เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 58 งูยักษ์ก่อกรรม
ตอนที่ 58 งูยักษ์ก่อกรรม
คนชอบทำงานพักผ่อนตามกฎฟ้า ต่อให้อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ สุดท้ายจี้หยวนก็หลับไผครู่หนึ่ง แต่หลังจากมีบทเรียนเคล้าเลือดน้ำตาจากอารามเทพภูเขาบนเขาโคเทพครั้งนั้น จี้หยวนไม่หลับเป็นตายอีก
เอ้ก… อี้เอ้กเอ้ก…
เมื่อเสียงไก่ขันแรกภายในหมู่บ้านดังขึ้น จี้หยวนก็ตื่นขึ้นมา เวลานี้น่าจะเป็นช่วงครึ่งแรกของยามห้า หรือก็คือตีสามกว่าของชาติก่อน
คนยุคนี้ล้วนมีความคิดประหลาด ต่อให้เป็นคนกลัวความมืดพอได้ยินเสียงไก่ตัวผู้ขันก็จะสบายใจตามจิตใต้สำนึก ต่อให้รู้อยู่ว่าเช้าเกินกว่าฟ้าสว่างจริง แม้แต่จี้หยวนก็ไม่อาจยกเว้น
นี่ไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล ตอนพูดคุยกับเทพหลักเมืองอำเภอหนิงอันสองสามครั้ง จี้หยวนเข้าใจความรู้พื้นฐานซึ่งมีประโยชน์ไม่น้อย
ไม่พูดถึงเหล่าภูตผี พวกไม่กลัวดวงอาทิตย์มีน้อยนัก แม้แต่อสูรก่อนฝึกสำเร็จ บางส่วนไม่อาจเจอแสงอาทิตย์ ดังนั้นจึงเกลียดช่วงกลางวัน
จี้หยวนซึ่งตอนนี้ได้ยินไก่ขันผ่อนคลายลงไม่น้อย เห็นชายชราภายในห้องยังหลับสนิท จี้หยวนจึงคิดจะหลับต่ออีกหน่อย
ท้องฟ้านอกห้องยังมืดสลัว ภายในเรือนเล็กหลังหนึ่งตรงมุมตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่บ้านซั่งเหอโกว มีคนหาวพลางลุกขึ้นจากเตียง เป็นพ่อค้าค้างแรมคนหนึ่ง
“หาว…”
เห็นคนอื่นยังหลับเป็นตายอยู่ด้านข้าง ผู้ตื่นนอนสวมชุดนอกแล้วเดินซวนเซออกจากประตูเรือน
เสียงไก่ขันดังอยู่ตลอด แต่ออกจากเรือนแล้วไม่เห็นใครออกมาทำอะไร คิดว่ายังเช้าอยู่บ้างจริงๆ
“ห้องน้ำ… ห้องน้ำ… อยู่นั่น!”
เดินมาไกลกว่าจะเห็นห้องน้ำคูหาหนึ่งริมกำแพงหมู่บ้าน
สิ่งปลูกสร้างลาดเอียงทรงสี่เหลี่ยมต่างจากเรือนพักโดยรอบมาก แยกแยะออกโดยง่ายว่านั่นคืออะไร เดินมาถึงข้างห้องน้ำ กลิ่นนั้นพลันเตะจมูก ผู้มาเยือนได้สติกลับมามาก
เปิดประตูหญ้าบานหนึ่งในนั้น กลิ่นเหม็นฟุ้งขึ้นมาทันที
“แหวะ… ห้องน้ำหมู่บ้านนี้สกปรกเกินไปแล้ว!”
ถ้าถ่ายเบาผู้มาเยือนคงจัดการข้างนอกโดยไม่กลัวอะไร แต่ครั้งนี้ถ่ายหนัก ช่วยไม่ได้ ฝืนเข้าไปแล้วกัน
ผลลัพธ์คือก้าวแรกเมื่อเหยียบเข้าไป รู้สึกว่าใต้ฝ่าเท้าเหยียบโดนอะไรนิ่มๆ
“ให้ตายเถอะ! ซวยหนักแปดชั่วโคตร!”
