เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 107 หกล้าน มาทดลองกันอีกรอบ!
บทที่ 107 หกล้าน มาทดลองกันอีกรอบ!
ภายใต้สายตาจดจ้องของทุกคน ใบหน้าของหลี่จื้อหงยิ่งบิดเบี้ยวน่าเกลียดมากขึ้นไปอีก
ตอนแรกเขาก็ไม่ได้อยากจะทำให้แพทย์แผนจีนขายหน้า แต่ตอนนี้ตัวเองกลับเป็นฝ่ายขายหน้าแทน!
หลี่จื้อหงสูดหายใจเข้าลึกและกัดฟังมองไปที่ซูเย่ พลางเอ่ยตอบ “อาจมีข้อผิดพลาด เพราะยังไงผลการทดลองก่อนหน้านี้ไม่มีทางผิด ฉันยังคงเชื่อในผลการทดลอง และยังไม่เชื่อในศาสตร์แพทย์แผนจีน!”
“ไม่อย่างนั้น… นายจะอธิบายการรักษาไมเกรนในผลการทดลองได้ยังไง?”
“ผมบอกแล้วไงว่าวิธีของคุณมันผิด”
ซูเย่ยักไหล่เบา ๆ พลางเอ่ยตอบ “ยิ่งไปกว่านั้น แพทย์แผนจีนคือการรักษาอย่างวิภาษ ผมไม่ทราบว่าทำไมแพทย์แผนจีนที่คุณเชิญมาถึงไม่ได้ใช้วิธีนี้ หมอแพทย์แผนจีนมีระดับความสามารถสูงต่ำต่างกันไป และระดับของแพทย์หนึ่งคนที่ไม่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าศาสตร์แพทย์แผนจีนจะไม่ดี”
“ฉันไม่เชื่อ!”
หลี่จื้อหงจ้องไปที่ซูเย่และกล่าวอย่างดื้อรั้น “มาทดลองอีกรอบ รักษาผู้ป่วยไมเกรน”
ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา
ชาวเน็ตทุกคนที่ดูถ่ายทอดสดก็สาปแช่งอีกฝ่ายทันที!
‘นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว ซูเย่ได้พิสูจน์ไปแล้ว ยัง
จะอีกรอบหาพ่องเหรอ!’
‘ถ้ายอมรับความพ่ายแพ้แล้วจะตายรึไง’
……
ในห้องโถง ซูเย่ก้าวเท้าเดินจากไป
“ฉันเพิ่มเงินอีกหนึ่งล้าน!”
หลี่จื้อหงโพล่งขึ้นมา
คิดจะใช้เงินซื้อเขารึไง? ซูเย่พลันคำนวณในใจ หนึ่งล้านยังน้อยไป เขาเดินออกไปเรื่อย ๆ
“สองล้าน!”
“สามล้าน!”
“สี่ล้าน!”
“ห้าล้าน!!”
ทุกก้าวที่ซูเย่เดินจากไป หลี่จื้อหงก็โพล่งขึ้นมาด้วยจำนวนเงินที่สูงขึ้น ในตอนที่ซูเย่กำลังจะก้าวพ้นห้องโถงไป หลี่จื้อหงกัดฟันพูดห้าล้านอกมา ทว่า ซูเย่ยังเดินออกไปอยู่ดี
“หกล้าน!!!”
เสียงของหลี่จื้อหงดังลอดไรฟัน
ทุกคนในห้องโถงมองไปที่ซูเย่ ไม่แข่งกันแล้วจริงเหรอ?
เปิดราคามาขนาดนี้แล้ว ถ้าเขาไม่ตอบรับก็จะตกเป็นขี้ปากคนอื่นว่าไม่มีหัวจิตหัวใจ
“ตกลง”
ขณะนี้ เสียงฝีเท้าของซูเย่หยุดลง เขาหันศีรษะกลับมาเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อเห็นว่าซูเย่ตอบตกลง หลี่จื้อหงพลันตกตะลึง เขากำหมัดแน่น และจะไม่ปล่อยโอกาสให้ซูเย่หนีไปได้ จึงจ้องเขม็งไปที่ซูเย่แล้วพูด “พรุ่งนี้เลย ฉันยังมีอาสาสมัครบางส่วนอยู่!”
