เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 506 เริ่มนานแล้ว
ตอนที่ 506 เริ่มนานแล้ว
……………………………………………………………………..
ใช่ว่าทุกคนได้ยินเสียงกึกก้องราวระฆังกังวานนี้ พวกมรรควิถีตื้นเขินล้วนสัมผัสอะไรไม่ได้ แต่พอคาดเดาจากการตอบสนองของผู้อาวุโสได้
การเคลื่อนไหวของยอดเขาเซียนมาเยือนทำให้ทุกคนทั่วงานชุมนุมเซียนพเนจรสงสัยขึ้นเรื่อยๆ แต่ต่อให้สงสัยแค่ไหนก็ทำได้แค่อดทนไว้ ไม่อาจไปสอดแนมอะไร
เมื่อเสียงกึกก้องราวระฆังกังวานแพร่ออกไป ความร้อนบนยอดเขาเซียนมาเยือนยิ่งลุกโชนชั่วขณะจนผ่านไปอีกสามวัน ก่อนเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว กระทั่งไม่มีความรู้สึกร้อนผ่าวจากเปลวเพลิงอีก
ในห้องรับแขกสวนหมอกเมฆ ทั้งสี่คนรวมถึงจี้หยวนเป่าปากโล่งอก ตอนนี้ภาพเขตแดนภูผาธาราของจี้หยวนหายไปแล้ว กลับสู่ฉากห้องรับแขกสวนหมอกเมฆอีกครั้ง
ถึงเหล่าผู้ฝึกปราณเขาเก้ายอดตื่นตระหนกด้วยผลจากเพลิงสมาธิ แต่สำหรับวัตถุ แม้แต่เครื่องเรือนของประดับในห้องรับแขกยังไม่มีรอยไหม้แม้เพียงเสี้ยวเดียว
แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องรอง
ตอนนี้ตรงหน้าจี้หยวน ขอทานชรา จูหยวนจื่อ จู้ทิงเทามีเส้นไหมลอยอยู่ เส้นไหมพวกนี้กระจ่างแวววาวสมบูรณ์แบบ ภายในนอกจากพลังวิญญาณทองแล้วไม่มีสิ่งเจือปนใด ทั้งควบรวมกันผิดธรรมดา ความยืดหยุ่นเหนียวแน่นมากกว่าแต่ก่อน
จี้หยวนผายมือเรียกเส้นไหมม้วนหนึ่งมา อีกสามคนต่างนำมาสังเกตโดยละเอียด
“หึๆๆๆ…”
จูหยวนจื่อลูบเครายิ้มกล่าว
“นับจากนี้การใช้วิชาหลอมเส้นไหมเข้าวัตถุวิญญาณธาตุทองต้องมีบทบาทแน่!”
“ไม่ผิด!”
“ประเสริฐ!”
“ควรเป็นเช่นนั้น!”
อีกสามคนรู้สึกประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ครั้งนี้ลงทุนมากผลตอบแทนน้อย หลอมไหมวิญญาณทองออกมาส่วนหนึ่ง ทำให้พวกเขาสี่คนคาดหวังกับการหลอมสมบัติต่อจากนี้ยิ่งกว่าเดิม มีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งยังมีกองหนุนอีกคนกำลังมา
ยามพูดคุยจี้หยวนพลันใจกระตุกเล็กน้อย
“ได้เวลาพอดี ผู้อาวุโสอิงใกล้มาถึงแล้ว พวกเราไปขออภัยสหายยุทธ์เขาเก้ายอดก่อน จากนั้นค่อยอธิบายเรื่องนี้ต่อหน้า!”
“อืม ไปพร้อมกันเถอะ!”
