เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 455 สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว
ตอนที่ 455 สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว
ซุนหย่าหย่าขยี้ตาเล็กน้อย แน่ใจว่าตนไม่ได้มองผิด แต่ความจริงนางไม่รู้จักสัตว์อย่างจิ้งจอก ด้วยก่อนหน้านี้อย่าว่าแต่จิ้งจอกซึ่งยังเป็นอยู่ แม้แต่ขนหนังตามตลาดยังไม่สะดุดตาเช่นนี้
“ท่านจี้ ตรงนั้นมีสุนัขตัวใหญ่สีแดงด้วย…”
ซุนหย่าหย่าดึงชายเสื้อจี้หยวน ชี้หูอวิ๋นซึ่งอยู่ข้างโต๊ะหิน จี้หยวนได้ยินแล้วมองหูอวิ๋น พบว่าฝ่ายหลังขนตั้งขึ้นมาดังคาด
“ข้าไม่ใช่สุนัข! เจ้าเคยเห็นสุนัขรูปงามขนาดนี้หรือ ข้าเป็นจิ้งจอก! จิ้งจอก! จิ้งจอกแดง!”
หูอวิ๋นลุกขึ้นแยกเขี้ยวกางกรงเล็บ กระโดดมาร่ายระบำถกเถียงตรงหน้าซุนหย่าหย่า ตลอดชีวิตมันเกลียดสุนัขมากที่สุด รองลงมาคือพวกนักเลงกับอันธพาล
สิ่งนี้ทำให้เด็กหญิงเสียขวัญ หดตัวอยู่ด้านหลังจี้หยวน กอดจี้หยวนพลางตะโกนลั่น
“ท่านจี้ๆ มันพูดได้! มันพูดได้!!!”
หูอวิ๋นปิดปากตัวเองทันที มองจี้หยวนอย่างระวัง ฝ่ายหลังส่ายหน้าเล็กน้อย เดินกลับมากลางลาน
ซุนหย่าหย่าตามมาอย่างประหม่า สายตาจับจ้องหูอวิ๋นตลอด
“ท่านจี้ จะ… จิ้งจอกตัวนี้พูดได้ ใช่ปีศาจหรือไม่ เขากินคนหรือไม่…”
จี้หยวนเดินตรงมาข้างโต๊ะหินกลางลาน นั่งลงอ่านเนื้อหาจดหมายของอิ๋นชิงโดยละเอียด ชี้กระดาษบนโต๊ะพลางกล่าว
“หย่าหย่า คัดอักษร”
“ตะ แต่…”
ซุนหย่าหย่าพูดว่าแต่ติดกัน ไม่ละสายตาจากหูอวิ๋นตลอด จากนั้นค่อยมองจี้หยวน พบว่าท่านจี้ไม่ตอบสนองอะไรเป็นพิเศษ
หูอวิ๋นเดินกลับมากลางลาน ขาหน้าสองข้างเท้าสะเอว ชี้ซุนหย่าหย่าก่อนชี้ตัวเอง
“เจ้าเห็นข้าหรือ”
ซุนหย่าหย่ามองจี้หยวนอีกครั้ง พบว่าท่านจี้กำลังอ่านกระดาษสองสามแผ่นหลังในจดหมายอย่างจริงจัง ไม่มองมาทางนี้ คิดเชื่อมโยงถึงคำพูดของจิ้งจอกตัวนี้ ในใจพลันกระตุก
‘หรือว่าท่านจี้ไม่เห็นจิ้งจอกตัวนี้ ดังนั้นเลยไม่สนใจ’
แม้ว่าซุนหย่าหย่าไม่ตอบ แต่สายตาเด็กหญิงคอยจ้องตน ทำให้หูอวิ๋นรับรู้ว่าตนถามเรื่องไร้สาระ มันจึงควบรวมพลังปีศาจ สำแดงวิชาปีศาจของตน
แต่ยังไม่เพียงพอ หูอวิ๋นทราบเพราะท่านจี้เคยพูดถึงเรื่องการจดจ่อ ดังนั้นมันขยับตัวทันที กระโดดไปด้านหลังบ่อน้ำซึ่งถูกแผ่นหินปิดทับกลางลาน ทำให้ตนหายไปจากสายตาซุนหย่าหย่า จากนั้นค่อยย่องออกมาจากด้านหลังบ่อน้ำอีกครั้ง
จริงดังคาด ตอนนี้หูอวิ๋นเห็นว่าซุนหย่าหย่ายังมองตรงบ่อน้ำ ไม่สังเกตเห็นว่ามันออกมาแล้ว แสดงว่าไม่เห็นมันแล้ว
