เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 185 การรักษาของซูเย่ทำให้คนไข้ช็อก
บทที่ 185 การรักษาของซูเย่ทำให้คนไข้ช็อก
“ได้เลข 100 ใช่ไหม?”
กัวหงหย่วนทักทายพร้อมกับยิ้มกว้างเมื่อเห็นซูเย่เดินตรงเข้ามาหา
ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยสนใจนักศึกษาคนนี้มาก่อน
ถึงจะเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างว่าชายหนุ่มเกือบจะได้เป็นลูกศิษย์ของยอดปรมาจารย์แห่งวงการแพทย์แผนจีน แต่กัวหงหย่วนก็รู้สึกว่านั่นเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น
แต่หลังจากที่ลู่จวิ้นต้องพ่ายแพ้ให้แก่ซูเย่ อาจารย์หนุ่มก็รู้สึกว่าตนเองต้องให้ความสนใจที่นักศึกษาคนนี้บ้างแล้ว
“ใช่ครับ”
ซูเย่พยักหน้า
“เข้ามาสิ”
กัวหงหย่วนผงกศีรษะส่งสัญญาณให้ซูเย่เดินเข้ามาด้านในเต็นท์
คนไข้อาสาสมัครซึ่งนั่งก้มหน้าจ้องมองถ้วยชาอยู่ในมือถึงกับชะงักไปทีเดียวเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นซูเย่
ทันใดนั้น ผู้เป็นคนไข้ก็รีบยกถ้วยชาขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
“ก่อนหน้านี้ ผมได้ตรวจร่างกายคนไข้คนนี้ไว้แล้ว เชิญคุณตรวจได้ตามสบาย”
กัวหงหย่วนกล่าว
“ครับผม”
ซูเย่พยักหน้าและเดินยิ้มเข้าไปหาผู้เป็นคนไข้อาสาสมัคร
ปรากฏว่า
คนไข้ที่เพิ่งดื่มน้ำชาหมดถ้วยนั้นรีบวางถ้วยลงบนโต๊ะข้างเตียงและล้มตัวลงไปนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความประหม่าทันที
ทำเอาซูเย่กับกัวหงหย่วนถึงกับหันมองหน้ากันเล็กน้อย
นี่มันอะไรกัน?
หรือว่านักศึกษาผู้นี้จะตื่นเต้นมากเกินไป?
ยังไม่ทันจะได้รับการวินิจฉัยเลยไม่ใช่หรือ?
แล้วจะรีบลงไปนอนบนเตียงทำไม?
“ลุกขึ้นมาก่อนครับคนไข้ คุณหมอเขายังไม่ได้ตรวจเลยนะ” กัวหงหย่วนพูดกับนักศึกษาคนนั้น
“อ้อ ขอโทษทีครับ” เมื่อนักศึกษาหนุ่มนึกได้ว่าตนเองยังไม่ได้รับการวินิจฉัยจากซูเย่ เขาก็รีบกลับมาลุกขึ้นนั่ง กระโดดลงจากเตียงคนไข้ และเดินมานั่งที่โต๊ะตรวจให้ซูเย่ทำการวิจัยเบื้องต้น
ซูเย่มองคนไข้ของตนเองด้วยความประหลาดใจ
“เริ่มกันเลยดีกว่านะ”
กัวหงหย่วนผายมือส่งสัญญาณ
“ได้เลยครับ”
ซูเย่พยักหน้าและนั่งลงที่โต๊ะตรวจ ก่อนจะเริ่มวินิจฉัยอาการเบื้องต้นของคนไข้
“ชื่ออะไรครับ? อายุเท่าไหร่?”
ซูเย่สอบถาม
“จางฮ่าวเฉิน อายุ 20 ปี”
“เป็นอะไรมาครับ?”