“ผมได้หมด”
ซูเย่เอ่ยตอบ
เมื่อเห็นว่าซูเย่ตอบรับคำท้า ทุกคนในห้องและผู้ชมจากหน้าจอก็อดตกใจไม่ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไปในตอนนี้
ไม่มีใครคาดคิดว่าซูเย่เต็มใจที่จะรับคำท้าอีกครั้ง
‘ทำไมกันนะ? คุณได้พิสูจน์แล้วว่าการฝังเข็มแบบแพทย์แผนจีนมีประสิทธิภาพ คุณไม่ต้องรับปากเขาอีกรอบก็ได้’
‘นี่คือคุณธรรมของแพทย์แผนจีน และนี่คือการทำความดี ซูเย่ยินดีที่จะแบกรับแรงกดดันมากขึ้นสำหรับการบริจาคเงินจำนวน 6 ล้าน ช่างเป็นคนดีเหลือเกิน!’
‘ซูเย่ ฉันเป็นแฟนคลับนายแล้ว!’
ชาวเน็ตที่เข้าใจเหตุผลในที่สุด ก็เข้าแถวสนับสนุนซูเย่
แต่แพทย์แผนจีนบางคนกลับหน้านิ่วคิ้วขมวด และมองว่าในเมื่อชนะแล้วก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องแข่งกันอีก
แต่นับว่าซูเย่ตัดสินใจได้ดีจริง ๆ ด้วยเงินจำนวนมหาศาลถึง 6 ล้าน ยังไงซะเขาก็มีความสามารถติดตัว ท้าอีกครั้งแล้วไง ผลก็ยังเหมือนเดิม
ทุกคนถอนหายใจยาว พลันส่งแรงเชียร์ชายหนุ่มในใจ
ในห้องโถง
หลังจากตอบรับคำท้าครั้งที่สองของหลี่จื้อหงแล้ว ซูเย่ก็หันหลังกลับและเดินออกไป
ที่หน้าประตูมีหลี่เคอหมิงยืนยิ้มรอเขาอยู่ “ไม่เลวเลย”
หลี่เคอหมิงกล่าวชมเชยพร้อมรอยยิ้ม “ระดับของเธอ ไปเป็นหมอได้เลยนะ”
ซูชือและจินฟานเดินเข้ามาหาพวกเขาทันที โดยในมือยังคงถือป้ายเชียร์อยู่
“สุดยอดไปเลยเสี่ยวเย่”
ซูชือพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันรู้ว่านายทำได้แน่นอน ไม่เสียแรงที่ทำป้ายเชียร์มาให้”
“อย่างอื่นไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เพื่อนกันก็ต้องเชื่อกันอยู่แล้ว”
จินฟานตบหน้าอกของเขาพลางกล่าว “ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ ครั้งต่อไปนายก็ต้องชนะด้วยแน่นอน!”
“ซูเย่ยอดเยี่ยม แพทย์แผนจีนเยี่ยมยอด!”
ซูชือยังคงอ้าปากตะโกนสโลแกนไม่หยุด
ซูเย่รีบเรียกให้พวกเขาเอาป้ายเชียร์ลง นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว…
……
บนเวยป๋อ เมื่อซูเย่พิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ฝ่ายที่สนับสนุนแพทย์แผนจีนก็คลายคิ้วที่ขมวดแน่นได้อย่างสมบูรณ์
‘แล้วพวกแอนตี้แพทย์แผนจีนล่ะ ไหนไถหน้าแหก ๆ มาซิ!’
‘รู้แล้วใช่ไหมว่าแพทย์แผนจีนที่แท้จริงเป็นยังไง ตลกชะมัด คนที่ไม่ได้เรียนแพทย์แผนจีนแต่ทำการทดลองฝังเข็ม แถมยังเอามาใส่ร้ายป้ายสีอีก’
‘หลายคนบอกว่ายาจีนคือขยะ ยาจีนเป็นยาหลอก และยาจีนไม่ได้ผล? ไหนออกมาโชว์หน้าหน่อยซิ!’
‘แอนตี้ทั้งหลาย ขยี้ขี้ตาแล้วดูให้ดี แพทย์แผนจีนคือแบบนี้!’
