เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 217 เขาเข้าใจการจัดกระบวนทัพด้วยเหรอ?!
บทที่ 217 เขาเข้าใจการจัดกระบวนทัพด้วยเหรอ?!
เมื่ออัดวิดีโอเสร็จ ซูเย่ก็อัพโหลดลงบอร์ดผู้ฝึกยุทธ์ทันที พร้อมแนบพิกัดไว้
ในตอนแรก ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังรอปูเสื่อชมการแสดง แต่เมื่อพวกเขาเห็นวิดีโอนี้ที่ซูเย่ส่งมา ก็พากันคลิกดูอย่างอยากรู้อยากเห็น
ซึ่งเมื่อหลังจากอ่านแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนก็พากันตกตะลึง!
บางคนตกสู่ความเงียบงัน แต่บางคนก็เลือดพุ่งพล่านทันที!
ใช่ ! ในชีวิตจริง พวกเขาอดกลั้นเพื่อดำรงชีวิตมันก็พอแล้ว แล้วในเกมเรายังต้องทนอะไรอีก?!
งั้นเราจะเล่นเกมนี้ไปเพื่ออะไร?
ฉันก็อยากใช้ชีวิตแบบสุดโต่งบ้าง อยากมีชีวิตตามอำเภอใจบ้าง!
ในเกมยังขลาดกลัว แล้วในชีวิตจะอยู่ยังไง?!
เลือดที่ไม่ได้เดือดพล่านเป็นเวลานานในหัวใจของพวกเขาถูกกระตุ้นออกมา
“แม่งเอ้ย !! เจ้าเวรกรรม ฉันจะไปกับนาย…สู้สุดใจโว้ย!”
“ใช่แล้ว พูดอีกก็ถูกอีก เราเป็นลูกหลานแห่งฮัวเซี่ย และเราจะสูญเสียอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ศักดิ์ศรีลูกหลานแห่งฮัวเซี่ย และเราจะเสียความห้าวหาญของลูกหลานแห่งฮัวเซี่ยไปไม่ได้ ฉันจะไปกับนาย!”
“พวกผู้ล่ากระจอก ฉันถูกไล่ตามโดยพวกเขามาเป็นเวลานาน ต่อให้ตาย วันนี้ฉันก็จะต้องสู้กับพวกแก!!”
ชั่วขณะหนึ่ง
มีผู้เล่นฝึกยุทธ์หลายคนที่ซ่อนตัวอยู่เพื่อที่จะรอให้ถึงวันสุดท้าย แต่ละคนก็ต่างส่งเสียงสบถ และรีบไปตามพิกัดที่ซูเย่ทิ้งไว้ ต่อให้ตายก็ต้องยืนตาย!
ซูชือและคนอื่น ๆ ที่ติดตามสถานการณ์ของซูเย่ตลอดเวลา เมื่อดูวิดีโอนี้ก็รีบรุดไปเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ ไม่จำเป็นต้องถามพี่น้องทุกคนที่ติดตามมา ขนาดจางจงหมิงที่เพิ่งเข้าร่วม ตอนนี้ก็ยังอินตามไปด้วย ! ตามทุกคนไปโดยไร้ซึ่งความกลัว เพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดพิกัดที่ซูเย่แนบไว้
“ฉันน่ะคือนักเลงคีย์บอร์ดแห่งโลกอินเทอร์เน็ต ในเกมจะเป็นคนกระจอกไปได้ยังไงวะ !” จางจงหมิงด่าไปพลาง วิ่งไปพลาง
เหนือท้องฟ้าขึ้นไป ณ ยอดเขาสูงเสียดฟ้า
“มีพรสวรรค์ในการปราศรัย” หลานหลานผู้บัญชาการเขตซีหนานยิ้มพลางกล่าว “กระตุ้นปลุกเร้าคนได้ไม่น้อย…”
“ฉันว่า จำนวนคนคงไม่เยอะมากนัก”
จ้าวตงหลิน ผู้บัญชาการเขตตงเป่ยกล่าว “ในยุคสมัยที่ทุกอย่างสะดวกสบาย ทุกคนก็อยู่เพื่อตัวเองเท่านั้น ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ถึงความอ่อนแอของพวกชนชั้นกลางไว้แล้ว”
“ไม่ผิด ตามกาลเวลาที่ผันเปลี่ยน คนสมัยนี้นับวันยิ่งฉลาด หรือพูดอีกแบบก็คือนับวันยิ่งอยู่เพื่อตัวเอง ไม่ใช่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเหมือนในสมัยนั้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในสถานการณ์แบบนี้หากอยากมีชีวิตรอดก็ยิ่งต้องซ่อนตัว ไม่สามารถเลือดร้อนเอาชีวิตไปสังเวย ฉันว่าคงได้แค่สองพันคนล่ะมั้ง”