ซูเย่ถามด้วยความสุภาพขณะจดบันทึกข้อมูล
“ปวดท้อง รู้สึกหวิว ๆ ในช่องท้อง บางครั้งก็รู้สึกแสบท้อง หิวข้าว แต่กินอะไรไม่ค่อยลง”
“นอกจากที่ว่ามาแล้ว ไม่มีอาการอื่นอีกใช่ไหมครับ?”
“ก็มีอาการปากแห้ง คอแห้ง แล้วก็เจ็บคอนิดหน่อย”
“การขับถ่ายเป็นยังไงบ้างครับ?”
“อุจจาระค่อนข้างแข็งฮะ”
“เอาละ ผมขอดูลิ้นหน่อย” พูดจบ ซูเย่ก็สำรวจดูลิ้นของจางฮ่าวเฉินก่อนจะจับชีพจรเป็นลำดับต่อมา
เขาใช้ตาดู ใช้หูฟัง ซักถามอาการอย่างละเอียด
กัวหงหย่วนจ้องมองอยู่เงียบ ๆ
อาจารย์หนุ่มรู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าซูเย่ต้องเก่งขนาดไหนกันนะถึงทำให้ลู่จวิ้นแพ้ได้?
เมื่อรับฟังการวินิจฉัยอาการของชายหนุ่ม กัวหงหย่วนก็พบว่าซูเย่มีพื้นฐานทางด้านแพทย์แผนจีนดีทีเดียว เขาถามสิ่งที่ควรถาม รู้สิ่งที่ควรรู้ วิธีการจับชีพจรก็ถูกต้องทุกอย่าง
ถือว่าทำได้ไม่เลว
กัวหงหย่วนแอบชื่นชมอยู่ในใจ
เมื่อวินิจฉัยอาการเบื้องต้นเสร็จแล้ว ซูเย่ก็หยิบกระดาษออกมาเขียนอย่างรวดเร็ว
ปวดท้อง มวนท้อง แสบท้อง กินอาหารไม่ลง
ปากแห้ง คอแห้ง ถ่ายแข็ง
ลิ้นเป็นสีแดง มีฝ้าขาวเกาะเล็กน้อย ระดับการเต้นชีพจรปกติ
การวินิจฉัย : กระเพาะอาหารอักเสบ เนื่องจากกระเพาะขาดธาตุความร้อนมากเกินไป
เมื่อเขียนใบวินิจฉัยคนไข้เสร็จ ซูเย่ก็เขียนวิธีการรักษาคนไข้ต่อ
วิธีรักษา : การฝังเข็ม
จุดฝังเข็มที่ถูกเลือก : จุดจงหว่าน[1] จุดเน่ยกวน[2] จุดจู๋ซานหลี่[3] จุดเน่ยถิง[4] จุดหยางหลิงเฉวียน[5]…
ขณะนี้
กัวหงหย่วนกำลังจ้องมองการเขียนวิธีรักษาของซูเย่พร้อมกับพยักหน้าด้วยความพอใจ เท่าที่ดูจนถึงตอนนี้ ซูเย่ทำทุกอย่างได้ดีสมบูรณ์แบบ ไม่มีข้อผิดพลาดสักจุดเดียว เพราะใบวินิจฉัยที่เขาเขียนให้แก่คนไข้อาสาสมัครผู้นี้ ก็แทบไม่ต่างไปจากการวินิจฉัยของซูเย่เช่นกัน
“รอสักครู่นะครับ ผมขอออกไปเอาเข็มก่อน” เมื่อเขียนวิธีการรักษาเสร็จ ซูเย่ก็เดินออกไปยังเต็นท์ส่วนกลางเพื่อหยิบอุปกรณ์สำหรับการฝังเข็ม
“ทีนี้นอนลงบนเตียงได้เลย”
เมื่อเดินกลับเข้ามาในเต็นท์อีกครั้ง เขาก็บอกให้จางฮ่าวเฉินนอนลงบนเตียงคนไข้
“อ้อ ได้สิ ไม่มีปัญหา”
จางฮ่าวเฉินรีบกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงคนไข้ด้วยความรวดเร็ว
ท้องไส้ของเขาเริ่มปั่นป่วนขึ้นมาเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าชาใบมะขามแขกกำลังจะเริ่มออกฤทธิ์ มันถือเป็นยาระบายชนิดหนึ่ง เมื่อรับประทานเข้าไปอย่างเข้มข้น ลำไส้ก็จะบีบตัว ส่งผลให้ในช่องท้องเกิดความรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาทันตาเห็น
ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ จางฮ่าวเฉินก็ต้องใส่ความซูเย่ให้ได้ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาท้องเสีย!
