เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 128 ทำตามได้อย่างสมบูรณ์แบบ
บทที่ 128 ทำตามได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เช้าวันต่อมา หน้าประตูมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง
“ยินดีด้วยนะครับอาจารย์หลี่”
ซูเย่แสดงความยินดีกับหลี่เคอหมิง “จากนี้ไป ผมคงต้องเรียกคุณว่าท่านคณบดีหลี่แล้วสินะ”
“แสดงความยินดีอะไรกัน?”
หลี่เคอหมิงทำท่าโบกไม้โบกมือปฏิเสธ แต่แล้วกลับพูดว่า “ถูกต้อง ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนใหญ่คนโตไปแล้วล่ะ!”
เมื่อเห็นสีหน้างงงวยของซูเย่ ผู้เป็นอาจารย์ก็ต้องรีบอธิบายทันที
“ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากเข้ารับตำแหน่งนี้หรอกนะ แต่ทางมหาวิทยาลัยกำลังมีปัญหา ถึงมันอาจจะดูเหมือนฉันได้เลื่อนตำแหน่งก็จริง แต่นี่ไม่ใช่งานง่าย ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นคณะอาจารย์หรือเหล่านักศึกษาต่างก็มาฝากความหวังไว้ที่ฉันเพียงคนเดียวแล้ว”
ซูเย่ได้ยินดังนั้นก็พอจะเข้าใจบางอย่างมากขึ้น
ตำแหน่งคณบดีในขณะนี้เป็นเหมือนกับเผือกร้อน ไม่ว่าใครเข้ามารับตำแหน่งทำดีก็คือเสมอตัว แต่ถ้าทำงานได้ไม่สมกับความคาดหวังของผู้คนก็มีแต่เสียกับเสียเท่านั้น
“ช่วงนี้ฉันคงแวะไปที่โรงพยาบาลไม่ได้ เพราะมีงานอีกหลายอย่างต้องจัดการ”
หลี่เคอหมิงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและพูดต่อ “วันนี้ฉันจะพาเธอไปที่คลินิกฝังเข็มของเพื่อนฉันเอง ฉันจะสาธิตวิธีฝังเข็มชนิดต่าง ๆ ให้เธอได้ดู เพราะมันอาจจะอยู่ในข้อสอบการแข่งขันชิงทุนก็ได้ หลังจากเข้าเรียนในวันนี้แล้ว เธอก็จะมีพื้นฐานที่แน่นหนามากพอ ๆ กับอาจารย์ด้านการฝังเข็มคนหนึ่งเชียวล่ะ…”
“ผมจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังครับ”
ซูเย่พยักหน้า
แล้วรถแท็กซี่ก็นำพวกเขาออกจากเขตมหาวิทยาลัย
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็มาอยู่ในถนนที่ล้อมรอบด้วยเขตชุมชนแห่งหนึ่ง
หลังลงจากรถแล้ว ซูเย่ก็เดินตามหลี่เคอหมิงไปที่คลินิกแพทย์แผนจีนแห่งหนึ่ง
เมื่อเงยหน้ามองป้ายชื่อที่แขวนอยู่ด้านบน
“คลินิกแพทย์แผนจีนกงอี้?”
“ใช่แล้ว นี่เป็นคลินิกของจางกงอี้ เธอก็เคยเจอกับเขามาแล้ว ตอนที่สอบใบอนุญาตสมาคมแพทย์แผนจีน”
หลี่เคอหมิงว่า
เสียงพูดเพิ่งจะจบลงเท่านั้น
“อะไรกัน เพิ่งมาถึงก็นินทากันแล้วเหรอ?”
เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
อาจารย์และลูกศิษย์รีบหันกลับไปมองพร้อมกัน
จางกงอี้เดินเข้ามายิ้มแย้มทักทายหลี่เคอหมิงด้วยความเป็นมิตร
“สวัสดีอาจารย์จาง”
หลี่เคอหมิงยิ้มกว้าง มองลูกศิษย์ของตนเองทีหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองจางกงอี้ “พวกเราคงไม่ต้องแนะนำตัวกันแล้วสินะ”
“สวัสดีครับ อาจารย์จาง”
ซูเย่ค้อมศีรษะทำความเคารพ
“สวัสดี สวัสดี”
จางกงอี้พยักหน้ายิ้มแย้ม แต่เมื่อหันไปมองหน้าหลี่เคอหมิง ก็รีบทำหน้าบึ้งตึงทันที
“ได้ข่าวว่าเด็กคนนี้จะได้เป็นลูกศิษย์คนใหม่ของท่านปรมาจารย์แล้วนี่นา เก่งเหลือเกินนะ ฝึกลูกศิษย์จนกลายเป็นศิษย์น้องของตัวเองได้เนี่ย บอกตรง ๆ เลยว่าผมอิจฉาในความสามารถของคุณชะมัด”
“จะมาอิจฉาอะไรกัน? ผมโชคดีมากกว่าที่ได้ลูกศิษย์เก่งแบบนี้”
หลี่เคอหมิงยิ้มตอบกลับไปด้วยความภูมิใจ
“หึหึ”
จางกงอี้หัวเราะในลำคอเล็กน้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าซูเย่ถูกคาดหมายว่าจะได้เป็นลูกศิษย์คนใหม่ของท่านปรมาจารย์ฮั่วแล้วล่ะก็ จางกงอี้ไม่มีทางให้หลี่เคอหมิงมายืมคลินิกง่าย ๆ แบบนี้หรอก!
“ถอยไปหน่อยสิ ฉันจะเปิดประตู”
จางกงอี้หยิบกุญแจออกมาไขประตูเปิดเข้าสู่คลินิกแพทย์แผนจีนที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าซูเย่
พื้นที่ด้านในเป็นห้องตรวจโรคซึ่งมีม่านกั้นแบ่งเขตบริเวณต่าง ๆ และหลังผ้าม่านเหล่านั้น ซูเย่ชำเลืองมองผ่าน ๆ ก็เห็นเตียงสำหรับการรักษาคนไข้ตั้งอยู่จำนวนไม่น้อย
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังกวาดสายตาสำรวจมองรอบตัวอยู่นั้นเอง
จางกงอี้ก็ดึงหลี่เคอหมิงไปที่โต๊ะน้ำชา
“ยินดีด้วยนะ” เมื่อนั่งลงที่โต๊ะน้ำชาแล้ว จางกงอี้ก็ชำเลืองมองมาที่หลี่เคอหมิงและแสดงความยินดีอย่างจอมปลอม “คุณเนี่ยโชคดีเป็นบ้า อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ขึ้นเป็นคณบดีซะงั้น”
“แล้วคุณคิดว่าผมอยากได้ตำแหน่งนี้หรือไง?”
หลี่เคอหมิงยิ้มตอบกลับไปด้วยความขมขื่น “คุณก็น่าจะรู้ดีนะว่าผมถูกเลือกเพราะอะไร ที่ผู้บริหารเลือกผม เพราะหนึ่งผมมีภาพลักษณ์ดี ผมมีฝีมือในการรักษาคนไข้ไม่เป็นสองรองใคร และผมมีความจริงใจ มุ่งมั่นทำงานโดยไม่มีหน้าฉากหลังฉากกับใครทั้งนั้น”
จางกงอี้ยิ้มมุมปากเล็กน้อย คล้ายกับจะเหยียดหยามอยู่ในที
“อีกอย่าง ผมมีสถานะเป็นลูกศิษย์คนเดียวของปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีน ทางผู้บริหารของมหาวิทยาลัยอยากจะใช้ชื่อเสียงของอาจารย์ผมลดแรงกดดันจากกระทรวงศึกษาและกระทรวงสาธารณสุข พวกเขาจะได้ไม่ถอดมหาวิทยาลัยของเราออกจากการแข่งขันชิงทุนที่ใกล้จะมาถึง”
จางกงอี้รินน้ำชาใส่แก้วให้หลี่เคอหมิงและพูดด้วยน้ำเสียงของผู้ที่เข้าใจเป็นอย่างดี “ผมได้ยินข่าวฉาวเรื่องมหาวิทยาลัยของคุณแล้ว มาเกิดเรื่องแบบนี้ก่อนการแข่งชิงทุนพอดี ถือว่างานช้างเลยนะ คุณเองก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน อาจจะมีใครอยากแทงข้างหลังอยู่ก็ได้”
“ขอบคุณที่เป็นห่วง”
หลี่เคอหมิงลดเสียงพูดให้แผ่วเบาลง “แต่พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนี้จำเป็นต้องมีใครสักคนลุกขึ้นมากอบกู้ศรัทธาของมหาวิทยาลัยให้ได้ ผมก็เลยต้องกัดฟันทนเข้ามารับงานนี้นี่แหละ”
พูดจบแล้ว
หลี่เคอหมิงก็หันไปมองลูกศิษย์ของตนเองที่ยังคงเดินสำรวจอยู่ในห้องโถงใหญ่ของคลินิก “สำหรับการแข่งชิงทุนครั้งนี้ ผมก็ได้แต่หวังว่าเขาคงไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง”
“คุณคาดหวังในตัวเด็กเกินไปหรือเปล่า”
จางกงอี้ยิ้มฝืดพร้อมกับส่ายศีรษะ “เขาเพิ่งมาเรียนจริงจังได้เท่าไหร่เอง อย่าลืมว่าคู่แข่งแต่ละคนเป็นนักศึกษาแพทย์แผนจีนโดยตรงทั้งนั้น ส่วนใหญ่เรียนมาแล้วหลายปี บางคนเรียนมาห้าปีแล้วด้วยซ้ำ พวกเขาต้องเก่งกว่าลูกศิษย์ของคุณอยู่แล้ว ผมว่าแทนที่คุณจะมาฝากความหวังไว้ที่เด็กคนนี้ ไปฝากความหวังไว้ที่เด็กปีห้าไม่ดีกว่าเหรอ”
“ถ้าเขาไม่เก่งอย่างที่คุณว่า ก็คงไม่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะหรอก”
หลี่เคอหมิงจิบน้ำชาพลางพูดออกมาเสียงราบเรียบ
จางกงอี้พูดอะไรไม่ออก
ให้ตายสิ!
