เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 64 เล่าเรื่องราว
ตอนที่ 64 เล่าเรื่องราว
หนึ่งรถสองม้าเจ็ดคนจากไปไม่นาน ชายชราที่นั่งเงียบเพิ่งเอ่ยปาก
“ท่านอ่านคัมภีร์นอกรีต มีความคิดเห็นอย่างไรต่อตำรานี้หรือ”
ความคิดเห็น? การตอบสนองแรกของจี้หยวนแน่นอนว่าสนุกน่าสนใจเพิ่มความรู้ แต่คำพูดเช่นนี้กล่าวออกไปย่อมไม่เหมาะ ทั้งตำราเล่มนี้ดีก็จริง แต่บางจุดยังขัดแย้งนัก
เมื่อก้มหน้าลงมอง อ่านถึงคำบรรยายส่วนหนึ่งเกี่ยวกับภูตวารีซึ่งก่อนหน้านี้เปิดเจอโดยไม่ตั้งใจใหม่อีกครั้งพอดี คาดว่าชายชราน่าจะเหลือบเห็น
คิดเชื่อมโยงกับเนื้อหาบางส่วนตอนต้นหนังสือ ส่วนสะดุดตาที่สุดคือความรู้สึกเกลียดปีศาจฝังลึก
กล่าวถึงมังกรเจียวแล้วกัน เดิมก็ไม่มีอะไร แต่เนื้อหาที่เขียนว่าเจียวยักษ์ท่องวารีแฝงความเกลียดชังว่าสร้างภัยแก่ปวงชนจริงๆ ถ้าทำชั่วคงยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ตำรากล่าวถึง ‘ความประเสริฐ’ ของการเกื้อกูลซึ่งมังกรเจียวควบคุมเมฆฝน แต่เมื่อการกระทำเช่นนี้เกิดข้อผิดพลาด เช่นเจียวน้อยบางตัวขับเมฆไม่เสถียร สะบัดหางจนเกิดพายุหมุน พังเรือนชาวบ้านบางส่วน ความรู้สึกว่า ‘ปีศาจก็คือปีศาจ’ ย่อมปรากฏระหว่างบรรทัดอย่างเห็นได้ชัด
แต่นี่เป็นแค่ส่วนน้อยในตำรา บทความคล้ายกันมีไม่น้อย ถ้าใช้คำพูดเมื่อชาติก่อนคือผู้แต่งขาดภววิสัย
ในสถานการณ์ปกติความจริงเรื่องนี้ไม่ส่งผลต่อความสนุกของหนังสือเล่มหนึ่ง จี้หยวนยังอ่านนานจนลืมกินลืมนอนไม่ใช่หรือ แต่ตอนนี้มีคนเอ่ยถาม ความขัดแย้งส่วนนี้จึงเด่นชัดขึ้นมา
ดูท่าทางของผู้อาวุโสคนนี้ยังนับว่ามีเหตุผล ถ้าเป็นเทพเซียนแน่นอนว่าพูดด้วยง่าย ต่อให้เป็นภูตปีศาจ จี้หยวนคิดว่าความขัดแย้งนั้นกล่าวออกมาควรรื่นหูถึงจะถูก ดังนั้นเขาลังเลเล็กน้อยก่อนพูดตามตรง
“ข้าเพิ่งได้คัมภีร์นอกรีตเล่มนี้มาไม่นาน อ่านแล้วเคลิบเคลิ้ม ตำราไม่ห่างมือ แน่นอนว่าเป็นตำราดี…”
คำชมกล่าวถึงตรงนี้ จี้หยวนเห็นว่าชายชราไม่มีการตอบสนองอะไรจึงเปลี่ยนประเด็น
“ทว่าตำรานี้มีข้อบกพร่องมากจนอดเสียดายไม่ได้!”
“ไม่ทราบว่ามีข้อบกพร่องอะไร”
จี้หยวนพลันหรี่ตา เปลี่ยนท่าทางเกียจคร้านเป็นนั่งตัวตรง วางตำราลงบนเข่า ทั้งจัดเสื้อผ้าเรียบร้อย การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้สื่อว่าคำพูดที่จะกล่าวไม่ใช่การพูดเล่นแล้ว
“ตำรานี้อัศจรรย์อยู่ แต่กลับอคติทุกด้าน ดังคำกล่าวว่าสิ่งใดเราไม่ชอบ อย่าทำกับผู้อื่น หลักการที่คนธรรมดาเข้าใจผู้แต่งมีหรือจะไม่รู้ เรื่องเล่าในตำราซึ่งเกี่ยวข้องกับภูตปีศาจอคติอยู่มาก น่าเสียดายจริงๆ!”
