เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 503 ต่างคนต่างคุมหนึ่งธาตุ
ตอนที่ 503 ต่างคนต่างคุมหนึ่งธาตุ
……………………………………………………………………..
บรรดาผู้สูงส่งที่จี้หยวนเคยเจอนิสัยจู้ทิงเทาค่อนข้างมีเอกลักษณ์ รวมถึงตัวจี้หยวนเองด้วย นิสัยค่อนข้างละมุนละม่อม ถึงอย่างไรสภาวะจิตถือว่ายากเกิดคลื่นความรู้สึก ไม่อาจพูดว่าจู้ทิงเทาใจร้อน ความวู่วามยิ่งเป็นไปไม่ได้ แต่กลับทำให้จี้หยวนรู้สึกถึงความ ‘กระตือรือร้น’ ไม่ใกล้เคียงกับชื่อของเขานัก
หลังจากขอทานชรากับจี้หยวนอธิบายเรื่องทุกอย่างตามที่คิดโดยละเอียดทีละน้อย จู้ทิงเทาตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมด้วยแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องนี้สามารถตอบแทนน้ำใจจี้หยวนส่วนหนึ่ง เขาเองรู้สึกสนใจมากเช่นกัน
บนโลกอาจไม่มีวิชาอมตะ แต่กลับมีวิชาอายุยืน เมื่อถึงระดับเดียวกับพวกเขา อายุมั่นขวัญยืนเกิดจากประสบการณ์มากมายและสภาวะจิต เมื่อเจอเรื่องน่าสนใจถึงก้นบึ้งย่อมถือว่าค่อนข้างหายาก
“ข้าว่าพวกเราหลอมวัตถุวิญญาณห้าธาตุก่อน ถือว่าเป็นการเตรียมพร้อม จัดการตรงสวนหมอกเมฆแห่งนี้เลยดีหรือไม่”
พวกจี้หยวนไม่คัดค้านข้อเสนอของจู้ทิงเทา ในเมื่อเป็นสหายยุทธ์ซึ่งเตรียมหลอมอาวุธด้วยกัน ความเชื่อใจคือสิ่งจำเป็นยิ่ง จี้หยวนหยิบวัตถุดิบหลอมอาวุธออกมาทีละอย่าง แม้แต่สถานที่ยังไม่เปลี่ยน ห้องรับแขกสวนหมอกเมฆกลายเป็นสถานที่ปิดด่านของพวกเขาสี่คนชั่วคราว มีผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนทำหน้าที่คุ้มกันอยู่ข้างนอก
แน่นอนว่าเชือกไหมทองซึ่งรับบทตัวละครนำทำให้จูหยวนจื่อกับจู้ทิงเทาที่ไม่เคยเห็นเอ่ยชม หลังจากเห็นเชือกไหมทอง ความสนใจเปลี่ยนไปอยู่กับวัตถุวิญญาณห้าธาตุ
เพลิงสมาธิกับบัญชาเวทอสนีล้วนเคยออกฉาก จี้หยวนเผยออกมาเล็กน้อยก่อนเก็บไป อย่างแรกเดิมถือว่าถึงระดับสูงสุด ไม่จำเป็นต้องหลอมอะไรอีก อย่างหลังยังต้องควบคุมอย่างเหมาะสม
สิ่งสำคัญแท้จริงคือเกล็ดทองทะเลคันฉ่อง หยกเทพภูเขา รวมถึงไหมหลอมพลังกับวัตถุวิญญาณทองอย่างอื่น
“ท่านจี้ เส้นไหมธาตุทองเหมือนเล่นขายของเกินไปหน่อยหรือไม่”
ภายในกองวัตถุวิญญาณธาตุทอง ม้วนไหมเปล่งประกายพร่างพราววับวาบสะดุดตาเป็นพิเศษ ใช่ว่าน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง หากแต่ธรรมดาเกินไป ขอทานชราหยิบเส้นไหมพลางกล่าวสงสัยอย่างอดไม่ได้
จู้ทิงเทาขมวดคิ้ว หยิบเส้นไหมมาม้วนหนึ่ง
“ไม่สิ! เส้นไหมนี้ไม่ธรรมดา!”