ทว่า ผู้ที่ไม่ชอบและต่อต้านแพทย์แผนจีนก็ไม่หลบซ่อน พวกเขาออกมาคอมเมนท์ด่ากลับแบบไม่สนใจผลการทดลองใด ๆ และเปิดสงครามน้ำลายกับอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ
‘แกจะโวยวายอะไรนักหนา ก็แค่โชคดี ให้มันชนะซักครั้ง อะไรจะเจ๋งขนาดนั้น’
‘ไม่ว่ายังไงยาจีนก็ยังเป็นขยะในสายตาของฉันอยู่ดี’
‘ให้ซูเย่ชนะครั้งเดียว คราวนี้ไม่ได้รักษาไมเกรนเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะรู้ความจริง! เจอกันพรุ่งนี้!’
ทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันไม่หยุด และด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการค้นหายอดนิยม หลายคนเลยเริ่มตั้งตารอความท้าทายในบ่ายวันถัดไป
ซูเย่ชนะครั้งหนึ่งแล้ว แต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากในวันพรุ่งนี้เขาทำพลาด ก็จะพลาดโดยสิ้นเชิง
ถ้าพลาดแล้วก็คือพลาดเลย ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่มีคนเชื่ออีก
ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ผลจะเป็นอย่างไร!
……
เช้าวันที่สองมาถึงอย่างรวดเร็ว
เวลาบ่ายโมงครึ่ง ทุกอย่างพร้อมแล้ว สื่อมวลชนก็ปรากฏตัวอีกครั้ง แถมวันนี้ยังมากกว่าเมื่อวานอีก!
ทุกคนตั้งตารอคอยการทดลองในวันนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นผู้สนับสนุนแพทย์แผนจีน หรือผู้ที่ต่อต้านแพทย์แผนจีน ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจกับการทดลองครั้งนี้
นักข่าวแน่นขนัดล้อมลานของโรงพยาบาล ซูเย่มาพร้อมกับหลี่เคอหมิง ซูชือและจินฟาน
เขาไม่ได้ตอบรับการสัมภาษณ์ของนักข่าว แต่เดินผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ณ ขณะนี้ หลี่จื้อหงรออยู่แล้ว และการมาถึงของซูเย่ ทำให้นักข่าวทั้งหมดที่รออยู่รอบประตูเพื่อรอทำการถ่ายทอดสดก็เริ่มเปิดกล้องถ่ายทอดสดกันทันที
ชาวเน็ตทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสดทางออนไลน์ต่างรอคอยการทดลอง
‘ถ้าเมื่อวานนายทำได้ดี วันนี้นายก็ต้องทำให้ดี’
‘อย่าพลาดเด็ดขาดนะ!’
ผู้ที่สนับสนุนศาสตร์แพทย์แผนจีนทุกคนแอบสวดอ้อนวอนเพื่อซูเย่ในใจ
‘ทำพลาดได้ยิ่งดี!’
ผู้ที่ต่อต้านศาสตร์แพทย์แผนจีนทุกคนก็แอบภาวนาให้ซูเย่พลาดในใจเช่นกัน
หลี่จื้อหงมองซูเย่ด้วยสายเย็นชา เมื่อคืนนี้เขานอนพลิกตัวไปมาทั้งคืนอย่างคิดไม่ตก ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงแพ้ในการทดลองเมื่อวานนี้
หรือว่าศาสตร์แพทย์แผนจีนจะสามารถรักษาโรคได้จริง ๆ?
ไม่! ไม่มีทาง แพทย์แผนจีนเป็นเรื่องโกหก!
เขาเชื่ออย่างนั้นมาโดยตลอด! และวันนี้เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะพิสูจน์มัน ห้ามแพ้อีก!!
เขาสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก “กฎของครั้งนี้”
“เนื่องจากไม่มีตัวชี้วัดสำหรับอาการไมเกรน ดังนั้นจึงต้องพึ่งประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ป่วย และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเพิ่มอารมณ์ส่วนตัว ฉันได้เชิญผู้เชี่ยวชาญในการทดสอบทางจิตวิทยาและจะมีการติดตั้งเครื่องจับเท็จด้วย พวกเขาจะประเมินว่าอาการของผู้ป่วยดีขึ้นจริงหรือไม่ โดยพิจารณาว่าผู้ป่วยกำลังโกหกหรือไม่ และยังมีผู้เชี่ยวชาญการรับรองเอกสารจากสำนักงานรับรองเอกสารมาดำเนินการประกาศผลการรักษา!”