“ใช่ คงประมาณนั้น แต่ได้เท่านี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว…”
…………
ในเกม ที่ทุ่งหญ้าที่ราบตรงตีนเขา ณ บรรพตไร้ธุลี
ซูเย่ยังคงนั่งรอตรงจุดที่ส่งพิกัดออกไป ไม่นานหลังจากที่วิดีโอถูกโพสต์บนบอร์ด ผู้คนจากทั่วทุกทิศทุกทางก็มุ่งหน้าเข้าใกล้มายังพิกัด คนที่อยู่ใกล้ก็ถึงก่อน
พวกเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มเข้าไปพูดคุย แต่เมื่อพวกเขามาถึงจุดนัดพบ พวกเขากลับพบว่าเจ้าเวรกรรมกำลังรออยู่จริง ๆ ดังนั้นจึงประสานมือคารวะซูเย่ ก่อนจะขยับกายไปนั่งลงข้าง ๆ แล้วรออย่างเงียบๆ
ซูเย่ก็จะประสานมือรับและพยักหน้าให้ทุกคนที่มา
จำนวนผู้ฝึกยุทธ์ที่นั่งอยู่บนทุ่งหญ้าค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจากสามหรือห้าในตอนแรกเป็นสามสิบ ห้าสิบ จากนั้นสามร้อย…ห้าร้อย…และสามพัน ห้าพัน…
เวลาผ่านไป คนก็ทยอยมากันมากขึ้นเรื่อยๆ
ชั่วโมงสุดท้ายผ่านไป ผู้คนนับหมื่นรวมตัวกันตรงที่ราบ!
เมื่อเห็นฉากนี้ผู้บัญชาการใหญ่ทั้งหกคน ทุกคนต่างมีสีหน้าประหลาดใจ
“ผิดจากที่คาดไว้นะ จำนวนคนมากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก…ดูเหมือนว่าคนที่เหลืออยู่สองแสนคน ยังคงมีบางคนที่มีเลือดพุ่งพล่านอยู่บ้าง…”
“เพิ่งได้ข้อมูลมาหนึ่งหมื่นคนพอดี”
“จากผู้เล่น ผู้ฝึกยุทธ์สามแสน สามารถเรียกมาได้หมื่นกว่าคน ก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่ฉันก็ยังผิดหวังเล็กน้อยกับเจ้าพวกเด็กที่ไม่กล้ามา นี่มันก็แค่เกม…ทำไมไม่ลองทำตัวเลือดเดือดดูบ้าง!”
“คนน่ะมีไม่น้อย แต่แค่นี้ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”
ผู้บัญชาการทั้งหกไม่ได้คาดหวังในตัวซูเย่และคนหมื่นคนนี้มากเท่าไหร่
ณ บรรพตไร้ธุลี
“ฉันนับถือความกล้าหาญในตัวพวกนาย!”
เมื่อถึงเวลาหนึ่งชั่วโมง ซูเย่ก็ยืนขึ้น หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครมาเพิ่มแล้ว เขาเดินไปด้านหน้าของทุกคน ประสานมือของเขาพลางกล่าว “วันนี้เรามาสร้างปาฏิหาริย์ด้วยกัน!”
“ไป…ฉันจะพาพวกนายไปที่ดี ๆ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม แล้วทั้ง Fantasy Dream จะต้องมองมาที่เราใหม่หลังจากวันนี้!”
ทุกคนประสานมือแล้วยืนขึ้นทันที
ภายใต้การนำของซูชือและจินฟาน พวกเขาตะโกนพร้อมกัน อารมณ์และความกระหายเลือดที่คนเหล่านี้ถูกกระตุ้นไม่ลดลงไปแม้แต่น้อย
ผู้บัญชาการทั้งหกมองทุกอย่างด้วยความฉงนใจ…
ดูท่าแล้วซูเย่คงมีวิธีรับมือวิธีอื่นอยู่จริง ๆ น่าสนใจยิ่งนัก ไม่อาจล่วงรู้ว่าครั้งนี้เป็นกับดักหลุมพรางหรือสิ่งใด?