จูหยวนจื่อเห็นเส้นไหมเช่นกัน เขาดึงเส้นไหมออกมาสังเกตระยะประชิดโดยละเอียด
“ไม่ผิด เส้นไหมนี้ไม่ธรรมดา!”
จูหยวนจื่อพูดพลางใช้มือซ้ายจับเส้นไหม มือขวาเปลี่ยนเป็นทำมุทราสามนิ้ว สุดท้ายค่อยวาดนิ้วกระบี่ผ่านเส้นไหม
ฟุ่บ!
แสงธรรมสีทองสายหนึ่งวาบผ่าน บนเส้นไหมเองอบอวลด้วยแสงทอง ทั้งมีอักษรจิ๋วมากมายพุ่งออกมาเหมือนเงาสะท้อน ไหลวนห่างจากเส้นไหมหนึ่งฝ่ามือ
อักษรจิ๋วพวกนี้แน่นขนัดจนไม่รู้ว่ามีเท่าไหร่ แต่ละตัวแคล่วคล่องไม่ธรรมดา แฝงกลิ่นอายเร้นลับอย่างหนึ่ง
จูหยวนจื่อถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาบัญชา เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ก็เข้าใจแล้ว
“ประกาศิตเลิศล้ำนัก มิน่าเส้นไหมถึงมีรูปลักษณ์เช่นนี้!”
จูหยวนจื่อลองหยั่งเชิงด้วยการดึงเบาๆ เป็นอย่างที่คาดเดาในใจจริงๆ เส้นไหมถูกลากยาวอย่างอิสระ
“เป็นจริงดังคาด ท่านจี้ สายเบ็ดตกปลาของท่านคงใช้วัตถุดิบเดียวกันกระมัง”
ในฐานะผู้เคยกินเนื้อปลาเกล็ดทองแห่งทะเลคันฉ่อง จูหยวนจื่อย่อมรู้ดีว่าจี้หยวนมีคันเบ็ดวิเศษ อาศัยคันเบ็ดนั้นตกปลาเกล็ดทองล้ำค่าขึ้นมาได้ หอสมุทรเร้นคันฉ่องถือว่ารักษาคำพูด ในเมื่อตกขึ้นมาก็ไม่มีใครคิดมาทวงจี้หยวน แค่มีคนอยากชิมแต่ไม่สมปรารถนา
ความจริงต่อให้จูหยวนจื่อไม่เปิดเผย ประกาศิตแน่นขนัดเต็มเส้นไหมย่อมหลบไม่พ้นตาทิพย์ของขอทานชรากับจู้ทิงเทา พวกเขาเจอนัยเร้นลับของเส้นไหมนี้เช่นเดียวกัน ถึงขั้นพบว่านอกจากประกาศิตหนาแน่นแล้ว ยังมีอักษรวิญญาณบัญชาแท้จริงซ่อนอยู่ภายในด้วย
“ไม่ผิด เป็นสายเบ็ดนั้น สมบัติวิเศษจำพวกเชือกพบเห็นน้อยนัก ในทางโลกหากนึกถึงเชือกแน่นอนว่าต้องนำมาใช้มัด จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นอย่างมาก”
ในมือจี้หยวนถือเส้นไหมม้วนหนึ่งเช่นกัน เขาดึงออกมาเป็นเส้นยาวเบาๆ
“แม้ว่าวัตถุดิบแรกเริ่มของสายเบ็ดนี้ธรรมดา แต่เหนือกว่าตรงผลอัศจรรย์แฝงไม่ธรรมดา ตอนนั้นข้าคนแซ่จี้หลอมสายเบ็ดเฉพาะทางเพื่อตกปลาให้ดี ทำให้มันยืดหยุ่นอย่างมาก สามารถนำมาใช้เป็น ‘แกน’ ของสมบัติวิเศษเชือกไหมทองได้”
ขอทานชรานัยน์ตาวาววาบ มองวัตถุวิญญาณธาตุทองด้านข้าง
“ถ้าเช่นนั้นเส้นไหมนี้ขาดไม่ได้จริงๆ แต่เพื่อทำให้ห้าธาตุสมดุล จำเป็นต้องยกระดับคุณสมบัติมัน ได้แต่หลอมวิญญาณทองเข้าสู่เส้นไหมแล้ว!”
