เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 6 อย่าตามเขาไป!
ตอนที่ 6 อย่าตามเขาไป!
หลังผ่านความอัศจรรย์อย่างฝนโปรยสดับสรรพสิ่ง ตอนนี้จี้หยวนมั่นใจในทักษะการฟังของตนมาก แม้ว่าเมื่อครู่ใช่ว่าไม่คิดฟุ้งซ่าน แต่ภายใต้ระยะห่างใกล้ขนาดนี้ เสียงฝีเท้าของคนผู้หนึ่งไม่มีทางตกหล่นแน่
หวนนึกถึงเนื้อความที่จินซุ่นฝูกล่าวเมื่อครู่ ทำเอาจี้หยวนหนาวเยือกในใจอย่างอดไม่ได้
กลางคืนมืดหนาวป่าเขารกร้าง มีบัณฑิตไร้ความเป็นมาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน คิดอย่างไรก็ไม่ค่อยปกติ
แต่ท่าทางการกระทำของบัณฑิตคนนี้ล้วนเหมาะสม กอปรกับฐานะและท่าทางไร้เรี่ยวแรงของบัณฑิต ดูเหมือนว่าได้รับความเชื่อใจจากพวกพ่อค้าเร่เบื้องต้นสำเร็จแล้ว
ว่ากันตามจริงคืออารามเทพภูเขาแห่งนี้ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของพวกพ่อค้าเร่ ใครต่างมีสิทธิ์เข้ามาพัก ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่คนเหี้ยมโหดป่าเถื่อนไร้เหตุผล ดังนั้นต่อให้ระแวงบัณฑิต แต่ก็ไม่มีทางไล่เขาไป
ใช่ว่าพวกพ่อค้าเร่ไม่ระวังตัวเลย แม้ทักทายเชิญบัณฑิตนั่งอย่างสุภาพ แต่ยังถามสถานการณ์ของบัณฑิตอย่างชัดเจน
“ขอถามท่านมีชื่อแซ่ว่าอะไร บ้านอยู่ที่ไหน ศึกษาอยู่แห่งใด”
ร้ายดีอย่างไรจางซื่อหลินก็เคยเล่าเรียนมาบ้าง ยามซักถามบัณฑิตประโยคนี้ดูสุภาพเปี่ยมมารยาทมาก ทำให้หวังตงที่อายุน้อยที่สุดมองเขาหลายรอบอย่างอดไม่ได้
บัณฑิตฟังแล้วไม่กล้าละเลย ประสานมือคารวะไปทางจางซื่อหลิน
“ผู้น้อยแซ่ลู่ ชื่อพยางค์เดียวว่าซิ่ง บ้านอยู่ตรอกผายเหมินเมืองสุ่ยเซียน เป็นศิษย์สำนักศึกษาสนเขียวจังหวัดเต๋อเซิ่ง ครั้งนี้เดินทางกลับบ้านขึ้นเขามาพร้อมสหายศึกษา…”
น่าจะเป็นเพราะวิธีการซักถามของจางซื่อหลิน บัณฑิตเริ่มมองเขาเป็นผู้มีการศึกษาครึ่งหนึ่งแล้ว เปลี่ยนจากการเรียกตัวเองว่า ‘ข้า’ เป็น ‘ผู้น้อย’
บัณฑิตทั้งรำลึกทั้งนึกกลัว บรรยายละเอียดว่าขึ้นเขามาพร้อมสหายคนไหน เหตุใดถึงพลัดหลงกันกลางเขาโดยไม่คาดฝัน บ้านตนอยู่ที่ไหน ศึกษาอยู่สำนักใด ระหว่างนั้นยังเอ่ยคำกลอนเปี่ยมการศึกษาเป็นพักๆ คำพูดล้วนมีระเบียบชัดเจน ไม่เหมือนว่ากำลังพูดจาซี้ซั้วสักนิด
การแสดงออกของบัณฑิตไม่เสแสร้งแม้แต่น้อย วาจาสุภาพเหมาะสม
โดยเฉพาะตอนได้ยินว่าบัณฑิตเป็นศิษย์สำนักศึกษาสายหลัก ยิ่งทำให้เหล่าพ่อค้าเร่เลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง เทียบกับบัณฑิตที่ลำบากเล่าเรียนอยู่บ้านลำพังแล้ว ฐานะ พื้นฐานครอบครัว ความสามารถของศิษย์สำนักศึกษาล้วนดีกว่ามาก หรือตามคำกล่าวว่าฐานะทางสังคมสูง
บัณฑิตได้รับความเคารพเลื่อมใสจากผู้คนเสมอ นับประสาอะไรกับศิษย์สำนักศึกษาสนเขียว
แม้แต่จางซื่อหลินยังลดการป้องกันตัวลงช้าๆ ไม่เพียงเท่านี้ ทุกคนยังเคารพบัณฑิตลู่มากขึ้นด้วย
ส่วนบัณฑิตไม่หยิ่งผยอง ยามรับน้ำอาหารล้วนขอบคุณไม่หยุด แต่บอกว่าตนไม่หิว ยังไม่ทานตอนนี้
ใจของจี้หยวนตกไปที่ตาตุ่มแล้ว บัณฑิตคนนี้แสดงเก่งเกินไป หากไม่ใช่ว่าจี้หยวนมั่นใจอยู่ก่อนว่าเจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนแน่ เกรงว่าคงเชื่อเขาไปด้วย
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว น่ากลัวเกินไปแล้ว!
