เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 540 สตรีเติบใหญ่เปลี่ยนแปลงไปสิบแปดเรื่อง
ตอนที่ 540 สตรีเติบใหญ่เปลี่ยนแปลงไปสิบแปดเรื่อง
……….
ชายชราที่เจอตอนเข้าเมืองเป็นเพียงเรื่องไม่คาดคิด หลังจากนี้จี้หยวนเดินผ่านตรอกใดแล้วพบคนคุ้นเคยสักคน นั่นถึงเป็นเรื่องปกติ อย่างไรเสียจี้หยวนก็ไม่ชอบเดินเล่นในอำเภอหนิงอัน ต่อให้มีคนรู้จักเขา ส่วนใหญ่ก็น่าจะอยู่ที่ตรอกเทียนหนิวมากกว่า
สิ่งที่ทำให้จี้หยวนแปลกใจอยู่บ้างคือเดินถึงถนนเล็กๆ ข้างนอกตรอกเทียนหนิวแล้ว ร้านบะหมี่ตระกูลซุนที่ปิดร้านน้อยครั้งในช่วงเทศกาลกลับไม่ได้เปิดร้านอยู่ที่เดิม มีเพียงโอ่งน้ำใบใหญ่ที่ปกติแล้วตระกูลซุนใช้ล้างสิ่งต่างๆ วางอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง
ครั้นจี้หยวนเดินถึงตรงโอ่งน้ำและหยุดฝีเท้าอยู่ครู่หนึ่ง เขาเห็นฝาไม้ปิดอยู่บนโอ่งอย่างดี น้ำเต็มโอ่งและเป็นน้ำที่ใสแจ๋ว เขาลองคำนวณดูเล็กน้อย ส่ายหน้าพลางยิ้มแล้วไม่รั้งอยู่นาน เดินไปที่ประตูตรอกฝั่งตรงข้ามเพื่อกลับตรอกเทียนหนิว
ตอนนี้เป็นเวลาเช้า คนที่ออกจากบ้านล้วนออกจากบ้านไปแล้ว เวลากลับบ้านยังไม่มาถึง คนที่เดินในตรอกเทียนหนิวที่แต่เดิมสงบเงียบจึงมีไม่มาก ตอนผ่านสองฝั่งบ่อน้ำยังคงเห็นเหล่าแม่บ้างซักผ้าไปพลาง สนทนากันอย่างสนุกสนานไปพลาง พร้อมทั้งซุบซิบเรื่องภายในและนอกอำเภอ
ยิ่งมุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนลึกของตรอกเทียนหนิวก็ยิ่งเงียบสงบ มองเห็นร่มเงาที่คุ้นเคยแต่ไกล ราวกับรับรู้ได้ถึงการกลับมาของจี้หยวน ท่ามกลางลมวิญญาณเวียนวน กิ่งก้านของต้นพุทราใหญ่กำลังส่ายไหว
พอเดินถึงหน้าเรือน จี้หยวนกวาดสายตามองป้านเรือนสันติครั้งหนึ่ง จากนั้นหยิบกุญแจออกมาปลดกลอน แล้วผลักเปิดประตูเรือนอย่างเบามือ ครั้งนี้ไม่เหมือนกับในอดีต ไม่มีฝุ่นร่วงหล่นลงมาแต่อย่างใด
เพียงมองเห็นภาพเดินในลานบ้าน ความรู้สึกได้กลับบ้านก็เอ่อขึ้นมาที่หัวใจโดยปริยาย บางทีบนโลกนี้มีเพียงเรือนสันติที่ทำให้จี้หยวนเกิดความรู้สึกนี้ได้แล้ว
กระเรียนกระดาษตัวน้อยบินออกจากอกเสื้อของจี้หยวน บินวนต้นพุทราใหญ่ก่อนเริงระบำ กิ่งต้นพุทราส่ายไหวเป็นจังหวะอย่างยิ่ง จี้หยวนมองภาพนี้ บางครั้งถึงขั้นสงสัยว่ากระเรียนกระดาษสื่อสารกับต้นพุทราใหญ่ได้ ไม่ใช่การตัดสินอารมณ์ต่างๆ แบบผิวเผิน แต่ ‘ได้ยินคำพูด’ ของอีกฝ่ายได้อย่างแท้จริง
กระเรียนกระดาษในตอนนี้เหมือนกำลังเล่าเรื่องการเดินทางครั้งนี้ให้ต้นพุทราใหญ่ฟัง เล่าว่าไปที่ใดกับเจ้าของมาบ้าง ทำอะไรบ้าง พบเจอใครบ้าง
จากนั้นจี้หยวนหยิบเทียบเจตกระบี่ออกมาแขวนบนกำแพงด้านนอกของเรือนหลัก ทันใดนั้นลานเล็กคึกคักขึ้นมา
“โอ้ กลับบ้านแล้ว!”