ทั้งสี่คนต่างลุกขึ้นยืน ก้าวออกจากห้องรับแขกสวนหมอกเมฆเป็นครั้งแรกตลอดช่วงหนึ่งเดือนกว่ามานี้
ขณะเดียวกันกระบี่เครือเขียวที่วนเวียนรอบยอดเขาเซียนมาเยือนกลายเป็นแสงกระบี่สายหนึ่งลอยกลับมาข้างกายจี้หยวน เดิมกระบี่เซียนไม่กลัวเขตแดนซึ่งเกิดจากเพลิงสมาธิ แต่กระบี่เครือเขียวกลับไม่มาอยู่ข้างกายจี้หยวนภายในทันทีเมื่อกลับมา สิ่งสำคัญเป็นเพราะกระเรียนกระดาษน้อย
ถ้าซ่อนในถุงผ้าไหมแนบอกจี้หยวน กระเรียนกระดาษน้อยคงไม่กลัว แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้กระเรียนกระดาษน้อยกลัวมากจริงๆ สัญชาตญาณมันฉับไว ถึงขั้นเหนือกว่าผู้ฝึกเซียนทั่วไป ยามใกล้ยอดเขาเซียนมาเยือนเลยแข็งทื่อ กระบี่เครือเขียวจึงไม่กลับไป
ตอนนี้เมื่อเห็นกระบี่เซียนลอยกลับมา จี้หยวนยิ้มไม่พูดอะไร แค่เก็บกระเรียนกระดาษเข้าอ้อมอก แล้วเหาะไปยอดเขาหลักของเขาเก้ายอดพร้อมกับอีกสามคน
สำหรับผู้ฝึกปราณเขาเก้ายอดถือว่าไม่มีเรื่องคิดไม่ตกอะไร เดิมงานชุมนุมมรรคเซียนเช่นนี้เรื่องอะไรล้วนมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ปีนี้นับว่ายังดี ด้วยเรื่องผู้สูงส่งยอดเขาเซียนมาเยือนสำแดงวิชาดึงดูดความสนใจส่วนใหญ่ ความขัดแย้งจากการถกมรรคก่อนงานชุมนุมมรรคเซียนจึงน้อยลงมาก อย่างน้อยเรื่องการอาละวาดก็น้อยกว่าที่ผ่านมา
ทั้งพวกจี้หยวนยังหลอมสมบัติร้ายกาจชิ้นหนึ่ง เดิมถือเป็นการเพิ่มสีสันอัศจรรย์ส่วนหนึ่งแก่งานชุมนุมเซียนพเนจรครั้งนี้ เขาเก้ายอดคาดหวังเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นยามพวกจี้หยวนเดินทางมาอธิบายจุดประสงค์การมา เจ้าสำนักเขาเก้ายอดพลันแสดงออกว่าเข้าใจอย่างใจกว้างยิ่ง บอกว่ายึดยอดเขาเซียนมาเยือนเป็นสถานที่หลอมอาวุธได้ ทั้งยอมให้มังกรเฒ่าเข้าถ้ำสวรรค์เก้ายอดอย่างยินดี ถึงอย่างไรตามทฤษฎีก็เป็นเผ่าปีศาจ ฐานะมังกรแท้ถือว่าสูงส่งเช่นกัน
ส่วนสมบัติที่หลอมเป็นอะไร แน่นอนว่าทั้งสี่คนไม่ได้บอก หนึ่งด้วยเป็นผู้ฝึกปราณมรรคเซียน ย่อมชอบรักษาความลับเรื่องสมบัติวิเศษของตนส่วนหนึ่ง สองด้วยถึงอย่างไรก็ยังหลอมไม่สำเร็จ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากล้มเหลวคงขายหน้าอยู่บ้าง ไม่พูดย่อมดีกว่า
…
วันนี้บนชั้นเมฆเหนือฟ้าสูงนอกถ้ำสวรรค์เก้ายอด มังกรชือยาวหลายร้อยจั้งตัวหนึ่งมาเยือน
“โฮก…”