ว้าว! เครื่องจับเท็จ!
ทุกคนที่อยู่ในลานของโรงพยาบาลและชาวเน็ตต่างประหลาดใจ เพราะหลี่จื้อหงออกแบบการทดลองได้เข้มงวดมาก!
หลี่จื้อหงมองไปที่ซูเย่
“เข้มงวดมากครับ”
ซูเย่พยักหน้าเห็นด้วย
หลี่จื้อหงกล่าวต่อ “ยังคงมีผู้เข้าร่วมการทดลอง 150 คน 50 คนอยู่ในกลุ่มฝังเข็มจริง 50 คนอยู่ในกลุ่มฝังเข็มหลอก และอีก 50 คนไม่ได้รับการรักษา”
มันยังคงเป็นการทดสอบแบบอำพรางทั้งสองฝ่าย และกฎก็เหมือนกับการทดสอบของเมื่อวานทุกประการ
ครั้งนี้ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความอีก เริ่มกันทันทีเลย
ซูเย่เดินเข้าห้องผู้ป่วยโดยมีตากล้องและผู้สื่อข่าวเดินตามเงียบ ๆ ซูเย่รู้ชัดเจนว่าไมเกรนมีหลายสาเหตุ และไมเกรนประเภทต่าง ๆ ต้องการการรักษาที่ต่างกันไป
เขาเดินตรงไปหาผู้ป่วยรายแรกทันที ซูเย่เริ่มการวินิจฉัยโดยการจับชีพจร และการมองสีหน้าของผู้ป่วย แล้วหันไปเขียนแผนการรักษา
ผู้ป่วยรายแรก
ลมนอกรุกราน
จุดฝังเข็ม จุดซือจู่คง จุดเหอกู่ จุดเลฺย่เชวีย จุดอี้เฟิง จุดทิงฮุ่ย
ใช้วิธีปั่นเพื่อระบาย ทิ้งเข็มค้างไว้ 20 นาที
เมื่อเขียนเสร็จ เขาก็ไปฝังเข็มให้คนไข้ทันที ระหว่างการฝังเข็มคนไข้ไม่มีอาการใดใด
ต่อไปผู้ป่วยรายที่สอง ทำงานหนักเกินไป เลือดลมไม่ดี
จุดฝังเข็ม จุดซือจู่คง จุดเหอกู่ จุดเลฺย่เชวีย จุดอี้เฟิง จุดจู่หลินชี่
ใช้วิธีปั่นเพื่อระบาย ทิ้งเข็มค้างไว้ 20 นาที
ผู้ป่วยรายที่สาม เป็นสุภาพสตรี
“โอ๊ย ปวดหัว.. โอ๊ยย”
ก่อนที่ซูเย่จะเดินไปถึงเตียงของผู้ป่วยหญิงที่กำลังนอนอยู่ ก็เห็นเธอนอนร้องโอดครวญและยกมือขึ้นกุมขมับอย่างแรง
ซูเย่ใช้โอกาสตอนที่เธออ้าปากร้องตรวจสอบสีลิ้นของอีกฝ่าย จึงพบฝ้าบนลิ้นเป็นสีขาว
เมื่อจับชีพจรเป็นชีพจรตึง ซูเย่จับปากกาเขียนแผนการรักษา
ธาตุดินอ่อนธาตุไม้แข็ง มีอาการอ่อนเพลียและขาดหยิน
จุดฝังเข็ม: จุดซือจู๋คง จุดเหอกู่ จุดเลฺย่เชวีย จุดไท่ชง
ใช้วิธีปั่นเพื่อระบาย ทิ้งเข็มค้างไว้ 20 นาที
เมื่อรอซูเย่ฝังเข็มเรียบร้อย ผู้ป่วยที่มีอาการทรมานในตอนนี้ พลันผ่อนคลายลง และได้ยินเสียงลมหายใจปกติ
“คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”
มีเสียงเอ่ยถามดังขึ้น เป็นเสียงของหลี่จื้อหง เขาตบบ่าผู้ป่วยเบา ๆ ด้วยความกังวลว่าผู้ป่วยจะเป็นลมจากการฝังเข็มของซูเย่
เพราะอาการปวดหัวไมเกรนนั้นมันทรมานมาก หากซูเย่ฝังเข็มแล้วมีปัญหาขึ้นมา อาการอาจจะแย่ลงได้
ครั้งนี้เขาไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มทดลอง จึงสามารถส่งเสียงพูดได้
