เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 37 ซูเย่ทำได้ยังไง?
บทที่ 37 ซูเย่ทำได้ยังไง?
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
“สิบนาทีก็เสร็จแล้ว?”
“แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยจะน้อยกว่าการสอบก่อนหน้านี้ แต่ความยากของครั้งนี้สูงกว่าการสอบครั้งก่อนหน้านี้มาก หวังจี้เชาสามารถสอบให้เสร็จได้ในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้นเหรอ?”
“ความเร็วของเขาเร็วกว่าเดิมมาก เขาจะแซงซูเย่ได้หรือเปล่า?”
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังแตกตื่น ก็มีคนบางส่วนแอบเอียงศีรษะหันไปเหลือบมองที่ซูเย่ และพบว่าเขากำลังยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่าหวังจี้เชาจะใช้สมองแล้ว”
“ปกติคงจะไม่เร็วขนาดนั้นหรอก”
ต่อให้หวังจี้เชาจะสามารถใช้สมองของเขาเพื่อหาวิธีรับมือในการสอบแล้วยังไง? คนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกันไม่ใช้เหรอ!
แน่นอนว่าใช่!! เมื่อทุกคนเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของซูเย่ พวกเขาก็นึกถึงวิธีที่ซูเย่ใช้ก่อนหน้านี้ทันที ดวงตาของทุกคนพลันเป็นประกาย เพราะวิธีนั้นสามารถนำมาใช้ในการสอบครั้งนี้ได้!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ผู้เข้าแข่งขันพลันยิ้มอย่างสุขใจ …ถ้ามีวิธีนี้ เวลาที่จำกัดก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!!!
การสอบดำเนินต่อไป คนที่สองเดินเข้าห้องสอบ แม้ว่าจะคิดวิธีจัดการกับสอบครั้งนี้ได้แล้ว แต่ผู้เข้าแข่งขันคนที่สองก็ยังคงใช้เวลา 30 นาทีเต็ม สิ่งนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่รอสอบรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ทำให้ทุกคนคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ไม่สิ ไม่ว่าจะโง่แค่ไหน แต่ก็ต้องนึกถึงวิธีที่ซูเย่ใช่ก่อนหน้านี้ได้สิ ในเมื่อคิดได้ แล้วเขาทำอะไรในนั้นตั้ง 30 นาที?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่ใช่สิ! เขาอาจจะคิดดีแล้วก็ได้ บางที… เขาจงใจสละเวลาเพื่อให้คำตอบมีความถูกต้องมากที่สุด! เพราะเวลาไม่สำคัญเท่าไหร่ ตราบใดที่คำตอบถูกต้อง คะแนนก็จะสูงเอง เขาจะต้องคิดอย่างนี้แน่นอน!”
ทุกคนกำลังใช้สมองคิดคาดเดากลยุทธ์ของผู้เข้าแข่งขันคนที่สองทันที! ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ได้เข้าไปก่อนหน้านี้ เพราะพวกเขาจะต้องรีบร้อนทำการสอบให้ได้สถิติเวลาที่รวดเร็วแน่นอน
แต่ในกรณีนี้ ต้องมีความแม่นยำในคำตอบเป็นหลัก ถ้าขาดความแม่นยำ ต่อให้เร็วแค่ไหนก็ไม่คุ้ม!
ผู้เข้าแข่งขันคนที่สามก็ยังใช้เวลาสามสิบนาทีเต็มเช่นกัน
คนอื่นๆ ที่อยู่ลำดับหลัง ๆ ใช้เวลาสอบที่มีให้คุ้มค่าที่สุดอย่างใจเย็นเพื่อหาคำตอบมีความถูกต้องมากที่สุด แม้แต่นักศึกษาอีกสามคนของมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูก็ใช้เวลาจนเกือบหมด
ผู้เข้าแข่งขันสองคนจากมหาวิทยาลัยเดียวกับซูเย่ก็ใช้กลยุทธ์เดียวกัน
ลู่จวิ้นใช้เวลา 29 นาที ลวี่อวิ๋นเผิงใช้เวลา 28 นาที
ทั้งคู่ออกมาหลังจากที่ตรวจสอบเสร็จแล้วและมั่นใจว่าไม่มีปัญหา
เห็นทุกคนเป็นแบบนี้ ซูเย่พลันยิ้มออกมา
เพราะว่าชายหนุ่มได้สอบเป็นคนสุดท้าย ดังนั้นแม้จะเป็นเวลาอาหารกลางวัน แต่เขาก็ทำได้เพียงกินข้าวกล่องที่ทีมงานจัดหามาให้
เมื่อถึงคิวของซูเย่ ก็เป็นเวลาบ่ายสี่โมงแล้ว
ในตอนนี้พื้นที่รอสอบว่างเปล่า เพราะผู้เข้าแข่งขันทุกคนได้ไปยังห้องรับรองหมดแล้ว
ตั้งแต่วินาทีที่ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 19 เดินเข้าไปในห้องรับรอง ทุกคนก็หันความสนใจไปที่จอแสดงเวลานับถอยหลังทันที
ถึงคิวของซูเย่แล้ว!