วัตถุวิญญาณทองแข็งแกร่งเฉียบคมและมั่นคงที่สุด โดยทั่วไปการหลอมอาวุธจะเลือกวัตถุดิบก่อนวิธีการเพื่อเสริมจุดเด่นของตัววัตถุดิบ จากนั้นค่อยเลือกวิชาอัศจรรย์ซึ่งสอดคล้อง ไม่เคยได้ยินว่าทำลายสมดุลวิญญาณทองเพื่อหลอมเข้ากับสิ่งอื่น ไม่พูดถึงว่ายากหรือไม่ ผู้ฝึกปราณทั่วไปยังไม่กล้าแม้แต่จะคิด
แต่สี่คนตรงนี้ล้วนไม่ใช่ผู้ฝึกปราณธรรมดา เมื่อคำพูดของขอทานชรากล่าวออกมา ทุกคนทยอยพยักหน้าคล้อยตาม
“ไม่ผิด เส้นไหมนี้คือสิ่งจำเป็นจริงๆ ได้แต่ยกระดับคุณภาพวิญญาณทองของมันแล้ว”
เมื่อจู้ทิงเทาพูดจบ จูหยวนจื่อลูบเครากล่าว
“การหลอมวิญญาณทองให้ข้าคนแซ่จูเป็นผู้นำเถอะ แม้ว่าเขาล้อมหยกของข้าไม่เชี่ยวชาญเท่าผู้ฝึกกระบี่ แต่ถึงอย่างไรก็พอมีชื่อเสียงบ้าง ค่อนข้างชำนาญการควบคุมวิญญาณทอง ท่านจี้คุมเพลิงสมาธิสกัดวิญญาณทอง สหายยุทธ์ทั้งสองช่วยข้าหลอมวิญญาณทองเข้าเส้นไหม!”
“ได้!”
“ทำตามที่สหายยุทธ์บอก!”
“ไม่ผิด!”
สามคนที่เหลือเห็นด้วยทันที เดิมเพื่อเพิ่มความรู้สึกของการมีส่วนร่วม พวกเขาพูดถึงการแบ่งกันหลอมและควบคุมห้าธาตุ เพลิงสมาธิถือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญที่สุด ทั้งสมบูรณ์แบบถึงขีดสุด ไม่ต้องหลอมอีก นับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายจี้หยวน สำหรับสี่ธาตุที่เหลืออีกสี่คนคุมคนละธาตุพอดี
จูหยวนจื่อเป็นผู้สูงส่งแห่งเขาล้อมหยกย่อมควบคุมธาตุทอง ขอทานชราชำนาญธาตุดิน แน่นอนว่าย่อมควบคุมธาตุดิน ส่วนจู้ทิงเทากับมังกรเฒ่าค่อนข้างทับซ้อนกัน ทั้งสองเชี่ยวชาญวารีเมฆหมอกกับอสนีบาต ดังนั้นธาตุไม้กับธาตุน้ำต่างคนต่างเลือกมาอย่างหนึ่งก็พอ
แน่นอนว่าบุคคลซึ่งมีพลังปราณระดับนี้ การเลือกห้าธาตุเป็นแค่การเลือกให้ดีที่สุด โดยพื้นฐานย่อมไม่มีจุดอ่อนอะไร อืม จี้หยวนเป็นข้อยกเว้น
ทั้งสี่คนนั่งล้อมกันเป็นสี่มุม ตรงกลางเหลือเพียงเส้นไหมกับวัตถุวิญญาณทอง
สองมือจี้หยวนทำมุทรา สำแดงวิวัฒน์ฟ้าดินเงียบๆ หลอมเจตจำนงฟ้าดินในกายรวมกับนอกกาย มายาเตาโอสถมหึมาปรากฏตรงหน้าทั้งสี่คน
ภายในเตาเปลวไฟชวนประหวั่นลุกโชนโหมกระหน่ำราวทะเลเพลิงล้นฟ้า