“ถึงเรือนสันติแล้ว!”
“กลับมาแล้วๆ!”
“นับผลพุทราเร็วว่าถูกขโมยหรือไม่”
“ใช่ๆๆ รีบนับๆ!”
“ใครจะกล้าขโมย”
“ไม่แน่อาจมีคนโง่ขโมยไป!”
“ตั้งค่ายกลๆ เริ่มรวบรวมกำลัง!”
“รอพวกข้าด้วย!”
“ตั้งค่ายกลๆ!”
ตัวอักษรกลุ่มหนึ่งล้อมรอบต้นพุทรา บ้างเริ่มตั้งค่ายกล อีกทั้งเริ่ม ‘การต่อสู้’ ครั้งใหม่
จี้หยวนมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไปในเรือนลำพัง ในห่อผ้าในมือเขามีชุดสีเขียวและขาวอีกอย่างละชุด จี้หยวนไม่ได้เก็บห่อผ้าเข้าไปในแขนเสื้อ ทว่าวางไว้บนโต๊ะในเรือน จากนั้นเริ่มเก็บกวาดบ้าน แม้ไม่มีฝุ่นเท่าไหร่นัก แต่เครื่องนอนและข้าวของอย่างอื่นที่ถูกเก็บไว้ก็ต้องนำออกมาใหม่อยู่ดี
…
อำเภอหนิงอันในช่วงบ่ายวันนั้น ซุนหย่าหย่าถือตำราเล่มหนึ่งไว้ในมือ เดินอยู่บนถนนในอำเภอหนิงอันอย่างซึมเซา ท่าทางไร้ความรู้สึกและไร้เรี่ยวแรง เพียงเดินเล่นบนถนนอย่างไร้จุดหมายเท่านั้น มีคนรู้จักนางทักทายบนถนน นางเพียงทำเป็นสดใสตอบรับไปครั้งหนึ่งแล้วรีบเดินผ่านไป ราวกับไม่คิดสนทนากับใครมาก
แม้เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าการศึกษาหรือรูปลักษณ์ภายนอก ซุนหย่าหย่าในชุดสีดอกท้อเข้มนับว่าโดดเด่นในอำเภอหนิงอัน เดินบนถนนแล้วย่อมดึงดูดสายตาคน มีคนรู้จักหรือคนที่ความจริงแล้วไม่สนิทกันเท่าไหร่เข้ามาทักทายเสมอ ทำให้นางที่เดิมทีอยากผ่อนคลายอารมณ์เซื่องซึมกว่าเดิม
‘ยังมีที่ใดในอำเภอหนิงอันที่สงบเงียบบ้าง…’
ซุนหย่าหย่าเหม่อลอยอยู่บ้าง ขณะเดินอยู่นั้น เส้นทางของนางมุ่งสู่ตรอกเทียนหนิวโดยไม่รู้ตัวและโดยปริยาย เมื่อมองเห็นโอ่งใบใหญ่ฝั่งตรงข้ามตรอกเทียนหนิว นางถึงชะงักค้างแล้วดึงสติกลับมาได้ ที่แท้มาถึงที่ตั้งร้านค้าของท่านปู่ในอดีตแล้ว นางกันไปมองฝั่งตรงข้ามโอ่งน้ำ บนประตูหินเก่าเขียนตัวอักษรว่า ‘ตรอกเทียนหนิว’