ซูเย่นำขบวนผู้ฝึกยุทธ์หนึ่งหมื่นคน เคลื่อนย้ายไปยังกลางที่ราบ
เมื่อมาถึง ซูเย่ก็ใช้ผ้าป่านและไม้ที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้มาทำธงพื้นใหญ่
บนผืนธงมีตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่ : อู่ (ยุทธ์, บู๊)
“กึก”
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่แฝงไปความสงสัย ซูเย่ปักธงที่เพิ่งทำเสร็จลงไปบนพื้นข้างกาย…
“ทุกคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับกระบวนทัพสมัยโบราณบ้างไหม?” ซูเย่เอ่ยถามทุกคน
“กระบวนทัพโบราณ?”
“กระบวนทัพที่แม่ทัพสมัยก่อนใช้ทำสงครามงั้นเหรอ?”
“เคยได้ยินมาบ้าง แต่ก็แค่เคยได้ยินเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม”
ทุกคนเอ่ยกล่าว
“ตามบันทึกโบราณ หานซินใช้กระบวนทัพสี่เหลี่ยมจัสตุรัสเผชิญหน้าข้าศึกที่มีกำลังมากกว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ สามารถใช้คนน้อยเอาชนะคนมากได้ สถานการณ์ของเราวันนี้ก็จะเป็นเช่นนี้…”
ซูเย่กล่าว “อยากชนะ ก็ต้องพึ่งกระบวนทัพเท่านั้น!”
“ประโยคนี้ไม่ผิด แต่ใครรู้จักการจัดกระบวนทัพล่ะ ?” มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเอ่ยถาม
นั่นน่ะสิ…ใครจะไปรู้จัก?
ทุกคนมองไปทางซูเย่
“ฉันไง…”
ซูเย่กล่าวเสียงดัง “ตอนนี้พวกเรายังมีเวลาอีกสี่ชั่วโมงในการฝึกจัดกระบวนทัพ”
เหนือท้องฟ้า…ผู้บัญชาการทั้งหกต่างตกตะลึง
“กระบวนทัพ ? เขาเข้าใจกระบวนทัพด้วยเหรอ ?!” อู๋เซียนห่าวผู้บัญชาการเขตซีหนานกล่าวอย่างประหลาดใจ
“ฉันจำได้ว่า ผู้อาวุโสท่านนั้นที่ปลีกตัวออกจากโลกขึ้นเขาก็เข้าใจกระบวนทัพ”
หลานหลานยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางกล่าว “ซูเย่คงไม่ใช่ศิษย์ของเขาจริง ๆ ใช่ไหม?”
ผู้บัญชาการทั้งหกพลันตะลึงงัน ราวกับว่ากำลังเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ
………
กลางที่ราบ
“พวกนายกลัวตายไหม ?” ซูเย่ที่ยืนอยู่ข้างธงถามขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ทุกคนตกตะลึง เขาหมายถึงอะไร?!
เราทุกคนอยู่ที่นี่ นายกลับถามว่าเรากลัวตายไหม?
ดูถูกพวกเรา?
“ทุกคนอย่าเข้าใจผิด…”
ซูเย่ยิ้มพลางกล่าว “ฉันมีรูปแบบค่ายกลป้องกัน แล้วก็รูปแบบค่ายกลโจมตีแบบทหาร ถ้าหากไม่กลัวตาย ก็จะได้เลือกโจมตี!”
“เลือกโจมตี!”
ทุกคนพูดกันอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ดีมาก!”
ซูเย่ประสานมือคำนับทุกคน แล้วกล่าวต่อ “กระบวนทัพแรก กระบวนทัพซุยสิง (กระบวนทัพรูปลิ่ม)”
“กระบวนทัพนี้ต้องใช้คนหนึ่งร้อยคน” กล่าวจบ ก็มีคนหนึ่งร้อยคนก้าวขึ้นมาทันที
“กระบวนทัพซุยสิง คือกระบวนทัพที่บุกทะลวงหน้า มีความรวดเร็ว เฉียบคม ปีกทั้งสองด้านโจมตีเบื้องหน้าอย่างดุดัน ตีให้กระบวนทัพของศัตรูแตกพ่าย”
ซูเย่พูดไปพลางสอนไปพลาง เมื่อสอนจบ…ก็ให้ทั้งคนทั้งหนึ่งร้อยคนฝึกซ้อมกันเอง
คนอื่น ๆ มองซูเย่อย่างเลื่อนลอย แต่เดิมคิดว่าเขาพูดไปอย่างนั้นเอง คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจการจัดกระบวนทัพจริงๆ!
