เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 473 ฝีมือทำอาหารชั้นยอด
ตอนที่ 473 ฝีมือทำอาหารชั้นยอด
สิ่งที่ลู่หมินอยากกินคือปลา แต่ตอนนี้กลับถูกปฏิเสธ หลังจากเดินวนเวียนอยู่นอกเรือนครู่ใหญ่เขาคิดว่าไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา เมื่อนึกออกแล้วไปหาคนของจวนเร้นจิต
เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ลู่หมินเจอผู้ดูแลคนหนึ่งของจวนเร้นจิตแล้ว คิดให้อีกฝ่ายไปเรือนรับรองเขาล้อมหยกพร้อมตน ผลลัพธ์คืออีกฝ่ายมองเขาด้วยแววตาประหลาดยิ่ง
“เรือนรับรองที่ท่านจี้อยู่หรือ”
“ไม่ผิด เรือนรับรองที่ท่านจี้อยู่ รบกวนผู้ดูแลตู้อำนวยความสะดวก ช่วยกล่าวชมข้าสักสองประโยค บอกว่าข้าลู่หมินไม่ใช่พวกไร้มารยาท ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด ขอข้าชิมอาหารจากปลาเกล็ดทอง ข้าคนแซ่ลู่ยอมจ่ายหน่อยก็ได้”
ผู้ดูแลแซ่ตู้แสยะยิ้มเล็กน้อย
“เรื่องนี้ข้าช่วยท่านไม่ได้ จวนเร้นจิตแค่ควบคุมยานข้ามแดน อำนวยความสะดวกแก่สหายยุทธ์กับผู้โดยสารทุกท่านเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าให้สหายยุทธ์บนเรือทำตามแผนของพวกเรา ในเมื่อท่านจี้ปฏิเสธสหายยุทธ์ลู่ ท่านอย่าคิดกินเนื้อปลาเลย ท่านตกเองอีกหนึ่งปีครึ่ง ไม่แน่ว่าอาจทำได้”
ลู่หมินเกาหัวเล็กน้อย
“หนึ่งปีครึ่งไม่แน่ว่าจะมี ต่อให้มีและข้าเป็นศิษย์ทะเลคันฉ่อง ไม่แน่ว่าจะตัดสินใจได้ ต่อให้เป็นผู้ตัดสินใจก็กินไม่ลง…”
ผู้ดูแลแซ่ตู้ยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นข้าคนแซ่ตู้คงช่วยไม่ได้ ขอบอกสหายยุทธ์ตามตรง พวกเราไม่อาจล่วงเกินท่านจี้ เชิญสหายยุทธ์กลับไปเถอะ”
ลู่หมินถูกคนของจวนเร้นจิตส่งออกมาจากลานฝึกปราณอย่างสุภาพ อึ้งงันอยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง เขารู้ว่าวันนี้คงหมดหวังแล้ว แต่ยังกลับมานอกเรือนรับรองที่จี้หยวนกับคนของเขาล้อมหยกอาศัยอยู่ตามจิตใต้สำนึก
ผลคือเพิ่งมาถึงตรงนี้ เขาได้กลิ่นหอมเลือนรางลอยออกมาจากด้านในแล้ว
เรือนรับรองแห่งนี้สร้างเป็นเรือนแยกเดี่ยว แน่นอนว่าภายในมีของครบครัน ห้องครัวยังไม่ตกหล่น
ภายในห้องครัวของเรือนรับรอง จี้หยวนปรุงอาหารอยู่ข้างใน เครื่องปรุงที่เตรียมนอกจากเครื่องปรุงลับของนักพรตชิงซงแห่งอารามเขาเมฆาแล้ว เขายังมีน้ำผึ้งดอกพุทราสดใหม่จากเรือนสันติ
จี้หยวนผัดเครื่องปรุงผสมกับน้ำมันก่อน อาศัยประสาทรับกลิ่นทรงพลังมาแยกแยะการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นเครื่องปรุง จากนั้นค่อยใส่เนื้อปลาที่หั่นเป็นชิ้นแล้วทั้งหมดเข้าไป
ฉ่า…
