เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 526 ‘ความบริสุทธิ์’ แห่งถ้ำสวรรค์
ตอนที่ 526 ‘ความบริสุทธิ์’ แห่งถ้ำสวรรค์
……….
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ จี้หยวนพาจิ้นซิ่วกับอาเจ๋อออกจากเขาเก้ายอดด้วยกัน เหาะไปยังส่วนลึกของถ้ำสวรรค์เขาเก้ายอด เพราะนำป้ายคำสั่งมาด้วย หมอกอำพรางกลางเขาหลีกหนีจี้หยวนไปโดยปริยาย ค่ายกลใหญ่ของเขาเก้ายอดยิ่งไม่ส่งผลกระทบอะไรเช่นกัน
อยู่บนเขาได้สองเดือนแล้ว แม้มีจิ้นซิ่วนำทางเดินเที่ยวเล่นไปทั่วเป็นครั้งคราว แต่เวลาที่เขาอยู่ลำพังมีมากกว่า ตอนนี้ลงเขา อาเจ๋ออารมณ์ดีกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านจี้ ข้าอยู่บนภูเขาสองเดือนกว่าแล้ว พี่จิ้นบอกว่าขึ้นเขาหนึ่งวัน ลงเขาอาจใช้เวลาสิบวัน เช่นนั้นมิต้องอยู่ข้างล่างมากกว่าสองปีหรือ หลุมศพของท่านพ่อท่านแม่ รวมถึงพวกอาหลง…”
ตอนนี้อาเจ๋อรู้สึกสับสน ทั้งคาดหวังและกระวนกระวายใจ ความจริงแล้วจี้หยวนเพิ่งรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงด้านเวลาในถ้ำสวรรค์เขาเก้ายอดเมื่อไม่นาน ได้ยินคำพูดของอาเจ๋อแล้วจึงทำได้เพียงปลอบใจเขา
“ที่ดินหลุมศพอยู่ทางนั้นไม่มีทางมีเรื่องอะไร ส่วนพวกสหายของเจ้า หากเจ้าเชื่อว่าคนดีจะได้รับการช่วยเหลือจากสวรรค์ พวกเจ้าล้วนหนีหายนะพ้นได้ อีกทั้งก้าวผ่านเขาประคองฟ้า ถึงทางนั้นแล้วย่อมดีขึ้นหน่อยเอง”
“อืม…”
จิ้นซิ่วที่อยู่ข้างๆ มองไปทั้งสี่ทิศ นางมีโอกาสลงเขาน้อยเช่นกัน ระดับความตื่นเต้นมากกว่าอาเจ๋อไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ จึงไม่ได้ขัดจังหวะคำพูดของจวงเจ๋อ ทว่าพูดถึงเรื่องราวบนโลกมนุษย์บางอย่าง
ฝ่ายจี้หยวนมองไปไกล ครุ่นคิดถึงปัญหาการไหลของเวลากลางถ้ำสวรรค์เขาเก้ายอด ความจริงแล้วไม่ว่าถ้ำสวรรค์ใดก็ไม่อาจสลัดหลุดจากการมีอยู่ของโลกมนุษย์อย่างแท้จริง อย่างไรเสียตะวันจันทราดวงดาวไม่มีอยู่จริงหรือมาจากนอกโลก หรือไม่ก็เชื่อมต่อกับฟ้าดินภายนอก ไม่ว่าถ้ำสวรรค์หรือวิธีการรูปแบบใด แทนที่จะพูดว่าเป็นอาณาเขตสันโดษ มิสู้พูดว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้าดินแท้จริง เพียงแต่สถานที่อย่างถ้ำสวรรค์ถูกขจัดออกไปยังฟ้าดินภายนอกด้วยอภินิหารเทพ ทำให้ผลกระทบระหว่างทั้งองฝ่ายลดลงอย่างต่อเนื่อง