ต่อให้ผู้ป่วยได้ยินเสียงของเขา อีกฝ่ายก็ไม่มีทางรู้ว่าตัวเองอยู่กลุ่มฝังเข็มจริงหรือกลุ่มฝังเข็มหลอก
“ฉันรู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย ไม่ค่อยปวดหัวแล้ว”
ผู้ป่วยหญิงที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก “เมื่อกี้ปวดจนแทบทนไม่ไหว รู้สึกอยากอ้วกตลอดเวลา แต่พอฝังเข็มแล้วก็เบาลงเยอะ ตอนนี้ไม่ปวดแล้ว”
ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ดวงตาของหลี่จื้อหงหรี่ลงอย่างใช้ความคิด
นักข่าวที่ติดตามการถ่ายทำในห้องรักษาแววตาพลันเป็นประกายขึ้น
ที่ลานของโรงพยาบาล
หลี่เคอหมิงและคนอื่น ๆ ที่กำลังดูการถ่ายทอดสดทางโทรศัพท์มือถือต่างก็ยิ้มร่าเมื่อเห็นฉากนี้
ชาวเน็ตบางส่วนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
‘ได้ผลเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?’
‘เห็นได้ชัดว่าตอนแรกปวดหัวมาก แต่หลังจากฝังเข็ม ความเจ็บปวดของเธอพลันทุเลาลง แพทย์แผนจีนดีขนาดนี้เลยเหรอ?’
ท่ามกลางความประหลาดใจของชาวเน็ต ผู้ต่อต้านศาสตร์แพทย์แผนจีนปรากฏขึ้นอีกครั้ง
‘เหอะ ก็แค่เป็นผลทางจิตใจเท่านั้นล่ะ คนไข้รู้สึกเจ็บจากการฝังเข็ม เขาเลยคิดว่าเขาได้รับการรักษาแล้ว ผลกระทบทางจิตใจทำให้คนไข้หายปวดหัว แต่ที่จริงมันไม่ได้รักษาเลย’
‘มันเป็นผลของยาหลอก’
‘ถ้ามันมีประโยชน์จริง ๆ คนคงไปต่อแถวที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนยาวเหยียดแล้ว’
‘แม่งเอ้ย! พวกคุณเองทั้งหลายไปนึกคำอื่นนอกจากยาหลอกมาได้ไหม พูดอยู่ได้ยาหลอก หลอกพ่องงง’
ผู้สนับสนุนแพทย์แผนจีนทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงเปิดโหมดปะทะฝีปากกันอีกครั้ง
คอมเมนท์ที่ปรากฏในช่องถ่ายทอดสดคือสงครามน้ำลายของกลุ่มคนที่คิดต่างกัน
ในห้องผู้ป่วย ซูเย่ยังคงทำการรักษาต่อไป โดยระดับความเร็วของเขายังเร็วมากไม่ต่างจากเมื่อวาน
ทุกครั้งที่เข้าไปในห้องผู้ป่วย เขาจะรักษาคนไข้ที่มีอาการรุนแรงก่อน ในห้องที่แต่เดิมมีเสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด จึงเงียบลงอย่างน่าประหลาด
เวลาสองชั่วโมงครึ่งเท่าเมื่อวาน เวลา 4 โมงเย็น คนไข้ทั้ง 50 คนเสร็จสิ้นการฝังเข็ม
ภายใต้ภาพถ่ายทอดสดของนักข่าว ซูเย่กลับไปที่ลานของโรงพยาบาลเอกชน
“รักษาเสร็จแล้วครับ”
ซูเย่กล่าว
“อืม”
หลี่จื้อหงสูดหายใจเข้าลึก และพูดต่อหน้าสื่อมวลชน “พรุ่งนี้ใช้เครื่องจับเท็จและผลการทดลองจะถูกเปิดเผย”