กลิ่นน้ำมันลอยขึ้นมา เมื่อเนื้อปลาใกล้กลายเป็นของเหลว จี้หยวนหยิบขวดจิ๋วบนโต๊ะด้านข้างมาทันที เทน้ำผึ้งดอกพุทราของเรือนสันติลงไป
เมื่อน้ำผึ้งหยดลง กลิ่นหอมหวานซึมเข้าเนื้อปลา กลายเป็นแสงสีเหลืองอ่อนทั่วกระทะ ซึมเข้าเนื้อปลาซึ่งใกล้ละลายช้าๆ ทำให้เนื้อปลาเด่นชัดทันที
ฉ่าๆๆ…
จี้หยวนได้กลิ่นหอมแล้วเผยรอยยิ้ม คิดไม่ถึงว่าฝีมือทำอาหารของเขาคนแซ่จี้จะดีขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นค่อยใส่เครื่องปรุงรสจานเล็กบนโต๊ะลงไปลวกๆ รอเครื่องปรุงละลายแยกชั้นทั่วกระทะ ต่อมาค่อยผัดสองสามครั้งก่อนครอบกระทะ
เมื่อทำขั้นตอนนี้เสร็จ จี้หยวนนับนิ้วเล็กน้อย คิดว่าต้องรออีกครึ่งเค่อค่อยยกเนื้อปลาออกจากเตา
ปุดๆๆๆ…
เสียงเดือดของกระทะดังระงมไม่ขาดหู กลิ่นหอมเฉพาะตัวแผ่ซ่านไม่หยุด
จี้หยวนหันกลับมามอง พบว่าผู้ฝึกปราณเขาล้อมหยกทุกคนล้วนออตรงประตูห้องครัว เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ยังกลืนน้ำลาย แม้แต่แววตาจูหยวนจื่อยังเจือความเฝ้ารอ
สิ่งนี้ทำให้จี้หยวนแย้มยิ้ม ต่อให้เป็นผู้ฝึกเซียน ต่อให้เป็นเทพเซียนในสายตาคนธรรมดาก็ยังมีความปรารถนาดังคาด
“ทุกท่านไม่ต้องล้อมประตู รีบไปเตรียมโต๊ะเก้าอี้ ไม่เกินครึ่งเค่อเนื้อปลาจะออกจากเตา พวกเรามาชิมว่าปลาเกล็ดทองจากแก่นวารีตัวนี้รสชาติเป็นอย่างไร”
มีอะไรต้องพูดอีก ทุกคนลงมือทันที โต๊ะเก้าอี้กลางลานไม่พอก็ย้ายมาจากในห้อง ทั้งหยิบจานหยก ชามหยก ตะเกียบหยกออกมาจากวัตถุกลางฟ้าดิน
ด้วยเนื้อปลามีแค่หม้อเดียว คนรอบนอกสุดจึงสำแดงวิชา ควบรวมโต๊ะกลมตัวใหญ่ออกมา ทำให้ทุกคนนั่งรอบโต๊ะได้
หลังจากนั้นครึ่งเค่อจี้หยวนเปิดฝาหม้อ สีเนื้อปลาทั้งหม้อแดงเรื่อสะดุดตา เจือกลิ่นเผ็ดร้อนและหอมหวานเสี้ยวหนึ่งรางๆ แค่ดมกลิ่นจี้หยวนก็รู้ว่าเนื้อปลาหม้อนี้บรรลุจุดสูงสุดด้านการทำอาหารในปัจจุบันของเขาคนแซ่จี้แล้ว
ความจริงปลาเกล็ดทองไม่ถือว่าเป็นปลาที่แท้จริง อย่างน้อยก็ไม่นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิต แม้ว่าเหมือนมาก แต่ความจริงกลับเหมือนแค่ภายนอก ภายในตัวไม่ได้วิวัฒน์อวัยวะตันห้ากลวงหกอย่างสมบูรณ์ ไม่กินไม่ดื่มไม่ขับถ่าย ดูดซับแก่นวารีอย่างเดียว ดังนั้นหลังจากจี้หยวนขอดเกล็ด เนื้อปลาเต็มหม้อจึงอยู่ที่นี่ ไม่ต้องทิ้งอะไร
ส่วนเกล็ดจี้หยวนเก็บไว้ชั่วคราว
เห็นคนข้างนอกอดรนทนไม่ไหว จี้หยวนรีบใช้นิ้วมือคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งเข้าปากเพื่อลองชิม กลิ่นหอมเผ็ดหวานอบอวลทั่วโพรงปากชั่วพริบตา เลิศรสจนจี้หยวนเกือบกลืนลิ้นตัวเองลงไปด้วย
“ฮ่าๆๆๆ… ทักษะใกล้เคียงมรรค ทักษะใกล้เคียงมรรคแล้ว!”
