เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 173 ตัวจริงของเทพ X คือใครกันแน่?
บทที่ 173 ตัวจริงของเทพ X คือใครกันแน่?
…
มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง
ในห้องเก็บของบนชั้นดาดฟ้าของหอพักชาย
ซูเย่ถอดหมวก VR ออกและยิ้มด้วยความพอใจ
“ทีนี้ดูซิว่าจะทำยังไงต่อ!”
พูดจบ เขาก็หันไปมองหญ้าเฉาก๊วยที่วางอยู่ข้างกาย
หลังจากใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย ชายหนุ่มก็หยิบพวกมันมารับประทานโดยไม่ลังเล
ฉับพลันนั้น หญ้าวิเศษที่ละลายในปากก็แปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณไหลเวียนลงไปสู่ช่องท้อง
ก่อนที่พลังจะตีย้อนขึ้นมายังหน้าอก เตรียมแยกย้ายไปตามทวารทั้งเก้า
“หยุดก่อน!”
ซูเย่รีบหยุดยั้งกระแสพลังเหล่านั้นทันที
นี่ก็ผ่านมาได้หลายวันแล้วนับจากเขาเลื่อนระดับขึ้นมาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สองได้สำเร็จ พลังลมปราณในร่างกายของซูเย่คงที่ ไม่มีเหตุจำเป็นให้เขาต้องดูดซับพลังเพิ่มเติมในขณะนี้
เขาจำเป็นต้องเก็บพลังส่วนเกินเหล่านี้เอาไว้ก่อน รอให้เปิดทวารทั้งเก้าได้สำเร็จเมื่อไหร่ ค่อยใช้พวกมันเปิดเส้นลมปราณพิเศษอีกสามจุดนั้นทีหลัง!
นี่คือประสบการณ์ที่ซูเย่ได้เรียนรู้มาจากการเปิดจุดลมปราณพิเศษ 355 จุดเหล่านั้น
มิฉะนั้น หากเขาเปิดทวารทั้งเก้าได้สำเร็จ แต่กลับไม่หลงเหลือพลังไปเปิดเส้นลมปราณพิเศษอีกสามตำแหน่งนั้น เส้นลมปราณพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาก็จะปิดตายไปตลอดกาลอย่างเปล่าประโยชน์
หลังจากจัดเก็บพลังส่วนเกินให้คงอยู่ในร่างกายเรียบร้อย
ซูเย่ก็มั่นใจว่าพลังเหล่านี้จะต้องช่วยให้เขาเปิดเส้นลมปราณพิเศษทั้งสามจุดนั้นได้สำเร็จแน่นอน
“แต่ตอนนี้ค่อยเป็นค่อยไปก่อนดีกว่า”
ซูเย่ลุกขึ้นยืนและเดินกลับลงไปในห้องพักของตนเอง ก่อนจะเข้าสู่ระบบเกมด้วยหมวก VR ของตนเองอีกครั้ง
…
หลายวันต่อมา
เวลา 22:00 น. ตรงของทุกค่ำคืน ซูเย่จะออนไลน์เข้าสู่โลกแห่งเกมพร้อมกับเทพ X เสมอ
สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้แก่หวังห่าวเป็นอย่างยิ่ง
ตัวจริงของเทพ X คือใครกันแน่?
ถ้าเป็นเด็กที่ซ่อนตัวอยู่ในมหาวิทยาลัย แล้วเด็กคนนั้นจะเป็นใคร? ก็ในเมื่อพวกเขาสืบสวนกันมาหมดแล้ว!
บางครั้งผู้กองหนุ่มก็อยากจะบุกไปที่ห้องพักของซูเย่เพื่อดูให้เห็นด้วยตาของตนเองให้รู้แล้วรู้รอดไป
…
เช้าวันศุกร์
บรรยากาศในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางวันนี้แตกต่างไปจากทุกวัน
เพราะวันนี้ คือวันประกาศกติกาการเข้าสอบชิงตำแหน่งลูกศิษย์พิเศษประจำมหาวิทยาลัย
ส่วนการสอบรอบแรกจะเริ่มในวันพรุ่งนี้
แม้แต่ซูชือกับจินฟานที่หมกมุ่นกับการฝึกซ้อมต่อสู้อยู่ในสังเวียนผู้กล้า ก็ยังอยากลองเข้าสอบเพื่อเสี่ยงดวงของตนเองดูบ้างเช่นกัน
นักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางต่างก็เฝ้ารอด้วยความตื่นเต้น
ทุกคนล้วนอยากมีอนาคตที่สวยงาม!
