เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 14 การสอบรอบที่หนึ่ง ซูเย่เอาอีกแล้วเหรอ?
บทที่ 14 การสอบรอบที่หนึ่ง ซูเย่เอาอีกแล้วเหรอ?
“แน่จริงก็เจอกันตอนบ่าย!”
หวังจี้เชาเอ่ยด้วยหน้าตาดำคล้ำ แล้วหันกายเดินจากไปไม่สนใจซูเย่อีก
บรรดาคนที่ยืนขึ้นมองซูเย่ด้วยสายตาไม่หวังดี …ประโยคนี้พูดกระทบถึงพวกเขาด้วยนี่น่า!
ทุกคนในกลุ่มของโปรดิวเซอร์พลันหัวเราะ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือความขัดแย้งแบบเป็นธรรมชาติแบบนี้ ในเมื่อนี่คือการแข่งขันแล้วจะสามัคคีกันไปทำไม! ตีกันได้ยิ่งดี!
ทันใดนั้นผู้กำกับจ้าวก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมา
“สืบหาความแค้นระหว่างซูเย่และหวังจี้เฉา แล้วเอามาตีแผ่ในตอนหลังดีไหม”
ทันทีที่ความคิดนี้ออกมา เขาก็ปัดตกไปทันที นี่เป็นรายการที่เบื้องบนจับตาดู จะทำตามรูปแบบวาไรตี้ครั้งก่อนๆ เพื่อดึงดูดคนดูไม่ได้ ต้องสง่าผ่าเผย ถูกต้องตามหลัก
“เห้อ ฉันคงทำได้แค่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ” จ้าวเมี่ยนถอนหายใจ
…
เวลาบ่ายสาม ผู้เข้าแข่งขัน 100 คนจาก 33 มหาวิทยาลัย เดินทางมายังสนามสอบที่จัดโดยทีมงานรายการและผู้จัดการแข่งขันตามที่กำหนด
ห้องสอบเป็นห้องที่มีขนาดกว้างขวาง สามารถจุคนได้หลายร้อยคน
ในตอนที่ผู้เข้าแข่งขันมาถึง ห้องได้ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
ผู้จัดงานได้ส่งอาจารย์คุมสอบมา 10 คน ตากล้องจากรายการอีกสามทีม กล้องขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่กับที่สองสามตัว และกล้องตัวเล็กสำหรับเคลื่อนที่อีกหลายสิบตัว
นอกจากนี้ยังติดกล้องทุกมุมห้องสอบ ผ่านกล้องแต่ละมุมจนสามารถมองเห็นผู้เข้าแข่งขันได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ก็เพื่อตรวจสอบกระบวนการทั้งหมดและป้องกันการโกง
…แม้ว่าผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะเป็นนักศึกษาระดับท็อปในมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกกดดันเมื่อเข้ามาในห้องสอบนี้
“เอาล่ะ เริ่มสอบได้เลย”
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ผู้คุมสอบจึงเริ่มแจกกระดาษข้อสอบออกไป และเพราะมีผู้คุมสอบสิบคนแบ่งกันแจก ข้อสอบจึงถูกส่งไปยังผู้เข้าแข่งขันทุกคนอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อก้มดูกระดาษคำถาม ซูเย่พลันผงะไปครู่หนึ่ง เพราะคำถามที่เขาเป็นคนคิดทั้งห้าคำถาม… ทั้งหมดปรากฏอยู่บนตัวข้อสอบ!!
ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างก็ตะลึงเมื่อเห็นคำถามของพวกเขาเช่นกัน เมื่อตรวจดู พบว่ามาครบทั้ง 5 ข้อ!
“ให้ตายเถอะ ทีมจัดไม่คิดจะทำอะไรเลยรึไง ให้เราคิดคำถามเอง แถมยังบอกว่ายิ่งยากยิ่งดี!”
ทุกคนบ่นในใจ
แต่ละคนตั้งคำถามห้าข้อ ซึ่งบังเอิญรวมกันเป็นคำถามจำนวนห้าร้อย แบ่งเป็นเติมคำ คำถามปรนัย และคำถามข้อใหญ่หน้าสุดท้าย รวมเป็นข้อสอบหนึ่งชุด
ทุกคนรู้ดีว่าระดับความยากข้อข้อสอบชุดนี้ สูงกว่าธรรมดาไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นใช้คำถามของตัวเองมาทดสอบตัวเอง รายการก็ช่างคิดดีจริงๆ!
