เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 55 เรื่องแปลกชวนหัว?
ตอนที่ 55 เรื่องแปลกชวนหัว?
จี้หยวนมึนงงนัก นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือหมากตัวนี้มีที่มาจากเว่ยอู๋เว่ยก่อนหน้านี้
แต่ก่อนหน้านี้ยามบอกเขาเรื่องเขาล้อมหยก ยังไม่เห็นว่าเกิดอะไร ตอนนั้นการคาดเดาของจี้หยวนคือหากไม่ใช่ว่าเพราะครั้งนี้เป้าหมายเป็น ‘คน’ ผลกระทบแค่นั้นคงไม่นับว่าเป็นอะไรจริงๆ
ใคร่ครวญครู่หนึ่งจี้หยวนก็ล้มล้างความเป็นไปได้จากฝั่งเว่ยอู๋เว่ย ทั้งไม่ได้เล่นเกมออนไลน์ข้ามประเทศจะมาล่าช้าอะไรเล่า
‘หรือว่า!! เป็นอาจารย์อิ๋น?’
จี้หยวนนึกถึงจดหมายที่ตนทิ้งไว้ เมื่อวานถึงตอนนี้เขาก่อเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อคนอื่นแค่เรื่องนี้เท่านั้น ทั้งคำนวณเวลาแล้วก็พอเหมาะพอดี
…
หน้าเรือนตระกูลอิ๋น อิ๋นชิงมองบิดาของตนอย่างมึนงงอยู่บ้าง
“ท่านแม่ ท่านพ่อเป็นอะไรไป”
มารดาตระกูลอิ๋นที่เพิ่งออกมาจากห้องมองสามีตน เพิ่งคิดจะเรียกท่านพี่แต่พลันรู้สึกว่าตอนนี้สามีตนสะดุดตาเป็นพิเศษ นางเห็นแล้วหน้าเป็นสีดอกท้ออยู่บ้าง
“ท่านแม่ท่านเป็นอะไร”
“อย่าไปรบกวนพ่อของเจ้า ไปบ้วนปากล้างหน้า!”
“อ้อ…”
เดิมอิ๋นชิงยังอยากถามบิดาของตนว่าท่านจี้เขียนมาว่าอะไร แต่นึกถึงบทเรียนเมื่อสองสามวันก่อนแล้ว คิดว่าเป็นเด็กดีหน่อยดีกว่า รอเมื่อกินอาหารเช้าค่อยถามปลอดภัยกว่า
“ชิงเอ๋อร์ ท่านจี้จากไปแล้ว!”
“หา…”
อิ๋นจ้าวเซียนยิ้มพลางชูกุญแจที่อยู่ในซองจดหมายเช่นกัน
“อีกเดี๋ยวพวกเราไปเก็บผลพุทรา!”
ข้อเสนอนี้พลันดึงดูดความสนใจของอิ๋นชิงดังคาด เขาดีอกดีใจทันที น้ำลายเกือบจะไหลออกมาแล้ว แต่หลังจากนั้นพลันนึกขึ้นได้ว่าท่านจี้ไม่อยู่ในเรือนเล็กแล้ว ความรู้สึกหดหู่หวนกลับมาอีกครั้ง
…
เช้าตรู่ร้านบะหมี่ตระกูลซุนบนถนนเปิดกิจการแต่เช้า ปกติวันหนึ่งเถ้าแก่ซุนจะยุ่งง่วนช่วงอาหารเช้ากับอาหารกลางวัน เกี๊ยวน้ำ บะหมี่ เครื่องในก็คืออาหารหลัก ช่วงบ่ายรีบเก็บแผงกลับบ้าน
บ่อยครั้งฟ้าเพิ่งมืดไม่นานก็หลับ ไม่ถึงยามห้าตื่นมายุ่งเตรียมวัตถุดิบตั้งร้าน คนแก่นอนเร็วยิ่งตื่นเช้า ทั้งเหมาะสมกับการทำงานพักผ่อนของเขามาก
เมื่อตั้งเพิงวางโต๊ะเก้าอี้เรียบร้อย เช็ดทำความสะอาดรอบหนึ่ง เถ้าแก่ซุนนั่งรอลูกค้าเข้าร้านอยู่ตรงนั้น ทั้งคิดการเปลี่ยนแปลงราคาของแป้งเนื้อกับค่าใช้จ่ายส่งบุตรชายเรียนหนังสือในอำเภอ
รอผู้คนบนท้องถนนเริ่มมากขึ้น นานเข้าหน้าร้านมีการค้าขาย ยามยุ่งง่วนเงยหน้าเห็นอาจารย์อิ๋นแห่งสำนักศึกษาพาอิ๋นชิงเดินมาทางแผงลอย ในมือยังถือตะกร้าเล็กใบหนึ่งด้วย
“โอ้ เป็นอาจารย์อิ๋นกับคุณชายน้อยอิ๋นนั่นเอง!! มากินอาหารเช้าร้านข้าหรือ มีหมี่เกี๊ยวกับหมี่หยางชุนเสร็จพอดี!”