จี้หยวนหัวเราะร่าก่อนยกหม้อออกไป การทำเช่นนี้เรียนรู้มาจากอารามเขาเมฆา ถือว่าสะดวกมาก
แม้ว่ามีค่ายกลคอยปิดกั้น แต่กลิ่นหอมกลางลานเรือนรับรองยังลอยออกไปข้างนอกอยู่บ้าง กลิ่นหอมนั้นไม่ถือว่าเข้มข้น แต่กลับมีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง คล้ายว่ามีความสามารถประหลาดอย่างหนึ่ง ทำให้ผู้ได้กลิ่นหลั่งน้ำลายไม่หยุด
ลู่หมินรออยู่ข้างนอกครู่ใหญ่ รอคนด้านในออกมาเชิญเขา แต่กลับกลืนน้ำลายไปไม่รู้กี่รอบ
“ถึงตายทีเดียว! ข้าลู่หมินฝึกปราณมาสามร้อยกว่าปี รู้สึกว่าคอขาดบาดตายเช่นนี้เป็นครั้งแรก ที่นี่อยู่ต่อไม่ได้แล้ว!”
ลู่หมินสูดกลิ่นหอมเฮือกใหญ่ก่อนเผ่นแน่บ ไม่กล้าหยุดพักอีกแม้แต่น้อย
เมื่อลู่หมินที่อยู่ข้างนอกจากไป จี้หยวนที่กำลังเคี้ยวเนื้อปลาชิ้นใหญ่ส่ายหัวยิ้มอย่างอดไม่ได้ จูหยวนจื่อที่อยู่ด้านข้างกลืนเนื้อปลาติดหนังลงคอพลางยิ้มกล่าว
“ในฐานะผู้ฝึกปราณ คนผู้นี้ไม่เหมือนใครอยู่บ้างจริงๆ ข้าไม่เคยเจอคนหน้าหนาเช่นนี้มาหลายร้อยปีแล้ว”
จี้หยวนมองเขาเล็กน้อย
“เกรงว่าหลายร้อยปีนั้นท่านคงฝึกปราณกลางเขาเก้าส่วนขึ้นไป ฟ้าดินกว้างใหญ่เรื่องพิสดารมากมี”
จูหยวนจื่อยิ้มรับ
“ท่านจี้กล่าวถูกต้อง ข้า… เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวก่อน หนังปลาชิ้นใหญ่ขนาดนี้อย่าคีบไปคนเดียว แบ่งข้าหน่อย!”
อาหารเลิศรสเช่นนี้อยู่ตรงหน้า เซียนอาวุโสอย่างจูหยวนจื่อยังทนไม่ไหว เมื่อเห็นกวนเหอถึงกับลากหนังปลาชิ้นใหญ่ไป เขายื่นตะเกียบออกไปชุบมือเปิบอย่างอดไม่ได้ ทำให้กวนเหอตกใจจนรีบแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโส
เนื้อปลาก้างปลาหม้อนี้ล้วนเลิศรส แต่หากพูดถึงส่วนอร่อยที่สุด นั่นก็คือหนังปลาเกลี้ยงเกลาฉ่ำเครื่องปรุง ดีที่สุดคือติดเนื้อปลาเล็กน้อย ถือว่าเลิศรสจนเทพเซียนยังลุ่มหลงจริงๆ
ปลาเกล็ดทองตัวนี้ไม่นับว่าเล็ก แต่คนกินเองไม่ถือว่าน้อย กอปรกับเป็นผู้ฝึกเซียน ไม่กินมานานกินครั้งหนึ่งย่อมเยอะมาก ดังนั้นเลยต้านการโจมตีด้วยตะเกียบของทุกคนไม่ได้ ไม่นานเนื้อปลาเต็มหม้อพลันขอดก้น
จากนั้นจี้หยวนค่อยใช้ท่าไม้ตาย นำข้าวหม้อใหญ่มาราดน้ำแกงพร้อมเศษเนื้อปลาที่เหลือ
จี้หยวนรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้คุ้มค่านัก ไม่เพียงพิสูจน์ฝีมือทำอาหารชั้นยอดของตน เขายังได้กินเนื้อปลาเกล็ดทองเลิศรสด้วย สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือลองถามดูสิว่าใครเคยเห็นเทพเซียนถือชามพุ้ยข้าวอย่างรวดเร็ว ทั้งแย่งกันคดข้าวบ้าง
“ฮู่…”
สุดท้ายหยางหมิงวางถ้วยข้าวลงก่อนผ่อนลมหายใจยาว เขาจำไม่ได้ว่าคราวก่อนตนกินข้าวอย่างเบิกบานเช่นนี้เมื่อไหร่ คาดว่าคงมากกว่าสองร้อยปีแล้ว