ผู้มาเยือนตะคอกด่าแต่ยังย่อตัวลงด้านใน รีบจัดการอย่างเร่งด่วน ดึงหญ้าคาจากตัวห้องน้ำมาสองกำแทนกระดาษชำระ กระโดดออกจากห้องส้วมเหมือนเผ่นหนี
“อี๋แหวะ จิ๊ ขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว!”
ยามก้าวเดินเท้าข้างหนึ่งปาดลากไปมา เมื่อครู่เหมือนมือไม่ค่อยสะอาดด้วย
สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เรือนเล็กที่จะกลับไปนอนยังต้องเดินต่อช่วงหนึ่ง ทั้งไม่รู้ว่าโอ่งน้ำที่นั่นมีน้ำหรือไม่ หันมองแม่น้ำสายเล็กด้านนอก เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนเดินไปทางนั้น
ประตูรั้วติดแม่น้ำใช้แค่หมุดไม้ปักง่ายๆ พ่อค้าสะบัดมือเล็กน้อย ดึงหมุดเปิดประตูเบียดตัวออกไป
โฮ่งๆๆ… โฮ่งๆๆๆ…
มีเสียงหมาเห่าดังขึ้นด้านหลัง คนผู้นี้หันกลับไปมองตามจิตใต้สำนึก ดวงตาหมาตัวนี้เหลือบแสงเขียว ทำให้เขาตัวสั่นเทิ้มโดยไม่รู้ตัว
โฮ่งๆๆๆ…
โฮ่งๆๆ…
โฮ่งๆๆ… โฮ่งๆๆๆ…
เดิมมีหมาเพียงตัวเดียว ไม่นานถึงกับรวมตัวกันหลายตัวเห่าใส่เขา
“พวกหมาเหลือขอ!!! เห่าอะไรนักหนา!!! ถ้ากล้ากัด ข้าจะฆ่าพวกเจ้ามาทำเนื้อหมาตุ๋น!”
เขาแสร้งดุดันคำรามใส่หมาฝูงนั้นสองสามประโยค ทั้งยังรีบย่อตัวลงพลางทำท่าเหมือนเก็บก้อนหิน หมาหลายตัวกระโดดหนีหลายก้าวตามจิตใต้สำนึกดังคาด
“รู้ว่าข้าร้ายกาจก็ดี!”
อีกด้านหนึ่ง เสียงหมาเห่าดังถี่ปลุกจี้หยวนตื่นอีกครั้งทันที ครั้งนี้เสียงหมาเห่าถึงกับดังต่อเนื่องไม่หยุด คนไม่น้อยซึ่งค่อนข้างอยู่ใกล้ริมแม่น้ำภายในหมู่บ้านล้วนถูกปลุก
จี้หยวนรออยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่เห็นว่าเสียงหมาเห่าจะลดลง กลับกลายเป็นว่ามีแนวโน้มยิ่งเห่ายิ่งดุร้าย พลิกตัวไปมาบนเตียงจนรอต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ฮู่ว… ออกไปดูหน่อยแล้วกัน!”
จี้หยวนหยัดร่างลงจากเตียง สวมเสื้อมองชายชราซึ่งยังหลับสนิท ตนเดินมาถึงหน้าโต๊ะ ดึงปลอกตะบันไฟออกก่อนเป่า ประกายไฟเข้มขึ้นทีละน้อย
จับไส้ตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะขึ้นค่อยเป่าลมอีกครั้ง ตะเกียงน้ำมันติดไฟลุกโชน
เขาปิดปลอกตะบันไฟ เหลือบมองชายชราที่หลับสนิทอีกครั้ง จี้หยวนยื่นมือสะบัดแขนเสื้อ แสงตะเกียงน้ำมันนั้นถูกย้ายเข้าไปในแขนเสื้อ
‘ข้าอยากดูนักว่าเป็นคนหรือผี!’