อิ๋นจ้าวเซียนยิ้มพลางประสานมือกล่าว
“ไม่ล่ะๆ กินที่บ้านมาแล้ว…”
อิ๋นจ้าวเซียนพูดถึงตรงนี้แล้วยื่นตะกร้าในมือ ทั้งเปิดผ้าคลุมออก
“นี่คือผลที่เก็บมาจากต้นพุทราในบ้านท่านจี้ ก่อนท่านออกเดินทางเคยบอกให้แจกจ่ายเพื่อนบ้านกิน ท่านมาทานอาหารที่นี่ประจำ ย่อมต้องมาส่งให้เถ้าแก่ส่วนหนึ่ง”
เถ้าแก่ซุนมองผลพุทราสดใหม่นี้แล้วอึ้งไปครู่หนึ่ง สองมือเช็ดผ้ากันเปื้อน
“เอ่อ เกรงใจนักๆ…”
แม้ว่ากล่าวเช่นนี้ แต่กลับยื่นมือไปรับอย่างสัตย์ซื่อ หลังจากรับตะกร้ามาจึงตอบสนองต่อคำพูดก่อนหน้าของอิ๋นจ้าวเซียน
“ท่านจี้ออกเดินทางหรือ กลับมาเมื่อไหร่เล่า”
“ยังไม่ทราบเลย อืม วางผลพุทราไว้ในรถเถอะ ข้ายังต้องนำตะกร้ากลับไป!”
“อ้อๆๆ ใช่ๆ!”
เถ้าแก่ซุนรีบเทผลพุทราในตะกร้าใส่อ่างล้างใบหนึ่งบนรถ ค่อยส่งตะกร้าไผ่คืนอิ๋นจ้าวเซียน
“อาจารย์อิ๋น ตะกร้าของท่าน!”
“อืม ข้าไม่รบกวนแล้ว ท่านจัดการธุระเถอะ!”
“ได้ๆ อาจารย์อิ๋นเดินทางปลอดภัย!!”
เห็นเงาหลังของอิ๋นจ้าวเซียนเดินห่างไปทีละน้อย เถ้าแก่ซุนเพิ่งมองผลพุทราในอ่างล้างโดยละเอียด
“เถ้าแก่ซุน นี่คือผลอะไรหรือ”
“นั่นสิ ให้ข้าลองชิมได้หรือไม่”
มีลูกค้าสงสัยใคร่รู้อย่างอดไม่ได้ ลุกขึ้นมองมาทางรถไม้ของเถ้าแก่ซุน
“น่าแปลก นี่มันผลพุทรา? ยังไม่ถึงช่วงเก็บเกี่ยวเลย ต้นพุทราในเรือนท่านจี้ออกผลแล้วหรือ”
เถ้าแก่ซุนเอ่ยปากชม ส่งให้ลูกค้าด้านข้างผลหนึ่ง จากนั้นตนจึงหยิบผลหนึ่งมาเช็ดกับเสื้อค่อยกัด
บนลิ้นความสดหวานแผ่ซ่าน กลิ่นหอมบางเบาอบอวลอยู่ใกล้ๆ
“อืม… อร่อย! เถ้าแก่ซุน ข้าขออีกสองสามลูกๆ!”
“กลิ่นหอมนัก ขอพวกเราชิมด้วย!!”
เถ้าแก่ซุนยังติดใจ เมื่อได้ยินคำขอของทุกคน เขารีบยัดผลพุทราอีกครึ่งเข้าปาก ใช้มือปกป้องอ่างล้าง จากนั้นค่อยเก็บเข้าไปในตู้รถไม้อย่างระวัง
“หมดแล้วๆ มีไม่กี่ลูก รวมแล้วมีแค่มือหอบ ข้าต้องนำกลับบ้านไปให้ลูกชายข้ากิน หมดแล้วๆ!”