ทุกคนต่างรอคอยว่าซูเย่จะทำอย่างไร
พวกเขาได้ถามไปมาแล้ว ครั้งนี้หวังจี้เชาใช้วิธีเดียวกับซูเย่ก่อนหน้านี้
ภายใต้วิธีการเดียวกันนี้ ซูเย่จะใช้เวลาเท่ากับหวังจี้เชา หรือว่าเขาจะกดหวังจี้เชาเอาไว้ได้เช่นเดิม?
แต่ทุกคนต่างรู้สึกว่ามันยากสำหรับซูเย่ที่จะทำลายสถิติเวลาของหวังจี้เชา
เพราะสถิติเวลาของหวังจี้เชานั้นเร็วเกินไป เขาใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น
หรือซูเย่จะเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่น?
หวังจี้เชาที่นั่งอยู่ในห้องรับรอง มีสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
เขาเชื่อว่าตนเองไม่ด้อยไปกว่าซูเย่ในด้านความสามารถเกี่ยวกับแพทย์แผนจีน เขาเพียงไม่ได้เฉลียวใจในการประเมินครั้งก่อน แต่ครั้งนี้เขาใช้สมองเพื่อคิดหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะผ่านการทดสอบ และความเร็วที่เขาใช้ครั้งนี้ก็ถือว่าเร็วมากแล้ว พูดได้ว่าคือขีดจำกับของคนรุ่นเดียวกัน! ดังนั้นไม่ว่ายังไงซูเย่ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้แน่นอน
เวลานี้ ซูเย่เดินไปหน้าห้องสอบ รับใบสั่งยาที่ทีมงานยื่นมา
เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว ซูเย่ก็พยักหน้าเบาๆ และก้าวเท้าเข้าไปในห้องสอบ
ไม่ต้องสงสัยเลย ซูเย่ไม่ได้ใช้วิธีอื่น เขายังคงใช้วิธีการเหมือนเดิม เข้าห้องสอบไปแล้วคัดกรอกผู้ป่วยโดยใช้สายตาไล่ดูใบหน้าของผู้ป่วยที่ละคน
หลังจากนั้นซูเย่ก็ตัดผู้ป่วย 35 คนออกไป แล้วตรวจลิ้นผู้ป่วยที่เหลือ 15 คน แล้วตัดออก 13 คน
สุดท้ายเหลือเพียง 2 คน ซูเย่จึงตรวจชีพจรเพื่อยืนยันคำตอบ แตกต่างจากหวังจี้เชาที่ซักประวัติด้วย
ซูเย่ไม่ได้ซักประวัติผู้ป่วย แต่หลังจากจับชีพจรแล้ว เขาก็เลือกผู้ป่วยได้ทันที
……
“เจ้าหมอนี่เอาอีกแล้ว”
จ้าวเหมียนที่ดูการสอบของซูเย่ผ่านจอมอนิเตอร์พูดด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ไม่มีทางเปรียบเทียบซูเย่และหวังจี้เชาได้โดยตรง คราวนี้ในที่สุดฉันก็ได้เนื้อหาที่สามารถเอาไปเปรียบเทียบสองคนนั้นได้แล้ว!”
จ้าวเหมียนรู้ดีว่าหลังจากออกอากาศไปไม่กี่ตอนแรก ความเกลียดชังของหวังจี้เฉาที่มีต่อซูเย่ได้กลายเป็นประเด็นที่ผู้ชมจำนวนมากติดตาม
ที่เหนือความคาดหมายที่สุดคือ มีแฟนคลับที่จิ้นสองคนนั้น!
พวกเขาช่างมีจินตนาการล้ำเลิศจริงๆ…
ช่างเรื่องนี้เถอะ… ตราบใดที่คุณเน้นประเด็นนี้และทำการเปรียบเทียบระหว่างสองคนนั้น ก็จะทำให้เกิดประเด็นขึ้นมา และความนิยมของรายการก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก
……
ในห้องรับรอง ใช้เวลา 7 นาที?!
ทุกคนที่กำลังจ้องมองเวลาที่นับถอยหลังบนหน้าจอหยุดลง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและยากที่จะทำใจเชื่อ
หวังชี้เชายืนขึ้นด้วยความตกใจทันทีและจ้องเขม็งไปที่หน้าจอ
“เป็นไปไม่ได้!”
หวังจี้เชาไม่อาจทำใจยอมรับผลลัพธ์นี้ได้!