ซุนหย่าหย่าพึมพำ สุดท้ายกลับเดินเข้าไปในตรอกเทียนหนิวราวภูตผีดลใจ ทั้งซ้ายขวาล้วนนิ่งสงบ ไปนั่งที่หน้าประตูเรือนสันติหน่อยก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยที่นั่นก็มีคนน้อยนัก
ขณะเดินอยู่ในตรอกเทียนหนิว ซุนหย่าหย่าเจอคนคุ้นตาดังเดิม ช่วยไม่ได้ ตอนเด็กนางมักวิ่งเล่นที่นี่ ท่านปู่นางตั้งร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามตรอก คนในตรอกเทียนหนิวที่รู้จักนางไม่มีทางน้อย โชคดีที่ยิ่งเดินลึกเข้าไปในตรอกเทียนหนิวก็ยิ่งเงียบ
นางผ่านสองฝั่งของบ่อน้ำ ผ่านประตูขนาดใหญ่ ทะลุตรอกแคบที่คุ้นเคยตรอกนั้น มองเห็นเรือนสันติอยู่ห่างออกไปร้อยก้าว ไปจนถึงต้นพุทราใหญ่ที่ยืนต้นเพียงลำพัง
ที่น่าแปลกคือเรือนสันติห่างจากบ้านเรือนคนทั่วไปในตรอกเทียนหนิวช่วงหนึ่ง แต่หลายปีมานี้ไม่มีบ้านใหม่ตั้งขึ้นบริเวณใกล้เคียง แม้เคยได้ยินเหมือนกันว่าฮวงจุ้ยไม่ดี แต่ซุนหย่าหย่าไม่เชื่อเรื่องลี้ลับพรรค์นี้ ฮวงจุ้ยบ้านท่านจี้จะแย่ได้อย่างไร
ถึงที่นี่แล้วซุนหย่าหย่าถึงได้ถอนใจโล่งอกอย่างแท้จริง ความกลัดกลุ้มในใจคล้ายหายไปชั่วคราว ทว่านางเดินถึงหน้าประตูเรือนสันติแล้วยังไม่ทันนั่งลง ดวงตากวาดมองประตูเรือนครั้งหนึ่ง พลันพบว่าไม่เห็นกลอนประตูเรือนแล้ว
‘หรือว่า…’
ซุนหย่าหย่าตะลึงอยู่นาน หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นทันที นางกลืนน้ำลาย ยื่นมือสัมผัสประตูเรือนอย่างระมัดระวัง จากนั้นดันไปข้างหน้าอย่างเบามือ
แอ๊ด…ประตูเรือนถูกเปิดออก ดวงตาของซุนหย่าหย่าเบิกกว้างตามสัญชาตญาณ ในสายตานางนั้น ชายสวมเสื้อแขนกว้างสีเทาประดับปิ่นหยกดำกำลังดื่มชาอยู่กลางลาน นางขยี้ตาครั้งหนึ่ง ทว่าภาพตรงหน้าไม่ได้ซ่านสลาย
“เข้ามาเถอะ ตะลึงอะไรอยู่ที่หน้าประตู”
เสียงราบเรียบอ่อนโยนของจี้หยวนดังมา ซุนหย่าหย่ามีน้ำตาเอ่อขึ้นมาโดยพลัน
“ท่านจี้ ท่านกลับมาแล้วหรือ ข้า ข้า ข้าลืมเคาะประตู…”
จี้หยวนมองนางแล้วพยักหน้า
“เข้ามาเถอะ”
“อืม!”