เสียงมังกรคำรามดังก้องฟ้าสูงนอกถ้ำสวรรค์เก้ายอด ทั้งสะท้อนมาถึงกลางเขาพิณพระจันทร์ เมฆอสนีกลางอากาศเคลื่อนตาม เสียงมังกรคำรามเหมือนเสียงอสนีดังกระหึ่มทั่วแปดทิศ มังกรเฒ่ากำลังบอกจี้หยวนว่าตนมาถึงแล้ว
ด้วยพยับเมฆคล้อยตาม เขาพิณพระจันทร์ซึ่งเดิมแสงแดดสาดส่องมืดสลัวลงทันที เกิดปรากฏการณ์พยับเมฆบดบังฟ้า
โครม ครืน…
อสนีบาตส่องประกายกลางเมฆา เห็นเงามังกรมหึมาเหนือเมฆผ่านแสงอสนีเลือนราง
ผู้ฝึกเซียนรอบนอกไม่น้อยทอดมองท่ามกลางความตกตะลึงและหวาดกลัว ท่าเรือเขาพิณพระจันทร์เบื้องล่างมีคนเหินฟ้าบ้างโคจรตาทิพย์ ใช้วิธีนานัปการสำรวจกลางอากาศ
“มังกร! สิ่งนี้ต้องเป็นมังกรแน่!”
“ดูจากอานุภาพ หรือว่าเป็นมังกรแท้”
“ชู่… อย่าหยาบคาย อย่าพูดส่งเดชกับประมุขแห่งเผ่าวารี!”
“มังกรแท้มาทำอะไรที่เขาเก้ายอด หรือเขาไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นวันอะไร”
…
คนไม่ทราบเรื่องวิจารณ์เซ็งแซ่ ภายใต้การติดตามของผู้ฝึกปราณชราคนหนึ่งแห่งเขาเก้ายอด จี้หยวนพาพวกขอทานชราออกจากถ้ำสวรรค์มาต้อนรับมังกรเฒ่าแล้ว
เมื่อออกจากถ้ำสวรรค์ ภาพข้างนอกที่เดิมเลือนรางห่างไกลประจักษ์ชัดเจนตรงหน้า มังกรชือยาวหลายร้อยจั้งตัวหนึ่งลอยเหนือชั้นเมฆเงียบๆ หนวดมังกรโบกไหวช้าๆ นัยน์ตามังกรสีอำพันราวแสงตะเกียงมหึมาสองดวง มองภาพมายาบนเขาเก้ายอด
นี่เป็นครั้งแรกที่จี้หยวนเห็นร่างจริงของมังกรเฒ่า ความมหึมาของร่างกายราวภูเขาใหญ่กลางอากาศ เมื่อมองไปยามยืนอยู่ตรงหน้ามังกรเฒ่า มีความรู้สึกเหมือนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของตัวมังกร
แรงกดดันเด่นชัดของมังกรแท้โจมตีความรู้สึกของทุกคน
“ท่านจี้ อิงหงมาแล้ว ไม่พลาดเรื่องการหลอมอาวุธกระมัง”
สายตามังกรเฒ่าจดจ่อกับพวกจี้หยวนที่ออกมาจากถ้ำสวรรค์ เสียงเขาดังกระหึ่มดุจอสนีบาต เมื่อเอ่ยปากกลางชั้นเมฆพลันมีอสนีบาตส่องประกาย
โครม ครืน…
เปรี้ยง… ครืน…
จี้หยวนปรับสภาพจิตใจ รีบประสานมือคารวะเล็กน้อย
“ไม่สายๆ ผู้อาวุโสอิงมาได้เวลาพอดี รีบตามพวกเราเข้าถ้ำสวรรค์เก้ายอดเถอะ อืม เก็บร่างมังกรชือนี้ดีกว่า มิฉะนั้นบนเขาคงไม่มีที่ให้ท่านนั่ง”
“หึๆๆๆๆ… ฮ่าๆๆๆๆ… กล่าวถูกแล้ว!”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะสลับเสียงอสนี ร่างมังกรแท้หดเล็กลงตามแสงอสนี สุดท้ายกลายเป็นชายชราสวมเสื้อนอกสาบตรง เป็นร่างมนุษย์ของอิงหงนั่นเอง
“ท่านจี้ ทุกท่าน อิงหงขอคารวะ!”