ซูเย่ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้ต่างจากที่คิดไว้มากเท่าไหร่ ถึงว่าตอนนั้นให้ทุกคนตั้งคำถาม
“ระยะเวลาสอบสองชั่วโมง เริ่มจับเวลา”
อาจารย์ผู้คุมสอบเอ่ยขึ้น
ทุกคนในห้องสอบเริ่มจับปากกาเขียนคำตอบทันที ใน 100 คนเหล่านี้ พวกเขาต่างเป็นหัวกะทิในมหาวิทยาลัย พวกเขาต่างมีความเย่อหยิ่งของตัวเอง หนำซ้ำยังแบกรับชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเอาไว้ ดังนั้นทุกคนจึงตอบคำถามอย่างรวดเร็ว พวกเขาต้องการเป็นคนแรกที่ส่งกระดาษคำตอบ
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตอบคำถามทั้งห้าร้อยข้อ รวมถึงคำถามใหญ่ตอนท้ายภายในสองชั่วโมง
การสอบดำเนินไป และเพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ทันใดนั้นก็มีคนยกมือขึ้น กล้องทั้งหมดของรายการหันไปในทันที ผู้คุมสอบและช่างภาพคนหนึ่งรีบเดินเข้ามา และการเคลื่อนไหวนี้ก็ดึงดูดความสนใจของผู้สมัครคนอื่นๆ ด้วย
พวกเขาจึงพบว่ามีคนยกมือขึ้น ทุกคนต่างจับจ้องไปยังคนที่ยกมือขึ้น น่าแปลกที่เขาคือซูเย่แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง
นี่คือยกมือขอไปห้องน้ำงั้นเหรอ?
เมื่อลวี่อวิ๋นเผิงและลู่จวิ้นเห็นซูเย่ยกมือขึ้น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันจากระยะไกล ไอ้หมอนี่กำลังทำอะไร?
“มีอะไรงั้นเหรอ”
อาจารย์คุมสอบก้าวไปข้างหน้าและถามด้วยความสงสัย
“ส่งข้อสอบครับ”
ซูเย่เอ่ย
แม้เสียงจะไม่ดังมาก แต่ทุกคนที่อยู่โดยรอบได้ยินชัดเจน
พรึ่บ——
สายตาที่เพิ่งหันกลับไปสนใจข้อสอบ พลันหันมารวมที่ซูเย่อีกครั้งในทันที
ส่งกระดาษคำตอบ?
แค่ชั่วโมงเดียวก็จะส่งกระดาษคำตอบแล้ว?
เสร็จแล้วเหรอ? นี่ได้เขียนบ้างหรือเปล่าเนี่ย?
มีแววการเยาะเย้ยเล็กน้อยในดวงตาของผู้ที่เพิ่งถูกซูเย่เอ่ยถากถางในตอนเที่ยง
ส่งกระดาษในหนึ่งชั่วโมง… ดูเหมือนว่าจะทำต่อไม่ได้แล้วสินะ ความสามารถก็คงงั้นๆ แน่!
เป็นไปไม่ได้ที่จะเขียนคำตอบมากมายในหนึ่งชั่วโมง การส่งกระดาษคำตอบในเวลานี้หมายความว่าเขาได้เลือกที่ถอนตัวรึเปล่า
“เธอแน่ใจนะ?”
อาจารย์คุมสอบถามย้ำอย่างตกตะลึง
“แน่ใจครับ”
ซูเย่พยักหน้า
ผู้คุมสอบพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ พลันในใจมีแววเยาะเย้ย อย่างน้อยก็อยู่จนถึงจบจะดีกว่า ส่งเร็วขนาดนี้ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยของเธอไม่ฆ่าเธอตายงั้นเหรอ
เขาหยิบกระดาษคำตอบของซูเย่ขึ้นมาพลิกดู พลันรูม่านตาของเขาหดตัวเล็กน้อย และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ตากล้องเล็งกล้องไปที่กระดาษคำตอบของซูเย่
ผู้สอบคนอื่นๆ สบโอกาสจากเวลานี้เหลือบมองกระดาษของซูเย่จากระยะไกล อดไม่ได้ที่จะตะลึง เพราะกระดาษคำตอบทั้งหมดถูกเขียนอย่างแน่นเอี๊ยด
เขาทำเสร็จแล้วเหรอ? เป็นไปไม่ได้…
ลู่จวิ้นและลวี่อวิ้นเผิงมองตากัน ทำเสร็จแล้วงั้นเหรอ พลันนึกไปถึงซูเย่ตอนทำข้อสอบที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง พวกเขาส่ายหน้าพร้อมกันพลางยิ้มขื่น
“ไอ้หมอนี่เอาอีกแล้ว!”