“ท่านจี้ สวนหมอกเมฆแห่งนี้เป็นที่พักชั่วคราวของเกาะหมอกเซียน ท่านลงมือระวังหน่อย อย่าเผาจน…”
เมื่อรับรู้ถึงความร้ายกาจของเพลิงสมาธิ จู้ทิงเทาเอ่ยเตือนจี้หยวนอย่างอดไม่ได้ ฝ่ายหลังยิ้มน้อยๆ
“สหายยุทธ์จู้วางใจเถอะ ข้าคนแซ่จี้จะระวัง”
ขณะกล่าวเหนือเตาโอสถมหึมากลางเขตแดนมีควันลอยขึ้นมาช้าๆ เปลวไฟลุกโชนสีเทาแดงปรากฏตัวต่อสายตาทั้งสี่คน ตอนนี้จี้หยวนอ้าปากเนิบช้า พ่นเพลิงสมาธิออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย หลอมวัตถุวิญญาณทองตรงกลาง
อีกสามคนรีบสำแดงวิชา แสงธรรมมากมายรายล้อม ป้องกันอานุภาพเพลิงสมาธิรั่วไหล ทั้งสัมผัสถึงความน่ากลัวของความเร็วในการผลาญพลัง
ตอนนี้ศิษย์เกาะหมอกเซียนซึ่งคอยคุ้มกันรอบสวนหมอกเมฆทยอยเกิดภาพหลอน บางช่วงเหมือนเห็นทะเลเพลิงล้นฟ้า โดยรอบร้อนแผดเผายากต้านทาน แม้แต่ในใจยังเริ่มประหม่าขึ้นมา
ฉางอี้กับผู้อาวุโสอีกคนพบความผิดปกติของบรรดาศิษย์ทันเวลา ฝ่ายแรกสื่อจิตกล่าวเตือนทุกคน
“ศิษย์เกาะหมอกเซียนทุกคนฟังคำสั่ง คอยคุมจิตวิญญาณ ประคองสติตลอด อย่านึกถึงสถานการณ์ภายในห้องรับแขกอีก นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสอดแนมได้ มิฉะนั้นอย่างเบาพลังจิตเสียหาย อย่างหนักธาตุไฟเข้าแทรก!”
การกล่าวเตือนของฉางอี้ทำให้ศิษย์เกาะหมอกเซียนรีบดึงสติกลับมา ผู้สูงส่งสี่คนปิดด่านในห้องรับแขก ทุกคนต่างสงสัย แม้ว่าไม่อาจสอดแนมอะไร แต่ย่อมคอยสังเกตตรงห้องรับแขก ภายใต้การชักนำของเจตจำนง เมื่อจี้หยวนเปิดเขตแดนเตาโอสถ เกือบทุกคนล้วนถูกความร้อนของเพลิงสมาธิโจมตี บาดเจ็บกันเกือบหมด
ภายในห้องรับแขกซึ่งมีผนึกป้องกันแน่นหนา ภายในเวลาอันสั้นเพลิงสมาธิหลอมพวกวัตถุวิญญาณทองคล้ายทองคำตำลึงเงินเป็นทองคำเหลวแล้ว
จูหยวนจื่อตั้งใจจดจ่อ ปากท่องคาถา บัญชาอักษรทองมากมายลอยออกมา สองมือทำมุทราไม่หยุด ทองคำเหลวกลายเป็นเส้นบางนับไม่ถ้วน ก่อนม้วนเป็นวงกลมขึ้นไป หมุนวนรอบเส้นไหมตรงกลางอย่างรวดเร็ว หมุนเวียนสามหมื่นหกพันครั้ง ก่อนมีแสงทองราวกับหมอกพวยพุ่งออกมา
เห็นชัดว่าเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างนาน แต่ทั้งสี่คนไม่รีบร้อน นี่เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย การหลอมสมบัติวิเศษชิ้นนี้ ไม่ว่าคิดอย่างไรย่อมคำนวณเป็นปี