จี้หยวนกวาดสายตามองหูอวิ๋นคราหนึ่ง เขาเห็นการกระทำของจิ้งจอกแดงในสายตา ทั้งเห็นการตอบสนองของซุนหย่าหย่าด้วย ได้แค่บอกว่าจิตรับรู้ของเด็กหญิงเริ่มฉับไวขึ้นมาแล้ว
เด็กหญิงเห็นว่าจิ้งจอกตัวนั้นไม่ออกมานาน นางมองจี้หยวนก่อนอ้อมต้นพุทราไปอีกด้าน มาถึงตรงบ่อน้ำแล้วลองมองดู พบว่าจิ้งจอกไม่อยู่ตรงนั้น มองโดยรอบครู่หนึ่งก็ยังไม่พบ
“หย่าหย่า คัดอักษร”
จี้หยวนเอ่ยเรียกอีกครั้ง
“อืม…”
ได้ยินท่านจี้เรียกตนเป็นครั้งที่สอง เด็กหญิงตัวน้อยตอบรับคราหนึ่ง เดินกลับมาข้างโต๊ะโดยดี หยิบพู่กันขึ้นมาเริ่มคัดอักษร แต่ยังมองรอบลานอย่างไม่อยู่กับร่องกับรอยเป็นพักๆ
เพิ่งถึงยามโหย่ว ซุนหย่าหย่าบอกลาท่านจี้ ออกจากเรือนสันติกลับบ้าน รอซุนหย่าหย่าจากไป หูอวิ๋นกระโดดออกมาทันที
“ท่านจี้ เมื่อครู่หย่าหย่าเห็นข้าจริงๆ แม้ว่าข้าเอ่ยปากจนดึงดูดความสนใจนาง แต่ดวงตานางฉับไวไม่น้อย”
“ไม่มีอะไรน่าตื่นตูม เด็กอายุน้อยโดยเฉพาะเด็กเปี่ยมจิตวิญญาณ ย่อมเห็นเรื่องอัศจรรย์บางส่วนไม่น้อย หย่าหย่าจิตแข็งขึ้นทีละนิด แน่นอนว่าการมองเห็นเจ้าไม่ถือว่าแปลก”
จี้หยวนพูดพลางกล่าวเสริมประโยคหนึ่ง
“ความจริงเด็กหลายคนอาจเคยเห็นเรื่องพิเศษบางอย่าง แต่พอเติบใหญ่หน่อยกลับเสียความทรงจำด้วยกลไกป้องกันตัว”
หูอวิ๋นจดจำขึ้นใจ จากนั้นค่อยกระโดดมานั่งบนเก้าอี้หินเพื่ออ่านจดหมายบนโต๊ะ
“ท่านจี้ อิ๋นชิงแต่งงานเมื่อไหร่ ยามเขาแต่งงาน หากท่านต้องการไป พาข้าไปด้วยได้หรือไม่”
“ไม่รีบร้อนๆ เจ้าไม่ต้องไปหรอก เขาจะพาว่าที่เจ้าสาวมาอำเภอหนิงอัน เชิญพวกญาติสนิทอย่างท่านอาท่านลุงด้วยตัวเอง แน่นอนว่าย่อมมาเยือนเรือนสันติด้วย”
ตามประเพณีของอำเภอหนิงอัน เรื่องการหมั้นหมายเล็กได้ใหญ่ได้ ถึงขั้นว่าบางส่วนหมั้นหมายกันแค่การตกปากรับคำ แต่เรื่องการแต่งงานต้องมาเชิญญาติด้วยตัวเอง
เดิมด้วยสถานการณ์อิ๋นจ้าวเซียนกับอิ๋นชิง ไม่ว่าฐานะตำแหน่งหรือความวุ่นวายของงานราชการ ย่อมละเว้นขั้นตอนนี้ได้ แต่เห็นชัดว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง อิ๋นชิงหวังพาองค์หญิงฉางผิงมาเชิญพร้อมกัน
“จริงหรือๆ มาถึงเมื่อไหร่”
หูอวิ๋นตื่นเต้นขึ้นมาทันที เปรียบเทียบกับสถานที่จำกัดมือเท้าอย่างเมืองหลวง บ้านเกิดอย่างอำเภอหนิงอันอิสระกว่ามาก ถึงขั้นว่าพาอิ๋นชิงไปเล่นบนเขาโคเทพได้ด้วย
ตอนนี้บนเขาโคเทพไม่ว่าจะเป็นเหล่าภูตหรือสัตว์ป่าดุร้ายอย่างหมาป่าเสือดาวพยัคฆ์ ทั้งหมดล้วนไม่กล้าหาเรื่องหูอวิ๋น ใช่ว่าหูอวิ๋นร้ายกาจจนไร้คู่ต่อสู้กลางป่า แต่ภูตกับสัตว์ในป่าต่างกลัวเจ้าภูเขาลู่ กระทั่งเกรงหูอวิ๋นซึ่งปรากฏตัวพร้อมเจ้าภูเขาลู่บ่อยครั้ง ทั้งมีกลิ่นอายคล้ายคลึงกัน