“เขาทำได้ยังไง?”
“ไม่มีทางที่จะใช้เวลาเพียง 7 นาที”
“มีผู้ป่วยห้าสิบคน สิบนาทีก็เกินขีดจำกัดแล้ว เขาจะสอบเสร็จภายในเวลาเพียงเจ็ดนาทีได้ยังไง!!”
ในครั้งนี้ทุกคนตกใจมากกับสถิติเวลาของซูเย่
แม้ว่าจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้!
ดังนั้นพวกเขาจึงยิ่งไม่เชื่อว่าซูเย่จะสามารถทำได้!
“7 นาที???”
“ซูเย่สอบเสร็จแล้ว?”
“เป็นไปได้ยังไง เขาทำได้ยัง?? สอบเสร็จภายในเวลาเพียง 7 นาทีเท่านั้น”
“หรือว่าเขามีวิธีใหม่อีกแล้วเหรอ มันเป็นไปไม่ได้”
ทุกคนตกใจกับผลลัพธ์นี้
เวลามันเร็วเกินไป
“บ้าไปแล้ว ฉันกำลังจะเป็นบ้าแล้ว จะมีคนสอบเสร็จภายในเวลาเพียง 7 นาทีได้ยังไงกัน เดี๋ยวก่อนนะ ซูเย่ใช้สองมือจับชีพจรอีกครั้งงั้นเหรอ?!”
ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งถอนหายใจ แต่ทุกคนก็ผงะไป ตรวจชีพจรด้วยมือทั้งสองข้าง?
ทุกคนคิดว่ามันเป็นไปได้จริงๆ แล้วจึงหันไปมองที่หวังจี้เชา
ส่วนทางด้านของหวังจี้เชาก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่หลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ส่ายหัว
หลังจากคัดกรองผู้ป่วยและตรวจลิ้น ก็เหลือผู้ป่วย 10 คน ตรวจชีพจรด้วยมือทั้งสองข้างภายใน 3 นาทีไม่ได้แน่!
ยิ่งไปกว่านั้นชีพจรของผู้ป่วยคราวนี้กับของหญิงมีครรภ์ต่างกับเป็นอย่างมาก
สภาวะชีพจรที่จำเป็นต้องใช้ยาสมุนไพรถึง 50 ชนิดนั้นมีความซับซ้อนมาก และถ้าจับชีพจรพร้อมกันทั้งสองข้าง
ก็จะมีโอกาสอย่างมากที่มือทั้งสองข้างจะรบกวนกัน และความคิดในหัวจะตีกันไปมา
คนอื่นเองก็คำนึงถึงจุดนี้ ความสงสัยในใจพวกเขายิ่งทวีคูณ ซูเย่ทำยังไงกันแน่?
“หมอนี่เอาอีกแล้ว…”
ลู่จวิ้นยิ้มอย่างขมขื่น
ลวี่อวิ๋นเผิงเองก็ส่งสายตาไปหาลู่จวิ้นที่นั่งอยู่ข้างๆ และยิ้มขื่นเช่นกัน
เขาสองคนก็มาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีน แต่พวกเขากลับรู้สึกเหมือนว่าตัวเองมาทำหน้าที่เป็นตัวประกอบให้ซูเย่
ไม่สิ! ไม่ใช่แค่เขาสองคน… แต่ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างเป็นตัวประกอบให้กับซูเย่!!!
ส่วนตัวประกอบหลักคือ หวังจี้เชา… !!!
……
ในเวลาไม่นาน ทีมงานก็แจ้งให้ทุกคนไปรวมตัวกัน
ทุกคนเดินออกจากห้องรับรองมารวมกันที่หน้าสนามสอบ
เมื่อเห็นซูเย่ที่มีใบหน้าผ่อนคลาย สายตาทุกคู่ที่มองไปยังเขาจึงราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด
ทุกคนต่างอยากถามว่าซูเย่ทำได้อย่างไร แต่เสียงของพิธีกรดังขึ้นมาก่อน
“ก่อนอื่นผมขอประกาศให้ทุกคนทราบก่อน”
“การสอบยังไม่สิ้นสุดลง อันดับต่อไปเรายังคงดำเนินการสอบต่อ”
คำพูดของพิธีกรดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้อง
ยังมีอีกงั้นเหรอ?
ครั้งนี้ทำไมถึงได้บอกตรงๆ แบบนี้เลยละ?