“ประมุขมังกรไม่ต้องมากพิธี!”
“คารวะประมุขมังกร!”
“เจอประมุขมังกรอีกครั้ง ราศีจับเปล่งประกายเหมือนเดิม!”
“คารวะประมุขมังกร พวกเราเขาเก้ายอดยินดีต้อนรับประมุขมังกร!”
พวกขอทานชราพากันทักทายคารวะตอบ จูหยวนจื่อซึ่งประหม่ามาตลอดเห็นมังกรเฒ่าเข้าหาง่ายเช่นนี้จึงเป่าปากโล่งอกในใจเล็กน้อย เมื่อก่อนพวกเขาเขาล้อมหยกเคยบาดหมางกับมังกรเฒ่า
“ไปเถอะ ช่วงงานชุมนุมเซียนพเนจรนี้ มีโอกาสยืมยอดเขาแห่งหนึ่งของเขาเก้ายอดมาเป็นสถานที่หลอมอาวุธโดยเฉพาะ ใช้ถ้ำสวรรค์เก้ายอดกับค่ายกลเขาเก้ายอดมาตัดขาดจากมรรคสวรรค์และมารภายนอก อาศัยสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยเต็มที่ เมื่อผู้อาวุโสมาแล้ว คนย่อมครบถ้วน เริ่มได้แล้ว!”
มังกรเฒ่าลอยมาอยู่ข้างกายจี้หยวน ฝ่ายหลังเริ่มสื่อจิตเล่าเรื่องการหลอมอาวุธโดยละเอียด ทั้งอธิบายขั้นตอนการหลอมไหมวิญญาณทองก่อนหน้านี้ มังกรเฒ่าฟังแล้วมีสีหน้ามากมาย
หลังจากเข้าสู่ถ้ำสวรรค์เก้ายอด ทั้งห้าคนทนไม่ไหวนานแล้ว เหาะกลับสวนหมอกเมฆอีกครั้ง แม้รู้ว่าอีกห้าวันงานชุมนุมเซียนพเนจรเริ่มอย่างเป็นทางการก็จดจ่อมุ่งมั่น
สำหรับพวกขอทานชรางานชุมนุมเซียนพเนจรไม่ได้หายากนัก มีหรือจะสำคัญกว่าการหลอมสมบัติ กระนั้นจี้หยวนกับมังกรเฒ่ายังเสียดายอยู่บ้าง
จากมุมมองจี้หยวนอีกราวห้าวันเท่ากับการเปิดฉาก บางทีอาจมีสีสันอยู่บ้าง ส่วนมังกรเฒ่าแค่เคยได้ยินชื่องานชุมนุมเซียนพเนจรไม่เคยเห็นเหตุการณ์จริง แต่สำหรับพวกเขาสองคนทุกอย่างนี้ล้วนไม่สำคัญเท่าการหลอมสมบัติ
สวนหมอกเมฆบนยอดเขาเซียนมาเยือน ภายในห้องรับแขกแห่งนั้น จี้หยวน อิงหง หลู่เนี่ยนเซิง จูหยวนจื่อ จู้ทิงเทาต่างนั่งบนเบาะรองห้าอัน แต่ละคนมีมรรคซ่อนเร้นหมุนวนลมหายใจทอดยาว ตรงหน้ามีวัตถุวิญญาณห้าธาตุหลากชนิดลอยคว้างอยู่ สิ่งที่อยู่ตรงกลางคือเชือกไหมทองวิเศษนั่น
“ข้าคนแซ่จี้คุมเพลิงสมาธิ ผู้อาวุโสอิงคุมเกล็ดทองวารีแก้ว ผู้อาวุโสหลู่คุมหินเทพภูเขา สหายยุทธ์จูคุมไหมวิญญาณทอง สหายยุทธ์จู้คุมอสนีเคราะห์มรรคสวรรค์ คราวนี้ครบห้าธาตุแล้ว”
“ประเสริฐ!”