หลายปีมานี้เขาโคเทพไม่เคยมีเทพภูเขา ด้วยเกี่ยวข้องกับเจ้าภูเขาลู่อย่างมาก ชื่อเจ้าภูเขาลู่ ปีนั้นเขาเรียนอักษรจากผีชาง ตั้งชื่อตามความหมาย ‘เจ้าภูเขา’ ตำราแปลกบางส่วนสื่อถึงเสือร้ายผู้เป็นใหญ่แห่งภูเขา
นอกจากมีความจำเป็นแล้ว มิฉะนั้นโดยทั่วไปจี้หยวนไม่มีทางทำนายเรื่องเล็กน้อยภายในชีวิตของสหายตามสะดวกแน่ แต่เห็นชัดว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นไร ดังนั้นเลยนับนิ้วทำนาย ก่อนยิ้มกล่าวกับหูอวิ๋น
“เรือประดับหอของพวกเขาอยู่บนแม่น้ำวสันต์แล้ว คาดว่าอีกไม่กี่วัน เจ้าเตรียมตัวได้ เขาแต่งงานย่อมต้องไปเข้าร่วม”
“ทราบแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้ากลับเขาโคเทพก่อน!”
หลังจากหูอวิ๋นกล่าวประโยคนี้เสร็จ มันกระโดดลงจากเก้าอี้หิน มาถึงริมกำแพงก่อนกระโดดออกไป รอเมื่อเขาจากไปแล้ว จี้หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางอ่านจดหมายในมือ
“ดูท่าว่าชิงเอ๋อร์คงเชื่อว่าที่ภรรยาคนนี้มาก!”
ถึงขั้นบอกในจดหมายว่าจะพาองค์หญิงฉางผิงมาเรือนสันติ ตามความเข้าใจของจี้หยวนที่มีต่ออิ๋นชิง คิดว่าคงไม่อยากมีความลับระหว่างสามีภรรยา มิฉะนั้นอิ๋นชิงอาจไม่มีทางวางแผนเดินทางมาอำเภอหนิงอัน
ไม่ผิด ใช่ว่าจี้หยวนคิดว่าตัวเองดีกว่า เขารู้ว่าอิ๋นชิงพาองค์หญิงฉางผิงกลับบ้านเกิดครานี้ หากพูดว่าทำตามประเพณี… เชิญผู้อาวุโสภายในเครือญาติ มิสู้บอกว่ามาเชิญเขาคนแซ่จี้โดยเฉพาะยังดีกว่า
…
ภายในจังหวัดชุนฮุ่ย อิ๋นชิงพาองค์หญิงฉางผิงเที่ยวชมสำนักศึกษาที่เคยเรียนเมื่อตอนนั้น ทั้งมาข้างต้นหลิวโค้งริมแม่น้ำ ข้ารับใช้กับผู้คุ้มกันบางส่วนอยู่ค่อนข้างห่างไกล
“ท่านพี่ นี่คือสถานที่ซึ่งท่านมาอ่านตำราบ่อยๆ ยามเล่าเรียนอยู่ที่นี่เมื่อปีนั้นหรือ”
“ไม่ผิด นี่คือสถานที่ท่องตำราริมแม่น้ำ อาศัยธรรมชาติกล่อมเกลาจิตใจ ทั้งท่องตำราให้ปลากุ้งในแม่น้ำฟัง”
องค์หญิงฉางผิงใช้พัดกลมในมือปิดปากหัวเราะ
“ใช่ๆๆ มีเรื่องน่าสนใจที่ท่านพี่เคยบอกข้าด้วย บอกว่ายามท่านอ่านตำราที่นี่ บางครั้งมีปลาใหญ่กับเต่าเฒ่าในแม่น้ำมาฟัง ว่ายวนเวียนในน้ำไม่ไปไหน”
“จริงสิ ท่านพี่ ปลากับเต่าเฒ่าตัวใหญ่มากขนาดไหนกันแน่”
อิ๋นชิงเผชิญหน้ากับรอยยิ้มเบิกบานขององค์หญิงฉางผิง วาดสองมือเล็กน้อยอย่างจริงจัง
“ตัวใหญ่กว่าคน แน่นอนว่าใหญ่กว่าที่เจ้าคิด”
เวลานี้มีผู้คุ้มกันสองคนรีบมาจากในเมือง พวกเขาไม่ได้สวมชุดผู้คุ้มกันอะไร แต่แต่งกายด้วยชุดรัดรูป ในมือถือสุราไหหนึ่ง
“ใต้เท้า ซื้อมาแล้วขอรับ”
“นี่คืออะไร สุรา?”