ไม่น่าเลยเป็นห่วงหมอนี่เลย
คนอุตส่าห์พูดจาด้วยดี ๆ กลับมาพูดถากถางใส่กันเสียได้
ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันให้นายยืมคลินิกใช้สอนลูกศิษย์อยู่นะ!
ถึงตนเองจะยืนอยู่ห่างออกมาพอสมควร แต่ซูเย่ก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างชายวัยกลางคนทั้งสองคนอย่างชัดเจน
ระหว่างที่รับฟังบทสนทนาเหล่านี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของซูเย่
“ที่นี่จะเปิดรับคนไข้ตอนแปดโมงเช้า อีกไม่เกินสิบนาทีเดี๋ยวพวกเขาก็มาแล้วล่ะ พวกเราเตรียมตัวกันเถอะ”
หลังจากดื่มน้ำชาหมดถ้วยแล้ว จางกงอี้ก็เอ่ยขึ้นมา
“เยี่ยมเลย”
หลี่เคอหมิงหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณเรียกซูเย่ “มานี่สิ เดี๋ยวฉันจะอธิบายวิธีการฝังเข็มให้เธอฟังอย่างละเอียด”
“ได้เลยครับ”
ซูเย่พยักหน้ารับทราบและเดินเข้ามาหา
“ยังไม่ได้สอนกันอีกเหรอ?”
จางกงอี้มองหน้าหลี่เคอหมิงด้วยความไม่อยากเชื่อ “ผมนึกว่าคุณสอนมาเรียบร้อยแล้วซะอีก ที่พามาที่นี่ก็เพราะอยากให้เด็กได้ลองฝังเข็มคนไข้ดูจริง ๆ”
“ก็พามาให้ลองนั่นแหละครับ”
หลี่เคอหมิงยิ้มตอบกลับไปก่อนเริ่มอธิบาย
“การฝังเข็มนั้นจะแบ่งออกได้เป็นสองรูปแบบ”
“รูปแบบแรกคือการฝังเข็มเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของพลังลมปราณในร่างกาย นี่คือการฝังเข็มแบบแพทย์แผนจีนโบราณดั้งเดิม ส่วนการฝังเข็มในรูปแบบที่สองนั้น จะเป็นการฝังเข็มเพื่อคลายจุดและลดความปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อที่คิดค้นขึ้นจากฝั่งยุโรป และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเรา”
“วิธีการฝังเข็มแบบแพทย์แผนจีนโบราณนั้น โดยทั่วไปแล้วจะถูกแบ่งแยกออกเป็น 17 วิธีการ โดยแต่ละวิธีนั้นก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป อย่างเช่น การฝังเข็มแบบมังกรสะบัดหาง การฝังเข็มแบบพยัคฆ์สะบัดหัว การฝังเข็มแบบทะลวงอุโมงค์เต่า การฝังเข็มแบบวิหคเพลิงหวนคืน การฝังเข็มแบบระเบิดภูผา การฝังเข็มแบบเบิกฟ้า การฝังเข็มแบบซ่อนหยินในหยาง การฝังเข็มแบบซ่อนหยางในหยิน และการฝังเข็มแบบตากแดดโม่แป้ง เป็นต้น…”