พวกคนอื่นๆ ไม่รู้หรอกว่าในตอนนั้นมีคำถามเป็นพันข้อและมันน่ากลัวมาแค่ไหนที่จะต้องตอบให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมง ปริมาณและประเภทของคำถามนั้นซับซ้อนกว่าตอนนี้มาก
“เมื่อส่งข้อสอบเสร็จแล้ว ก็สามารถออกไปได้เลย”
อาจารย์ผู้คุมสอบรับกระดาษคำตอบของซูเย่และปิดผนึกไว้
ซูเย่เก็บของและเดินออกไป หวังจี้เชาขมวดคิ้วและมองที่หลังของซูเย่ เขาไม่เชื่อว่าซูเย่จะตอบคำถามได้ถูกต้องและรวดเร็วแบบนี้!
ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่คนอื่นๆ ก็ไม่เชื่อ ต่อให้ส่งเป็นคนแรกแต่เขียนส่งเดช มันก็ไม่มีความหมายอะไร!
ทันทีที่ซูเย่เดินออกจากสนามสอบ โปรดิวเซอร์เกาและตากล้องก็รุดเข้ามาหาเขาทันที
“นักศึกษาซูเย่ ความเร็วในการทำข้อสอบของคุณรวดเร็วมาก เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น คุณคิดว่าการสอบครั้งนี้จะได้คะแนนเท่าไหร่?”
โปรดิวเซอร์เอ่ยถาม
“คะแนนเต็มมั้งครับ”
ซูเย่ตอบยิ้มๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น โปรดิวเซอร์ก็ยิ้ม แล้วถามอีกรอบ
“งั้นคุณคิดว่าระดับความยากของข้อสอบเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่ยากมาก”
ซูเย่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ทุกคนน่าจะได้คะแนนเต็มนะครับ”
“ตามจากข้อมูลเข้าร่วมแข่งขันของคุณ คุณเรียนสาขาสมุนไพรจีน และคุณเป็นตัวแทนจากมหาวิทยาลัยของคุณหลังจากเรียนแพทย์แผนจีนเพียงครึ่งปี นี่หมายความว่านักเรียนแพทย์แผนจีนที่มหาวิทยาลัยของคุณไม่มีความสามารถงั้นเหรอ”
โปรดิวเซอร์ถามด้วยสีหน้าที่ไม่กลัวว่าจะมีปัญหา
“รอดูเถอะครับ”
ซูเย่ยิ้มพลางเอ่ยตอบ แล้วเสริมขึ้นมา “มีความสามารถหรือไม่ ใช้ผลลัพธ์มาพูดกัน ยังไงซะผมก็คือคนแรกที่ตอบคำถามเสร็จ”
เมื่อพูดจบก็ก้าวเท้าเดินจากไป
……
“จัดการเรื่องสปอนเซอร์เสร็จหรือยัง?”
ในห้องควบคุมนอกสนามสอบ ผู้กำกับจ้าวเหมียนถามนายอ้วนที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ยังเลยครับ”
นายอ้วนถอนหายใจ แล้วพูดอย่างเบื่อหน่าย “แม้ว่าพวกเขาจะเข้าหาเพราะชื่อเสียงของคุณ แต่เนื่องจากรายการแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน พวกนักลงทุนเองไม่แน่ใจว่ารายการนี้ของเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ดังนั้นตอนนี้เลยยังไม่มีข้อสรุป แต่มีใบเสนอราคามา ทว่าพวกเขาให้ราคาต่ำมาก และไม่ดีเท่ารายการวาไรตี้ทั่วไป”
“ราคาต่ำไปก็ไม่ต้องรับหรอกนะ นายเป็นหัวหน้าฝ่ายธุรการให้รายการของเรา เรื่องนี้นายจัดการไม่ได้หรือไง?” จ้าวเหมียนกล่าว
“แล้วจะให้ทำไงละครับ”
นายอ้วนยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าว “หัวหน้าฝ่ายธุรการอย่างผมก็มีเรื่องต้องจัดการเยอะแยะมากมาย งานเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดของรายการล้วนเป็นหน้าที่ของผม นอกจากนี้ การเจรจากับนักลงทุนไม่ใช่จุดแข็งของผมเลย จุดแข็งของผมคือการประชาสัมพันธ์นะครับ”
“นักลงทุนคิดว่ามูลค่าทางการตลาดของรายการนี้ไม่เพียงพอ เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนายที่จะใช้จุดแข็งของตัวนายไม่ใช่หรือ”
จ้าวเหมียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณหมายถึง?”