องค์หญิงฉางผิงกล่าวอย่างสงสัย อิ๋นชิงยกไหหนึ่งมาเขย่าพลางกล่าวอธิบาย
“นี่คือสุราเลื่องชื่อแห่งจังหวัดชุนฮุ่ย… วสันต์พันวัน มีแค่สองไหเล็ก จริงสิ บ่มมายี่สิบปีกระมัง”
“เรียนใต้เท้า ทั้งสองไหคือวสันต์พันวันซึ่งบ่มมายี่สิบปี พวกเราเห็นตระกูลตงแห่งร้านในสวนขุดขึ้นมาจากดินกลางสวนขอรับ”
อิ๋นชิงพยักหน้าเล็กน้อย
“ดี มอบตำลึงเงินไปไม่น้อยกระมัง”
ผู้คุ้มกันยิ้มเล็กน้อย
“แน่นอนว่าไม่น้อยขอรับ หากไม่ใช่ว่าหลงจู๊ยืนกรานไม่ขายตอนแรก ข้าน้อยคงไม่มีทางเผยป้ายคำสั่งจากวังหลวง”
“คราวหน้าซื้อสุราบ่มยี่สิบปีไม่ได้ก็ช่างเถอะ ไม่จำเป็นต้องเผยป้ายคำสั่ง”
อิ๋นชิงกล่าวตำหนิเล็กน้อย ผู้คุ้มกันรีบประสานหมัดรับคำ พวกเขามาคุ้มกันองค์หญิงฉางผิงเป็นหลัก แต่ไม่กล้าขัดคำพูดของใต้เท้าอิ๋นเช่นกัน
“เอาล่ะ สถานที่ควรค่าแก่การเที่ยวชมของจังหวัดชุนฮุ่ยมากเกินไป วันหน้าพวกเรามาเที่ยวเล่นอีก วันนี้มาดูสำนักศึกษากับศาลเทพแม่น้ำ ทั้งเดินเล่นริมแม่น้ำ ถือว่าพอสมควร พวกเราควรขึ้นเรือออกเดินทางแล้ว”
“อืม ข้าเชื่อฟังท่านพี่!”
พวกเขาจึงหันกลับเริ่มเดินไปทางท่าเรือ
ซ่า…
ตรงต้นหลิวเอนหาแม่น้ำ มีเสียงเกลียวคลื่นปั่นป่วน องค์หญิงฉางผิงหันมามองตามจิตใต้สำนึก เห็นปลาตัวใหญ่มากว่ายฝ่าคลื่นห่างออกไปรางๆ
พวกเขาเลียบแม่น้ำวสันต์ ล่องเรือเลี้ยวเข้าแม่น้ำราบรื่น สุดท้ายเรือประดับหอลำหนึ่งค่อยจอดเทียบท่าเรือตรงเชิงเขาคทา อิ๋นชิงกับองค์หญิงฉางผิงรออยู่บนเรือช่วงหนึ่ง จากนั้นค่อยขึ้นรถม้าซึ่งบ่าวเตรียมไว้พร้อมกัน เลียบทางเขาตัดผ่านเขาคทา
ยามผ่านทางเขาชื่นชมทิวทัศน์ องค์หญิงฉางผิงพลันเอ่ยถาม
“ท่านพี่ ส่วนลึกของเขาคทามีสระมรกตหรือไม่ มีปลาน้อยซึ่งต้มน้ำแกงแล้วก้างร่อนหรือไม่”
“ใช่ มีสิ…”
…
ในฐานะองค์หญิงกับว่าที่ราชบุตรเขย ต่อให้เก็บงำตนเองแค่ไหน กำลังคนที่ควรมีล้วนขาดตกไม่ได้ รถม้าสามคันหน้าหลัง ผู้ขี่ม้าติดตามสิบกว่าคน สถานที่รุ่งเรืองอย่างจังหวัดชุนฮุ่ยไม่เป็นไร แต่มาถึงชนบทอย่างอำเภอหนิงอัน กลับเหมือนกระเรียนกลางฝูงกาทันที
ยามขบวนรถพร้อมเหล่าบริวารเข้าอำเภอ ชาวบ้านไม่น้อยวิจารณ์เซ็งแซ่อยู่ด้านข้าง ทั้งหมดล้วนคาดเดาว่าเป็นบุคคลสำคัญคนไหนมาเยือน ภายใต้สถานการณ์ยามรถม้าเป็นแหล่งรวมสายตา ขบวนรถมุ่งหน้าไปตรอกเทียนหนิว ไม่มีเจ้าหน้าที่ไปแจ้งที่ว่าการอำเภอ