“หืม?”
ชายชราตาวาววาบ เปลี่ยนท่าทางผ่อนคลายจากนั่งพิงผนังหินเป็นยืดหลัง นั่งตัวตรงหันหน้าเข้าหาจี้หยวน
“ท่านกล่าวโดยละเอียดได้หรือไม่”
“ฮ่าๆ ทำไมจะไม่ได้ หรือผู้อาวุโสบังเอิญเป็นผู้แต่งคนนั้น คิดออกหมัดออกเท้ากับข้าน้อยหรือไม่”
คำถามเจืออารมณ์ขันของจี้หยวนทำให้ชายชราเบิกบาน
“แน่นอนว่าไม่ใช่”
“เช่นนั้นข้าน้อยก็วางใจ ขอพูดตามตรงแล้วกัน”
“ฮ่าๆ ท่านเชิญว่ามาเถอะ!”
เห็นชายชราท่าทางร่าเริง จี้หยวนใจชื้นขึ้น สีหน้าพลันจริงจัง
“จริงอยู่ว่าต้นไม้สัตว์เดรัจฉานภูตไพรปีศาจทำร้ายคนมามาก มองด้านเดียวได้แต่เหมารวมหมดไม่ได้ ในตำรากล่าวถึงหนุ่มแซ่หวังช่วยปีศาจแมว ปีศาจแมวแปลงเป็นคนด้วยอยากเป็นภรรยาของหนุ่มแซ่หวัง ภายหลังมีเศรษฐีหลงความงามของนางจนทำร้ายหนุ่มแซ่หวัง สุดท้ายตระกูลหวังบ้านแตกสาแหรกขาด ปีศาจแมวสังหารตระกูลเศรษฐีเพื่อแก้แค้นแทนสามี ทั้งบทความราวพันคำ ถึงแม้สองร้อยคำหลังกล่าวว่าจิตใจมนุษย์ชั่วร้าย แต่คำกล่าวว่าปีศาจทำร้ายคนรุนแรงเกินไป!”
“ข้าคนแซ่จี้ไม่ชื่นชอบนัก!”
ไม่รอให้ชายชรากล่าว จี้หยวนเปิดตำราไปยังหน้าบ่อบึง
“ตรงนี้กล่าวว่าครึ่งอาณาจักรเชียนชิวเคยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผู้แต่งบอกว่าเป็นฟ้าลิขิต ประชาชนเซ่นไหว้สัตว์ขอฝนหลายเดือน มีมังกรเจียวรับของเซ่นไหว้มานาน เรียกลมเรียกฝนทำการพลิกฟ้า สุดท้ายประสบเคราะห์ถึงตัว ผู้แต่งแค่กล่าวว่าปีศาจไม่มีทางเจริญ!”
“หึๆๆ…”
จี้หยวนแค่นหัวเราะเล็กน้อย ไม่ได้พูดความเห็นอะไรออกมาโดยตรง แต่นัยเสียดสีซึ่งแสดงออกมาทางเสียงหัวเราะนั่นกลับเด่นชัดยิ่ง
“ทุกอย่างนี้ล้วนปรากฏในตำราไม่น้อย นอกจากมรรคเซียนแล้วไม่มีหนทางที่ถูกต้องหรือ น่าขันนัก!”