หากตอนนี้มีทางเลือกให้จี้หยวนเลือกข้ามมิติต่อหรือกลับบ้านทันที เขาคงเลือกอย่างหลังโดยไม่ลังเล น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาเลือกไม่ได้
ตอนนี้จี้หยวนยังมีโชคช่วยเสี้ยวหนึ่ง ด้วยบัณฑิตคนนี้ยังต้องแสดงต่อ หมายความว่าเจ้าสิ่งนี้คงไม่ใช่พวกฆ่าสังหารทั่วทิศ ทั้งอีกฝ่ายดูเหมือนยังไม่รู้ว่าด้านหลังรูปปั้นเทพภูเขามีขอทานคนหนึ่งนอนอยู่
บัณฑิตลู่กับพวกพ่อค้าเร่พูดพลางหัวเราะแล้ว ศิษย์สำนักศึกษาใหญ่ซึ่งหาตัวจับยากไม่มีอคติกับพ่อค้าอย่างพวกเขาแม้แต่น้อย ยามพูดคุยกันย่อมสนิทสนมเป็นธรรมดา
คล้ายคิดอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน บัณฑิตตบศีรษะพลางพูดกับพวกจางซื่อหลินอย่างลึกลับ
“จริงสิ! ผู้น้อยพกทรัพย์สินติดตัวมาไม่มาก แน่นอนว่าไม่อาจตอบแทนบุญคุณของทุกท่านที่ช่วยเหลือ แต่ระหว่างทางมาอารามเทพภูเขาผู้น้อยเจอของดีอย่างหนึ่ง คิดว่าคงสร้างรายได้ให้กับทุกท่านอยู่บ้าง!”
เขาดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ทันทีดังคาด
“ไม่ทราบว่าเป็นของดีอะไรหรือ”
บัณฑิตกดเสียงต่ำพลางกล่าว
“โสมราชันภูเขาโตเต็มวัย!”
โสมถือเป็นวัตถุดิบยาล้ำค่ามีชื่อ คำว่าราชันภูเขาต่อท้ายคำว่าโสมมักหมายถึงโสมชั้นยอด
ในฐานะพ่อค้าเร่ซึ่งลุยน้ำข้ามเขามานานปี หากเจอวัตถุดิบยาเหมาะสมก็มักขุดกลับไปด้วยอย่างระวัง ล้วนสร้างรายได้น่าดูชม
เมื่อทุกคนได้ยินชื่อโสมราชันภูเขา การแสดงออกดูตื่นเต้นยินดีอยู่บ้าง
จางซื่อหลินฟังแล้วขมวดคิ้วมองบัณฑิตลู่
“คุณชายลู่ ท่านเป็นบัณฑิต รู้ลักษณะของโสมราชันภูเขาด้วยหรือ”
“ฮ่าๆๆ พี่จางกล่าวถูกแล้ว แม้ว่าข้าเคยอ่านลักษณะพิเศษของโสมมาจาก ‘ตำรารวมยอดพฤกษชาติ’ แต่ไม่อาจแยกแยะโสมราชันภูเขาได้ในพริบตา ข้าไม่สามารถแต่คนอื่นสามารถ!”
บัณฑิตลู่พูดถึงตรงนี้แล้วยังมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง จากนั้นค่อยเอ่ยเสียงเบา
“ข้าเป็นคนเมืองสุ่ยเซียน รู้ว่าบางทีมีคนเก็บของป่ากลุ่มหนึ่งมาตลาดขายวัตถุดิบยาของป่าในเมือง ทั้งเคยคุยกับพวกเขาสองสามครั้ง กระทั่งรู้เบื้องหลังบางอย่าง”
“โสมราชันภูเขานั่นมีเก้าใบ ลำต้นสูงเกสรดอกแดง สิ่งสำคัญที่สุดคือ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้พ่อค้าเร่ทุกคนรวมถึงจางซื่อหลินหัวชนกันโดยไม่รู้ตัวแล้ว
“สิ่งสำคัญที่สุดคือลำต้นโสมนั่นผูกเชือกแดงไว้สามเส้น นี่คือยอดวิธีพื้นบ้านของผู้นำคนเก็บของป่า เพื่อป้องกันโสมราชันภูเขาหนีไป!”
