เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 181 ยอมรับตามตรงว่าสู้ไม่ได้
บทที่ 181 ยอมรับตามตรงว่าสู้ไม่ได้
จินฟานส่ายหน้าด้วยความท้อใจ “ให้แข่งกับหลีซินเอ้อยังพอจะมีหวังมากกว่าซะอีก แต่นี่อีกฝ่ายคือลู่จวิ้นเชียวนะ ทำไมตอนที่พวกเธอขอสลับกลุ่มกัน นายไม่ประท้วงบ้างวะ?”
“ทำไมต้องประท้วงล่ะ?”
ซูเย่ยิ้มตอบกลับไป “ก็ในเมื่อฉันเชื่อมั่นในตัวเองอยู่แล้ว”
“เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ”
ซูชือยกนิ้วโป้งชื่นชมซูเย่และพูดว่า “คนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงอย่างนาย ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้อยู่แล้ว ยังไงนายก็เป็นเพื่อนเรา พวกเราจะเอาใจช่วยนายเต็มที่ ยังไงก็สู้ ๆ นะเว้ย!”
จินฟานหันกลับไปมองหน้าซูชือด้วยความพิศวง “เดี๋ยวนี้เอ็งมาสายอวยเพื่อนแบบไม่ลืมหูลืมตาแล้วเหรอ?”
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ”
ซูชือตอบหน้าตาเฉย
จินฟานพูดอะไรไม่ออก
ในห้องพักของพวกเขาตกอยู่ในความเงียบ
จินฟานถึงได้มีเวลานั่งคิดกับตัวเองว่าเขาควรหาวิธีประจบเอาใจคนอื่นบ้างแล้วสิ
…
เวลา 20:00 น.
ในที่สุด ผลการสอบของนักศึกษาทั้ง 1,000 คนก็ถูกประกาศออกมา!
มีการประกาศทั้งในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยและประกาศในบอร์ดข้อความรวมมิตรมหาลัยพร้อม ๆ กัน
“ผลสอบออกแล้ว”
เมื่อเห็นโผรายชื่อผู้เข้ารอบต่อไป จินฟานก็ร้องตะโกนขึ้นมาและรีบไล่สายตาตรวจดูทันที
“เสี่ยวเย่อยู่ตรงไหนวะ?”
ซูชือพยายามเพ่งสายตามองหาด้วยความร้อนรน
“ตรงนี้ อยู่ตรงนี้” ทันใดนั้น จินฟานส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น “ผู้เข้ารอบหนึ่งเดียวจากกลุ่มที่ 31 ซูเย่! เสี่ยวเย่นายทำได้แล้วเพื่อน! แม้แต่ลู่จวิ้นก็ยังทำอะไรนายไม่ได้!”
ซูชือรีบเลื่อนไปดูรายชื่อของกลุ่มที่ 31 โดยเร็ว
และเขาก็พบว่าซูเย่เป็นหนึ่งเดียวของกลุ่มที่ผ่านเข้ารอบจริง ๆ
“แม่เจ้าโว้ย!”
ซูชือกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจสุดขีด และหันกลับมาเกาะไหล่ซูเย่ พูดด้วยความตื่นเต้น “ไม่อยากจะเชื่อ! ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่ายังไงนายก็ตกรอบแน่ ๆ ใครจะไปนึกวะว่านายจะผ่านเข้ารอบได้จริง”
เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองคนกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ
ซูเย่ก็ทำได้เพียงส่ายหน้าและหัวเราะในลำคอเท่านั้น
…
ในเวลาเดียวกันนี้
ทุกคนก็ได้รับทราบแล้วว่าผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 100 คนสุดท้ายมีใครบ้าง
รายชื่อผู้เข้ารอบจาก 30 กลุ่มแรกไม่มีสิ่งใดนอกเหนือความคาดหมาย
แต่เมื่อได้เห็นผู้เข้ารอบจากกลุ่มที่ 31 เท่านั้น
ทุกคนก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
ดวงตาจ้องมองหน้าจอด้วยความไม่อยากเชื่อ
นี่พวกเขาตาฝาดไปหรือเปล่า?