นายอ้วนฉงนใจ
“ใช่แล้ว”
จ้าวเหมียนพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเขาไม่ได้อยากเห็นกระแสเหรอ? ก่อนรายการจะออกอากาศ เราต้องเพิ่มความนิยมของรายการให้สูงขึ้น นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวชัดๆ”
“ปีหน้าก็จะออกอากาศตอนแรกแล้ว และเรามีเวลาเพียงครึ่งเดือนนะครับ”
“ไม่จำเป็นต้องเป็นกระแสจริงๆ ก็ได้ ขอแค่เพียงให้นักลงทุนเห็นถึงกระแส พวกเขาก็เต็มใจที่จะลงทุนเอง!”
“อย่างเช่น การซื้อการค้นหายอดนิยม”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว จ้าวเหมียนก็กล่าวต่อไปอีก
“แล้วก็กองทัพไอโอ”
นายอ้วนเข้าใจในไม่กี่วินาที เขายิ้มและกล่าวทันที “นี่คือเรื่องถนัดของผม ผมจะโทรไปดำเนินการทันที”
จากนั้นเขาก็เดินออกไปและเริ่มโทรไปจัดการ สักพักก็กลับมาพร้อมรอยยิ้ม
“เรียบร้อยครับ เราไม่ต้องทำอะไรเลย ผมแอบถ่ายรูปสองรูปแล้วส่งไปให้พวกเขา เราแค่นั่งรอให้กระแสมาก็พอ”
ขณะพูด ทั้งสองหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกันและเปิดเวยป๋อเพื่อรีเฟรช เป็นไปตามคาด ผ่านไปซักพักก็เห็นหัวข้อ ‘รายการวาไรตี้แพทย์แผนจีนสุดลึกลับรายการใหม่ของผู้กำกับจ้าวเหมียน’ ในรายการค้นหาหัวข้อยอดนิยม
เมื่อคลิกเข้าไปดู ทั้งสองก็พบว่าข้อความและความคิดเห็นทั้งหมดในหัวข้อนั้นเป็นไปในทางที่ดี
“ผมตั้งตารอเลย!”
“ในที่สุด ผู้กำกับจ้าวเหมียนก็ได้เปิดตัวรายการวาไรตี้ใหม่ ครั้งนี้จะต้องฮิตแน่นอน! รอชมเลยครับ!”
“ฉันตั้งตารองานใหม่ของผู้กำกับจ้าวเหมียน เขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับชั้นนำของช่อง China TV! ตั้งตารอ!”
“ทั้งหมดนี้คือกองทัพไอโอสินะ”
นายอ้วนพูดด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเหมียนพยักหน้า รออีกครึ่งชั่วโมงเขาก็รีเฟรชหน้าดูอีกครั้ง
ความนิยมไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้า แต่หลายคนที่เห็นการค้นหายอดนิยมก็ได้เข้ามาดู และโพสต์ความคิดเห็นที่แท้จริงของตัวเอง แต่ความคิดเห็นเหล่านั้นทำให้ใบหน้าของจ้าวเหมียนเป็นสีดำคล้ำเมื่อได้อ่าน
“วาไรตี้แพทย์แผนจีน? เรียกว่าวาไรตี้ได้จริงเหรอ เป็นวาไรตี้แน่เหรอ ต่อให้ทำออกมาจริงก็ไม่มีใครดูเข้าใจหรอกมั้ง”
“ทำอะไรดีๆ ก็ไม่ทำ ไปทำเรื่องที่มันไม่สมจริงซะงั้น!”