ถ้ำสวรรค์เก้ายอดย่อมเป็นเช่นนั้น การไหลของเวลาควรเหมือนกับบนเขาเก้ายอด เทียบเท่ากับฟ้าดินข้างนอก ทว่าเร็วกว่ากลาง ‘โลกเบื้องล่าง’ ถ้ำสวรรค์สิบเท่า ชัดเจนว่าเป็นวิธีการของผู้สูงส่งในประวัติศาสตร์ของเขาเก้ายอด จงใจทำให้เป็นเช่นนั้น
ส่วนเหตุผลที่ทำแบบนี้คืออะไร แน่นอนว่าคิดได้ไม่ยาก ดอกไม้วิเศษหญ้าประหลาดวัตถุดิบธรรมชาติล้ำค่าบางอย่าง สามารถใช้ประโยชน์จากอภินิหารเทพที่ปรับแผ่นฟ้าเปลี่ยนผืนดินได้ สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ร่นระยะเวลาการบ่มเพาะให้สั้นลง กอปรกับในถ้ำสวรรค์ไร้ปีศาจมาร อีกทั้งมีเทพภูเขาเจ้าที่คอยเฝ้าดูโดยเฉพาะ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีประโยชน์มาก
ส่วนมนุษย์ในถ้ำสวรรค์เขาเก้ายอด ตามหลักการแล้วได้รับผลกระทบไม่มาก ในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกับกลายเป็นโลกอีกใบหนึ่ง ยังคงเจริญรุ่งเรือง ยังคงใช้ชีวิตหนึ่งได้ ยิ่งไม่มีความรู้สึกว่าขาดแคลน และเวลาผันผ่านไปมักมีอัจฉริยะอยู่ในหมู่คนธรรมดาเสมอ จนถึงขั้นเข้าสู่เขาเก้ายอดเพื่อสืบทอดวิชาสายตรง อย่างจิ้นจ่างตงก็เป็นตัวอย่างที่ถูกต้องมาก
เมฆขาวผ่านชั้นเมฆที่กั้นเขาเก้ายอดเอาไว้ เห็นภาพเขาประคองฟ้าที่มียอดเขานับพัน ความคิดของจี้หยวนเตลิดไปไกลตามภาพข้างหน้า
มีความสามารถเปลี่ยนสภาพอากาศภายในถ้ำสวรรค์ได้ เขาเก้ายอดย่อมมีรากฐานลึกซึ้งโดยธรรมชาติ แต่นี่ไม่ได้หมายถึงการใช้พลังของถ้ำสวรรค์เพื่อบิดเบือนส่วนหนึ่งของเวลาและพื้นที่จริงของฟ้าดินใช่หรือไม่ แม้ผลกระทบน้อยเพียงใด แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลยกระมัง
“ท่านเซียน ท่านคิดอะไรอยู่หรือ”
เสียงของจิ้นซิ่วดังขึ้นข้างหู ทำเอาจี้หยวนดึงตนเองออกจากภวังค์ความคิด เขามองเด็กหญิงแล้วยิ้ม
“ไม่มีอะไร อีกเดี๋ยวพวกเราก็ออกจากเขาแล้ว อาเจ๋อ บ้านเกิดอยู่ค่อนไปทางเหนือกระมัง”
“อืม ท่านจี้เหาะต่ำหน่อย ข้าจะชี้ทางให้ท่าน!”
เจ้าหนุ่มนี่ใจกล้าทีเดียว หากเป็นคนอื่นถูกพาเหาะอยู่บนท้องฟ้าแบบนี้ นอกจากตื่นเต้นแล้ว ที่มากกว่านั้นคือต้องกลัวอย่างแน่นอน แม้เข้าใจว่ามีเซียนอยู่ด้วยไม่มีทางตกลงไป แต่ความรู้สึกกลัวความสูงเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ ไม่มีทางสงบนิ่งได้เกินไป
“เอาล่ะ อย่ามองทางผิดล่ะ อีกอย่างเจ้าอย่าเรียกข้าว่าท่านเซียนเลย เรียกข้าว่าท่านจี้เหมือนอาเจ๋อเถอะ ฟังแล้วรื่นหูกว่าหน่อย”
จิ้นซิ่วมีสีหน้ายินดี รีบตอบรับทันที
“ซิ่วเอ๋อร์ทราบแล้ว ท่านจี้!”