ซุนหย่าหย่ารีบใช้แขนเสื้อเช็ดใบหน้าโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ เดินเข้าไปถึงกลางเรือนเล็กด้วยความสำรวม ขณะเดียวกันดวงตาจ้องมองจี้หยวนอย่างละเอียด ท่านจี้ยังคงเหมือนกับตอนนั้น เหมือนกับเพิ่งจากกันเมื่อวาน
“สตรีเติบใหญ่เปลี่ยนแปลงไปสิบแปดเรื่อง ข้าคนแซ่จี้เกือบจำหย่าหย่าไม่ได้”
“แหะๆ ท่านจี้ ข้าเปลี่ยนไปแล้วงดงามหรือไม่”
จี้หยวนส่งเสียงจิ๊ครั้งหนึ่ง จากนั้นเย้านางเล่น
“ตอนเด็กน่ารักกว่าหน่อย อย่างน้อยก็ไม่เคยร้องไห้!”
“ท่านจี้ ข้าร้องไหนเพราะดีใจต่างหาก ไม่เหมือนกัน!”
ซุนหย่าหย่าอ้าปากเถียง ระหว่างสนทนากันนางรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่กับท่านจี้อีกครั้ง ท่านจี้ยังคงเป็นท่านจี้คนเดิม นางนั่งลงหน้าโต๊ะหินกลางลานโดยตรง ตอนจี้หยวนกำลังเทน้ำชาให้นาง นางกลับรีบประคองกาน้ำชาเอง
“ท่านจี้ ข้าเทเองดีกว่า ฮิๆ!”
เมื่อเทน้ำชา ดมกลิ่นชา และดื่มชาจนสดชื่นแล้ว ซุนหย่าหย่าราวกับลืมความกลุ้มใจไปทั้งหมด จิตใจสงบลงโดยสมบูรณ์
นางลืมตาขึ้นหลังจากผ่านไปนานมาก พบว่าจี้หยวนกำลังอ่านตำราที่นางนำมาด้วย ตำรานี้ชื่อว่า ‘วาทศีลธรรมหญิง’ จี้หยวนกวาดสายตามองสองครั้งก็รู้ว่าเนื้อหาส่วนใหญ่คือเรื่องศีลธรรมอันดีต่างๆ นานา
เห็นซุนหย่าหย่ามองตนเอง จี้หยวนค่อยวางตำราลงบนโต๊ะ
“อ่านตำราพรรค์นี้ไปทำอะไร”
ซุนหย่าหย่าเห็นท่านจี้ดึงนางกลับสู่ความเป็นจริง นางทำเพียงฝืนยิ้ม
“ช่วยไม่ได้ ตำราพังๆ นี่แพร่หลายมากในตอนนี้ ท่านจี้ ข้าหย่าหย่าอายุสิบแปดแล้ว อายุนี้แต่งงานได้แล้ว ตำรานี้…เฮ้อ น่าปวดหัวๆ!”
ซุนหย่าหย่าป้องใบหูส่ายศีรษะ ทำเอาจี้หยวนหัวเราะออกมา นางยังคงเหมือนกับเด็กคนหนึ่ง นี่อายุสิบแปดแล้วจริงหรือ
“การคลุมถุงชนใกล้มาเยือนกรอบประตูบ้านเจ้าแล้วกระมัง”
“ไม่ใช่ นั่นเริ่มตั้งแต่ข้าอายุสิบหกแล้ว วันนี้หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ…แม้แต่ท่านปู่ข้า…”
ซุนหย่าหย่ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ หยุดไปช่วงหนึ่งค่อยกล่าวต่อ
“แม้แต่ท่านปู่ข้ายังบอกว่าอายุสิบแปดปีแล้ว ขืนยังไม่แต่งงานอีกก็คงไม่มีใครเอาแล้ว…ท่านจี้ไปดูบ้านพวกข้าหน่อยเถอะ ข้อพิพาทนี้…เฮ้อ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว จริงสิ ท่านจี้กลับมาเมื่อไหร่หรือ ไยไม่บอกหย่าหย่าเลยสักคำ”
ซุนหย่าหย่าพยักหน้า หยิบตำราบนโต๊ะมา ในใจเกิดความกลัดกลุ้มอีกครั้ง จากนั้นชี้ไปยังตำรา
“ท่านจี้รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดคือตำราเล่มนี้เขียนโดยสตรี เพิ่งแพร่หลายเมื่อสองสามปีก่อน สตรีคนหนึ่งเป็นคนเขียน!”