คำพูดนี้ทำให้พ่อค้าเร่มากมายเปิดหูเปิดตา ทั้งทำให้พวกเขาตื่นเต้นยินดีมาก
“ใช่ ข้าเคยได้ยินคนแก่บอกว่าโสมแก่ชอบมุดดินหนี มีแค่คนเก็บของป่าฝีมือร้ายกาจที่จับพวกมันได้!”
จินซุ่นฝูสาธยายคำพูดที่เคยฟังออกมาเช่นกัน
“ถูกต้องที่สุด! พี่จินกล่าวมาไม่มีเท็จ!”
บัณฑิตลู่ตบมือพยักหน้าเห็นด้วย
“คนเก็บของป่าผูกเชือกแดงไว้ไม่ได้ขุดไป คิดว่าคงรอเวลาทองของโสมราชันภูเขาแน่ แต่ทุกท่านไม่ต้องทำเช่นนั้น หากเก็บโสมราชันภูเขานี้ได้ คาดว่าคงสร้างรายได้ไม่น้อย หากไม่ใช่ว่าตอนนั้นในใจข้าหวั่นหวาดทั้งกลัวขุดแล้วทำลายวัตถุดิบยา ไม่แน่ว่าอาจขุดไปเองแล้ว”
“ใช่ๆ!”
“พี่ซื่อหลิน พวกเราไปขุดกันเถอะ!”
“ท่านบัณฑิต โสมราชันภูเขานั่นอยู่ที่ไหนหรือ”
…
พวกพ่อค้าเร่ตื่นเต้นจนทนไม่ไหว อยากไปขุดโสมราชันภูเขาเสียเดี๋ยวนี้
ทรัพย์สมบัติเย้ายวนใจคน ผลประโยชน์ทำให้พวกเขาเชื่อคำพูดของบัณฑิตลู่มากขึ้น
ในใจจี้หยวนหนาวสะท้านขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงความคิดเดียว… แย่แน่!
เมื่อเผชิญหน้ากับการรบเร้าของพวกพ่อค้าเร่ บัณฑิตคิดดูครู่หนึ่งแล้วค่อยตอบ
“สถานที่นั้นอยู่ห่างจากตำแหน่งที่ผู้น้อยหลบฝนก่อนหน้านี้ไม่ไกล ไม่เกินสองก้านธูปย่อมไปกลับได้ หากทุกท่านต้องการจริง ตามข้าไปก่อนฟ้าสางจะดีกว่า”
“เพราะเหตุใด ยามนี้ฟ้ามืดทางลื่น มิใช่ว่าไม่ปลอดภัยหรอกหรือ”
จางซื่อหลินถามอย่างสงสัย
“พี่จางคงไม่รู้ว่าคนเก็บของป่าล้วนขึ้นเขาก่อนฟ้าสว่าง ข้าเห็นว่าโสมราชันภูเขานั่นตั้งดอกแดงแล้ว หากคนเก็บของป่ามาขุดพบภายในวันสองวันนี้ คืนนี้ถ้าพวกเราไม่ไปไม่ใช่ว่าจะพลาดหรอกหรือ”
“ใช่แล้ว!”
“มีเหตุผล!”
“พี่ซื่อหลิน มือเท้าข้าคล่องแคล่ว ให้ข้าไปเถอะ!”
“จริงด้วย พวกเรารีบไปขุดกันเถอะ!”
สมัยนี้การหาเลี้ยงครอบครัวเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ทั้งโสมราชันภูเขายังเกิดจากฟ้าดิน ใช่ว่าคนเก็บของป่าผูกเชือกแดงแล้วบอกว่าเป็นของพวกเขา แค่ไม่เจอกันก็ไม่เป็นไร
“ไม่ต้องไปหมด คนมือเท้าคล่องแคล่วไปสักสองสามคน คนที่เหลือคอยเฝ้าของอยู่ที่นี่”
จางซื่อหลินไม่ลังเลอะไรอีก เริ่มหาของจำพวกคบเพลิงพันผ้าน้ำมันออกมาจากตะกร้าไผ่
“พี่จิน เสี่ยวตง หลิวฉวน หลี่กุ้ย พวกเจ้าสี่คนไปพร้อมคุณชายลู่ บนเขาทางลื่น ระหว่างทางต้องรักษาความปลอดภัยของคุณชายลู่ด้วย!”
“ข้าจัดการเอง!”
“วางใจเถอะพี่ซื่อหลิน ข้าไม่ปล่อยให้คุณชายลู่ล้มแน่!”
“รบกวนแล้วๆ!”
บัณฑิตลู่คารวะกล่าวขอบคุณ อีกด้านของแสงไฟซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็น รอยยิ้มนั้นยกโค้งอย่างแปลกประหลาดไร้ชีวิตชีวา…
จี้หยวนเพียงรู้สึกว่าเย็นวาบถึงหนังหัว ในใจคำรามคลั่ง
‘อย่าไป! อย่าตามเขาไป!’