…
หลังจากนั้นสิบวัน บนฟ้าสูงเหนือแม่น้ำเทียมฟ้าแห่งต้าเจิน แสงกระบี่แหวกมรสุม ตรงสู่แม่น้ำเทียมฟ้าโดยไม่ลดความเร็ว พุ่งเข้าผิวแม่น้ำเกือบพริบตาเดียวกัน แม้แต่ละอองน้ำยังไม่กระเซ็น
ภายในวังมังกรจวนบาดาล มังกรเฒ่าซึ่งเดิมศึกษาวิถีหมากจากตำราหมากพลันหน้าเปลี่ยนสี ลุกขึ้นจากโต๊ะสวนด้านหลัง ภายในเจตกระบี่เฉียบคมแฝงปราณวสันต์ ย่อมเป็นกระบี่เครือเขียวโดยไม่ต้องสงสัย
‘หรือว่าจี้หยวนเกิดเรื่อง’
เงาร่างมังกรเฒ่าวาบไหว ว่ายผ่านกระแสน้ำมาถึงหน้าตำหนักทันที เห็นกระบี่เครือเขียววาบผ่านตรงหน้าพอดี
กระบี่เครือเขียวยังคงสภาพเดิม แต่บนด้ามกระบี่ตอนนี้กลับมีกระเรียนกระดาษน้อยตัวหนึ่ง ปีกสองข้างเกาะด้ามกระบี่แน่น ศีรษะเล็กแนบด้ามกระบี่ คล้ายว่ากลัวถูกเหวี่ยงตกลงมา รอกระบี่เซียนหยุดแล้ว กระเรียนกระดาษค่อยเงยหน้าขึ้นมา มองมังกรเฒ่าซึ่งทำหน้าสงสัย
เมื่อเห็นมังกรเฒ่ากระเรียนกระดาษน้อยคลายปีกเหยียดตัว กระพือปีกแหวกกระแสน้ำมาตรงหน้ามังกรเฒ่า ฝ่ายหลังยื่นมือขวารองรับกระเรียนกระดาษน้อย ทั้งใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ
สารจากจี้หยวนส่งต่อถึงมังกรเฒ่าทันที
“ห้าคนร่วมกันหลอมสมบัติวิเศษหรือ ห้าธาตุแตกต่าง วิวัฒน์หยินหยางห้าธาตุขึ้นมาใหม่ แต่ละคนแบ่งกันหลอมห้าธาตุ ร่วมกันควบคุมจักรวาลใหม่!”
มังกรเฒ่ากล่าวพึมพำ หน้าหลากสีสันขึ้นมา
“ยอดเยี่ยมๆ ถ้าของสิ่งนี้หลอมออกมาจริง ดีไม่ดีอาจเป็นสมบัติพันธนาการชิ้นแรกในใต้หล้า”
“แต่สถานที่จัดงานชุมนุมเซียนพเนจรน่ารำคาญอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้จะขาดข้าได้อย่างไร”
ผ่านไปครู่หนึ่งมังกรเฒ่าตัดสินใจเด็ดขาด วางกระเรียนกระดาษตรงด้ามกระบี่อีกครั้งอย่างระวัง ก่อนกล่าวกับกระเรียนกระดาษและกระบี่เซียน
“พวกเจ้ากลับไปรายงานก่อน ข้าผู้ชราจะมอบหมายงานบางส่วน จากนั้นค่อยตามไป!”
กระเรียนกระดาษน้อยพยักหน้าอย่างเปี่ยมจิตวิญญาณยิ่ง จากนั้นค่อยรีบเกาะด้ามกระบี่ ครู่ต่อมาเสียงกระบี่ครวญแผ่วเบา แสงกระบี่พุ่งวาบอีกครั้ง แหวกผิวน้ำลอยขึ้นสู่ชั้นมรสุม