จี้หยวนพูดถึงตรงนี้แล้วไม่คิดกล่าวต่ออีก
“ช่างเถอะๆ ไม่พูดถึงก็แล้วไป รังแต่จะพาให้คนเดือดดาล”
ชายชราเห็นจี้หยวนกวาดมองเนื้อหาคัมภีร์นอกรีตด้วยท่าทางราบเรียบสบายๆ ทั้งฟังวาจาล่วงละเมิดของเขาก่อนหน้านี้ รู้สึกชื่นชมจี้หยวนอย่างบอกไม่ถูกขึ้นมาน้อยๆ
ภายในถ้ำหินกลับสู่ความเงียบสงบชั่วขณะ จี้หยวนอ่านตำราอีกครั้ง ส่วนชายชรานั่งนิ่งพิงหลัง
ผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยชา ความเงียบสงบถูกทำลายอีกครั้ง
“ท่านทราบชื่อผาหินแห่งนี้หรือไม่”
จี้หยวนวางตำราลง กวาดมองโพรงถ้ำแห่งนี้ก่อนตอบตามจิตใต้สำนึก
“คล้ายว่าชื่อ… ผามังกรหมอบ”
“ถูกต้อง!”
ชายชราไม่ได้ลุกขึ้น ยกมือกลางถ้ำหินสูงราวหนึ่งจั้ง ในแววตาแฝงนัยยากอธิบาย
“ท่านทราบความเป็นมาของผามังกรหมอบนี้หรือไม่”
จี้หยวนจะไปรู้ได้อย่างไร ดูลักษณะเหมือนถั่วลันเตา รูปร่างคงไม่ใช่ หรือว่ามีความหมายแฝงอะไร ความคิดของจี้หยวนเริ่มเตลิดแล้ว
แต่ชายชราข้างกายไม่รอให้จี้หยวนนึกอะไรก็กล่าวต่อ
“ประมาณสามร้อยปีก่อน ใต้พื้นดินที่นี่พันหกร้อยฉื่อ มีสระลึกแห่งหนึ่ง ชือเจียว[1]ซุ่มซ่อนอยู่ภายใน”
จี้หยวนใจกระตุกเล็กน้อย มองถ้ำหินแห่งนี้อีกครั้ง
“ปีนั้นเป็นช่วงเก็บเกี่ยว ชือเจียวคิดว่าตนฝึกปราณจนสมบูรณ์แบบ หมายท่องวารีแปลงมังกร!”
แววตาชายชราประสานดวงตาเทาราบเรียบนิ่งสงบของจี้หยวน เขาเว้นช่วงไปก่อนบรรยายต่อ
“ยามมังกรเจียวท่องวารี ท่วมทับแผ่นดินง่ายดาย ชือเจียวฝึกปราณมานานปี ตั้งตาคอยหลายร้อยปีด้วยเฝ้ารอช่วงเวลานั้น… ก่อนช่วงเก็บเกี่ยวปีนั้น ฝนตกกระหน่ำครึ่งเดือนไม่ขาด จังหวัดเต๋อเซิ่งเกิดอุทกภัย ชือเจียวทลายพื้นดินทดน้ำ คลื่นยักษ์ท่วมเขตสามจังหวัด!”
ชายชราพูดถึงตรงนี้แล้วหยุดพักครู่หนึ่ง พิงผนังหินด้านหลังลูบเคราเนิบช้าเงียบไปเนิ่นนาน
“เฮ้อ… ทุกหนแห่งที่เคลื่อนผ่านสิ่งมีชีวิตทุกข์ทรมาน!”
จี้หยวนเหมือนรับรู้ถึงความหนักเบาของคำพูดนี้ จินตนาการถึงภาพน้ำท่วมล้นฟ้าเมื่อสามร้อยปีก่อน
แม้แต่สมัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญรุ่งเรืองอย่างชาติก่อน ทั้งมีเรือกับเครื่องบินทรงพลัง กองทัพประชาชนตอบสนองไว แต่อุทกภัยยังเป็นสัตว์ร้ายน่ากลัว นับประสาอะไรกับที่นี่เมื่อสามร้อยปีก่อน
ชายชราตบผนังหินด้านหลังพลางกล่าวกับจี้หยวน
“ผนังหินที่นี่ถูกดันชั้นดินออกมาเพราะอานุภาพชือเจียวทะลวงหน้าดินเมื่อปีนั้น เดิมเป็นที่นอนริมสระลึกของชือเจียว จบเรื่องปีนั้นจังหวัดเต๋อเซิ่งเล่าลือว่ามังกรเจียวจากไปแล้ว ต่อมานับสิบปีโพรงถ้ำราบเรียบ ความโกลาหลในใต้หล้าสงบลง ส่วนชื่อของผาหินนี้สืบต่อกันมา”