ตอนมาถึง อาเจ๋อเดินทางข้ามเขาอยู่หลายเดือน พยายามอย่างหนักแล้วก็ยังไม่เห็นยอดเขาเก้ายอดประคองฟ้า แต่ตอนนี้ยืนอยู่บนเมฆขาว จากมาพร้อมกับจี้หยวน รู้สึกว่าน่าจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็มองเห็นทิวทัศน์นอกเขาแล้ว
ความจริงแล้วตอนคนอยู่บนท้องฟ้ามองทางและตอนอยู่บนพื้นดินมองทางแตกต่างกันมาก หากไม่มีการรับรู้พิเศษย่อมเห็นความแตกต่างง่ายมาก อย่างน้อยหลายๆ ครั้งอาเจ๋อไม่ทันนำทาง โชคดีที่ท่านจี้คนนี้เหมือนกับรู้จักทางอย่างไรอย่างนั้น จนกระทั่งอาเจ๋อมองเห็นทิวทัศน์บ้านเกิดที่คุ้นเคย จี้หยวนจึงไม่ได้ถาม
ดูจากตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ตอนนี้เป็นช่วงเที่ยงวัน เมฆขาวของจี้หยวนร่อนลงนอกหมู่บ้านอันเป็นบ้านเกิดของอาเจ๋อ
เมื่อร่อนลงแล้วกลิ่นฉุนสายหนึ่งปะทะเข้ามา จิ้นซิ่วมุ่นคิ้วพลางปิดจมูกตามสัญชาตญาณ แม้แต่อาเจ๋อก็ทรมานอยู่บ้างอย่างชัดเจน กลับเป็นจี้หยวนที่จมูกดีที่สุดมีสีหน้าเรียบเฉย
ไปเถอะ ไปเคารพครอบครัวของเจ้าหน่อย“
จี้หยวนกวาดสายตามองรอบๆ แม้ส่วนใหญ่แล้วเลือนรางทั้งหมด แต่ก็มองออกว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านธรรมดาที่มีโครงสร้างเตี้ย บ้านหลายหลังน่าจะพังทลายแล้ว ส่วนบ้านอีกจำนวนหนึ่งถูกไฟเผาไป
หากมองเร็วๆ เหมือนกับว่าทุกที่ยังคงเขียวขจี มีทั้งต้นไม้ใบหญ้าอยู่ทั่วไปหมด แต่ความจริงแล้วทุกที่โดยรอบมีแต่ศพ บ้างก็เป็นกระดูกขาวนานแล้ว บ้างก็ยังคงสภาพศพดั้งเดิมไว้ ตรงที่วัชพืชขึ้นเขียวชอุ่มเหล่านั้น ส่วนใหญ่มีศพอยู่ทั้งสิ้น กลิ่นฉุนที่ไม่จางหายไปสักทีมีต้นตอจากตรงนี้แหละ
สามคนก้าวเท้าเข้าไปในหมู่บ้าง ทำเอาอีกากลุ่มหนึ่งตื่นตกใจ
“กา…กา…”
“กา…”
“กา…กา…”
พึ่บพั่บ
พึ่บพั่บๆๆๆ
“กา…กา…กา…”
“กา…”
…
ทีแรกมีอยู่แค่ไม่กี่ตัว จากนั้นเปลี่ยนจากฝูงเล็กเป็นฝูงใหญ่ อีกาหลายตัวกระพือปีกบินขึ้น จิ้นซิ่วเป็นศิษย์ผู้ฝึกเซียนคนหนึ่ง แต่กลับตกใจอีกาเหล่านี้จนสะดุ้งโหยง ถอยหลังหดตัวตามสัญชาตญาณ อีกทั้งทำท่าทางยกมือเตรียมป้องกัน เมื่อเห็นจี้หยวนกับอาเจ๋อไม่เป็นอะไรถึงค่อยแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างเขินอาย
สามคนเดินเข้าไปในหมู่บ้าน สีหน้าของอาเจ๋อโศกเศร้าขึ้นมา ราวกับวามองเห็นภาพเหตุการณ์น่าสลดในตอนนั้น จิ้นซิ่วไม่พูดจาแล้วเช่นกัน ฝ่ายจี้หยวนสังเกตทั้งสี่ทิศ
หมู่บ้านนี้มีคนตายอย่างน้อยสองสามร้อยคน นอกจากครอบครัวของตนเองที่อาเจ๋อกับเพื่อนๆ ร่วมฝังศพด้วยกัน ศพอื่นล้วนกองอยู่ที่เดิม หมู่บ้านนี้ห่างไกลผู้คนขนาดนี้ อีกทั้งเกิดอุบัติเหตุจากการสู้รบ ตอนคนตายเกรงว่ายมทูตดำคงมาไม่ทัน