…
นอกจากร้านบะหมี่ตระกูลซุน หมอถงหางโถงเกื้อกูลก็ได้รับผลพุทราส่วนหนึ่ง ทั้งจำนวนยังไม่น้อย ประมาณสองสามชั่ง หลังจากให้ลูกศิษย์ในร้านกินพอคลายอยากแล้ว หมอถงเก็บซ่อนมิดชิดเช่นกัน นำกลับบ้านเพื่อไปลิ้มรสพร้อมครอบครัว
…
วันนี้เมื่อถึงตอนพลบค่ำ เพื่อนบ้านตรอกเทียนหนิวทุกครัวเรือนล้วนได้รับผลพุทราหนึ่งถึงสองกำมือ รสชาตินั้นทำให้ผู้คนยากลืมเลือนจริงๆ
ต้นพุทราของเรือนสันติถึงกับออกผลสุกงอมล่วงหน้าสองสามเดือน ทำให้ผู้อาศัยอยู่ตรอกเทียนหนิวกล่าวถึงอย่างเพลิดเพลิน เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นทั่วอำเภอหนิงอันล้วนเอ่ยปากชมถึงเรื่องนี้
เที่ยงต่อมาในโรงเตี๊ยมเมฆา เว่ยอู๋เว่ยที่กำลังกินข้าวได้ยินเสี่ยวเอ้อร์พูดคุยเรื่องต้นพุทราเรือนสันติกับหลงจู๊ สงสัยใคร่รู้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แต่กลับฟังไม่ชัดเจนนัก
“เสี่ยวเอ้อร์ เมื่อครู่เจ้าพูดถึงผลต้นพุทราอะไร บอกกล่าวข้าหน่อยได้หรือไม่”
เรื่องอย่างการนินทาฝ่ายเล่ากับฝ่ายฟังแทบเพลิดเพลินเท่ากัน ข้อเรียกร้องนี้เสี่ยวเอ้อร์มีหรือจะปฏิเสธ วิ่งแจ้นมาอยู่ข้างเว่ยอู๋เว่ย
“ลูกค้า ท่านไม่ทราบหรอกหรือ ตรอกเทียนหนิวของอำเภอเกิดเรื่องแปลกขึ้น ที่นั่นมีเรือนสันติอยู่ ภายในลานมีต้นพุทราใหญ่กิ่งก้านเขียวชอุ่มต้นหนึ่ง ผลพุทรานี้เดิมควรรออีกสองสามเดือนจึงจะสุกงอม คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ผลพุทราบนต้นกลับสุกหมดแล้ว คนตรอกเทียนหนิวล้วนแบ่งพุทราสดกินกัน”
เสี่ยวเอ้อร์ย้อนคิดเล็กน้อย
“พี่สาวข้าแต่งเข้าตรอกเทียนหนิว บ้านนางรับมาให้ข้าชิมสามผลเช่นกัน รสชาตินั้นช่างสดหวานจริงๆ ชีวิตนี้ไม่เคยกินผลพุทราอร่อยขนาดนี้มาก่อน!”
เสี่ยวเอ้อร์เห็นว่าความสนใจของลูกค้าในโถงใหญ่ไม่น้อยแทบถูกตนดึงดูดมาทั้งหมด เขาได้ใจอยู่บ้าง เจตนาเพิ่มเสียงดังขึ้นอีกหน่อย
“พูดถึงตรงนี้ยังมีเรื่องแปลกกว่าอีกอย่างหนึ่ง ได้ยินว่าผลพุทราของเรือนสันตินี้สุกงอมเพียงชั่วข้ามคืน วันก่อนครึ่งตรอกเทียนหนิวยังได้กลิ่นดอกพุทรา ต่อมาพลันหายไป มีคนพูดว่าตอนนั้นผลพุทราก็สุกแล้ว!”
“โอ้! มีเรื่องแปลกเช่นนี้ด้วย?”
