอดเขา แต่ครั้งนี้แน่นอนว่าไม่เหนื่อย แค่นั่งลงอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์ มองทุกอย่างโดยรอบ ยิ้มกล่าวประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ได้
“หึๆ คำพูดเมื่อชาติก่อนเรียกว่าอะไรนะ… อ้อ จริงสิ เต๊ะท่าสุดๆ!”
จากนั้นจี้หยวนค่อยลุกขึ้น สะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย ก่อนมองแขนเสื้อตัวเอง
“กระบี่ฟ้าทลายอาศัยพลังจักรวาลฟ้าดินมาบั่นจิต จักรวาลแขนเสื้ออาศัยพลังจักรวาลฟ้าดินมากักเก็บ… ยังขาดบางส่วน… ถ้าต้องการโคจรพลังจักรวาล จำเป็นต้องมีอานุภาพจักรวาล…”
ในฝันความคิดไม่กระจ่าง นอกความฝันจี้หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตอนนี้ข้างนอกห้อง กลางลานเรือนสันติ พวกอักษรจิ๋วแบ่งกลุ่มประจันหน้า ไม่รู้สึกเบื่อสักนิด เล่นกันอย่างเบิกบานยิ่ง ส่วนกระเรียนกระดาษน้อยคอยมองฝูงผึ้งยุ่งง่วนไปมาอยู่ระหว่างดอกพุทราตลอด คล้ายผู้คุมงานคนหนึ่ง
เสียงผลุบดังขึ้น ทำให้กระเรียนกระดาษรวมถึงพวกอักษรจิ๋วกลางลานจดจ่อตรงมุมกำแพงเรือน เห็นจิ้งจอกแดงตัวหนึ่งสะบัดขนงอขาเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นมา
“เห็นหรือไม่ จิ้งจอกโง่มาแล้ว!”
“อืมๆ ไม่เคาะประตูด้วย ไม่มีมารยาท!”
“ถ้าเคาะประตูแล้วนายใหญ่ตื่นจะทำอย่างไร”
“ใช่ๆ ไม่เคาะประตูดีกว่า!”
“ถ้าขายหนังของเขาให้พ่อค้าขายขนสัตว์คงมีราคาไม่น้อยกระมัง”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว เส้นขนนี้…”
…
เสียงวิจารณ์เซ็งแซ่ของพวกอักษรจิ๋วลอยเข้าหูหูอวิ๋น ทำให้เขาตัวแข็งทื่อ จากนั้นค่อยกระโดดมาอยู่บนโต๊ะหินกลางลานก่อนมองโดยรอบ
“ออกมา ออกมาให้หมด พวกเจ้าอยู่ไหน พวกเจ้าอยู่ที่นี่ แสดงว่าท่านจี้ต้องกลับมาแล้ว!”
หูอวิ๋นตะโกนเสียงเบาไปโดยรอบ แต่เวลาพวกอักษรจิ๋วซ่อนตัวใช่ว่าหาง่าย แค่ได้ยินเสียงแต่ไม่เห็นตัว
จากนั้นหูอวิ๋นมองไปทางเรือนหลักของเรือนสันติตามจิตใต้สำนึก ประตูปิดอยู่ ไม่ได้ยินและไม่รับรู้อะไร แต่ท่านจี้อาจนอนหลับอยู่ด้านใน
พวกอักษรจิ๋วไม่ออกมา กระเรียนกระดาษซึ่งวนเวียนระหว่างพุ่มไม้บินลงมา โรยตัวลงบนโต๊ะ หูอวิ๋นค่อยเผยรอยยิ้มเบิกบาน ท่านจี้ต้องกลับมาแล้วแน่
ก่อนหน้านี้จี้หยวนรีบจากไป หูอวิ๋นถูกไป๋ฉีส่งกลับมา กลับมาถึงเขาโคเทพราวหนึ่งเดือนกว่า มันเป็นห่วงจี้หยวนอยู่บ้าง หรือกล่าวว่ากลัวจี้หยวนจากไปแล้วไม่กลับมาอีกนาน ก่อนหน้านี้เคยมาดูสองครั้ง เรือนเล็กล้วนว่างเปล่า ครั้งมาถูกเวลาแล้ว
“พวกเจ้ากลับมาเมื่อไหร่ จริงสิ ข้ามีของจะมอบให้ท่านจี้ด้วย!”