นอกจากผู้ที่มีสถานที่ฝังศพเหล่านั้น ศพอื่นเกรงว่ากลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรทั้งหมด อาจเริ่มไม่รู้จักว่าต้องหลบเลี่ยงแสงตะวัน มีศพของตนเองให้หลบซ่อนยังถือว่าโชคดี ภายหลังศพเน่าเปื่อยจนมองรูปลักษณ์ไม่ออกแล้วบางทีก็คงไม่รู่ว่าจะหลบซ่อนอย่างไร
จี้หยวนเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงอาทิตย์นั้นไม่ใช่ดวงอาทิตย์ของฟ้าดินภายนอก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พลังดวงอาทิตย์ย่อมเป็นของจริง วิญญาณเหล่านั้นในตอนนั้นเดิมทีตายเพราะภัยพิบัติทางทหาร ต่อมาอาจถูกแสงอาทิตย์ส่องจนตาย ออกจากร่างไปแล้วก็เป็นวิญญาณเร่ร่อนอีก ข้างศพย่อมเกิดปราณอาฆาตที่รุนแรงอย่างยิ่งยวด ไม่แน่ว่าอาจเกิดสิ่งชั่วร้ายบางอย่าง ยิ่งเป็นหนึ่งในที่มาของคำกล่าวที่ว่าใต้หล้าว้าวุ่นย่อมมีปีศาจร้าย
แต่ตอนนี้เหมือนกับว่าไม่ได้เกิดปราณอาฆาตรุนแรงอะไร เป็นเช่นนั้นจริงหรือ หรืออาจมีคนทำลายไปแล้ว
จี้หยวนหรี่ตา จากนั้นยิ่งเบิกสองตากว้างขึ้นเรื่อยๆ ดวงคาคล้ายมองเห็นสีตรงฟ้าดินเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ความเขียวขจีรอบข้างบิดเบี้ยวเกิดเป็นแสงสีเทาสลัวหลายชั้น
สุดท้ายจี้หยวนมองท้องฟ้า พลังดวงอาทิตย์กวาดล้างทั่วฟ้าดิน เหมือนแสงไฟที่ขยับไหว
“ท่านจี้ นี่ก็คือหลุมศพของท่านแม่ ท่านพ่อ และท่านปู่ข้า”
เสียงอาเจ๋อดังมา จี้หยวนถอนสายตากลับมาบ้างแล้วมองไปข้างหน้า ระหว่างที่เดินอยู่นั้นพวกเขาเดินมาถึงด้านหลังหมู่บ้านโดยไม่รู้ตัว ที่นี่มีเนินเดินเล็กอยู่สิบกว่าแห่ง น่าจะเป็นหลุมศพที่ห้าคนตอนนั้นขุดให้ครอบครัว หน้าหลุมศพปักป้ายไม้เอียงกะเท่เร่ ทว่าเพราะไม่รู้ตัวหนังสือ ดังนั้นไม่ได้เขียนไว้ชัดเจนว่าเป็นหลุมศพของใคร
หากเป็นยุคสมัยของอินเทอร์เน็ตที่พูดอะไรก็ได้เมื่อชาติก่อน เมื่อเรื่องนี้โด่งดังบนอินเทอร์เน็ตแล้วต้องมีคนถามว่าทำไมฝังศพแค่ครอบครัวตนเอง แต่ไม่ฝังศพคนทั้งหมู่บ้าน ทว่าจี้หยวนเข้าใจอย่างแน่นอน สภาพจิตใจ สภาพร่างกาย และอันตรายโดยรอบล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ หากฝังศพด้วยกันจริง ทั้งห้าคนขุดดินยังไม่ทันเสร็จ ศพก็คงเน่าเปื่อยไปหมดแล้ว
ยังพูดไม่ทันจบดี อาเจ๋อวิ่งสั้นๆ ไปข้างหน้าจนถึงหน้าเดินดินสองแห่งที่อยู่ข้างหน้าสุด จากนั้นคุกเข่าลงทันที
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่! อาเจ๋อมาเยี่ยมพวกท่านแล้ว อาเจ๋อมาเยี่ยมพวกท่านแล้ว!”