ซูเย่เริ่มกระบวนการฝังเข็มอย่างคล่องแคล่ว
เมื่อเห็นวิธีการฝังเข็มของซูเย่ อาจารย์กัวหงหย่วนก็ต้องพยักหน้าอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการฝังเข็มหรือตำแหน่งที่เข็มถูกปักลงไปนั้น ยังคงกระทำด้วยความแม่นยำสมบูรณ์แบบ ไม่มีความผิดพลาดเช่นเคย
“เด็กคนนี้ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้เลยว่าไม่ใช่เด็กจากคณะแพทย์แผนจีน” กัวหงหย่วนพูดกับตัวเองอยู่ในใจ “ไม่ต้องแปลกใจอีกแล้วว่าทำไมคณบดีหลี่เคอหมิงถึงต้องสอนเขาด้วยตัวเอง และแม้แต่ปรมาจารย์ฮั่วก็คิดที่จะรับเด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์ เวลาเพียงสองเดือนเรียนรู้ได้ถึงขนาดนี้ เรียกว่าต้องเป็นปาฏิหาริย์เท่านั้นถึงจะทำได้”
เมื่อเห็นด้วยตาของตนเอง
กัวหงหย่วนจึงได้คลายข้อสงสัยลง
ความพ่ายแพ้ของลู่จวิ้นไม่มีสิ่งใดให้เคลือบแคลงใจอีกแล้ว
ซูเย่ใช้เข็มเงินเป็นสื่อกลางถ่ายเทพลังลมปราณเข้าสู่ร่างกายจางฮ่าวเฉิน การฝังเข็มครั้งนี้ควรจะรักษาชายหนุ่มให้หายดีได้อย่างง่ายดาย
อีกอย่าง จางฮ่าวเฉินยังเป็นนักศึกษาอายุน้อย หากปล่อยให้โรคกระเพาะเรื้อรังไปมากกว่านี้ อาจเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตในอนาคต
แต่อย่างไรก็ตาม
เมื่อถ่ายเทพลังลมปราณเข้าสู่ร่างกายของคนไข้
ซูเย่กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“หืม?”
เมื่อพลังลมปราณไหลเวียนไปตามร่างกายของคนไข้
ซูเย่ก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าลำไส้ของคนไข้เกิดอาการบิดเกร็งผิดปกติ
“แย่แล้ว!”
ซูเย่รีบหยุดพลังลมปราณทันที
เขาดึงเข็มเงินทั้งหมดออกโดยไม่ลังเล
“เอ๋?”
กัวหงหย่วนมองการกระทำของชายหนุ่มด้วยความสงสัย
ทำไมถึงดึงเข็มออกล่ะ?
ไม่มีอะไรผิดพลาดสักหน่อยนี่นา
“คนไข้รักษาด้วยวิธีนี้ไม่ได้ครับ” เมื่อเก็บเข็มเรียบร้อยแล้ว ซูเย่ก็หันมาอธิบายกับกัวหงหย่วนว่า “คาดว่าเช้านี้นักศึกษาจางคงรับประทานบางอย่างที่แสลงท้องเข้าไป เมื่อสักครู่ตอนที่ฝังเข็มให้เขา ผมสัมผัสได้ว่าลำไส้และกล้ามเนื้อในช่องท้องเกิดอาการแข็งตัวผิดปกติ!”