ถึงไม่ได้กลายเป็นลูกศิษย์ของแพทย์แผนจีนชื่อดังระดับประเทศ แต่ขอแค่ให้ผ่านรอบคัดเลือก 100 คนสุดท้ายได้ นั่นก็ถือเป็นการประสบความสำเร็จครั้งใหญ่แล้ว!
“วันพรุ่งนี้จะเริ่มการสอบรอบแรกกันแล้ว ไม่รู้เลยนะว่าปีนี้มีคนลงทะเบียนเท่าไหร่ ฉันแทบอดใจรอดูกติกาการสอบไม่ไหวแล้วเนี่ย!”
“ได้ยินมาว่าปีนี้มีคนลงทะเบียนเยอะมากเลยว่ะ น่าจะแทบทุกคนในมหาลัยเลยก็ได้มั้ง ฉันเองก็อยากสอบติดร้อยคนแรกให้ได้เหมือนกัน จะได้เรียนรู้อะไรดี ๆ จากพวกอาจารย์เก่ง ๆ กับเขาบ้าง”
“ฉันก็เหมือนกัน!”
“การสอบครั้งนี้ เราไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชนะหรอก ขอแค่อยู่ให้ถึงรอบ 100 คนสุดท้ายก็พอแล้ว ถ้าอยู่รอดไปจนถึงตอนนั้นได้ การเรียนต่ออีกหลายปีก็ไม่ต้องเป็นห่วง แม้แต่อนาคตในวงการแพทย์แผนจีนของพวกเราก็จะต้องสดใสแน่นอน!”
ในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง ไม่ว่าจะเป็นในสวนหย่อม ในห้องเรียน ในโรงอาหาร หรือแม้แต่ในหอพัก ไม่ว่าเดินไปทางไหน ก็จะได้ยินแต่เสียงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการสอบชิงตำแหน่งศิษย์พิเศษครั้งนี้ทั้งสิ้น
ไม่เพียงแต่เด็กในคณะแพทย์แผนจีนเท่านั้นที่ตื่นเต้น แม้แต่เด็กจากคณะอื่น ๆ อย่างเช่น คณะเศรษฐศาสตร์และการบริหาร ไปจนถึงคณะภาษาต่างประเทศ ต่างก็พูดถึงการสอบครั้งนี้เช่นกัน ถึงพวกเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย แต่มันก็เป็นกิจกรรมน่าตื่นเต้นที่เหมาะสมต่อการเกาะติดสถานการณ์เป็นอย่างยิ่ง
ณ เวลา 10:00 น. ตอนที่เด็กทั้งมหาวิทยาลัยกำลังพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น
ทางมหาวิทยาลัยก็ออกกฎระเบียบสำหรับการสอบรอบแรกในวันพรุ่งนี้
“กฎระเบียบสำหรับการสอบรอบแรก”
“การสอบรอบแรก : การสอบข้อเขียน”
“การสอบจะเริ่มขึ้นเวลา 08:00 น. ตรงเช้าวันพรุ่งนี้ ทางมหาลัยจะคัดเลือกผู้เข้าสอบจาก 50,000 คนให้เหลือ 1,000 คน”
เมื่อเห็นข้อความในใบประกาศออนไลน์
ทุกคนที่เตรียมตัวเข้าสอบต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
“เหยดดด มีคนเข้าสอบ 50,000 คนเลยเหรอ? ทำไมเยอะจังเลยวะ? ไอ้เราก็นึกว่ามากสุดแค่สองสามพันคนซะอีก!”
“ให้ตายเถอะ แบบนี้ฉันยังจะมีโอกาสอยู่อีกไหมเนี่ย? คู่แข่งเยอะเกินไปแล้ว สมัครห้าหมื่นคนคัดรอบแรกเหลือแค่พันคน เท่ากับมีความเป็นไปได้อยู่ที่ 50 ต่อหนึ่งเลยนะ”
กลุ่มคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเริ่มท้อถอยและถอดใจกันเสียแล้ว
ส่วนคนที่มั่นใจในตัวเองก็ยังมั่นใจต่อไป
“การสอบรอบสอง : การสอบสัมภาษณ์”
“เราจะคัดผู้เข้าสอบจาก 1,000 คนให้เหลือ 100 คนสุดท้าย”
“กติกาคือผู้เข้าสอบจะต้องตอบคำถามจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษจำนวน 30 คน หลังจากคัดจนเหลือ 100 คนสุดท้ายแล้ว ทุกคนจะได้ตำแหน่งลูกศิษย์พิเศษจากทางมหาวิทยาลัยโดยทันที”
“รอบต่อไปจะเป็นการคัดเลือกจาก 100 คนให้เหลือ 10 คน และต่อจาก 10 คน ก็จะเป็นการสอบให้เหลือสามคน เพื่อเข้าไปแย่งชิงความเป็นที่หนึ่งในรอบสุดท้าย”
เมื่อเห็นใบประกาศในส่วนที่สอง ทุกคนก็เริ่มเข้าใจทันที
การสอบสัมภาษณ์โดยอาจารย์พิเศษ 30 คน ก็คือการสัมภาษณ์ว่าที่ลูกศิษย์ในอนาคตไปในตัวเลยไม่ใช่หรือ?