“ดียิ่งนัก!”
…
ตอนนี้กลิ่นอายเผยออกมาอย่างสมบูรณ์ มังกรเฒ่ามองปราดเดียวก็ดูความสูงต่ำของทุกคนในที่นั้นออก
‘ไม่เลว นอกจากเซียนแท้อย่างจี้หยวนแล้ว มรรควิถีอีกสามคนถือว่าเข้าตา หนึ่งมังกรแท้หนึ่งเซียนแท้ ควบคุมน้ำและไฟ ก่อเกิดหยินหยางกลางเพลิงสมาธิ ยอดเยี่ยม!’
จี้หยวนกวาดสายตามองทุกคน สุดท้ายค่อยกล่าวกำชับ
“ไหมวิญญาณทองบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว เพลิงสมาธิและอสนีเคราะห์มรรคสวรรค์ไม่จำเป็นต้องหลอมเพิ่มเติม พวกเราเริ่มจากวิญญาณธาตุดินกับธาตุน้ำก่อน เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นค่อยถึงเวลาหลอมสมบัติ ทุกท่าน พวกเราเริ่มกันเถอะ!”
“ลงมือพร้อมกัน!”
ยอดเขาเซียนมาเยือนที่ก่อนหน้านี้ยังเงียบสงบ ชั่วพริบตาต่อมาแสงธรรมหลายสายลอยขึ้นฟ้า ทำให้ค่ายกลผนึกยอดเขาเซียนมาเยือนเปิดออก เก็บการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ภายใน
ภายใต้สถานการณ์นี้ ต่อมาห้าวันงานชุมนุมเซียนพเนจรเริ่มอย่างเป็นทางการ ผู้ฝึกเซียนร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำทั่วสารทิศรวมตัวกันบนยอดเขามรรคสวรรค์
แต่ยามแสงเซียนเจิดจรัสหมู่เซียนท่องเหิน สายตามากมายมองไปทางยอดเขาเซียนมาเยือน ผู้สูงส่งปราณล้ำเลิศก็เช่นกัน
ภายในศาลาไม้ไผ่ของเรือนเล็กเงียบสงบแห่งหนึ่งบนยอดเขามรรคปราณ เจียงเสวี่ยหลิงหยิบไม้เสียบหนึ่งมาคนถ้วยชาตรงหน้าไม่หยุด คล้ายว่าการทำเช่นนี้ทำให้น้ำชาอร่อยขึ้น
เดิมเชือกมัดผมทอดยาวควรลากพื้น ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สำแดงวิชาอภินิหารใด แม้ว่าเดิมขยับตามการเคลื่อนไหวของเจียงเสวี่ยหลิง แต่กลับห่างจากพื้นครึ่งชุ่นตลอด
นอกศาลามีผู้ฝึกปราณหญิงสำนักยรรยงเดินมา มองภาพนี้พลางสบอารมณ์และขบขัน ในใจคิดว่าใครเป็นผู้อาวุโสกันแน่
“บรรพจารย์…! ทำไมท่านถึงอยู่ตรงนี้ งานชุมนุมเซียนพเนจรจะเริ่มแล้ว พวกเราควรไปยอดเขามรรคสวรรค์แล้ว!”
เจียงเสวี่ยหลิงหยุดการเคลื่อนไหว เงยหน้าพลางเผยความประหลาดใจเสี้ยวหนึ่ง จากนั้นสายตาค่อยทอดมองยอดเขาเซียนมาเยือนซึ่งอยู่ห่างไกล
“หืม? งานชุมนุมเซียนพเนจร… เริ่มนานแล้วไม่ใช่หรือ…”