หูอวิ๋นยักคิ้วหลิ่วตากล่าวกับกระเรียนกระดาษน้อยอย่างลึกลับ พวงหางอ่อนนุ่มด้านหลังสะบัดขึ้นลงเป็นจังหวะ กระเรียนกระดาษเอียงคอมองหางหูอวิ๋น มันรู้ว่าจิ้งจอกตัวนี้เคยชินกับการซ่อนของตรงนั้น
“อ้อ ของดีอะไรหรือ”
เสียงราบเรียบดังมาจากห้อง ต่อมาประตูห้องถูกเปิดออกจากด้านใน ด้านหลังประตูคือจี้หยวนซึ่งเปลี่ยนเป็นสวมชุดสีเขียว
“ท่านจี้! ท่านกลับมาแล้วหรือ”
“หึๆ ข้ายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าไม่ใช่หรือ ทำไม ไป๋ฉีรังแกเจ้าหรือ”
หูอวิ๋นส่ายหัวเหมือนกลองไม้เขย่า
“ไม่ใช่ๆ ไป๋ฉีดีมาก จริงสิ ข้าเจอของดีกลางภูเขา นำมามอบให้ท่าน!”
“ฮ่าๆๆ… เจ้าเจออะไร…”
เสียงจี้หยวนหยุดชะงัก อุ้งเท้าหูอวิ๋นคว้าทองคำขนาดเท่าหัวสุนัขสองก้อนออกมาจากพวงหางด้านหลัง เมื่อดูจากขนาด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใหญ่ราวครึ่งฝ่ามือ น้ำหนักย่อมไม่เบาแน่
“แหะๆๆ ท่านจี้ คนธรรมดาล้วนชอบทองคำทั้งสิ้น ก่อนเจ้าภูเขาลู่จากไปเหมือนว่าพกติดตัวไม่น้อย แต่ข้ากลับหาไม่เจอ ครั้งนี้โชคดี ยามขุดโพรงกระต่ายหาเจอสองก้อน ข้าจึงนำมาให้ท่าน!”
จี้หยวนเดินออกจากเรือนตามจิตใต้สำนึก หันมองไปทางเขาโคเทพ
‘หรือว่าภายในภูเขาลูกนี้มีเหมืองทอง’
“ท่านจี้ ทองคำพวกนี้มีค่าเท่ากับกี่เหรียญทองแดงหรือ ถือว่าเยอะมากหรือไม่”
หูอวิ๋นเอ่ยถาม มันรู้จักมูลค่าของเหรียญทองแดง แต่ทองคำไม่ถือว่าเข้าใจ จี้หยวนซึ่งได้ยินคำพูดนี้ยิ้มพลางกล่าวตอบ
“มีมูลค่ามาก ยึดตามการใช้จ่ายของข้า คาดว่าใช้หนึ่งร้อยปีก็ไม่หมด”
“อ้อๆ ถ้าอย่างนั้นท่านต้องการหรือไม่”
หูอวิ๋นส่งทองคำเท่าหัวสุนัขให้จี้หยวนราวมอบสมบัติ ฝ่ายหลังยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือมารับโดยไม่มีความรู้สึกกังวลใดๆ
“ต้องการ แน่นอนว่าต้องการ ข้าท่องบนโลกมนุษย์เนิ่นนาน ขาดอะไรขาดได้แต่ห้ามขาดเงิน”
หูอวิ๋นซึ่งเดิมเตรียมตัวโดนปฏิเสธ เห็นจี้หยวนรับไว้แล้วเผยสีหน้ายินดีทันที
จี้หยวนชั่งน้ำหนักทองคำสองก้อนในมือ มีเสียงดังออกมา หนักหลายชั่ง หากเปลี่ยนเป็นตำลึงเงินคงหลายร้อยตำลึง สำหรับจี้หยวนถือเป็นเงินก้อนใหญ่
ยามเก็บทองคำเข้าแขนเสื้อ จี้หยวนเงยหน้ามองกิ่งก้านต้นพุทรา ก่อนยกแขนเสื้อสะบัดขึ้น
วู้ม… ฮูม…
เสียงหวือแหวกแผ่วเบาดังออกมาจากแขนเสื้อ คล้ายกระแสลมภายในเรือนสันติม้วนเข้าแขนเสื้อจี้หยวน ฝูงผึ้งเต็มต้นพากันถูกดูดเข้ามา
แต่เมื่อฝูงผึ้งประชิดตัว จี้หยวนสลายพลังทันที ทำให้ฝูงผึ้งตื่นตระหนกหนีกระเจิง
“ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่แบบนี้…”
แม้ว่าอานุภาพเมื่อครู่ดูยิ่งใหญ่ แต่มองอย่างไรล้วนเหมือนถูกดูดมาตามลม เพียงแต่การใช้กรงเล็บจับคนของมังกรเฒ่า คล้ายทำเรื่องยากเป็นเรื่องง่ายอยู่บ้าง