จี้หยวนตั้งจิตมั่น ดึงสลักออกช้าๆ เปิดประตูไม้ก้าวออกไปแผ่วเบา จากนั้นค่อยปิดประตูอย่างเชื่องช้า
เมื่อมองไปทางตะวันออก ตรงขอบฟ้าห่างไกลมีเส้นขาวโผล่พ้นมาแล้ว
“หึ!”
ใต้ฝ่าเท้าออกแรงเหยียบ จี้หยวนดีดตัวขึ้นสูงในชั่วพริบตา โรยตัวลงบนหลังคาบ้านหนึ่งที่อยู่ใกล้เบาๆ สำแดงวิชาบังตา จัดเสื้อผ้าหน้าผมพุ่งตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่บ้านตามเสียงหมาเห่า
…
ริมแม่น้ำ พ่อค้าคนนั้นล้างมือก่อน จากนั้นค่อยถอดรองเท้า คว้าหญ้าริมฝั่งกำหนึ่งมาแช่น้ำก่อนเริ่มขัดถูพื้นรองเท้ากับสันรองเท้า
ซ่า…
ห่างออกไปมีเสียงน้ำดังขึ้น คนผู้นี้ตกใจจนเงยหน้ามองไป บนผิวแม่น้ำที่ค่อนข้างห่างไกลมีรอยน้ำกระเพื่อมเลือนรางจางหาย
‘บางทีอาจเป็นปลาติดข้อง…’
แม้ว่าคิดเช่นนี้ แต่ผู้มาเยือนกลับเร่งความเร็ว รีบขัดล้างพื้นรองเท้า
ซ่า…
มีเสียงน้ำดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อยู่ตรงริมฝั่งด้านข้างที่ค่อนข้างห่างไกล
“ว้าย เหม็น… น่ารังเกียจ!”
เสียงนุ่มนวลเจือแววตำหนิดังขึ้นข้างๆ
พ่อค้าหนุ่มผู้ล้างรองเท้าชะเง้อมองไปทางนั้น เห็นร่างขาวสว่างริมฝั่งท่ามกลางความมืดสลัว
“ว้าย! เจ้ามองอะไร ห้ามมอง!”
“อะ เอ่อ… แม่นางอย่าถือสาๆ! ข้าไม่รู้ว่าเจ้าอาบน้ำอยู่ตรงนี้…”
ปากพ่อค้ากล่าวเช่นนี้ ในใจกลับกระเพื่อมไหวแล้ว
“ข้าคิดว่าจะไม่มีใครออกมา ตอนเจ้ามาข้าได้แต่หลบอยู่มุมฝั่งรอเจ้าจากไป ใครจะรู้ว่าเจ้า เจ้า!”
พ่อค้ามองรองเท้าบนมือ ทั้งมองทิศทางสายน้ำไหล รู้สึกอักอ่วนทันที ลนลานซ่อนรองเท้าไว้ด้านหลัง
“เรื่องนี้เอ่อ… ข้า…”
“เจ้ามัวตะลึงทำอะไร ยังไม่รีบไปอีก ข้าจะขึ้นไปแล้ว ในน้ำสกปรกนัก!”
“อ้อๆๆ ข้าจะหลีกไป หลีกไปเดี๋ยวนี้!”