ดูกระบวนทัพซุยสิงนี่สิ พลังโจมตีแข็งแกร่งมาก
“กระบวนทัพที่สอง ค่ายกลนกเป็ดน้ำ…ซึ่งก็คืออันที่ X สอนให้ผู้เล่นธรรมดา”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ทุกคนก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่กี่วันมานี้พวกเขาถูกค่ายกลนี้ทำให้เดือดร้อนไม่เบา
“อันนี้ฉันรู้จัก!” ไป๋จือหรานมองไปยังซูเย่
“มีหัวหน้าขบวน 1 คน มีพลโล่ 2 คนตามหลัง ถัดมาเป็นพลอาวุธยาว 4 คน และพลอาวุธสั้นอีก 4 คน ทุกคนใช้อาวุธมือใหม่ก็ได้ ทั้งหมด 11 คน”
“ทุกคนจับกลุ่มได้เลย กระบวนทัพนี้ยิ่งมากยิ่งดี”
ขณะที่พูด ทุกคนก็ค่อย ๆ เดินออกมาจัดกลุ่ม ตั้งกระบวนทัพนกเป็ดน้ำสองร้อยกว่ากระบวนทัพขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ
“กระบวนทัพนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้หลากหลายรูปแบบ และด้วยความร่วมมือซึ่งกันและกันสามารถบุกสังหารศัตรูได้อย่างไม่น่าเชื่อ มีพลังโจมตีที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและมีความสามารถในการป้องกันที่ยอดเยี่ยม ในขณะเดียวกัน ก็สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระบนสนามรบ เป็นเหมือนกระบวนทัพใหญ่” ซูเย่เอ่ยสอน
อันดับต่อมา
เป็นห้ากระบวนทัพหานซิ่น กระบวนทัพฟาง(รูปสี่เหลี่ยมจัสตุรัส) กระบวนทัพเหยี่ยนเยว่(รูปจันทร์เสี้ยว) เป็นต้น
ซูเย่สอนกระบวนทัพที่สามารถบุกทะลวงฆ่าบนสนามรบได้อย่างเต็มกำลังให้ทุกคน
ในขณะที่สอนทุกคนอยู่ ซูเย่แต่งตั้งให้ ซูชือ จินฟาน ไป๋จือเหยียน เฉินเซียนเยว่ เป็นหัวหน้ากระบวนทัพ ให้พวกเขาคอยควบคุมกระบวนทัพใหญ่ในตอนที่กำลังต่อสู้…
มีเพียงหนึ่งคนที่ยังไม่มีหน้าที่ ซึ่งก็คือไป๋จือหราน
ไป๋จือหรานไม่ได้รีบร้อน แต่รออย่างสงบนิ่งพร้อมรอยยิ้มจางๆ
เมื่อทั้งหมดเตรียมเรียบร้อยแล้ว
กระบวนทัพที่สำคัญทั้งหมดทุกคนได้ฝึกฝนด้วยตนเองหลายครั้ง และแม้แต่ซูเย่เองก็มาสั่งการแปรขบวนทัพด้วยตนเอง วิธีการโจมตีร่วมกัน วิธีล่อศัตรู วิธีแยกกระบวนทัพและวิธีกางวงล้อมศัตรู
หลังจากสาธิตคำสั่งและยืนยันว่าไม่มีปัญหาใหญ่อะไรเกิดขึ้น ซูเย่พูดกับทุกคน “ตอนนี้ยังมีขั้นตอนสุดท้ายและขั้นตอนที่สำคัญที่สุด”
“อะไรนะ?!”
ทุกคนต่างฉงน ไม่ใช่ว่าพร้อมหมดแล้วเหรอ ยังมีปัญหาอะไรอีก
“พวกนายยังขาดคนออกคำสั่ง”
ซูเย่กล่าว “เมื่อสงครามเริ่มขึ้น ฉันจะนำทัพบุกตะลุย ไม่ได้หลบอยู่เบื้องหลังคอยออกคำสั่งให้ทุกคนไปแนวหน้าเพื่อสังเวยชีวิต ดังนั้นพวกเราจึงต้องมีคนออกคำสั่งหนึ่งคน คอยควบคุมสถานการณ์ทั้งสนามรบ เมื่อครู่ฉันได้สาธิตไปแล้วหนึ่งรอบ ใครมีความมั่นใจมารับหน้าที่นี้…”
ซูเย่ย้ายสายตาไปยังร่างของไป๋จือหราน
ทั้งสนามไร้ซึ่งวาจา ตกเข้าสู่ความเงียบงัน พวกเขาไม่คิดว่าตนเองจะสั่งคนเป็นหมื่นได้ มันไม่ใช่แค่เรื่องของการสั่งเท่านั้น นี่มันคือชีวิตหนึ่งหมื่นชีวิตที่ตกอยู่ในกำมือของตน ความกดดันไม่อาจหยั่งถึง!