“เสี่ยวเอ้อร์ เจ้าคงไม่เพ้อเจ้อกระมัง”
“นั่นสิ มีหรือจะสุกชั่วข้ามคืน เทพเซียนสำแดงวิชาหรืออย่างไร”
ลูกค้าสองสามโต๊ะด้านข้างโห่ร้อง เสี่ยวเอ้อร์อึดอัดจนฉุนเฉียวขึ้นมา
“หึ นั่นเป็นเพราะคนต่างถิ่นอย่างพวกเจ้าไม่รู้เรื่อง เอาล่ะเงี่ยหูฟังกันให้ดี กลับไปคุยโวอวดสหายกันได้เลย!! ผู้อาศัยอยู่เรือนสันติแห่งตรอกเทียนหนิวนี้เป็นยอดบุคคลประจำอำเภอคนหนึ่ง ตั้งแต่คนผู้นี้เข้ามาอยู่ หลังจากต้นพุทราภายในเรือนออกดอกก็หอมเตะจมูกผิดปกติ”
เสี่ยวเอ้อร์พูดถึงตรงนี้แล้วปล่อยให้สงสัย เห็นว่าทุกคนล้วนตั้งใจฟังจึงกล่าวต่อ
“ต่อมาข้าได้ยินคนอื่นพูดกัน ได้ยินว่าวันก่อนท่านจี้คิดออกจากอำเภอไปเดินทางไกล ตอนนั้นยามบอกลาอาจารย์อิ๋นเขาทอดถอนใจกลางลานประโยคหนึ่ง บอกว่าน่าเสียดายที่ไม่ได้กินผลพุทราของปีนี้แล้ว… น่าเสียดายๆ…”
เสี่ยวเอ้อร์เลียนแบบคำพูดตามจินตนาการประโยคหนึ่ง จากนั้นค่อยคลายการแสดงลง
“พวกเจ้าเดาสิว่าเป็นอย่างไร คืนนั้นต้นพุทราเริ่มออกผล พอฟ้าสว่างท่านจี้ตื่นขึ้นมา เปิดประตูก็เห็นต้นพุทรากลางลานเพียงหนึ่งออกผลพุทราสุกงอมเต็มต้น! หึๆ ร้ายกาจใช่หรือไม่!”
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?”
“เสี่ยวเอ้อร์ ข้าว่าเจ้าเป็นลูกจ้างโรงเตี๊ยมเสียเปล่าจริงๆ ไปเป็นนักเล่าเรื่องน่าจะดีกว่า!”
“ถูกต้องๆ เจ้าพูดเช่นนี้ ผู้อาศัยอยู่เรือนสันติคงไม่ใช่เทพเซียน ฮ่าๆๆๆๆ!”
โถงโรงเตี๊ยมพลันมีเสียงหัวเราะ หลงจู๊ยิ้มพลางส่ายหัวอยู่ตรงนั้น
มีเพียงเว่ยอู๋เว่ยซึ่งในใจไหวหวั่น รีบจ่ายค่าอาหารตรงโต๊ะคิดเงิน จากนั้นจึงรีบวิ่งไปตรอกเทียนหนิว
ด้วยวิชายุทธ์ของเว่ยอู๋เว่ย เมื่อวิ่งถึงหน้าเรือนสันติยังหอบเล็กน้อย เห็นได้ว่าร้อนรนมากเพียงใด
“ฮู่ว… ฮู่ว… ฮู่ว…”
เขาปรับลมหายใจลงพลางเงยหน้ามองออกไป เห็นว่าต้นพุทราภายในเรือนเล็กไม่มีดอกอยู่แล้วดังคาด กิ่งก้านซึ่งอยู่ต่ำหน่อยเหลือเพียงผลพุทราติดก้านกระจายกัน ส่วนกิ่งสูงพวกนั้นยังมีผลอยู่ไม่น้อย
เมื่อเข้าใกล้เรือนเล็กอีกหน่อย ประตูเรือนคล้องกลอนทองแดงหนึ่งอยู่
ความรู้สึกเสียใจเจือหม่นเศร้าผุดขึ้นในใจเว่ยอู๋เว่ย
‘ท่านจี้จากไปแล้วดังคาด!’
ไม่นานความคิดเว่ยอู๋เว่ยไหวเคลื่อน มองไปทางต้นพุทราต้นนั้น
‘อืม ต้องคิดหาวิธีเก็บผลพุทรามาชิมสักสองสามลูก!’
ปีนกำแพงไปเก็บผลที่เหลือโดยตรง? เรื่องแบบนี้ไม่กล้าเด็ดขาด!