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางตกอยู่ในความตะลึงงันกันอย่างถ้วนหน้า
สุดยอดนักศึกษาอัจฉริยะประจำคณะแพทย์แผนจีน ผู้ที่เป็นแพทย์ฝึกหัดอนาคตไกลระดับประเทศ กลับต้องมาตกรอบเสียแล้วหรือ?
ส่วนคนที่ได้ผ่านเข้ารอบต่อไปกลับเป็นเด็กปีหนึ่งจากคณะวิจัยสมุนไพร ซูเย่?
มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ทันใดนั้น บอร์ดข้อความของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางก็เกิดความปั่นป่วนโกลาหลขึ้นมาทันที
“ฉันไม่เชื่อ! ยังไง ๆ ฉันก็ไม่เชื่อ!”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง? รุ่นพี่ลู่จวิ้นตกรอบเนี่ยนะ? รุ่นพี่จะแพ้ให้กับซูเย่ได้ไงวะ?”
“ซูเย่อีกแล้วเหรอ? ทำไมไอ้หมอนี่มันถึงสร้างเรื่องวุ่นวายตลอด รุ่นพี่ลู่จวิ้นเก่งกว่ามันไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า มันมีดีอะไรมาผ่านเข้ารอบไปได้ฮะ?”
“โกงว่ะ มันโกงข้อสอบแน่ ๆ ”
“เรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในแน่นอน! พวกเราต้องไม่ลืมนะว่าซูเย่มันเป็นใคร หมอนี่ไม่ใช่เด็กจากคณะแพทย์แผนจีน มันต้องตกรอบสิ แล้วทำไมหลีซินเอ้อถึงขอเปลี่ยนกลุ่มไม่ยอมสอบด้วย? ใคร ๆ ก็รู้ว่ารุ่นพี่ลู่จวิ้นมีความสามารถขนาดไหน อาจารย์ทุกคนยังบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารุ่นพี่ลู่จวิ้นจะต้องเป็นแพทย์แผนจีนอนาคตไกลแน่นอน แล้วรุ่นพี่จะมาตกรอบง่าย ๆ อย่างนี้ได้ไง? รุ่นพี่จะมาแพ้ซูเย่ได้ไง? เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!”
กลุ่มเด็กจากคณะแพทย์แผนจีนต่างก็ตั้งข้อสงสัยไม่ยอมรับความจริง
เพราะลึก ๆ ในหัวใจ ทุกคนรู้สึกว่าลู่จวิ้นเป็นหนึ่งในตัวแทนผู้แข็งแกร่งที่สุดของคณะแพทย์แผนจีน
หากจะต้องพ่ายแพ้ใครสักคน ขอให้แพ้ต่อรุ่นพี่ในคณะแพทย์แผนจีนด้วยกันดีกว่า!
เป็นไปไม่ได้ที่ลู่จวิ้นจะแพ้ให้กับซูเย่
เพราะฉะนั้น เรื่องนี้จึงมีความไม่ชอบมาพากลเป็นอย่างยิ่ง!
“เล่นสกปรก ซูเย่มันต้องเล่นสกปรกแน่นอน!”
หลายคนเริ่มแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือด
พวกเขามั่นใจว่าซูเย่จะต้องใช้วิธีการบางอย่างผ่านเข้ารอบต่อไปอย่างหน้าไม่อาย
เมื่อดูจากประสบการณ์ทางด้านการศึกษาและการรักษาคนไข้ในโรงพยาบาล ก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ซูเย่จะสามารถเอาชนะลู่จวิ้น
พูดถึงเรื่องความสามารถและความเป็นอัจฉริยะแล้วนั้น
ในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง ลู่จวิ้นไม่เคยเป็นสองรองใคร!
แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ซูเย่ซึ่งเพิ่งจะมาศึกษาด้านแพทย์แผนจีนอย่างจริงจังได้เพียงสองเดือน กลับสามารถเขี่ยเธอตกรอบได้สำเร็จ!
ด้วยเหตุนี้ ผลการสอบที่ออกมาจึงไม่เป็นที่ยอมรับต่อสาธารณชน!
“ในห้องสอบมีกล้องวงจรปิดไหม?”