พ่อค้าสูดหายใจลึก บอกว่าจะหลีกไปแต่ใจเต้นเร็วไม่รู้เท่าไหร่ ภาพผ่านตาเมื่อครู่ทำให้เก็บกลั้นความตื่นเต้นในใจไม่อยู่
เสียงน้ำดังซ่าทำเอาพ่อค้าคิดภาพลามกบัดสีในใจตามจิตใต้สำนึก
โฮ่งๆๆ… โฮ่งๆๆๆ…
โฮ่งๆ… โฮ่งๆๆ…
โฮ่งๆๆๆ… โฮ่งๆๆ…
เสียงหมาเห่าตรงหมู่บ้านดุดันขึ้นมาทันที หมาบ้านหลายตัวจ่ออยู่ริมกำแพงรั้ว ทำให้พ่อค้ามองไปทางฝูงหมาในกำแพงรั้วที่อยู่ห่างไกล
“อ๊า…”
พลั่ก…
“แม่นางเจ้าเป็นอะไรไป”
พ่อค้าหันหลังกลับอย่างตื่นเต้นยินดี ทั้งวิ่งไปข้างหน้าสองก้าวแต่หยุดชะงัก ไม่เห็นหญิงสาวขึ้นฝั่งย่อมไม่เห็นภาพที่เฝ้ารอ
“เฮือก… ข้ากำลังจะขึ้นฝั่ง แต่ถูกหมาทำให้ตกใจจนหกล้ม ทะ เท้าไม่มีแรงเลย…”
หญิงสาวที่เหมือนหลบอยู่ในน้ำริมฝั่งเว้นช่วงไปก่อนกัดฟันสู้กับความคิด
“คุณชาย ทะ ท่านช่วยมาประคองข้าหน่อยได้หรือไม่”
“นะ นี่จะเหมาะหรือ!”
ปากพ่อค้ากล่าวเช่นนี้ แต่ฝีเท้ากลับคล่องแคล่วนัก วิ่งตะบึงมองลงไปริมฝั่งนั้น เงาร่างอรชรขาวเหมือนหิมะหลบอยู่ภายในน้ำ เผยร่างท่อนบนเล็กน้อย
หญิงสาวยื่นมือบางข้างหนึ่งออกมา มืออีกข้างป้องหน้าอก เบือนหน้าไปด้านข้าง ใช้เสียงเหมือนยุงกล่าวแผ่วเบา
“คุณชายโปรดประคองข้าขึ้น…”
ครานี้พ่อค้าเลือดลมสูบฉีด กลืนน้ำลายยื่นสองมือไปดึง…
ตู้ม… ซ่า…
ทั้งตัวพ่อค้าถูกลากลงน้ำตามไป แต่กลับทำหน้ายินดีเสียอย่างนั้น แนบชิดกับหญิงสาวภายในน้ำ
…
จี้หยวนเลียบตามหลังคาในหมู่บ้าน เคลื่อนไหวรวดเร็วรับลม หาทิศทางที่เสียงหมาเห่าชุกที่สุด ระหว่างทางเห็นผู้คนที่อยู่ใกล้ริมแม่น้ำถูกเสียงหมาเห่าปลุก สวมเสื้อผ้าออกมาดูสถานการณ์
พุ่งโฉบจนถึงหลังคาบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่รอบนอกที่สุด จมูกได้กลิ่นปราณชั่วร้ายอย่างหนึ่งแล้ว เมื่อมองตามไป จี้หยวนเบิกตาสีเทาโดยไม่สนความเจ็บปวดทันที
ริมแม่น้ำที่ห่างไกล งูยักษ์ตัวหนึ่งเทียวผลุบเทียวโผล่อยู่ในน้ำ แต่ในสายตาจี้หยวนกลับมองเห็นชัดเจน
ใกล้ศีรษะงูมีมายาหญิงสาวคนหนึ่ง ชายหนุ่มเสื้อผ้าเปียกปอนคนหนึ่งกำลังถูกงูขดรัดตัว มองศีรษะงูด้วยสีหน้าหลงใหล ขยับเข้าใกล้ปากอสรพิษซึ่งเปิดกว้างทีละน้อย
เวลานี้ความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนและการดิ้นรนหลายครั้งวาบผ่านสมองจี้หยวน ปราณวิญญาณในร่างพลุ่งพล่านไม่สงบ แค่สองวินาทีก็กลายเป็นเสียงคำรามดุจสายฟ้าฟาดถล่ม
“เจ้ามารชั่ว! บังอาจใช้วิชาบังตาลวงคน!”