“ฉันเอง”
ไป๋จือหรานก้าวออกมา เธอถูกเหลือไว้คนสุดท้าย ย่อมเข้าใจความหมายของซูเย่
“ฉันเห็นด้วย…”
“เห็นด้วย”
สมาชิกของพรรคมือเปล่าระเบิดสวรรค์ที่อยู่ในกระบวนทัพ เมื่อเห็นซูชือและจินฟานก้าวออกมาเป็นคนแรกที่สนับสนุน พวกเขาทั้งหมดจึงเริ่มที่จะก้าวออกมาและสนับสนุนไป๋จือหราน
เทพธิดาได้พิสูจน์ความสามารถในการบังคับบัญชาของเธอมาก่อนแล้ว!
ฝากชีวิตไว้กับเธอ…หมดห่วง!
เมื่อเห็นว่าไป๋จือหรานได้รับการสนับสนุนอย่างมาก คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีข้อโต้แย้งอะไร
“ดีมาก…”
นี่คือสิ่งที่ซูเย่วางแผนไว้ แต่เพื่อความปลอดภัย เขาจึงกล่าวต่อ
“แต่อย่างไรก็ตาม…ก่อนที่จะแน่ใจ เธอจะต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอมีความสามารถพอ”
“ไม่มีปัญหา”
ไป๋จือหรานพยักหน้า แล้วสร้างกลุ่มสนทนาทันที ดึงหัวหน้ากระบวนทัพทุกคนเป็นหัวหน้าห้องแชท จากนั้นกดปิดเสียงผู้เล่นคนอื่นทั้งหมด
“หัวหน้ากระบวนทัพ ฟังคำสั่งของฉัน”
ไป๋จือหรานออกคำสั่งในกลุ่ม และหัวหน้ากระบวนทัพต่างๆ ได้เปิดกล่องสนทนาทีละคน ในขณะเฝ้าดูคำสั่งของไป๋จือหราน ก็สั่งการกระบวนทัพของตัวเองไปด้วย
ภายใต้คำสั่งของไป๋จือหรานและปฏิบัติการของหัวหน้ากระบวนทัพ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
การซ้อมมีแบบแผนชัดเจน เกือบทุกรายละเอียดได้รับการสังเกต ซึ่งทำให้ซูเย่ประหลาดใจมาก
ความตั้งใจเดิมของเขาคือการใช้โอกาสนี้เพื่อฝึกฝนความสามารถในการบังคับบัญชาของไป๋จือหรานแต่เขาคิดไม่ถึงว่าความสามารถไป๋จือหรานจะมีมากกว่าที่เข้าจินตนาการไว้มาก…
สถานการณ์เช่นนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าไป๋จือหรานมีความสามารถพิเศษในด้านการบัญชาการที่ไม่มีใครเทียบได้!
“ช้าเกินไป…”
ไป๋จือหรานขมวดคิ้วทันทีพลางกล่าว “สิ่งที่เรากำลังจะเผชิญหน้าคือการต่อสู้ชี้ชะตา เป็นไปไม่ได้ที่หัวหน้าของกระบวนทัพต่าง ๆ จะจ้องมองที่ช่องแชทกลุ่มเพื่ออ่านคำสั่งระหว่างการสู้รบ ในระหว่างสงคราม ไม่ควรฟุ้งซ่านมากนัก!”
ซูเย่พยักหน้า นี่เป็นปัญหาจริงๆ
“ในเมื่อนายเข้าใจกระบวนทัพ งั้นนายก็ควรรู้ว่าในสมัยโบราณมีธงสัญญาณ” ไป๋จือหรานมองไปที่ซูเย่และถามเบาๆ
“ฉันจัดการเอง”
ซูเย่พยักหน้า แต่แล้วก็ส่ายหัวพลางกล่าว “ทุกคนไม่สามารถเรียนรู้ธงสัญญาณได้ในเวลาอันสั้น แต่ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น”
“อะไรนะ?!” ไป๋จือหรานรู้สึกประหลาดใจ
มันมีวิธีที่ดีกว่าสัญญาณธงด้วยหรือ?!
ซูเย่ยิ้มเย็นพลางกล่าว “รออีกสักครู่เธอก็จะรู้”