พูดแล้วอาเจ๋อโขกศีรษะกับพื้นอย่างต่อเนื่อง แม้เดิมทีเป็นดินโคลน แต่ยังคงมีก้อนหินเล็กๆ อยู่บ้าง กอปรกับเขาโขกศีรษะอย่างแรง ไม่นานนักหน้าผากก็บวมปูด ทว่าอาเจ๋อยังคงโขกศีรษะต่อไป จนกระทั่งเวียนศีรษะร่างไหวเอนแล้วถึงจำใจหยุด
จี้หยวนถอนหายใจ สายตามองไปยังศาลเจ้าที่ซึ่งอยู่ไม่ไกล แค่มองปราดเดียวก็มองออกว่านี่เป็นศาลว่างเปล่า ไม่มีเจ้าที่ประจำการแต่อย่างใด
จิ้นซิ่วคุกเข่าลงประคองอาเจ๋อ อีกทั้งพูดอย่างสุขใจว่า
“โชคดีที่เจ้าฝังพวกเขาทั้งหมด ไม่เช่นนั้นอาจไปไม่ถึงศาลมืดก็เป็นได้”
จี้หยวนมุ่นคิ้วอยู่ข้างหลัง สานการณ์เช่นตอนนั้น ยมทูตดำอาจไม่ได้มารับก็เป็นได้ เขามองหลุมศพคำนวณอยู่เงียบๆ ในที่สุดก็เห็นจุดเชื่อมโยงเลือนรางในหลุมศพ น่าจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าเจ้าของหลุมศพอยู่ที่ศาลมืด
“เอาล่ะ ตั้งเครื่องเซ่นไหว้ จุดธูปเทียน พวกเราจะไปหาพวกเขาที่ศาลมืดกัน”
จี้หยวนพูดไปพลาง สะบัดแขนเสื้อไปพลาง มีขนมอบและผลไม้แห้งหลายอย่างลอยออกจากแขนเสื้อ จัดวางอยู่หน้าหลุมศพสิบกว่าแห่งเรียบร้อย ยิ่งมีธูปเทียนปรากฏอยู่ข้างๆ ด้วย
“ขอบคุณท่านจี้!”
อาเจ๋อเช็ดน้ำตาและเลือดบนหน้าผาก หยิบธูปเทียนจากบนพื้นขึ้นมา ฝ่ายจิ้นซิ่วดีดนิ้วสร้างเปลวไฟช่วยเขาจุดไฟ จากนั้นปักลงที่หน้าหลุมศพพร้อมกัน ตอนจี้หยวนกราบไหว้ จี้หยวนยืนมองห่างออกไปไกลเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดอยู่ในใจอย่างต่อเนื่อง
เพียงแค่มาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ ในใจจี้หยวนเกิดความคิดและความคาดเดาบางอย่างเลือนราง น่าเสียดายที่ไร้ต้นสายปลายเหตุ เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
เขาเก้ายอดใช้พลังอภินิหารเปิดถ้ำสวรรค์ ยิ่งทำให้ให้พลังงาน ‘บริสุทธิ์’ ป้องกันการเกิดปราณชั่วร้าย เมื่อไม่มีปราณชั่วร้ายก็ย่อมไม่มีสิ่งชั่วร้าย ส่วนมากจะมีก็แต่ผี
อาจเป็นเพราะเนิ่นนานมาแล้วไม่มีปัญหาอะไร หากไม่มีการปรากฏตัวของอาเจ๋อ จี้หยวนอาจถอนใจชมเชยอภินิหารพลังแห่ง ‘ความบริสุทธิ์’ ของถ้ำสวรรค์ แต่การปรากฏตัวของอาเจ๋อบอกว่าใช่ว่าไม่มีปัญหาอะไร