“นี่คือรายการวาไรตี้สำหรับผู้สูงอายุ? เป็นรายการที่ผู้สูงอายุชอบดูแน่นอน! เป็นรายการที่ China TV ชอบทำ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้เลย”
“ฮ่าฮ่า รายการแบบนี้คุณปู่ของฉันยังไม่ดูเลย!”
“คิดว่าดูไม่ออกว่าซื้อการค้นหายอดนิยมงั้นเหรอ!”
คำพูดเยาะเย้ยประเดประดังเข้ามา ใบหน้าของจ้าวเหมียนกระตุกเบาๆ และเขาก็รีบพูดกับนายอ้วน “เร็วเข้า ให้คนเอา การค้นหายอดนิยมออก ถ้ายังคงเป็นแบบนี้ อย่าพูดถึงกระแสเลย สปอนเซอร์ก็คงหายเงียบ”
เมื่อนายอ้วนเห็นก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาคิดไม่ถึงว่านอกจากจะเรียกกระแสไม่ได้ ยังเรียกคนมาเยาะเย้ยอีก เขาจึงโทรไปถอนการค้นหายอดนิยมออกทันที
“ซื้อการค้นหายอดนิยมก็ไม่ได้ แล้วจะให้ทำยังไง?”
นายอ้วนยิ้มขื่น
จ้าวเหมียนหัวคิ้วขมวดมุ่น ใบหน้าบิดเบี้ยว
ในตอนนี้เอง
“ติ๊ดติ๊ดติ๊ด…”
เสียงโทรศัพท์ขึ้นขึ้น จ้าวเหมียนควักโทรศัพท์ออกมาดู เป็นหัวหน้าที่สถานีโทรทัศน์โทรมาจึงรีบรับสายด้วยความรวดเร็ว
“จ้าวเหมียน ฉันมีเรื่องจะบอกนาย”
ที่ปลายสาย มีเสียงของหัวหน้าดังมา “รายการชุมนุมวิชาการมีโปรแกรมพิเศษช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ อยากให้คนจากทุกสาขาอาชีพมาเข้าร่วม ฉันได้ยินมาว่านายกำลังวางแผนรายการแพทย์แผนจีน ฉันเลยนึงถึงนาย”
“ครับ?” จ้าวเหมียนฉงนใจ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา
“คืออย่างนี้นะ”
หัวหน้ากล่าวต่อไป “นายเลือกคนที่เก่งภาษาจีนจากผู้เข้าแข่งขันในรายการของนาย แล้วให้คนคนนั้นร่วมมือเพื่อโปรโมทรายการแข่งขันแพทย์แผนจีนของนายไปในตัว อีกอย่างหนึ่ง… เรื่องความนิยมของรายการ อย่าให้กระแสเงียบจนไม่มีใครรู้ว่ามันออกอากาศละ ไม่งั้นเราจะอธิบายต่อเบื้องบนยังไง”
“ได้ครับหัวหน้า ผมจะจัดการให้แน่นอนครับ”
จ้าวเหมียนแสร้งทำเป็นกระตือรือร้น แต่หลังจากวางสายไป ความกระตือรือร้นบนใบหน้าของเขาพลันสลายไป
‘รายการชุมนุมวิชาการ’ เป็นรายการเกี่ยวกับบทกวี แต่เดิมก็เป็นรายการที่จืดชืดอยู่แล้ว จะมาเกาะกระแสงั้นเหรอ?
กระแสรายการของเขาในตอนนี้ไม่สูงมาก ยังจะมาเกาะอะไรอีก แต่ช่างเถอะ ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
เช้าวันต่อมา ทุกคนได้รับแจ้งเตือน ให้ไปสนามสอบเพื่อฟังผลคะแนน
ผลออกมาเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? ทุกคนต่างคิดเหมือนกัน
100 คนคัดเหลือ 50 ในพวกเขาจะถูกคัดออกไป 50 คน…
นอกจากซูเย่ นักศึกษามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางผู้ส่งข้อสอบเป็นคนแรกก็อาจจะอยู่ในรายชื่อผู้คัดออก นอกนั้นอีก 49 คน คงไม่มีพวกเขาหรอกนะ ในใจของทุกคนต่างเต้นตึกตักขณะมุ่งไปยังสนามสอบเมื่อวาน
เมื่อมาถึงทุกคนต่างนั่งลง รอฟังผลสอบ