สีหน้าของกัวหงหย่วนเปลี่ยนไปทันที
อาการปวดเกร็งท้องเช่นนี้ อาจทำให้คนไข้มีอาการช็อกได้
แต่ตอนที่กัวหงหย่วนตรวจชีพจรจางฮ่าวเฉินก่อนหน้านี้ ทำไมถึงไม่มีสัญญาณผิดปกติเลยล่ะ?
ซูเย่วินิจฉัยผิดพลาดเองหรือเปล่า?
ทันใดนั้น
“โอ๊ย!”
จางฮ่าวเฉินผู้นอนบนเตียงอยู่ดี ๆ ก็ยกมือกุมท้อง ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะขดตัวงอเหมือนกุ้ง ใบหน้าซีดขาว ตลอดทั้งร่างกายมีเหงื่อผุดเปียกชุ่ม
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้กัวหงหย่วนตกตะลึง
“โอ๊ย เจ็บจังเลยครับ! อาจารย์กัวหงหย่วนช่วยผมด้วย ผมเจ็บเหลือเกิน! “ดวงตาของจางฮ่าวเฉินกลายเป็นสีแดงก่ำ ใบหน้าบิดเบี้ยว ร้องขอความช่วยเหลือด้วยเสียงอันแหบแห้ง
ซูเย่กำลังจะเริ่มทำการช่วยเหลือ
“เดี๋ยวผมจัดการเอง!”
กัวหงหย่วนรีบเดินเข้ามา สีหน้าขึงขัง พูดว่า “เรื่องนี้คุณรับมือไม่ไหวหรอก”
[1]จุดจงหว่าน ช่วยปรับสมดุลชี่ส่วนกลางร่างกาย รักษาท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน สะอึก มีเสมหะมาก เบื่ออาหาร เรอบ่อย ตำแหน่ง : กึ่งกลางระหว่างสะดือกับลิ้นปี่ วิธีการกด : ใช้นิ้วมือกดที่จุดจงหว่าน หมุนวนช้า ๆ 2-3 นาที
[2]จุดเน่ยกวน อยู่ห่างจากเส้นข้อมือระหว่างเอ็นทั้งสอง โดยห่างจากเส้นข้อมือประมาณ 2 นิ้ว กดจุดเน่ยกวานค้างไว้ข้างละ 3-5 นาทีก็จะช่วยให้ได้ผลดีขึ้น
[3]จุดจู๋ซานหลี่ จุดนี้อยู่บริเวณหน้าแข้งด้านนอก อยู่ใต้หัวเข่าลงมาประมาณ 2 นิ้วกดจุดนี้แล้วจะช่วยในเรื่องการย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหาร
[4]จุดเน่ยถิง จุดหยิงของเส้นกระเพาะอาหาร อยู่ระหว่างง่ามนิ้วเท้าที่ 2 กับ 3 ตรงรอยต่อสีผิว ข้อบ่งใช้: ปวดฟัน เจ็บคอ เลือดกำเดาไหล
[5]จุดหยางหลิงเฉวียน กดจุดรอยบุ๋มหน้าและใต้หัวกระดูกน่อง ด้านนอกแข้งนอกจากจะเป็นจุดสนธิแล้ว หากยังเป็นจุดเหอของเส้นถุงน้ำดีอีกด้วย มีสรรพคุณในการรักษาอาการท่อนขาล่างอ่อนเปลี้ย เหน็บชา เข่ามิอาจยืดหด ปวดชายโครงและสีข้าง ปากขม และอาเจียน เป็นต้น มีหน้าที่หลักในการระบายเส้นเอ็น ช่วยเรื่องไขข้อให้ลื่นไหล ช่วยระบายตับและถุงน้ำดี เป็นต้น