“เราอยากดูวิดีโอการสอบของรุ่นพี่ลู่จวิ้นกับซูเย่ เทียบกันให้รู้ไปเลยว่าเขาไม่ได้โกงจริง ๆ ”
“พวกเราไม่เชื่อว่ารุ่นพี่ลู่จวิ้นจะแพ้ พวกเราต้องการคำตอบ!”
“ฉันมั่นใจว่าเรื่องที่ซูเย่ผ่านเข้ารอบในครั้งนี้ คณบดีหลี่เคอหมิงจะต้องมีเอี่ยวด้วยแน่นอน!”
“ใช่ ๆ ๆ เราต้องการความจริง!!”
…
ณ หอพักนักศึกษาหญิง
“ผู้เข้ารอบจากกลุ่ม 31 มีแค่ซูเย่คนเดียวงั้นเหรอ?”
ลู่จวิ้นจ้องมองรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบบนหน้าจอโทรศัพท์ด้วยสีหน้าโกรธแค้น
นี่เธอตกรอบอย่างนั้นหรือ?
ฉับพลันนั้น
ลู่จวิ้นผู้เคยมั่นใจในความสามารถของตนเองมาตลอด กลับเริ่มสงสัยในความสามารถของตนเองขึ้นมาบ้างแล้ว
นี่ฉันแพ้เด็กจากคณะอื่นได้ยังไง?
ลู่จวิ้นได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
“รุ่นพี่ลู่จวิ้นครับ ผมได้ยินมาว่าซูเย่เป็นลูกศิษย์ของคณบดีหลี่เคอหมิง”
“ต่อให้เขาเป็นลูกศิษย์ของคณบดีหลี่เคอหมิงจริง แต่หมอนั่นเพิ่งเป็นเด็กใหม่ แถมยังเรียนอยู่คณะอื่น ใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือนจะมาเอาชนะรุ่นพี่ลู่จวิ้นของพวกเราได้ไง?”
ความคิดเห็นในบอร์ดข้อความล้วนชี้ชัดไปในทิศทางเดียวกันว่าซูเย่เข้ารอบได้เพราะโกงการสอบ!
“ถึงเขาจะไม่ได้โกง แต่ก็ต้องเอาตัวซูเย่มาสอบสวนอยู่ดี ไม่งั้นหมอนั่นจะเอาชนะลู่จวิ้นของพวกเราได้ไง?”
เสียงของเพื่อนร่วมห้องในหอพักลอยมาเข้าหูลู่จวิ้น
ลู่จวิ้นยิ่งมีสีหน้าไม่มั่นใจมากกว่าเดิม แต่หลังจากนั้น เธอก็กัดฟันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เดินออกมานอกห้องพัก และกดโทรหาอาจารย์ที่ปรึกษาโดยทันที
“ว่ายังไง?”
เสียงปลายสายดังขึ้นเมื่อมีคนรับสาย
“อาจารย์คะ! หนูมีเรื่องอยากร้องเรียน!”
“หนูอยากดูคำตอบของซูเย่ค่ะ หนูไม่เชื่อว่าตัวเองจะแพ้เขา”
ลู่จวิ้นกัดริมฝีปากด้วยความเคียดแค้น
“อาจารย์เห็นผลสอบแล้วเหมือนกัน อาจารย์ก็โมโหไม่แพ้เธอนั่นแหละ!” เสียงที่แสดงออกถึงความโกรธเคืองดังมาจากปลายสายซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาหญิงของลู่จวิ้น “แต่เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ เรื่องนี้เดี๋ยวอาจารย์จะจัดการให้เอง ยังไงการสอบครั้งนี้ เธอจะต้องได้รับความยุติธรรมแน่นอน!”
เมื่อวางสายจากลูกศิษย์สาวของตนเอง อาจารย์ที่ปรึกษาหญิงก็รีบโทรไปหารองคณบดีประจำคณะแพทย์แผนจีนทันที
“ท่านรองคะ ท่านต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับเด็กคณะเรานะคะ!”
เมื่อได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
รองคณบดีก็ยังไม่กล้ารับปากใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาตัดสินใจโทรไปหาหลี่เคอหมิงก่อนเป็นลำดับแรก