“ไม่ได้สอบวันพรุ่งนี้นะครับ แต่สอบวันนี้ต่อเลย”
พิธีกรยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยพูดต่อ “อันดับต่อไป ผมจะประกาศกฎการสอบ”
“การสอบครั้งนี้มีผู้ป่วยอาสาสมัครทั้งหมด 100 คน และผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะได้แบ่งผู้ป่วยไป 5 คนอย่างเท่าเทียมกันโดยวิธีการจับฉลาก หลังจากได้หมายเลขของผู้ป่วย 5 คนแล้ว ผู้เข้าแข่งขันจะต้องคิดแผนการรักษาภายในเวลาที่กำหนด 30 นาที ยิ่งมีแผนการรักษามากเท่าไหร่ยิ่งดี”
พิธีกรพูดอธิบายอย่างกระชับ
“ยิ่งเยอะยิ่งดี?”
ทุกคนต่างตกตะลึง
“ใช่แล้วครับ”
พิธีกรพยักหน้าทันทีและอธิบายต่อ “แน่นอนว่า คะแนนสอบจะตัดสินตามระดับความแม่นยำด้วย เพราะในหลายกรณี ไม่ใช่ว่ามีหลายวิธีรักษาแล้วดีเสมอไป ตัวอย่างเช่น หากคุณมีแผนการรักษาที่สมบูรณ์แบบ คุณก็จะได้คะแนนสูง แต่หากคุณให้แผนการรักษาบางอย่างที่มีความแม่นยำไม่เพียงพอ คะแนนของคุณจะลดลง”
“กล่าวอีกนัยหนึ่งคือต้องมีวิธีการรักษาที่มีความแม่นยำมาก แล้วถึงคอยหาทางเลือกอื่นในการรักษาเพิ่ม ต้องทั้งถูกต้องและหลากหลาย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของพิธีกร ทุกคนก็พยักหน้าทันที นี่เป็นวิธีที่พวกเขาคิดเอาไว้เช่นกัน
และจะมีเฉพาะผู้ที่มีความสามารถด้านแพทย์แผนจีนที่แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะมีความมั่นใจและสามารถคิดแผนการรักษาทางเลือกออกมาได้หลากหลาย
หวังจี้เชามองไปทางซูเย่ ครั้งนี้เขาต้องไม่แพ้อีกเด็ดขาด! ครั้งนี้คือการสอบความสามารถจริงๆ ไม่มีทางเล่นตุกติกอะไรได้อีก!!!
“ต่อไป เริ่มจับฉลาก”
เมื่อพิธีกรประกาศ ทีมงานคนหนึ่งก็เดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับกล่องหนึ่งใบ
เป็นหมายเลขของผู้ป่วยอาสา 1-100
ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 20 คนหยิบใบหมายเลขคนละ 5 ใบ
ในเวลาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย จากนั้นทีมงานก็นำทุกคนเดินไปอีกด้านหนึ่งของอาคาร
และที่ด้านนี้ก็มีห้องตรวจเล็กๆ อยู่ 20 ห้องด้วยกัน
ผู้ป่วย 100 ราย ถูกแบ่งออกเป็น 20 กลุ่มตามการจับสลากก่อนหน้านี้แล้ว และทีมงานได้จัดให้พวกเขาเข้าไปรอผู้เข้าแข่งขันในห้องเป็นที่เรียบร้อย
“ผู้เข้าร่วมโปรดเตรียมตัว”
หลังจากทุกอย่างเตรียมการพร้อมแล้ว พิธีกรก็เชิญผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดไปที่ทางเข้าห้องตรวจของตัวเอง
“เริ่มจับเวลา!”
ทันทีที่เสียงให้คำสั่งของพิธีกรสิ้นสุดลง ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 20 คนก็ก้าวเท้าเข้าไปยังห้องตรวจของตนเองพร้อมกัน
ทันทีที่ซูเย่เดินเข้าไปในห้องตรวจของเขา เขาก็เห็นว่าผู้ป่วยห้ารายได้นั่งรออยู่ที่โต๊ะตรวจแล้ว
อันดับแรก เขาเหลือบมองคนทั้งห้าคนเพื่อสังเกตอาการที่แสดงออกบนใบหน้า หลังจากนั้น ซูเย่ก็นั่งลงที่โต๊ะตรวจทันทีและเริ่มวินิจฉัยอาการผู้ป่วยรายแรก
เมื่อการวินิจฉัยสิ้นสุดลง ซูเย่เขียนวิธีการรักษาโรคไว้บนโต๊ะ จากนั้นจึงหันไปหาผู้ป่วยรายต่อไปทันที
หลังจากที่ผู้ป่วยทั้งห้าคนได้รับการวินิจฉัยและแผนการรักษาแล้ว ซูเย่กลับไปที่โต๊ะตรวจแรกตัวและเริ่มเขียนแผนการรักษาทางเลือกที่หลากหลาย
ตำรับยาแผนจีนต่างๆ การฝังเข็ม การแช่สมุนไพร การรมยา และอื่นๆ ซูเย่เขียนแผนการรักษาทางเลือกทั้งหมดที่เขาพอจะคิดออกลงไป