“พวกเราต้องสัมภาษณ์ตัวต่อตัวเลยหรือเปล่านะ? น่ากลัวชะมัด”
“เรื่องนั้นอย่าเพิ่งห่วงเลยเหอะ พวกเราจะรอดถึงรอบ 1,000 คนสุดท้ายหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”
“ฉันว่าอาจารย์พิเศษทั้ง 30 คนนั้นต้องมาตรฐานสูงแหง ๆ พวกเขาคงไม่เห็นใครอยู่ในสายตาง่าย ๆ หรอก เพราะแบบนี้ไงฉันถึงสนับสนุนให้ลูกศิษย์มีสิทธิ์ในการเลือกอาจารย์ของตัวเอง!”
“แต่นายต้องไม่ลืมนะว่าก่อนหน้านี้มหาลัยของเราเป็นข่าวฉาวโฉ่ขนาดนั้น การสอบรอบนี้จะทำอะไรที พวกอาจารย์เขาก็คงต้องคิดหน้าคิดหลังหลายรอบแหละ”
“แต่ให้อาจารย์เป็นฝ่ายเลือกลูกศิษย์แบบนี้ มันก็ยังมีช่องให้โกงได้อยู่นะ ไหนว่าเป็นลูกศิษย์พิเศษแล้วจะเลือกอาจารย์เองได้ไงล่ะ”
“เออ แต่ใครจะได้ตำแหน่งลูกศิษย์พิเศษก็ได้ไปเหอะ ฉันไม่สนใจหรอก ขอแค่อย่าเป็นเด็กคณะอื่นแหลมเข้ามาก็พอ”
“นายกำลังพูดถึงซูเย่อยู่ใช่ไหม?”
“ครั้งนี้เขาจะเข้าสอบด้วยหรือเปล่านะ? พวกเราจะได้รู้ไงว่าหมอนั่นเป็นของจริงหรือว่าแค่ของปลอมทำเหมือนกันแน่!”
“แต่กฎระเบียบการสอบไม่เอื้อกับเด็กนอกคณะแพทย์แผนจีนเลยนะเว้ย”
…
หลังจากอ่านกติกาการสอบอยู่ในหอพักของตนเองจบแล้ว ซูชือก็ยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น “เห็นชัด ๆ เลยว่าอาจารย์พวกนี้ไม่อยากรับเด็กนอกคณะแพทย์แผนจีนเป็นลูกศิษย์ว่ะ”
“นายยังจะต้องแปลกใจอีกเหรอ?”
จินฟานพยายามฝืนยิ้ม “จะมีอาจารย์คนไหนอยากรับเด็กนอกคณะตัวเองบ้างล่ะ อย่าว่าแต่เป็นคณะแพทย์แผนจีนเลย ต่อให้เป็นคณะอื่นก็ไม่มีใครเขาทำกันหรอก!”
“เฮ้อ…”
ซูชือถอนหายใจ
“เซ็งโว้ย!”
เมื่อได้ยินเสียงโอดครวญจากเพื่อนทั้งสองคน ซูเย่ก็พยายามยิ้มและพูดปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรน่า ฉันมีวิธีที่จะทำให้พวกนายได้เป็นลูกศิษย์ของยอดปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีน”
เป็นลูกศิษย์ของยอดปรมาจารย์แพทย์แผนจีนอย่างนั้นหรือ?
ซูเย่รู้ตัวหรือเปล่าว่าเพิ่งพูดอะไรออกมา?
เมื่อซูชือกับจินฟานได้ยินดังนั้น ดวงตาของพวกเขาก็เบิกโต รีบถามประสานเสียงด้วยความประหลาดใจว่า “วิธีไหนวะ?”