จี้หยวนขมวดคิ้วเงียบไปสักพัก ลังเลอยู่นานสุดท้ายจึงถามประโยคหนึ่ง
“เคยได้ยินว่ารัฐจีมีจวนเซียน นามว่าเขาล้อมหยก ยามมังกรเจียวจากไป มีผู้ฝึกเซียนมาหรือไม่”
ส่วนมาทำอะไร แน่นอนว่ามาช่วยคนหรือห้ามมังกรเจียว ทั้งหากมีความสามารถยังสำแดงวิชาอัศจรรย์ป้องกันอุทกภัยได้ด้วย หรือเคาะกะโหลกดึงสติมังกรเจียวหน่อย ต่อให้สังหารมังกรเจียวโดยตรงก็ยังทำได้ แต่เรื่องพวกนี้จี้หยวนไม่ได้อธิบาย
ไม่รู้ว่าชายชราฟังนัยภายใต้คำพูดของจี้หยวนออกหรือไม่ เขาแค่ทอดถอนใจแล้วกล่าวต่อ
“จำศีลหลายร้อยปี เมื่อได้รับความเป็นอิสระ แค่คิดก็รู้ถึงความตื่นเต้นของชือเจียว นอกจากก่อคลื่นลมแล้วย่อมดึงดูดผู้วิเศษมรรคเซียนมา… พรืด…”
ชายชรากล่าวถึงตรงนี้แต่กลับหลุดหัวเราะออกมา ทำให้จี้หยวนไม่เข้าใจสถานการณ์ยิ่งกว่าเดิมทันที ผู้อาวุโสคนนี้เป็นผู้สูงส่งมรรคเซียนจากไหน หรือเคยมีความเกี่ยวข้องกับชือเจียวนั่นกันแน่
“ผู้วิเศษมรรคเซียนพวกนั้นไม่พูดถึงก็ไม่เห็นเป็นไร หากกล่าวถึงผู้ทำให้ชือเจียวนั่นมีภาพจำฝังลึกที่สุด ย่อมเป็นเทพหลักเมืองจังหวัดตู้หมิง ร่างทองแตกละเอียดโจมตีเดือดดาล เรียกสติชือเจียวจนทำให้มันเห็นบาปยามระดับน้ำขึ้นสูง…”
น้ำเสียงชายชราชะงักเล็กน้อยค่อยกล่าวต่อ
“ความลำบากของการฝึกปราณ ความยากแห่งมหามรรค ต่อสู้กับความไม่เห็นจุดหมายด้วยชีวิตตน น่าเศร้าและน่านับถือเพียงใด!”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ จี้หยวนพอคาดเดาฐานะของชายชราคนนี้ออก แต่ไม่รู้ว่าใช่ตัวต้นเรื่องหรือไม่
“เรียนถามผู้อาวุโส ชือเจียวตัวนี้แปลงมังกรสำเร็จหรือไม่ สามร้อยปีต่อมาทำตัวอย่างไร”
“แน่นอนว่าสำเร็จ ตามกระแสลงสู่แม่น้ำ เจียวท่องมหาสมุทร ร้อยปีต่อมาแปลงมังกรสำเร็จ!”
เมื่อกล่าวถึงประโยคสุดท้าย น้ำเสียงชายชราเปี่ยมพลัง จากนั้นค่อยผ่อนคลายลง
“ตั้งแต่แปลงมังกรสำเร็จ สองร้อยปีมานี้ควบคุมเมฆฝนเพื่อรัฐจี สองร้อยปีอุดมฝนไม่แห้งแล้ง ทั้งมีเผ่าวารีคุมแม่น้ำ…”
ชายชราพูดถึงตรงนี้แล้วหันกลับมามองจี้หยวน
“ท่านคิดว่าสิ่งที่มังกรตัวนี้ทำเป็นอย่างไร เป็นอย่างที่คัมภีร์นอกรีตเล่มนี้กล่าวหรือไม่”
แม้แต่สภาวะจิตของจี้หยวนตอนนี้ยังใจสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้ คราวนี้เจอบุคคลร้ายกาจเข้าจริงแล้ว เชื่อมโยงกับคำพูดก่อนหน้า เขาเกือบแน่ใจได้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่มังกรก็เป็นเจียว!
[1] ชือเจียว หมายถึง มังกรเกล็ดไร้เขา