เสียงของซุนหย่าหย่ามีความขุ่นเคืองอยู่บ้าง มอบความรู้สึก ‘ไยสตรีต้องทำให้สตรีด้วยกันลำบาก’ ให้กับจี้หยวน แต่ความจริงแล้วในอดีตมีตำราที่คล้ายกันเหมือนกัน บางทีตำราเล่มนี้ ‘ยอดเยี่ยม’ กว่าหน่อย แม้ต้าเจินมีอาจารย์อิ๋น สุดท้ายแล้วสังคมนี้ก็ยังคงเป็นสังคมศักดินา ยากนักที่จะแก้ไขแนวความคิดที่ฝังรากลึกภายในระยะเวลาอันสั้น
“นี่ไม่ใช่คนที่น่าโมโหที่สุดหรอกนะ ท่านจี้รู้หรือไม่ว่าคนเหล่านั้นที่มาขอหมั้นข้า มีตระกูลที่มีอำนาจอยู่ไม่น้อยเลย ตอนแม่สื่อขอหมั้น ความรู้สึกนั้นเหมือนกับพวกเขามามอบของราคาถูกให้พวกข้า ข้าต้องทำเป็นเหนียมอายหรือ จากนั้นท่านพ่อท่านแม่ข้าก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ท่านปู่ข้าดีหน่อย แต่ก็อยากให้ข้าแต่งเข้าตระกูลที่ร่ำรวยอยู่ดี…”
พูดแล้วซุนหย่าหย่าเอียงใบหน้าแนบลงกับโต๊ะหินแล้วกลอกตาขาว
“ท่านจี้ ท่านเข้าใจความรู้สึกข้าหรือไม่”
“ข้าไม่ใช่สตรี เกรงว่ายากจะเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่ก็ยังคงเข้าใจอยู่บ้าง”
ซุนหย่าหย่ายิ้ม สุดท้ายท่านจี้ก็เข้าใจนาง จากนั้นนางกลอกตาอีกครั้ง
“จริงสิท่านจี้ ท่านกินอะไรหรือยัง อยากกินบะหมี่พะโล้หรือไม่ ข้าจะกลับบ้านไปนำมาให้ท่าน”
ความคิดนี้มาถึงรวดเร็วทีเดียว ชัดเจนว่าซุนหย่าหย่ากลับมาสดใสดังเดิมแล้ว
“เอ่อ ข้าคนแซ่จี้ไม่หิว ยังไม่กินตอนนี้”
จี้หยวนเพิ่งพูดจบ ซุนหย่าหย่าก็พูดต่อทันที
“เช่นนั้นท่านต้องกินข้าวเย็นกระมัง เรือนที่เพิ่งทำความสะอาดเสร็จนี้ต้องมีอะไรผุพังแน่ ต้องจุดไฟไม่ได้เช่นกัน หรือ…ไปกินข้าวเย็นที่บ้านข้าดีหรือไม่ ท่านยังไม่เคยไปที่บ้านหย่าหย่าเลย หลายปีมานี้หย่าหย่าเรียนตัวอักษรไม่เคยบกพร่อง ท่านจะได้เห็นผลงานของข้าสักครั้ง!”
……….
Comments for chapter "ตอนที่ 540 สตรีเติบใหญ่เปลี่ยนแปลงไปสิบแปดเรื่อง"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
open
อยากให้อัพต่อนะคะ สนุกมาก