ทุกคนต่างมองหน้ากัน หลังจากข่มกลั้นครู่หนึ่งทั้งหมดล้วนหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆๆ…”
“หึๆๆๆๆ…”
“น่าสนใจๆ…”
ทุกคนรู้สึกว่ายามอยู่กับจี้หยวน หลายครั้งมีกลิ่นอายการใช้ชีวิตเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง แต่สิ่งนี้ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาสักนิด หลังจากคิดทบทวนกลับมีความรู้สึกเหมือนหยั่งรู้มรรคเซียนอย่างหนึ่ง
…
ทะเลคันฉ่องยามค่ำคืนงดงามกว่ากลางวันดังคาด ผู้โดยสารทุกคนกลับมาบนดาดฟ้าอีกครั้งเพื่อชมทิวทัศน์ยากพบเห็นนี้
ลู่หมินนอนถอนใจบนดาดฟ้าตรงหัวเรือ แม้ว่าเพิ่งวิ่งออกจากรัศมีเรือนรับรองเขาล้อมหยก แต่ดมกลิ่นหอมเช่นนั้นแล้วคงไม่อาจลืมเลือน ได้แต่จินตนาการในสมองว่าเนื้อปลากลิ่นหอมเช่นนั้นมีรสชาติอย่างไร
“เฮ้อ…”
เมื่อถอนใจอีกครั้ง เสียงจี้หยวนพลันดังขึ้นด้านข้าง
“สหายยุทธ์ลู่ เรื่องฝืนไม่ได้ก็อย่าคิดเลย เพื่อขอบคุณหอสมุทรเร้นคันฉ่องที่อนุญาตให้ข้าคนแซ่จี้ตกปลา สิ่งนี้มอบให้ท่าน”
ลู่หมินหยัดร่างขึ้นทันที รับของที่จี้หยวนโยนมาด้วยสองมือ จากนั้นค่อยแบมือออกพบว่าคือเมล็ดหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าคือเมล็ดของผลไม้อะไร
“ข้าคนแซ่จี้อาศัยสิ่งนี้มาตกปลาเกล็ดทอง ส่วนวิชาอสนีท่านอย่านึกถึงเลย”
ลู่หมินรีบลุกขึ้นมา คารวะจี้หยวนยามห่างกันสิบก้าว
“ขอบคุณสหายยุทธ์ที่มอบเหยื่อๆ ข้าคนแซ่ลู่จะใช้อย่างดี! เอ่อ ข้าถามเพิ่มสักประโยค เนื้อปลาหลังปรุงอาหารหอมเช่นนี้ รสชาติเป็นอย่างไร”
จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย
“สด หอม เผ็ด หวาน รสเค็มอ่อนๆ ได้แค่บอกว่าอร่อยมาก”
จี้หยวนพูดจบแล้วหันหลังจากไป
เรื่องนี้ไม่ถามก็ช่างเถอะ แต่ถามมาจี้หยวนย่อมตอบ ลู่หมินฟังแล้วยากจะรับยิ่งกว่าเดิม แอบตัดสินใจว่าครั้งหน้าถ้าตกปลาเกล็ดทองขึ้นมาได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนำมาทำอาหารกิน!
ยามคิดเช่นนี้เขาก้มมองเมล็ดในมือ ดมแล้วมีกลิ่นอายวิญญาณแผ่ออกมารางๆ ลู่หมินมุ่นคิ้ว ตรวจสอบเมล็ดโดยละเอียด โคจรพลังกวาดผ่านทั้งนอกใน ไม่พบร่องรอยว่าใช้วิชาต้องห้ามอะไร
‘หรือกล่าวอีกนัยคือกลิ่นอายวิญญาณกับปราณวิญญาณพิเศษภายในนี้ ควบรวมจากตัวเมล็ดผลไม้เอง’
ผลไม้เจือปราณวิญญาณลู่หมินเคยพบเจอมาไม่น้อย แต่เมื่อเก็บนานเข้าปราณวิญญาณจะสลายไป ผลไม้ย่อมเน่าเสีย เห็นชัดว่าเมล็ดผลไม้ตรงหน้าห่างจากต้นมานานแล้ว แต่ยังมีปราณวิญญาณบริสุทธิ์เข้มข้นเช่นนี้ มีกระแสความร้อนเลือนรางไหลวนอยู่ภายใน ทั้งไม่ได้ใช้อภินิหารวิชาอัศจรรย์ นี่เป็นเพราะอะไรกัน
ความคิดลู่หมินเคลื่อนห่างจากความกระหายเนื้อปลาทีละน้อย รู้สึกเหมือนว่าเคยเจอคำอธิบายเช่นนี้จากที่ไหนมาก่อน ผ่านไปนานเขาพลันตัวสั่น หลุดปากร้องเสียงหลงออกมาคำหนึ่ง
“แก่นวิญญาณ!”